คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Olfactus
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมคิดถึงเขา หลายครั้งที่ผมพยายามบอกทุกคนและพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกกับตัวเองว่าผมเลิกรักเขาไปแล้ว ผมพยายามที่จะลืมเขา เพราะผมรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะเลือกผม เพราะในสายตาเขาผมเป็นแค่น้องชายคนนึงของเขาเท่านั้น เราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว นานมาก...แต่ไม่นานพอที่จะทำให้ผมลืมเขา ถึงเราจะไม่ได้ติดต่อกันแต่ผมก็ยังคอยแอบดูเขาบ่อยๆผ่านทางโซเชียลมีเดียทั้งหลายของเขาที่ผมมี และเพราะการที่คอยไปแอบดูชีวิตประจำวันเขาอย่างนี้ จึงทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังคบกับเพื่อนเขาอยู่ เพื่อนคนที่ผมเดาไว้ตั้งแต่แรกว่าผมคงไม่มีทางเอาชนะได้ อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า “รักแท้แพ้ความใกล้ชิด” ยังไงหล่ะ
วันนี้เป็นอีกวันที่ทำให้ผมคิดถึงวันเก่าๆที่เราคุยกัน คิดถึงเรื่องราวดีๆที่เราเคยทำร่วมกัน วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ในตอนที่เรายังติดต่อกันอยู่ผมมักจะส่งข้อความไปหาเขาเป็นคนสุดท้ายเสมอ ปีแรกที่ส่งไปเขาตอบกลับมาว่า “คิดว่าจะลืมซะแล้ว” ปีต่อๆมาเขาก็จะบอกประมาณว่า “อยากเป็นคนสุดท้ายหรอ” คำพูดของเขาทำให้ผมคิดไปไกลเสมอ จนวันเกิดปีล่าสุดที่เราได้คุยกัน ผมก็ตัดสินใจบอกความในใจกับเขา วันนั้นทำให้ผมก็รู้ทันทีว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกคำพูดของเขา...ผมคิดไปเอง
“นี่ลู พี่รู้บ้างมั๊ยว่าทำไมผมถึงบอกสุขสันต์วันเกิดพี่เป็นคนสุดท้าย”
“....”
“อย่างที่พี่บอกนั้นแหละ ผมอยากเป็นคนสุดท้าย”
“....”
“ผมชอบพี่นะ”
“จริงปะเนี่ยฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“....”
“ไม่เอาน่าเอชเราเป็นพี่น้องกันมานานทำไมพี่จะจับโกหกเราไม่ได้ ไม่ตลกเลยนะ”
ผมไม่รู้จะตอบอะไรเขาทำได้แต่หัวเราะร่วนไปพร้อมกับเขาแล้วขอตัวไปนอน หลังจากที่วางสายผมก็จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าเขาไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กับสิ่งที่ผมบอกไปกันแน่ ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อ....ไม่สิผมรู้!! ผมรู้ว่าต่อจากนี้ผมต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะลืมเขาให้ได้ เพราะในบทสนทนาครั้งนี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าผมควรเดินออกมาแล้วทิ้งเรื่องราวทั้งหมดไว้แค่นั้น
อย่างที่บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา มันเลยทำให้ผมคิดถึงเขาอีกแล้ว และมันยิ่งทำให้ผมสับสนเข้าไปใหญ่เพราะเมื่อวานที่เขาทวิตชวนเพื่อนไปร่วมงานวันเกิดของเขา ในจำนวนรายชื่อเพื่อนไม่กี่คนที่เขาชวน มันมีชื่อผมด้วย...
แสงไฟกระพริบตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิด กลางฟลอมีผู้คนมากมายเคลื่อนย้ายร่างกายเสียดสีกันอย่างเคลิบเคลิ้ม หากแต่สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ผู้คนที่อยู่กลางฟลอ ไม่ใช่ผู้หญิงจำนวนมากที่มองมาอย่างยั่วยวน แต่สิ่งที่ผมสนใจคือคนสองคนที่กำลังนั่งคลอเคลียกันอยู่ที่โต๊ะในบริเวณที่เงียบสงบ
“อ้าวแฮร์รี่!!! เฮ๊ยแฮร์รี่จริงปะเนี่ยไม่ได้เจอกันตั้งนานนายแมนขึ้นเยอะเลยนะ สูงขึ้นด้วยใช่มั๊ยเนี่ย”
“อ่า....สวัสดีไนออล”
“โหยยยยย ทักแค่นี้เนี่ยนะไม่ได้เจอตั้งนาน ป่ะเราไปหาเลียมกัน”
คนผมสีบลอนด์ท่าทางเหมือนเด็กตรงหน้า เอื้อมมือมาจับแขนเขาแล้วพยายามกึ่งจูงกึ่งลากให้เดินตามไป ผมพยายามที่จะปฏิเสธแต่คนตรงหน้าก็ยังไม่สนใจจูงไปพลางพูดพึมพำอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่ออก
“ไนล์ นายจะลากแฮร์รี่ไปไหนหน่ะ แค่นี้ลูมันก็รอจนแก่แล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมจำคนๆนี้ได้ดี เลียม เพน ผู้ชายที่ลูอิสบอกว่าเป็นคนดีอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่ลูอิสชอบชมให้ผมฟังบ่อยๆ แต่ก็จริงเพราะไม่ว่าจะเห็นกี่ทีผู้ชายคนนี้ก็ยังดูอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่น่าเชื่อว่าจะไปหลงรักไอ้เด็กหัวทองนี่ แต่เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เลียมบอกว่าลูอิสรอเขาอยู่อย่างนั้นหรอ ความคิดมากมากแล่นเข้ามาในหัว นี่ผมสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ แล้วที่เห็นคลอเคลียกับไอ้หน้าแขกนั่นคืออะไร ผมทักทายทั้งสองคนพอเป็นมารยาทแล้วขอปลีกตัวออกมา โดยบอกว่าจะต้องไปอวยพรและขอโทษเจ้าของวันเกิดก่อนที่มาช้า
จะว่าจัดงานวันเกิดก็คงไม่ได้เรียกว่าจัดงานมีตติ้งจะดีกว่า เพราะเหมือนเป็นการรวมเพื่อนที่เคยสนิทกันเมื่อตอนมัธยมปลายมากินเหล้าสังสรรค์ พูดคุยกันธรรมดามากกว่า ขนาดเจ้าของวันเกิดยังนั่งคลอเคลียกับแฟนตัวเองอยู่สองคนเลย ผมเดินตรงมาหยุดอยู่ที่โต๊ะสักพักแต่ก็ยังไม่มีการตอบรับจากคนทั้งคู่ จนผมทนไม่ได้กับภาพที่เห็นตรงหน้าเลยต้องเอ่ยทักทายเจ้าของโต๊ะออกไปก่อน
“Hey Lou!”
เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำให้คนทั้งสองต้องหยุดการกระทำลง คนตัวเล็กหันมามองต้นเสียงด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย ส่วนผู้ชายหน้าแขกเขาเพียงแค่หันมามองแล้วก็ก้มลงไปทำสิ่งที่เพิ่งละมาต่อ ลูอิส ทอมลินสัน พยายามขยับตัวออกมาเล็กน้อยและมองไปที่ต้นเสียง นัยน์ตาสีมรกตจ้องมาที่เขาอย่างมีเลศนัย ผมสีน้ำตาลหยักศกที่ถูกปัดไปด้านข้าง นั่นทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ร่างกายสูงใหญ่กำยำยิ่งทำให้เขาแปลกตา เกิดอะไรขึ้นกับ แฮร์รี่ สไตล์ คนที่เขาเคยรู้จัก ทำไมบัดนี้เด็กน้อยคนนั้นถึงแลมีสเน่ห์แบบนี้ แล้วแววตาแพรวพราวที่เหมือนจะกลืนกินเขาเสียให้ได้อีก นี่เขาคิดไปเองรึเปล่านะ
“พอได้แล้วน่าเซน นายเมามากแล้วนะอายน้องเขาบ้างเถอะ.....”
