คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8
บทที่ 8
Eve’s part
ฉันตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ฉันเดินไปหาร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ฉันเอามือไปอังหน้าผากเขา ตัวก็ร้อนนิดเดียว คงไม่ต้องเช็ดแล้วหละ ฉันเลยเดินลงไปชั้นล่างเพื่อลงไปดูทีวี ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 อีกไม่นานพวกหนุ่มๆที่เหลือคงกลับมาบ้าน
“โหย...เหงาหวะ แฮร์รี่ไม่อยู่ ไม่มีคนให้แกล้งเลยหวะ”เสียงของลูอิสดังมาเป็นคนแรก
“นั่นดิ ไม่มีใครพาฉันไปหาอะไรกินด้วย”เสียงนี้ไนออลแน่นอน
“ไม่มีคนช่วยฉันแต่งเพลงด้วย”เซนแน่นอน
“เอาน่า เสียงพวกนายดัง เดี๋ยวก็ไปปลุกแฮร์รี่หรอก”เสียงนี้เลียมแน่ๆ
หลังจากที่ เสียงโหวกเหวกโวยวายดังไปพักใหญ่ เจ้าของชื่อที่ถูกพูดถึงก็เดินลงบันไดมา พร้อมกับผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมตัวเขาเอาไว้
“ตื่นแล้วหรอ”ฉันถามขึ้น หลังจากที่เขามาข้างๆฉันบนโซฟา
“อื้ม เสียงพวกนั้นปลุกฉันตื่นน่ะ”เขาตอบอย่างงัวเงีย
แล้วหนุ่มๆทั้ง 4 ที่เป็นตัวการก็เดินเข้ามาพร้อมกับหอบของกินมาถุงใหญ่ เดาได้ไม่ยากว่า 80% ของทั้งถุงเป็นของไนออล
“อ้าว เป็นไงบ้างแฮซ”เลียมเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้คงได้ไปทำงาน”
“นายหลอนป่ะเนี่ย พรุ่งนี้วันเสาร์ วันเดย์ออฟของพวกเรานะเว้ย”ลูอิสโวยวายขึ้นมา
“เออหวะ ฉันลืม”แฮร์รี่พูดด้วยเสียงแหบพร่า
“ไปรอกินข้าวไป๊ เดี๋ยวฉันจัดจานให้”เซนพูด
“เดี๋ยวฉันช่วย”ฉันเดินเข้าครัวไปช่วยเซนจัดอาหารเย็น
Harry’s part
ผมมองตามร่างเล็กนั่นไป เธอเป็นเหตุผลให้พวกเรากลับมาบ้านทุกๆวัน หมายถึง กลับมาเร็วๆ ปกติพวกผมกลับบ้านประมาณ 5 โมงกัน เพราะชอบไปเดินเที่ยวกันตามประสาคนไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว แต่พอมีอีฟเข้ามาแล้ว พวกผมก็รีบกลับมาบ้านมากขึ้น จากที่กลับมาประมาณ 5 โมงกันทุกวัน แถมเกือบทุกคืนก็ไปปาร์ตี้ไม่ก็ออกไปเดต ก็เปลี่ยนเวลากลับบ้านมาเป็นตอนบ่าย 3 แล้วก็แทบจะไม่ไปปาร์ตี้ที่ไหนเลย แถมต้องได้ยินเสียงของเธอทุกวัน ใบหน้าที่มุ่งมั่น และก็แคร์คนรอบข้างของเธอ พวกผมไม่รู้ว่า ถ้าไม่มีเธอแล้วพวกผมจะเป็นยังไง จะกลับไปเป็นพวกชอบปาร์ตี้และก็กลับบ้านดึกเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ผมรู้อย่างเดียวคือ ผมชอบที่ผมมีอีฟอยู่บ้านด้วยทุกๆวัน
“เฮ้ แฮร์รี่ ไหวมั๊ย?”เจ้าของเสียงที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ก็โผล่มาพอดี
“ไหวๆ เดี๋ยวฉันตามไป”ผมบอกเธอ แล้วเธอก็เดินเข้าครัวไป
แล้วผมก็เดินตามเธอไป
เสียงโหวกเหวกในห้องอาหารที่มักจะเป็นอยู่ทุกวัน ทำให้ผมไม่เหงาเลยที่จะอยู่กับเพื่อนๆของผม ถึงแม้พวกเขาจะป่วนไปบ้าง แต่ถ้าเจอปัญหา พวกเราก็ไม่ทิ้งกัน
“มาเร็วแฮซ ก่อนที่ของกินทั้งหมดจะเสร็จไนออล”ลูอิสตะโกนบอกผม
