คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8
Chapter 8
หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องของฉันให้เลียมฟัง เขาก็อึ้งๆเล็กน้อย เขาสบตาฉัน ทำให้ฉันมั่นใจในตัวเขาอย่างที่ฉันไม่เคยมั่นใจในตัวใครมาก่อน นั่นก็คือ เขาจะไม่ทิ้งฉัน
“ผมจะช่วยคุณเอง”
“อย่าเลยค่ะ แค่คุณรับฟังฉัน ก็ถือว่าช่วยได้มากแล้วหละค่ะ”
“ทำไมคุณถึงชอบผลักไสผมจังนะ”
“ยังไงค่ะ”
“ก็พอผมจะช่วยคุณ คุณกลับปฏิเสธซะงั้น”
“ก็คุณช่วยฉันมาเยอะแล้วนี่นา ฉันไม่อยากเป็นตัวภาระของใครอีก”
ฉันหลบสายตาของเขาแล้วก็ก้มหน้ามองพื้น
เขาเชยคางฉันขึ้นแล้วก็โน้มหน้าเข้ามา ทำให้หน้าผากของเราชนกัน
“คุณไม่ใช่ตัวภาระหรอกเวนดี้ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่มีชีวิตอยู่ได้นะ”
ฉันเงียบ ไม่ตอบอะไร ได้แต่สบตากับเลียม
จู่ๆ ฉันรู้สึกว่ามีแม่เหล็กดึงดูดเราทั้งสองคนไว้ เลียมประกบปากของเขาเข้ากับริมฝีปากฉัน ฉันไม่เคยมีจูบแรก แต่ฉันรับรองได้ว่า นี่คือจูบแรกที่ดีที่สุดของฉัน
เลียมเดินมาส่งฉันที่บ้าน
“อย่าบอกพ่อกับพี่ชาลีเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ได้หรือเปล่า”
ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบของรา
“ทำไมหละ”
“ถ้าเกิดว่าพวกเขารู้ว่าฉันคิดจะฆ่าตัวตาย พวกเขาคงห่วงฉันมากจนไม่เป็นอันทำงานแน่ๆ”
ฉันส่งสายตาขอร้องไปให้เขา
“ก็ได้ๆ แต่คุณต้องสัญญานะ ว่าคุณจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
“ฉันสัญญา”
ฉันเกี่ยวก้อยกับเขา เขาแปลกใจเล็กน้อยที่ฉันทำแบบนั้น
“แปลกใจหรอ”
ฉันถามเขา
“ใช่ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเกี้ยวก้อยสัญญากันแล้ว”
“อ้าว แล้วเขาทำแบบไหนอ่ะ”
“เขาทำแบบนี้ไง”
เลียมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเราที่ประสานกันได้อย่างลงตัว เขาจูบฉันอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะของตัวเอง
เลียมผละออกมาอย่างเชื่องช้า ฉันรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง ฉันเลยก้มหน้าหลบสายตาเขา
“เขินหรอ”
เขายิ้มแล้วก็ถาม
“ปละ...เปล่า อากาศมันร้อนต่างหากหละ”
ฉันแกล้งเอามือพัดหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง เลียมเขาหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าเขาทำให้ฉันเขิน เขาจับหน้าฉันไว้ไม่ให้ก้มหนีเขา
“เขินก็บอกมาเถอะ คุณน่ารักดีออกเวลาคุณเขิน”
ฉันได้แต่พูดไม่ออก แต่จู่ๆพี่ชาลีก็เปิดประตูบ้านมา
“เวนดี้ จะไปไหนทำไมไม่ทิ้งโน้ตไว้”
พี่ชาลีที่ทำหน้าดุก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นเลียมกับฉัน และเขาก็ชี้มาที่เราอย่างอึ้งๆ
“งั้นแสดงว่านายกับเวนดี้ก็...”
“ใช่ เราคบกันแล้ว”
เอ่อ...