“...นี่นายสูงขึ้นเยอะเลยนะเอชไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
ลูอิสหันไปบอกคนข้างๆที่ตอนนี้ทั้งมือทั้งหน้าแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาไปแล้ว ลูอิสหันมาทักทายแฮร์รี่พลางหันไปห้ามคนข้างๆพลาง แฮร์รี่เริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลกำลังถาโถมเขามาหาเขา ทั้งน้อยใจเสียใจ ไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กจะชวนเขาให้มาเห็นภาพน่ารำคาญแบบนี้ทำไม แฮร์รี่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้งเมื่อคนตัวเล็กหันมาพูดกับเขา
“พี่ขอโทษนะเอชคือ...อ่า....นายเอารถมามั๊ยอ่ะ คือพี่คิดว่าพี่ต้องพาเซนกลับแล้วแหล่ะ”
“เอามาครับ จะให้ผมไปส่งหรอ”
แฮร์รี่ถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เขาช่วยคนตัวเล็กพยุงคนเมาไม่ได้สติจนเริ่มพูดอะไรที่เลอะเทอะออกมาแล้ว ลูอิสให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากขับเพราะถึงเขาจะไม่ได้เมาแต่เขาก็มึนๆเหมือนกันกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ลูอิสเดินไปบอกลาเลียมกับไนออลและเพื่อนอีกสองสามคน ปล่อยให้แฮร์รี่พยุงคนเมาที่เหมือนจะตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยไปที่รถคนเดียว
“มานั่งหน้าสิลู ผมไม่รู้ทางนะ”
เมื่อมาถึงรถ ลูอิสก็เดินไปนั่งหลังเพื่อดูแลคนเมาอย่างเป็นห่วง แต่พอแฮร์รี่พูดอย่างนั้นก็ทำให้เขานึกขึ้นมาได้เลยเดินมานั่งตำแหน่งข้างคนขับตามที่แฮร์รี่บอก แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองคนเมาที่เบาะหลังเป็นระยะๆ ลูอิสบอกทางไปคุยกับแฮร์รี่ไป เขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ลูอิสพูดหลายครั้งว่าแฮร์รี่เปลี่ยนไป แลโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และหลายครั้งก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวความรักของเขากับเซน ทุกครั้งที่พูดเรื่องเซนลูอิสแลมีความสุขมาก ต่างจากคนฟังที่ต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะเออออตามไปด้วยทั้งๆที่ข้างในมันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แฮร์รี่ขับรถมาตามทางที่ลูอิสบอก จนถึงจุดหมาย ระหว่างทางลูอิสพูดเหมือนกับว่าที่นี่เป็นคอนโดของเขาและเซน ถึงจะไม่ใช่คอนโดใจกลางเมืองแต่ที่นี่ก็ดูหรูไม่ใช่เล่นเลย
“เดี๋ยวพี่พาเซนขึ้นไปเองก็ได้นายจอดหน้าตึกนี่แหละ”
“ไม่เป็นไรครับให้ผมช่วยพยุงขึ้นไปนะ ผมยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ยังไม่ได้เล่าให้ลูฟัง”
