ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูล(ไม่)ทั่วไปในนิทานพื้นบ้าน-วรรณคดี

    ลำดับตอนที่ #69 : ฎีการามเกียรติ์ ตอน คดีชิวหายึดกรุงลงกา?!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 56
      2
      8 ม.ค. 65

    จาก ฎีการามเกียรติ์ ตอน คดีชิวหายึดกรุงลงกา?!

     

     

     

     

     

    ชิวหา เป็นบุตรชายของมารีศกับนางเจษฎา และยังเป็นสามีของนางสำมนักขา จึงมีศักดิ์เป็นน้องเขยทศกัณฐ์กษัตริย์กรุงลงกา

    ตามท้องเรื่องระบุว่า ครั้งหนึ่งทศกัณฐ์ใคร่จะพานางมณโฑและเหล่านางสนมน้อยใหญ่ออกจากกรุงลงกาไปเที่ยวป่าซัก ๗ วัน จึงได้ฝากฝังให้ชิวหาผู้เป็นน้องเขยช่วยอยู่รักษากรุงลงกาแทน

    เมื่อขบวนเสด็จของทศกัณฐ์จากไปแล้ว ชิวหารับหน้าที่ดูแลกรุงลงกาอย่างดีโดยไม่ยอมหลับนอนมาตลอดจนถึงวันที่๗ ชิวหาก็เริ่มเพลีย แต่ด้วยยังเกรงว่าจะมีข้าศึกบุกมาในช่วงใกล้หัวค่ำก่อนอาทิตย์ตก ชิวหาจึงขยายร่างแล้วแลบลิ้นขยายออกคลุมกรุงลงกาไว้จนมิดจากนั้นจึงหลับไป เหล่าทหารยามภายในลงกาเองก็เลิกตรวจตรา ต่างพากันหลับใหลอย่างสนิทอยู่ภายในเมือง

    ครั้นเวลาเที่ยงคืน (สองยาม) ของวันที่๗ ขบวนเสด็จของทศกัณฐ์กลับมาถึงกรุงลงกา แต่เห็นกรุงลงกาถูกห่อไว้ด้วยลิ้นจนมืดมิดไปหมดจนไม่สามารถมองเห็นบ้านเมืองได้ ก็ชักไม่แน่ใจคิดว่าศัตรูอาจบุกมาสังหารชิวหาตายไปแล้วสำแดงฤทธิ์ปิดกรุงลงกาไว้ก็เป็นได้ จึงบัญชาให้เหล่าเสนาเข้าไปตรวจดูเหตุการณ์ค้นหาตัวชิวหาและบรรดาทหารเฝ้ายามทันที

    เหล่าเสนายักษ์จึงเข้าไปภายในนครลงกาอันมืดมิดพร้อมตะโกนเรียกขานด้วยเสียงดังกึกก้องปานแผ่นดินไหวไปทั่วแต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากผู้ใด เพราะยังหลับกันไม่รู้เรื่อง

    เมื่อทศกัณฐ์ทราบว่าไม่มีการตอบกลับ ก็โกรธกริ้ว จึงขว้างจักรสุรกานต์ใส่สิ่งที่ห่อหุ้มนครลงกาจนมืดมิดนั้น ทำให้ลิ้นชิวหาขาดกระเด็นทำให้ชิวหาสิ้นชีพในทันที!

    เมื่อลิ้นของชิวหาถูกตัดกระเด็นไป แสงสว่างได้กลับคืนสู่นครลงกาอีกครั้ง เมื่อเหล่าทหารยามและชาวประชาชายหญิงจึงมองเห็นร่างชิวหานอนสิ้นชีพ ก็พากันตื่นตกใจวิ่งวุ่นกันทั้งนครเพราะคิดว่ามีข้าศึกบุกมา

    ฝ่ายทศกัณฐ์ เมื่อได้เห็นนครของตนเปิดรับแสงอีกครั้งและได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ในนครก็ดีใจ สั่งให้เหล่าเสนาทหารช่วยกันทลายประตูเมืองซึ่งเป็นประตูเหล็กทันที ทำให้เหล่าชาวเมืองพากันตื่นตกใจเพราะคิดว่าศัตรูกำลังจะพังประตูเมืองบุกเข้ามาในนครลงกา

