ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Doubleb the series [DOUBLE B]

    ลำดับตอนที่ #2 : Not too shabby 1/?

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 58


















    "เอ่อ ขอโทษนะครับ"
     
     
     
     
     
     
     
     
    ผมที่กำลังจัดห้องหันไปหาเสียงที่ดังมาจากหน้าประตูห้องพักที่เปิดอ้าเอาไว้ ผมสังเกตุเห็นเด็กหนุ่มคนนึงที่ท่าทางเงะงะยืนอยู่ตรงนั้น ในมือถือกระเป๋าลากใบไม่ใหญ่มาก และสะพายเป้ด้านหลังที่ดูผ่านๆก็รู้สึกได้ว่ามันค่อนข้างหนักพอสมควร
     
     
     
     
    "ผมที่จะย้ายมาอยู่ด้วยน่ะครับ" เขาพูดต่อ เท่านั้นผมเลยร้องตอบรับออกไป เพราะตอนเช้าผมได้รับสารจากคุณป้าเจ้าของหอพักว่าผมจะมีรูมเมทเข้ามาอยู่ด้วยตอนบ่ายๆ
     
     
     
     
     
     
    ห้องเช่าที่ผมอยู่ไม่ได้เป็นห้องพักแบบนักศึกษาหรอกครับ แต่ที่ผมต้องมีคนไม่รู้จักมาอยู่ร่วมห้องเนี่ย เพราะหอพักที่ผมอยู่ห้องมันเต็ม คุณป้าเล่าให้ฟังว่าเด็กมันไม่มีที่ไป คะยั้นคะยอจนผมใจอ่อน...
     
     
     
     
     
     
    ความจริง คุณป้าพูดมาอีกว่า ผมจะได้มีคนช่วยหารค่าห้อง
     
     
     
     
     
    เห็นว่าเด็กมันไม่มีที่พักหรอกนะ ไม่ใช่เรื่องเงินอะไรสักหน่อย
     
     
     
     
     
    เขาก้าวตามผมที่เดินไปช่วยถือของเข้ามาในห้อง
     
     
     
     
     
    "ผมฮันบินครับ คิมฮันบิน ขอโทษที่ต้องมารบกวนนะครับ มันจำเป็นจริงๆ" ใบหน้าที่ดูเด็กกว่าอายุที่คุณป้าบอกมาฉายแววเกรงใจเล็กน้อย แถมหัวเราะแห้งๆให้อีก
     
     
     
     
     
    "อ่า ไม่เป็นไร ตามสบายนะ เอ้อ ฉันก็นามสกุลคิมนะ โชคดีจัง เรียกว่าจีวอนฮยองได้เลยนะ ฮันบินอ่า"
     
     
     
    ห้องพักที่ไม่ได้ใหญ่โต กลับแคบลงไปอีกเพราะเตียงสองหลังที่ตั้งห่างกันคนละด้าน เว้นที่ตรงกลางไว้ให้วางของของตัวเองนิดหน่อย ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่พึ่งรู้จักกันไม่นาน คงไม่ใช่เรื่องที่จะยุ่งย่ามเรื่องของกันเท่าไหร่
     
     
     
     
     
    พอได้คุยกันถึงรู้ว่าทำไมฮันบินถึงต้องขอร้องเพื่อให้ได้มาพักที่นี่ หนึ่ง ฮันบินย้ายมาเรียนเพราะได้ทุนเรียนต่อที่เมืองนี้ แถมยังเป็นโรงเรียนเกี่ยวกับดนตรีที่ดังสุดๆด้วย สอง หอพักที่นี่ไม่แพง แถมเป็นหอพักที่ได้รับการดูแลอย่างดี น่าอยู่ เมื่อไหร่มีห้องว่างนะ ไม่เกินวันหนึ่งก็มีคนมาสอยไปแล้ว
     
     
     
     
     
    ผมก็อยู่ที่นี่ด้วยเหตุนี้ แต่ที่ผมย้ายออกจากบ้าน จริงๆแล้วผมทะเลาะกับพ่อนิดหน่อย เรื่องที่ผมไม่ยอมเรียนต่อมหาลัย ก็ไม่มีวิชาที่ชอบเลย จะเรียนไปทำไมวะ
     
     
     
     
     
     
    แต่ผมมีความฝันนะ....
     