“อะไรกัน ฉันกินยังไม่ถึงครึ่งเลยนะ”ไนออลเถียง
“ไม่ถึงครึ่งอะไรกัน นายซัดไปเกือบ 2 จานแล้วนะ”
“ก็มันไม่ถึงครึ่งท้องฉันไง”
บางทีผมก็ภาวนาให้มีใครสักคนทำให้ไนออลกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกันนะ มันคงจะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเจ้าอ้วนนั้นมาก และก็แลปกให่สำหรับพวกเราด้วย
“กินซะนะแฮซ จะได้กินยานอน”ประโยคที่พูดเหมือนผู้ใหญ่แบบนี้ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เลียม
“อืมๆ”ผมรับคำ ไม่ใช่ว่ามรำคาญหรืออะไร แต่ผมไม่มีแรงจะพูดต่างหาก เจ็บคอจังเลย
30 นาทีต่อมาหลังจากกินข้าวเสร็จ
ผมกลับมานอนในห้องหลังจากที่กินข้าวแล้วก็กินยาเรียบร้อยแล้ว
ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญครับ”
แล้วร่างเล็กๆที่คุ้นเคยของผู้หญิงคนเดียวในบ้านก็เดินเข้ามา พร้อมกับในมือถือแก้วน้ำร้อนมา
“อ่ะนี่”
“อะไรหรอ”
“ฮันนี่เลม่อนชงกับน้ำร้อน พ่อฉันมักจะชงให้กินเวลาฉันเจ็บคอ”อีฟบอก
“เธอรู้ด้วยหรอว่า ฉันเจ็บคอ”
“ก็ท่าทางของนายเดาไม่ยากน่ะสิ รีบๆดื่มซะ จะได้นอน”
น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงของเธอ ไม่เคยทำให้ผมรำคาญเลยแม้แต่น้อย กลับกันทำให้ผมชอบเธอมากขึ้น
“ขอบใจนะ”ผมรับมา แล้วจิบดื่ม
ชุ่มคอดีจัง
“เธอไม่เหนื่อยหรอ”จู่ๆผมถามขึ้น
“เหนื่อยหรอ? ไม่หรอก หลายๆอย่างที่นายทำให้ฉัน มันมีค่ามากกว่านั้นอีก”เธอตอบ พร้อมกับนั่งลงบนโซฟา
“...”
ผมเงียบ ไม่รู้จะตอบหรือถามเธอว่าอะไรดี เลยได้แต่จิบฮันนี่เลม่อนไปเรื่อยๆจนหมด
“เดี๋ยวฉันเอาลงไปเก็บให้”อีฟพูดพร้อมกับเก็บแก้วไป
เธอเปิดประตูจะเดินออกจากห้องผม
“เดี๋ยว”ผมเรียกเธอไว้
“...”เธอหันมา
“ขอบคุณนะที่ดูแลฉัน”
“ไม่เป็นไรหรอก พักผ่อนเยอะๆหละ”เธอยิ้มให้ผม แล้วก็เดินออกจากห้องไป
แล้วผมก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มของเธอที่ยังตรึงตาตรึงใจผมอยู่
Eve’s part
ฉันมาเรียนตามปกติ หลังจากที่กีฬาสีที่โรงเรียนจบลง อีกไม่นานฉันก็จะปิดเทอมแล้ว อีก 2 อาทิตย์เอง ตอนนี้ฉันยืนรอเซนหน้าโรงเรียน วันนี้เป็นเวรเขาที่จะต้องมารับฉันตามปกติ ส่วนแฮร์รี่ก็หายไข้เป็นปกติแล้ว ตอนนี้ก็ไปเริงร่า และทำงานได้ ฉันสงสารเขานะ พอหายไข้แล้วก็ต้องไปทำงานทันทีเลย แต่ก็นะ คนมันดัง อะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอก
“วันนี้เป็นไงบ้าง”ฉันถามเขาเหมือนทุกๆวัน
“ก็ดีนะ แต่วันนี้เราต้องไปงานเลี้ยงน่ะ พอดีว่า เราอยากพาเธอไปด้วยน่ะ”
“ฮะ??!! นายจะบ้าหรอ ฉันไม่มีเสื้อผ้านะ แถมเป็นงานใครฉันก็ไม่รู้จักด้วย พาฉันกลับบ้านเถอะนะ ฉันอยู่คนเดียวได้”ฉันรัวใส่เขาเป็นชุด
“ใจเย็นๆสิ เรื่องเสื้อผ้าน่ะ พวกเราให้แดเนียลและแอลเลนเนอร์จัดการให้เธอแล้ว และเราก็จะไม่มีทางทิ้งเธอไว้ที่บ้านคนเดียวเด็ดขาด”
“เราหรอ??”