    เมื่อขบวนรถทรงของทศกัณฐ์เคลื่อนเข้าเมืองมาถึงหน้าพระลาน ทศกัณฐ์จึงเห็นร่างชิวหาถูกจักรสุรกานต์ตัดลิ้นขาดนอนสิ้นใจอยู่ก็ตกใจแต่ไม่ได้พูดอะไร รีบพานางมณโฑกลับเข้าปราสาททันที ส่วนนางสำมนักขา เมื่อเห็นสามีตายก็ร้องไห้เสียอกเสียใจแล้วเข้าไปต่อว่าทศกัณฐ์ทันที

    ทศกัณฐ์เองจึงบอกนางสำมนักขาว่า พี่นั้นก็เสียใจ แต่เพราะเหตุการณ์ตอนนั้นมันมืดมากและไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ชิวหาคิดปกป้องเมืองโดยเอาลิ้นปิดไว้แบบนี้ พี่เองก็ไม่ทราบเรื่องเลยคิดว่าศัตรูมันมายึดเมืองไว้ พอสั่งให้ไพร่พลเข้ามาเรียกก็ไม่มีใครแสดงตัวขานตอบอีก ตนเลยนึกว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตนครลงกาถูดยึดเบ็ดเสร็จไปหมดแล้ว จึงขว้างจักรสุรกานต์มาด้วยคิดสังหารศัตรูโดยไม่รู้ว่าคนที่ปิดนครไว้คือชิวหา ชิวหาจึงสิ้นชีพเพราะมือพี่ลั่นไปเอง

    เมื่อทศกัณฐ์ปลอบนางสำมนักขาคลายความเศร้าลงแล้ว จึงบัญชาให้จัดพิธีศพของชิวหาอย่างสมเกียรติที่สุดเท่าที่จะทำได้

    แต่จากการวิเคราะห์เนื้อหาในช่วงนี้ก็ได้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมชิวหาต้องใช้"ลิ้น"ครอบคลุมกรุงลงกาไว้ให้มิด?

    หลังจากพิจรณาเนื้อหาอยู่นาน จึงตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า การกระทำของชิวหาคือการกบฏยึดอำนาจทศกัณฐ์! และทำสำเร็จหลังจากเฝ้ากรุงลงกาได้ ๗ วัน

    เดิมที ชิวหาไม่น่าจะเป็น ยักษ์ที่มีความสามารถมากนัก แต่ด้วยอาศัยทักษะการประจบสอพลอที่ตนเชี่ยวชาญอยู่ตามชื่อ จึงสามารถไต่ระดับขึ้นมาเป็นน้องเขยพญาทศกัณฐ์ได้ และด้วยว่าชิวหามีความสามารถไม่ถึงแต่ทะเยอทะยาน แผนการยึดกรุงลงกาของชิวหาจึงเป็นการสร้างและกระจายข่าวลือปิดหูปิดตาครอบประชาชนไว้ทั้งนครเพื่อยึดอำนาจ เหล่าประชาชนชาวลงกาจึงอยู่ในสภาวะหลับใหลลึกจนปลุกไม่ตื่นดุจถูกสะกดไว้จนหมด

    การตรวจตรากรุงลงกาอย่างแข็งขันไม่ยอมหลับนอนของชิวหานั้น ในเชิงลึกแล้วน่าจะเป็นความพยายามในการสร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่า ชิวหาสามารถรักษาการณ์อย่างขยันขันแข็ง และหลังจากสร้างอยู่ ๖ วันเต็มจนประชาชนและบรรดาทหารก็ต่างวางใจ ชิวหาจึงจัดการนอนแลบลิ้นปิดกรุงลงกาจนมิด ทำให้กองทัพพากันละทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกตนจนเกลี้ยงนคร นับได้ว่าความสามารถในการสร้างภาพและการใช้คารมในการบริหารจัดการของชิวหานั้นไม่เป็นรองใคร เพราะหลังจากเข้ามาควบคุมกองทัพได้เพียง ๗ วัน กองทัพก็หมดสภาพไปทั้งเมือง