     
     
     
     
     
    สองปีผ่านไป
     
     
     
     
    ผมกับฮันบินสนิทกันมาก ถึงขนาดคนอื่นๆเรียกเราว่าแฝด เพราะตัวติดกันตลอด ความจริงเราสนิทกันตั้งแต่สองเดือนแรกด้วยซ้ำ เพราะเขาเห็นซีดีเพลงฮิปฮอปที่ผมมี คืนนั้นเราคุยกันถึงเช้า แลกเปลี่ยนความชอบของกันและกัน แล้วด้วยความบังเอิญ เราชอบแร็พเปอร์คนเดียวกันหลายคนเลยด้วย
     
     
     
     
     
    "คิมบับ คืนนี้กลับกี่โมง?" ฮันบินถามผมขณะนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียงตัวเอง พลางกระดิกเท้าอย่างสบายอารมณ์
     
     
     
     
     
    แต่นี่ก็... สนิทกันไปมั้ยวะเนี่ย
     
     
     
     
    แต่ผมไม่ถือสาอะไรฮันบินหรอก ทั้งที่เราห่างกันตั้งสามปี ก็ผมไม่ได้ถืออะไรแบบนี้เท่าไหร่
     
     
     
     
    "ประมาณสามทุ่มมั้ง เดือนนี้พนักงานขอหยุดเยอะอ่ะ แต่ทำงานช่วงเทศกาลทั้งวันได้สองเท่าเลยนะ เดี๋ยวฮยองเลี้ยงข้าว" ผมตอบไปขณะที่กำลังใส่ชุดฟอร์มไปทำงาน ผมทำงานที่มินิมาร์ทแถวโรงเรียนชื่อดังที่ไกลจากหอพักสามสถานีรถไฟ คนเข้าร้านในวันๆนึงเยอะมาก รายได้จึงมากตามไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการแหละนะ
     
     
     
     
    "โห่ย ไรว้าาาา ผมก็กินข้าวคนเดียวอีกแล้วดิ" ฮันบินลุกมานั่งขัดสมาธิและโวยวายอยู่บนเตียง
     
     
    ตลกอ่ะ ฮันบินเวลาเหวี่ยงโคตรตลกเลย
     
     
     
     
     
    "ย่าห์!! ยิ้มอะไร?" ฮันบินถามเสียงเข้ม แถมการถลึงตาใส่ให้ด้วย
     
     
     
    "ย่าห์ ฮันบินอ่า ใครเป็นพี่กันแน่ห๊ะ?!" ผมอดรนทนไม่ไหว เลยเดินไปฟัดเจ้าเด็กลามปามถึงที่ อะไรวะ มาแรกๆนี่เรียบร้อยเงอะงะซะ
     
     
     
     
     
    ผมล็อคคอฮันบินแล้วทิ้งตัวลงไปบนเตียงด้วยกัน เสียงหัวเราะดังขึ้นทันที่ที่ผมใช้นิ้วจิ้มเอวบางๆนั่น
     
     
     
    ฮันบินเอวบางเอามากๆ ผู้หญิงบางคนยังต้องอายอ่ะ
     
     
     
     
     
    "ฮ่าๆๆ ฮยองพอแล้ว พอ" ฮันบินทั้งดิ้นทั้งพูดทั้งหัวเราะไม่หยุด ผมตัดสินใจนั่งทับเขาเอาไว้
     
     
     
     
     
    "ไหน พูดดีๆก่อน"
     
     
     
     
    "คิมบับ ปล่อยนะว้อย ฮ่าๆๆ โอ๊ย พอแล้วๆ พูดแล้วก็ได้!" ผมหยุดมือที่จิ้มเอวเขาอีกครั้ง
     
     
     
     
    ".....ฮ... ปล่อยเ....นะ"
     
     
    "ห๊ะ พูดไรอ่ะ ไม่ได้ยินเลย" ผมโน้มหน้าลงไปใกล้อีกคน
     
     
     
     
     
     
    "จีวอนฮยอง ปล่อยฮันบินเหอะนะ น้าาาา นะครับ พอใจยังวะ" ฮันบินพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วตามด้วยน้ำเสียงแข็งๆที่ใช้พูดกันแบบปกติ ทำผมหลุดหัวเราะหน่อยๆ
     
     
     
    หัวใจเต้นโครมครามทันทีที่มองหน้าเพื่อนร่วมห้อง แล้วรู้ว่าระยะห่างมันน้อยนิด ใบหน้าติดเหวี่ยงแบบนี้...
     