แฮร์รี่พูดปนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอมยิ้มของอีกฝ่าย ในขณะที่เดินมายังห้องพักลูอิสก็บ่นเรื่องเซนไม่ได้หยุดปาก จนแฮร์รี่รู้สึกอยากจะโยนเซนออกไปให้ไกลจากลูอิสมากที่สุด เมื่อมาถึงห้องลูอิสจัดแจงพาคนที่เมาไม่ได้สติไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะพาไปนอน ในขณะเดียวกันแฮร์รี่ก็เดินดูทั่วห้องจนรู้ว่าห้องนี้เป็นห้องของลูอิสหลังจากที่สงสัยมาตลอดทางว่าเป็นห้องที่เขาสองคนอยู่ด้วยกันหรือปล่าว แต่เพราะสไตล์การแต่งห้องโทนสีดำที่คุ้นเคยแฮร์รี่จึงมั่นใจได้ว่านี่เป็นห้องของลูอิส แฮร์รี่เดินมานั่งที่โซฟาพร้อมกับถือวิสาสะเปิดทีวีดูรายการนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย นั่งดูอยู่สักพักลูอิสในสภาพกางเกงบอลขาสั้นก็เดินมานั่งข้างๆพร้อมกับเบียร์สองกระป๋อง เขาพูดคุยกันไปดื่มเบียร์กันไปโดยมีเสียงรายการโทรทัศน์เปิดคลอเบาๆตลอดการสนทนา จากเบียร์สองกระป๋องกลายเป็นเบียร์หลายสิบกระป๋องวางกองอยู่ที่พื้น เขาถามลูอิสด้วยอารมณ์ขันว่าในตู้เย็นมีแต่เบียร์หรือไง แต่เสียงที่ตอบกลับมานี่มันช่างงัวเงียเหลือเกิน
ดูเหมือนคนตัวเล็กจะเริ่มเมาแล้ว แฮร์รี่หันมองคนนั่งข้างๆด้วยความรู้สึกที่อยากครอบครองเต็มแก่ ริมฝีปากที่เขาอยากสัมผัสมานาน กางเกงบอลขากว้างเลื่อนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่ล่อแหลม ภาพตรงหน้ามันแทบทำให้เขาอดใจไม่อยู่ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะทำตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ เขาคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่ขับรถมาที่นี่ คิดแผนการนี้ในขณะที่ลูอิสเอาแต่พูดเรื่องของคนรัก เขาคิดเอาไว้ว่าคืนนี้แหละไม่ว่าจะยังไงลูอิสต้องมองเขาใหม่ ไม่ใช่เด็กน้อยคนเดิมอีกต่อไป ถึงจะเมาแต่ลูอิสก็ยังมีสติ แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แฮร์รี่เลื่อนมือไปสัมผัสที่แก้มของคนตัวเล็ก ตาปรือมองหน้าคนตรงหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มคล้ายกับคนที่ต้องมนต์ เสียงจากภาพยนต์รักโรแมนติกที่ถูกเปิดคลอมานานเริ่มทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป คนสองคนโน้มหน้าเข้าหากันโดยลืมคนที่เมาอยู่ในห้องไปเสียสนิท ฤทธิ์ของแอลกอฮอลทำให้ลูอิสลืมเรื่องความผิดชอบชั่วดีไปหมด ลืมแม้กระทั่งว่าเขากับเซนรักกันมากแค่ไหน เขาโน้มหน้าไปหาแฮร์รี่ที่ยังมีสติดีอย่างเชื่องช้า จรดริมฝีปากแล้วถอนออกอย่างรวดเร็วเหมือนเชื้อเชิญคนตรงหน้า แฮร์รี่เห็นโอกาสที่จะทำตามสิ่งที่หวังไว้เขาจึงรุกเข้าไปจูบคนตรงหน้าอย่างเร่าร้อน ค่อยๆดันคนตัวเล็กให้จมลงไปกับโซฟา มือไม้อยู่ไม่สุขลูบไล้ไปทั่วร่างคนตัวเล็ก ในขณะที่โลกนี้กำลังมีแค่เขาสองคน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แต่นั่นไม่ทำให้สัญชาตญาณดิบของทั้งสองคนหยุดลง เขาสองคนยังคงปล่อยให้โทรศัพท์ดังต่อไป จนคนตัวเล็กทนไม่ไหว เขาถอนริมฝีปากออกแล้วบอกให้คนที่อยู่เหนือร่างของเขาไปรับโทรศัพท์ด้วยเสียงที่งัวเงีย