“ใช่แล้วเบบี๋ เอาหละ ถึงแล้ว”
แล้วเราก็มาถึงบ้านอย่างรวดเร็ว อยากบอกว่า เซนเป็นคนที่ขับรถเร็วมาก ทุกวันที่ฉันนั่งกับเขา ฉันจะผวาทุกครั้งเลย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่ผวา เพราะฉันมัวแต่เถียงกับเขาน่ะสิ
“ไม่อาวววววววว ฉันไม่ปายยยยยยยยยยย!!”
ฉันโดนเซนอุ้มพาดบ่า หลังจากที่เกาะประตูรถเขา กว่าเขาจะแกะฉันออกมาได้ รถแทบพัง
“ต้องไป ไม่งั้นฉันจะไม่ให้ไนออลแบ่งของกินเธอนะ”เซนพูดเสียงเด็ดขาด
พอเห็นแบบนั้นฉันก็เงียบปาก เพราะของกิน ฉันยอมรับ ฉันมันเห็นแก่กิน
“เอาหละ เชิญพวกเธอจัดการเลย”แล้วเซนก็วางฉันลงหน้าห้องฉัน แล้วแอลกับแดเนียลก็ลากฉันไปแต่งตัวทันที
“หน้าเธอเนี่ยแต่งไม่ยากเลยนะ อันที่จริงเธอไม่ต้องแต่งก็สวยอยู่แล้วนะ”แดเนียลพูดไปด้วย แต่หงน้าให้ฉันไปด้วย
“ช่วยบอกฉันทีได้มั๊ยค่ะว่านี้มันงานเลี้ยงอะไรกัน ทำไมถึงต้องแต่งตัวอะไรแบบนี้ไปด้วย”ฉันถามอย่างตรงๆ
“แหม..ก็งานเลี้ยงบริษัทน่ะจ้ะ ของโซนี่ มิวสิค ยูเคน่ะ ก็เลยอาจมีพวกคนดังๆหรือนักข่าวไปอะไรแบบนั้นน่ะจ้ะ”แดเนียลตอบฉัน พร้อมกับปัดแก้มให้ฉัน
งานเลี้ยงอะไรกันนะ ทำไมยัยอิซซาเบลเพื่อนฉันถึงไม่ได้ไป เอ...ฉันลืมไป ยัยนั่นนานๆทีเข้าสังคมจะตายไป คุณอาจสงสัยว่า อิซซาเบลคือใคร อิซซาเบลคือเพื่อนซี้ปึ้กของฉันเอง เธอเป็นคนอังกฤษที่มีเชื้อฝรั่งเศสนิดหน่อย แต่เธอเรียนที่ฝรั่งเศส พ่อแม่เธอเป็นเจ้าของบริษัทโซนี่ มิวสิค ของยูเค แต่พ่อแม่ส่งเธอมาเรียนที่ฝรั่งเศส เพราะอยากให้เธอได้ภาษาและก็มาอยู่กับคุณย่าของเธอ เพราะเธอสนิทคุณย่าของเธอมากๆ อิซซาเบลมีพี่ชาย 2 คน คือ โดมินิคกับเดเรค ขอบอกเลยว่า พี่ชายของเธอหล่อมาก และมีพรสวรรค์ชนิดพระเจ้าบันดาลมา เช่น โดมินิคหรือดอม เป็นนักธุรกิจที่ฉลาดอย่างมากพอๆกับพ่อและแม่ของเธอ แต่เขาก็ใจดีและนิสัยดีด้วย ส่วนเดเรค จะเรียกว่า ตัวป่วนก็ไม่ปาน เพราะเขามักจะมีอารมณ์ขันและชอบก่อกวน แต่เขาก็เป็นนักแต่งเพลงชนิดที่ว่า ฉันอยู่ตรงไหนฉันก็แต่งเพลงได้ ไม่ต้องรออารมณ์หรือแรงบันดาลใจ และเพลงที่เดเรคแต่งทุกเพลงก็ส่งไปติดชาร์ททุกเพลง
บางที ถ้าฉันไม่ได้เจออิซซาเบล ฉันอาจจะเจอพี่ชายของเธอก็ได้ หรืออาจจะเป็นพ่อและแม่ของเธอ ฉันสนิทกับพวกเขาทุกคนเลย เพราะอิซซาเบลมักจะพาฉันไปเจอครอบครัวของเธอทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมเธอที่ฝรั่งเศส
“เอาหละจ้ะ เสร็จแล้ว”
“นี่แดเนียล เอาชุดนี้หรือชุดนี้ดี ฉันว่า อีฟใส่ได้เหมาะนะ”
แอลโผล่มาพร้อมกับชุดเดรสที่มีราคาแพงในมือ 2 ชุด ชุดแรกเป็นชุดสีเขียว เรียบๆแต่ก็แอบเซ็กซี่นิดหน่อย ส่วนชุดที่สองเป็นชุดสีทอง ผ่ากลางอก แต่ก็มากับเกาะอกสีขาว และตรงเอวก็มีเข็มขัดสีดำ
แน่นอนว่า เป็นชุดที่ฉันไม่มีทางใส่แน่ๆ
“ฉันว่า สีทองน่ะสวยนะ”