     
     
     
     
    มันดู.......
     
     
     
     
    น่ารัก
     
     
    "เอ่อ ผะผม ผมพูดไปแล้วนะ ลุกไปเลย หนัก" ฮันบินพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก ริ้วสีแดงอยู่บนแก้มอูมๆ ผมลุกออกจากตัวน้องทันที แล้วตรงไปแต่งตัวต่อ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด 
     
     
     
     
     
     
    "ป่ะ ฮยองเสร็จแล้ว" ผมเรียกฮันบินที่อยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วออกจากบ้านไปพร้อมกัน
     
     
     
     
    "ชุดแม่งยับหมดแล้ว เพราะฮยองเนี่ย" คิมฮันบินบ่นมันไปตลอดทาง
     
     
     
     
     
     
    ก่อนจะไปถึงร้านมินิมาร์ทที่ทำงาน ก็ต้องผ่านโรงเรียนฮันบินพอดี เลยกลายเป็นว่า ผมต้องมาส่งฮันบินที่หน้าโรงเรียนทุกวัน
     
     
     
     
     
    "ย่าห์! ฮยองบอกให้ใส่เสื้อหนาวมาด้วยไง" ผมดุฮันบินเพราะฮันบินไม่ยอมเอาเสื้อหนาวมาทั้งๆที่อากาศเริ่มเย็น แถมมีลมพัดบ้างแล้ว ตอนออกมาก็ลืมเช็คก่อน
     
     
     
    "ฮยองยังไม่เห็นใส่เลย" ฮันบินพูดพลางจ้องหน้าผมกลับ
     
     
     
    "ก็นายป่วยง่ายกว่าฮยองนี่ ปีสามแล้ว อย่าป่วยนักบ่อยเลย" ผมพูดจบก็เปลี่ยนเรื่อง เพราะยังไงฮันบินก็ต้องเถียงไม่เลิกแน่ คนอะไรวะ ดื้อชิบหายอ่ะ
     
     
     
     
     
    "กลับไปก่อนนะวันนี้ ฮยองจะรีบกลับเหมือนกันนะ ตั้งใจเรียนล่ะ" ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกคนด้วยความหมั่นไส้ ฮันบินยู่หน้ายู่ตาอย่างติดรำคาญ แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
     
     
     
     
     
    "เจอกันนะคิมบับ รีบๆกลับมาหานะ"
     
     
     
     
     
     
     
    ความรู้สึกของเราทั้งคู่มันค่อยๆเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะฮันบินอาจจะโตขึ้น ระยะเวลาประมาณสองปีเปลี่ยนเจ้าเปี๊ยกเกรดสิบ มาเป็นคิมฮันบินที่หน้าตาดีโคตรๆ ใครๆก็ยอมรับเรื่องนี้ ฮันบินขนขนมกลับมามากมายในวันเทศกาล ไม่ใช่ว่าผมไม่มี ผมเองก็ได้กลับมา ดังนั้นเวลาเทศกาลทีไร พวกเราดีใจกันมากๆ เพราะมันช่วยค่าขนมลงไปได้เยอะ นั่นแหละ เป็นเพราะคิมฮันบินโคตรหล่อเลยไง
     
     
     
     
     
    แต่ทำไมไม่รู้..
     
     
     
     
     
     
    ผมกลับรู้สึกว่า ฮันบินน่ารัก
     
     
     
     
     
    แถมขี้อ้อนเหมือนแมวเอามากๆ
     
     
     
     
     
     
    แล้วยิ่งฮันบินมาคลอเคลีย หรือบางทีที่เราใกล้กันมากเกินไป ผมก็รู้สึกอกสั่นแปลกๆ คงรู้สึกกลัวแหละเนอะ
     
     
     
    ต้องใช่อ่ะ ใช่แน่ๆ...
     