ฉันมองเขาอย่างทึ้งๆที่กล้าพูดกับพี่ชาลีแบบนั้น แถมสายตาก็แน่วแน่ซะจนฉันต้องเผลอยิ้มออกมา
“ฉันก็...ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แค่นายไม่ทำให้เธอเสียใจ ฉันก็วางใจได้แล้วหละ”
“ผมสัญญาว่า จะไม่ทำให้เธอเสียใจแน่นอน”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว เพราะถ้านายทำเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่านาย”
“เว่อร์น่าพี่ชาลี ไปหาอะไรกินกันเถอะนะ เวนดี้หิวแล้ว นะค่ะๆ”
ฉันพูดเป็นภาษาแม่แล้วก็อ้อนพี่ชาลี สร้างความงงๆให้กับเลียมเล็กน้อย
“อ่อ นายน่ะ มากินข้าวเย็นกันนะ พรุ่งนี้นายกับฉันต้องลุยงานหนักแน่ๆ”
“ได้เลย”
เลียมยิ้มให้เราสองพี่น้องแล้วก็เดินตามเข้าไปในครัว
1 อาทิตย์ต่อมา
ช่วงนี้เลียมไม่ค่อยว่างมาเจอฉัน แต่เขาก็ส่งข้อความมา บางครั้งก็โทรมาด้วยความเป็นห่วง เช่นว่า กินยาหรือยัง นอนหรือยัง ทำอะไรอยู่ ไปนอนได้แล้วนะ อะไรแบบนี้
แต่เขาก็ทำให้ทุกๆวันของฉันไม่น่าเบื่ออีกแล้ว
“แหม...ช่วงนี้อารมณ์ดีผิดปกตินะ มีความรักหรือเปล่า”
พี่แดเนียลพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด
“คงงั้นมั้งค่ะ”
“เหมือนพี่ตอนช่วงที่พี่คบกับแฟนเก่าเลย พี่ก็ลั้ลลาแบบนี้แหละแต่ก็โดนด่ามาเยอะมากเลยหละ”
“อ้าว ทำไมเป็นงั้นอ่ะ”
“ก็...พี่เคยคบกับนักร้องดังคนนึงน่ะจ้ะ แต่ตอนนี้เลิกกันไปแล้ว เพราะเราต่างก็ไม่มีเวลาให้กัน”
ฉันอยากจะถามพี่แดเนียลว่าเขาเป็นใคร แต่มันคงเป็นการละลาบละล้วงเกินไปหน่อย ฉันเลยไม่ถาม
พอเรียนเสร็จฉันก็ไปส่งพี่แดเนียลที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน ฉันเลยกินยาแล้วก็ขึ้นไปนอน
ตกเย็น
หลังจากที่ฉันกินข้าวเย็นกับพ่อและพี่ชาลีเสร็จ ฉันก็มานั่งดูทีวีต่อ ตอนนี้เป็นรายการเกี่ยวกับข่าวบันเทิง ฉันกำลังจะเปลี่ยนไปดูช่องเพลงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพิธีกรพูดถึงชื่อใครคนหนึ่ง
‘วันนี้เราแอบเห็นหนุ่มเลียม วง One direction กับแดเนียล พีเซอร์ แด๊นเซอร์สาวที่เป็นแฟนเก่าของหนุ่มเลียม กำลังเดินออกจากบริษัทโซนี่ มิวสิค เอ...หรือว่านี้จะเป็นการรีเทิร์นรักของทั้งคู่ ต้องรอลุ้นกันต่อไปจ้า’
น้ำตาฉันไหลออกมาเมื่อเห็นภาพเลียมกำลังเปิดประตูให้พี่แดเนียล แล้วทั้งคู่ก็เดินข้างกัน แล้วข่าวก็ตัดไปที่ข่าวอื่น
‘พี่เคยคบกับนักร้องดังคนนึงจ้ะ...’