แฮร์รี่ลุกมารับโทรศัพท์อย่างหัวเสีย คนที่โทรมาก็คือเลียมเพื่อนสมัยเด็กที่เพิ่งเจอกันที่ผับ เลียมโทรมาถามถึงลูอิสว่าเป็นอย่างไรบ้างคุยกันสักสิบนาทีเห็นจะได้ พอวางสายเขาก็รีบจะมาสานต่อสิ่งที่ค้างไว้ แต่พอหันกลับมาคนตัวเล็กก็หลับไปแล้ว ต่อให้เขาจะทำสิ่งที่ต้องการต่อมากแค่ไหนแต่ถ้าลูอิสไม่รู้เรื่องแบบนี้แผนของเขาคงไม่สำเร็จ ยิ่งในห้องไม่ได้มีแค่เขาสองคนแบบนี้ ถ้าเขาทำต่อคนตัวเล็กจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่ครอบครองเขาคืนนี้คือแฮร์รี่ไม่ใช่ไอ้หน้าแขกนั่น เพราะไม่เพียงง่วงอย่างเดียวคนตัวเล็กที่เหมือนจะเมาเล็กน้อยคงแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้คือเขาหรือเซน แฮร์รี่เดินหัวเสียไปเข้าห้องน้ำเพื่อจะจัดการตัวเอง ให้ตายเถอะเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูอิสจะจูบได้เร่าร้อนขนาดนี้
“ไอ้หน้าแขกนั่นมันทำอะไรกับนายบ้างนะลู”
เดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ได้ยินเสียงโครมครามออกมาจากห้องนอน ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงหันไปดูที่โซฟาอย่างอัตโนมัติ แต่ภาพที่เห็นก็ยังเป็นคนตัวเล็กที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่ ความเป็นห่วงลดลงทันตาเห็น แฮร์รี่เดินเนือยๆเข้าไปในห้องนอนเพื่อดูคนที่เมาไม่รู้เรื่อง และเป็นอย่างที่เขาคิด เซนลงมานอนกองกับพื้นพร้อมกับพวกหนังสือที่ตกลงมาจากชั้นหนังสือที่หล่นอยู่ไม่ห่างตัวเขา แฮร์รี่กำลังจะเดินหันหลังกลับโดยจะทิ้งเซนเอาไว้แบบนั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จะว่าความเป็นคนดีในตัวเขางั้นหรอ? น่าจะเพราะความสมเพชมากกว่าที่ทำให้เขาเดินกลับไปพยุงร่างคนเมากลับไปไว้ที่เตียง เขาวางร่างที่เหมือนจะเล็กกว่าเขาลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล แต่ก่อนจะเดินออกไปอยู่ๆมือของคนเมาก็จับที่ข้อมือของเขาอย่างแรง เขาหันไปมองเพราะคนที่นอนอยู่กำลังบีบข้อมือเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทันไรแฮร์รี่ก็ถูกแรงกระชากจากเซนให้ล้มลงไปนอนในอ้อมกอดเซนซะแล้ว
“เฮ๊ยทำไมแรงเยอะจังวะ ปล่อยกูนะไอ้แขกกูไม่ใช่ลูนะเว๊ย”