     
     
     
     
     
    ผมทำงานที่มินิมาร์ทจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งทุ่ม ผมหยิบโทรศัพท์แล้วกดเข้าแอพฯแชท
     
     
     
     
     
    Bobbyjw: ไอ่ตัวแสบ กินข้าวยัง?
     
     
     
     
     
    เวลาผ่านไปไม่นาน คนที่ผมรอก็ตอบกลับมา
     
     
    B.I:ยังอ่ะ รอคนอยู่
    B.I:😒
     
     
     
    Bobbyjw: เอ่า รอใครอ่ะ ไม่เห็นบอกก่อนเลย ว่าจะไปข้างนอก
     
     
     
     
    สัญญาณหน้าร้านดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนเข้าร้าน
     
     
     
     
    "สวัสดีครับ เชิญครับ" ผมรีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเดี๋ยวเถ้าแก่มาเจอ ผมโดนว่าอีกแหง
     
     
     
     
    "รอฮยองไง แค่นี้ก็ไม่รู้หรอ?" ผมเงยขึ้นไปเจอฮันบินที่ตีหน้ามุ่ยอยู่หน้าเค้าท์เตอร์ ฮันบินอยู่ในชุดไปรเวทที่ท่าทางจะพึ่งกลับไปเปลี่ยน แล้วออกมาใหม่
     
     
     
     
     
     
    "ผมสั่งจาจังนะ อยากกิน หมูเปรี้ยวหวานด้วย เกี๊ยวซ่...."
    "ย่าห์ กินอะไรเยอะแยะเนี่ย" ผมถามออกไปอย่างขำๆทันทีที่ฮันบินยังพูดรายการอาหารไม่หยุด
     
     
     
     
     
    "ก็ฮยองบอกจะเลี้ยง"
     
     
     
     
     
     
     
    อ่าา~ ให้ตายเหอะ ค่าจ้างจะพอมั้ยวะ
     
     
     
     
     
     
     
    สรุปแล้วผมกับฮันบินมากินข้าวในห้องเก็บของในร้านมินิมาร์ท หลังจากขออนุญาตเถ้าแก่กินข้าวสักแปบ ก่อนจะกลับไปทำงานอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง
     
     
     
     
     
    "ซู๊ดดดด.. เอออ แอ้วอี่ออกอาไอ้ไอ่ แค่กๆๆๆ"
    "โอ๊ยยย สกปรกว่ะกินไปพูดไป อี๊ๆๆๆ ละฮยองพูดอะไรนะ" ฮันบินพูดพลางทำท่ารังเกียจ ผมกลืนจาจังลงท้องแล้วพูดขึ้นอีกรอบ
     
     
     
    "โอยย เกือบติดคอตาย ฮยองถามว่า ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาวออกมา ไหนๆก็เข้าห้องไปนี่"
     
     
     
    "ลืม..." ฮันบินพูดแค่นั้นแล้วก้มลงไปคีบเส้นจาจังขึ้นมา
     
     
     
     
     
    "ฮัดชิ่วววว!" ฮันบินจามเสียงดัง ซึ่งผมคงหัวเราะเยาะไปแล้ว ถ้าตอนนี้เส้นจาจังไม่ได้กระเด็นมาที่หน้าผมแบบนี้
     
     
    ฮันบินมองหน้าผมแล้วหัวเราะจนตัวงอ ผมค่อยๆปาดเส้นบนหน้าออก
     
     
     
     
    "ฮ่าๆๆๆ ขอโทษๆ ฮ่าๆๆๆ"
    "ย่าห์ เดี๋ยวเถอะ"
     
     
     
     
     
    เรากินไปหัวเราะไป แต่ไม่นานอาหารก็หายเข้าท้องทั้งหมด
     
     
     
     
     
    "โอ่ยย อิ่มมากเลย" ฮันบินพูดแล้วเอามือลูบท้องตัวเอง
     
     
     
     
     
     
    "นี่ ซอสเลอะหน้านายจนเหมือนหนวดแล้ว" ผมพูดและใช้นิ้วปาดเบาๆที่มุมปากของฮันบิน เสร็จแล้วก็ดูดเบาๆนิ้วตัวเอง
     