เสียงของพี่แดเนียลเข้ามาในหูของฉัน ฉันเอามือปิดหูทันทีแล้วก็ร้องไห้อย่างหนัก พี่ชาลีเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ เข้ามากอดฉัน ลูบหัวฉันเบาๆ จนฉันหลับไป
3 วันต่อมา
ช่วงนี้ฉันไม่ได้เรียนกับพี่แดเนียล แต่พี่แอชลีย์กลับมาสอนแทน ฉันเลยไม่ได้ถามพี่แดเนียลเกี่ยวกับข่าวนั้น ส่วนเลียมก็ส่งข้อความและก็โทรมาเหมือนทุกวัน แต่ฉันไม่รับและไม่ตอบข้อความกลับ
“เวนดี้ กินข้าวกินยาบ้างนะลูก ช่วงนี้ลูกไม่กินข้าวกินยาเลย เดี๋ยวอาการจะหนักเอานะ”
พ่อฉันเดินเข้ามานั่งข้างเตียงฉัน ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่แต่ก็ใกล้จะหลับเต็มทีแล้ว
“ขออีก 2 ชม.นะค่ะแด๊ด เดี๋ยวเวนดี้จะลงไป”
ฉันแทบไม่กินยามา 3 วันแล้ว พอตื่นนอนมาก็มาเรียนและก็กลับไปนอนต่อ เค้าว่ากันว่า การนอนเป็นการคลายเครียดอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เราได้ลืมเรื่องทุกอย่างที่อยากลืมได้ แต่มันก็เป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้นเอง
2 ชม.ต่อมา
ฉันลงไปกินข้าวอย่างเหนื่อยๆ เพราะฉันนอนเยอะไปเลยเหนื่อยมั้ง
ครืนนน! ครืนนน!
ฝนตกและฟ้าร้องอย่างหนัก ส่งผลให้อากาศข้างนอกอาจหนาวกว่าในบ้านเป็น 2 เท่า
“พ่อหละค่ะ”
ฉันถามพี่ชาลีที่กำลังนั่งแต่งเพลงอยู่บนโต๊ะอาหาร
“ขึ้นไปนอนแล้วหละ”
พี่ชาลีตอบ ยังคงไม่เงยหน้าจากการนั่งแต่งเพลง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู
“เดี๋ยวเวนดี้ไปเปิดเองค่ะ”
ฉันอาสาแล้วก็เดินไปเปิดประตู
“ไง”
เลียมยิ้มให้หลังจากที่เขาทักฉัน
ฉันไม่ยิ้มตอบแต่ปั้นหน้านิ่งๆแล้วก็ถาม
“มีธุระอะไร”
“ก็คุณไม่ตอบข้อความผม โทรไปก็ไม่รับ ผมเลยเป็นห่วงเลยมาหา”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกเลียม ฉันสบายดี”
“แต่หน้าตาคุณดูไม่สดชื่นเลยนะ ได้กินยาหรือเปล่า”
เขากำลังจะเอามือมาทาบที่หน้าผากฉัน แต่ฉันผละออก
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปดูแลพี่แดเนียลเถอะ”
“อะไรนะ”
“ได้ยินชัดแล้วนิ”
ฉันหันไปมองทางอื่นด้วยหัวใจที่ใกล้จะสลายเต็มที ฉันอยากร้องไห้ออกมาให้เขาเห็น
“ถ้ามันเกี่ยวกับข่าวนั้น ผมขอบอกได้เลยว่ามันไม่จริง ผมกับแดเนียลแค่เจอกันที่บริษัทเฉยๆ”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกเลียม กลับไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
“แต่เวนดี้...”
“ฉันบอกให้ออกไปไงเลียม!”
ฉันตะคอกใส่เขาด้วยความเสียใจ
“ได้ ผมจะไปก่อน”
ฉันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เขาจะไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขาหันมาพูดกับฉันอีกครั้ง
“แต่ผมจะมาใหม่”
แล้วเขาก็เดินออกไปท่ามกลางฝนที่ตกหนัก
______________________________________________________________________________
ขอโทษนะค่ะรีดเดอร์
ไรต์ลงผิดบท :(
ความคิดเห็น