แฮร์รี่พยายามดิ้นให้หลุดจากคนข้างๆแต่คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลที่ยังคงได้กลิ่นผ่านลมหายใจของเซนหล่ะมั๊งที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุดซะที ดิ้นอยู่นานจนแฮร์รี่หมดแรงเขาจึงนอนนิ่งๆแล้วหันไปมองคนข้างหลังว่าหมดฤทธิ์แล้วรึยัง แต่ยังไม่ทันหันไปมองลมหายใจร้อนปนกลิ่นแอลกอฮอล์ก็ถูกพ่นออกมาระต้นของแฮร์รี่จนเขาขนลุกขนพอง แฮร์รี่จึงเปลี่ยนจากดิ้นเป็นการค่อยๆขยับตัวออกจากเซนอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัว แต่ยิ่งขยับคนเมายิ่งกำชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แฮร์รี่จึงทำได้เพียงนอนเฉยๆเพื่อรอให้เซนค่อยๆปล่อยเขาแต่โดยดี แฮร์รี่ทำหน้าเอือมเล็กน้อยที่ต้องนอนอยู่นิ่งเสมือนคนแกล้งตายเวลาเจอหมี
“ตัวนายหอมจังเลยลู”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ลู”
ผมตอบเสียงเบาเพราะกลัวว่าไอ้หนวดที่หายใจลดต้นคอผมอยู่มันจะตื่น แต่มันก็ยังไม่วายตอบผมด้วยการคำรามใส่ ถ้านายเป็นลูฉันจับปล้ำไปนานแล้ว บอกเลยว่าแทนที่จะมีอารมณ์ตอนนี้กลับขนลุกสุดๆ ความจริงเซนก็เป็นผู้ชายหน้าตามีสเน่ห์คนนึงนะ แต่หนวดยาวๆนี่มันทำให้รู้สึกขนลุกที่คอชมัด
“ลู........... นายยังรักช้านนนนอยู่....ใช่ม้ายยยย”
คนเมาเริ่มเพ้อเบาๆออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมไม่ทันได้ตั้งใจฟังประโยคนั้นแต่เพราะหมอนี่พูดอยู่ข้างหูผม ผมเลยได้ยินชัดเจน สองคนนี้กำลังทะเลาะกันรึไงนะ แต่ตอนอยู่ที่โต๊ะในผับสองคนยังนัวเนียกันอยู่เลยนี่นา....
ความคิดมากมายกำลังตีกันในหัว แต่แฮร์รี่ก็ยังคงตั้งใจฟังคนเมาต่อไปโดยลืมไปเลยว่าต้องออกจาสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด ยังไม่ทันไรแฮร์รี่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรอุ่นๆเหนอะๆที่ต้นคอ ความตกใจของแฮร์รี่ไม่ได้ทำให้เขาถอนตัวออกมาจากอ้อมกอดคนข้างหลังได้ เซนพรมจูบลงทั่วคอแฮร์รี่ที่พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา มือไม้ปัดไป่เข้าไปในเสื้อคอลึก ลูบไล้ต่ำลงเรื่อยๆจนคนด้านหน้ารู้สึกมวนๆในท้อง เขาพยายามที่จะดันคนข้างหลังออกโดยไม่สนแล้วว่ามันจะทำให้เซนตื่นหรือไม่แต่ถ้าเลยเถิดขึ้นมาเขาคงสู้แรงเซนตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
สวัสดีค่ะ J
จะสวัสดีมันทุกรอบเลยเพราะไม่รู้จะเปิดยังไง ฮ่าฮ่าฮ่า. . .
เป็นไงบ้างงงงง่อยดีมั้ย? T T
อิมเมจและระดับความหล่อก็ตามรูปในหน้าแรกเลยเนอะ
คือบางคนอาจจะจินตนาการตอนแฮร์รี่น่ารักบ้างหล่อบ้าง เลียมตอนสกินเฮทบ้างผมยาวบ้าง ฯลฯ
และบอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่มีNC
เพราะขนาดแต่งธรรมดายังง่อยขนาดนี้ถ้าให้แต่งเอนซีคงเป็นอัมพาตกันไปเลยทีเดียว T T
ใครเผลอเข้ามาอ่านแล้วอยากให้แก้ไขยังไงก็บอกเนอะ
ข้าน้อยน้อมรับผิดในทุกคำติเลยค่ะ
ความคิดเห็น