    แต่เรื่องความทะเยอทะยานของชิวหานี้ ทศกัณฐ์เองก็น่าจะระแคะระคายอยู่เช่นกัน ดังนั้นการเที่ยวป่าแล้วฝากฝังเมืองให้ชิวหาดูแลจึงน่าจะเป็นการแสร้งจัดฉากขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วการเที่ยวป่าของทศกัณฐ์ในครั้งนี้ คือการออกไปแอบส่องพฤติกรรมของชิวหาจากภายนอก

    เป็นการซ้อนแผนในทางลับที่มีคนสนิทของทศกัณฐ์อยู่ไม่กี่นายร่วมแผนการด้วย ขบวนเสด็จของทศกัณฐ์จึงออกจากนครพร้อมเหล่าเสนาคนสนิท เพื่อหยั่งเชิงว่า ชิวหาจะทำเช่นไรเมื่อกรุงลงกาปลอดจากคนของทศกัณฐ์

    ฝ่ายทศกัณฐ์ ครั้นเฝ้าติดตามพฤติกรรมของชิวหาด้วยความอดทนอดกลั้นถึง ๖ วัน กระทั่งชิวหาเริ่มออกลายเต็มตัวในวันที่ ๗ ทศกัณฐ์จึงรีบเดินทางกลับมายังกรุงลงกาก่อนเหตุการณ์จะเริ่มบานปลายและได้จัดการตัดลิ้นของชิวหาซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวด้วย จักรสุรกานต์ ทันที จากนั้นจึงจัดการกลบเกลื่อนเรื่องราวการก่อกบฏของชิวหาให้จบลงอย่างมิดชิดแนบเนียนไร้ร่องรอยต้นตอของเหตุการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    อนึ่ง การสันนิษฐานว่า เจตนาในการดูแลกรุงลงกาของชิวหาไม่บริสุทธิ์และทศกัณฐ์ได้วางแผนซ้อนไว้ ส่วนหนึ่ง มาจากข้อสังเกตที่ว่า ทศกัณฐ์เองก็มีน้องชายคือ กุมภกรรณ และพิเภก ทว่า ทำไมทศกัณฐ์ไม่ยอมฝากฝังเมืองให้น้องชายของตัวเองดูแล แต่ดันไปมอบอำนาจการดูแลให้น้องเขยจัดการแทน

    ท้ายสุด ผลจากการบริหารบ้านเมืองด้วยลิ้น จึงทำให้ชิวหาตายเพราะลิ้นอีกเช่นกัน การดูแลกรุงลงกาของชิวหาจึงจบลงในวันที่๗ พร้อมชีวิตของชิวหาเอง

    แต่หากย้อนเหตุการณ์ขึ้นไปก่อนนี้ แผนการแลบลิ้นปิดลงกาน่าจะเป็นแผนการขั้นที่๒ ไม่ใช่แผนการขั้นแรก ทว่าแผนการขั้นแรกได้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ชิวหาจึงได้รีบดำเนินแผนการขั้นที่๒อย่างรีบร้อนจนพลาดท่าเสียที เพราะการแลบลิ้นปิดนครนี้ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ตามลำพัง ดังนั้นจึงต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย

    ผู้ร่วมแผนกบฏยึดอำนาจของชิวหานั้น ไม่ใช่มารีศผู้เป็นพ่อของตน และยิ่งไม่ใช่นางสำมนักขาผู้เป็นภรรยาของตนและเป็นน้องสาวทศกัณฐ์ แต่เป็น "กุมภกาศ" ลูกชายคนโตของชิวหากับนางสำมนักขายอดยาใจ!!!