     
     
     
    ฮันบินทำหน้าช็อคเบาๆ
     
     
     
     
    "เอ่อ โทษทีๆ ละแล้วนี่จะกลับเลยมั้ย" ผมถามออกไปทำลายบรรยากาศแปลกๆในห้อง
     
     
     
     
    "ระระรอก็ได้ อีกไม่นานไม่ใช่หรอไง" ฮันบินพูดแล้วกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ผมเห็นใบหูสีแดงแปร๊ด จมูกก็แดงเพราะอากาศหนาว
     
     
     
     
     
    เห็นมั้ย ฮันบินน่ารักมากกว่าหล่อชัดๆ
     
     
     
     
     
     
    เรามาถึงห้องประมาณสามทุ่มปลายๆ ผมไล่ฮันบินให้ไปอาบน้ำก่อนเพราะเจ้าตัวจามไม่หยุดตั้งแต่ออกจากมินิมาร์ท
     
     
     
     
     
    เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับเสียงฮันบินที่เดินออกมา ผมที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียง หันไปมองตามเสียงเรียก
     
     
     
     
    ผมสีดำลู่อยู่ข้างใบหน้า ปลายจมูกโด่งมีหยอดน้ำไหลเป็นทาง
     
     
     
     
    "ฮันบินอ่า พรุ่งนี้นายป่วยหนักแหงเลย ทำไมถึงอยากสระผมตอนนี้ห๊ะ?" ผมพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เห็นมั้ย ฮันบินดื้อออ ดื้อเอามากๆ ถ้าเป็นเด็กๆ ผมจะตีเหมือนที่ผมเคยโดนแม่ตีเลย
     
     
     
     
    "มานี่มา" ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วกวักมือเรียกฮันบินที่ยืนเช็ดหัวอยู่ให้มาใกล้ๆ ฮันบินเดินมา หันหลังแล้วนั่งลงบนพื้น หลังบางๆพิงลงที่ขอบเตียง ผมหยิบผ้าขนหนูออกจากมืออีกคน
     
     
     
     
     
    นี่กลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรของคิมจีวอนไปแล้ว ก็ถ้าไม่เช็ดให้ อีกคนก็จะล้มตัวนอนทั้งๆที่หัวเปียกแบบนั้นแหงๆ
     
     
     
     
    ผมใช้ผ้าขนหนูซับไปที่ผมสีดำสนิทของฮันบิน อีกคนก็นั่งเฉยๆใช้บริการอยู่แบบนั้น ผมแอบเห็นปากฮันบินกลั้นยิ้มน้อยๆ ผมก็เลยหลุดยิ้มตามออกมา
     
     
     
     
    เจ้าตัวแสบชอบเวลาแบบนี้มาก เคยบอกว่ามันสบายจนทำให้เคลิ้มหลับได้เลย ผมแกล้งหยุดมือแล้วดูปฏิกิริยาฮันบิน
     
     
     
     
     
    "ฮยองงงงงงงงงง ทำไมหยุดอ้ะ" ฮันบินเงยหน้าขึ้นมามอง ฮันบินทิ้งศีรษะลงบนเตียง จากมุมนี้มันดู...
     
     
     
     
     
     
    ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างเผลอตัว
     
     
     
    แล้วผมก็ก้มลงไปสูดความหอมจากหน้าผากขาว ฮันบินหลับตาปี๋
     
     
     
     
     
    ผมลูบหัวอีกคนเบาๆแล้วเช็ดผมต่อ ฮันบินก้มหน้าลงชิดอก แต่ใบหูสีแดงแปร๊ดที่โผล่มาให้เห็น น่ารักจนน่าจับมาฟัดซะให้เข็ด
     
     
     
     
     




    tbc.






    ชื่อเรื่อยหมายความว่า เรื่อยๆค่ะ55555
    อยากให้ดำเนินแบบเรื่อยๆ ความสัมพันธ์เริ่อยๆแบบดบบ
    ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกหรือน่าเบื่อไปบ้าง
    แต่เราพยายามากกก รู้สึกอ่านง่านกว่า55555
    ร้องไห้แรง ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ





    #ficbrad

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×