    ซึ่งแผนการดั้งเดิมนั้นคาดว่าน่าจะถูกวางไว้โดยที่ชิวหากำหนดให้กุมภกาศซึ่งมีอายุ ๑๙ ปีไปทำพิธีมหาพัทกัลป์ในป่าไผ่เพื่อขอศัสตราวุธจากพระพรหมเพื่อนำมาใช้ก่อการในครั้งนี้ ซึ่งพระพรหมองค์นั้นก็ได้ประทาน "พระขรรค์แก้วสุรกานต์" ด้วยการทิ้งดิ่งลงมาปักอยู่ตรงหน้ากุมภกาศ ทว่ากุมภกาศกลับถือตัวว่าเป็นหลานของทศกัณฐ์ (และอาจถือตัวว่าตนคือว่าที่กษัตริย์กรุงลงกาองค์ต่อไปถัดจากชิวหาด้วย) จึงไม่ยอมรับพระขรรค์นั้น แต่หลับตาภาวนาต่อไปเพื่อกดดันให้พรหมองค์นั้นลงมาประทานพระขรรค์ให้ถึงมือตนเอง และตอนนั้นเองพระลักษณ์ซึ่งออกมาเที่ยวหาผลไม้ให้พระรามและนางสีดาก็ได้มาพบเข้า จึงหยิบพระขรรค์นั้นขึ้นมากวัดแกว่ง แสงจากพระขรรค์จึงสะท้อนเข้าตาทำให้กุมภกาศรู้ตัวและออกจากภาวนา แต่เมื่อรู้ว่าไม่ใช่พระพรหมลงมาประทานพระขรรค์ก็เกิดบันดาลโทสะเข้าแย่งชิงพระขรรค์จากพระลักษณ์ และพลาดท่าถูกพระลักษณ์ใช้พระขรรค์ตัดศีรษะจนขาด

    จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้เอง ทำให้แผนการขั้นแรกของชิวหาต้องพังพินาศอย่างไม่เป็นท่าและยังต้องเสียลูกชายคนโตไปด้วย ทศกัณฐ์เองก็เริ่มระแวงสงสัย เพราะไม่ทราบว่ากุมภกาศไปทำพิธีมหาพัทกัลป์ที่ป่าไผ่เพื่อขอศัสตราวุธมาใช้ในจุดประสงค์ใด จึงวางแผนซ้อนแสร้งฝากเมืองไว้กับชิวหาเป็นเวลา ๗ วันเพื่อจับผิด ชิวหาซึ่งรอโอกาสมานานจึงรีบฮุบเหยื่อโดยไม่พิจารณา และรีบใช้แผนการขั้นที่๒ อย่างรีบร้อนเร่งด่วนตามลำพัง นั่นคือ การแลบลิ้นปิดกรุงลงกาทันที

    หากปล่อยให้ชิวหาแลบลิ้นโอบมิดปิดกรุงลงกาไว้นานพอ ประชาชนชาวลงกาเองก็คงหลับในจนสำลักจมน้ำลายของชิวหาตายจนหมด และกรุงลงกาอาจละลายมลายสิ้นสูญคาน้ำลายของชิวหาไปเลยก็เป็นได้

    น้องเขยคนนี้ ไม่ได้ซื่ออย่างที่คิด!

    และผลจากการก่อกบฎเงียบที่ไม่สำเร็จของชิวหาก็ได้ทำให้มารีศผู้เป็นพ่อตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก การที่ทศกัณฐ์ไม่ได้คาดโทษถึงมารีศและครอบครัว (อาจเพราะตรวจสอบแล้วว่ามารีศไม่มีส่วนในการก่อกบฎและอาจยังเห็นว่ามารีศยังมีประโยชน์ต่อตนอยู่) ทำให้มารีศต้องมีหนี้ชีวิตก้อนโตให้รอเวลาชดใช้

    และในที่สุดเวลาการชดใช้หนี้ชีวิตก็มาถึง เมื่อทศกัณฐ์ได้มาขอให้มารีศช่วยแปลงเป็นกวางทองไปลวงพระราม มารีศที่รู้ว่าพระรามคือองค์นาราย์อวตารจึงพยายามทัดทานแต่ทศกัณฐ์ไม่ยอมรับฟัง มารีศจึงต้องจำใจแปลงเป็นกวางทองไปลวงพระรามตามที่ทศกัณฐ์ต้องการเพื่อทดแทนหนี้ที่ทศกัณฐ์ได้ละเว้นชีวิตตนและครอบครัวในที่สุด (ทศกัณฐ์ถนัดเรื่องการใช้คนให้ไปตายเพื่อล้างหนี้ให้ครอบครัวของคนที่ถูกใช้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับตอนที่สั่งให้สุขาจาร ทหารยักษ์ซึ่งต้องโทษประหาร ๗ ชั่วโคตรเพราะหนีทัพในศึกกุมภกรรณจำแลงกายเป็นนางสีดาให้อินทรชิตตัดศีรษะต่อหน้าพระลักษณ์ เพื่อแลกกับการครอบครัวและญาติพี่น้องทั้ง ๗ ชั่วโคตรของสุขาจาร)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×