แล้วฉันก็โดนจับยัดให้ใส่ชุดสีทอง แล้วก็รองเท้าส้นสูง ให้ตายเหอะ ฉันเกลียดส้นสูงจริงๆเลย ปวดส้น
หลังจากที่โดนจับแต่งหน้า ทำผม ยัดใส่ชุดและส้นสูงแล้ว ฉันก็เดินลงไปข้างล่างตามหลังแอลเลนเนอร์และแดเนียลไป แต่ขอบอกว่า แอลเลนเนอร์และแดเนียลสวยมากๆ
ส่วนฉัน ก็เดินแทบตกส้นสูงอยู่แล้ว
Harry’s part
พวกผมรอสาวๆที่แต่งตัวกันอยู่ข้างบน พวกเรานั่งดูทีวีรอ อย่างใจจดใจจ่อ ไนออลก็นั่งกินขนมและมองจอทีวี บวกกับมองบันไดที่ต่อขั้นไปยังชั้นสอง ส่วนผม เลียม และลูอิส ก็นั่งดูทีวีสลับกับดูบันได ส่วนเซนน่ะหรอ มันจะมองไปที่ไหนได้ นอกจาก... กระจก แล้วก็เซ็ทผม
คิดๆแล้วก็ตลกตอนที่เซนลากอีฟเข้าบ้าน ผมมองลงมาจากชั้นสอง ผมก็รู้เลยว่า เธอไม่อยากไปงานนั้นขนาดไหน แต่ทำไงได้ พวกเราไม่อยากทิ้งเธอให้อยู่บ้านคนเดียวนี้นา
“เอาหละหนุ่มๆ พวกเราขอเสนอ...”เสียงของแอลลงมาพร้อมกับแดนที่แต่งตัวได้สวยเหมือนทุกครั้ง
“...”พวกเราเงียบ รอฟังและรอดูอย่างใจจดใจจ่อ
“เอเวอรีน สตีฟส์ สุดสวย”แดนพูดพร้อมกับผายมือไปทางร่างเล็กที่มาพร้อมกับชุดสีทองที่พวกผมร่วมหุ้นกันซื้อให้เธอ อันที่จริง ชุดสีเขียวด้วยนะ เอามาเผื่อ
“ว้าวววว”พวกเราอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
เธอสวยมาก
“ฉันดู...แปลกมากมั๊ย”เธอถาม
“ไม่หรอก เธอสวยมาก”เซนที่เหมือนจะตั้งสติได้คนแรกก็เดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับยื่นมือไปหาเธอ
เธอจับมือหมอนั่น แล้วก็เดินไปพร้อมๆเซน
อะไรหว๊า...ตัดหน้ากันนี่หว่า
แล้วพวกเราก็เดินตามกันไปขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอไม่นานมานี้เอง
ผมอยากบอกว่า ผมละสายตาจากเธอไม่ได้จริงๆ จนบางครั้งแดเนียลและแอลเลนเนอร์ก็แซวผมใหญ่เลย พอเรามาถึงที่งานเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้ง 8 ก็ไปถ่ายรูป งานนี้เป็นงานที่พวกปาปารัซซี่ห้ามถามหรือสัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นงานที่ค่อนข้างส่วนตัว มีเพียงแค่แฟนคลับ และก็คนที่เกี่ยวข้องกับงานนี้จริงๆ ส่วนพวกผมต้องไปแสดงคอนเสิร์ตนิดหน่อยบนเวที เหมือนกับศิลปินคนอื่นๆ
ผมอีฟยืนข้างๆผมและเซน ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนมจนน่าอิจฉา และพวกเราก็แยกย้ายกันไปถ่ายรูปกันคนอื่นๆ ส่วนอีฟก็ยืนอยู่ในมุมมืด มืดจริงๆนะ เพราะเธอบอกว่าเธอรำคาญแสงแฟลช เธอแสบตามาก เลยขอไปยืนพักสายตาที่มุมมืด อีกไม่นานก็ได้เวลาเข้างานแล้ว
แล้วเธอก็ยืนคุยกับผู้ชายอีก 2 คน ซึ่งคงเป็น โดมินิคกับเดเรค ลูกชายเจ้าของบริษัท แต่พวกเขารู้จักกันได้ยังไงน่ะ ?
Eve’s part
ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในมุมมืดของทางเข้างาน เพราะฉันแสบตากับแสงแฟลช ฉันเลยบอกพวกหนุ่มๆว่าขอมายืนพักสายตาเสียหน่อย พวกเขาก็อนุญาต ระหว่างที่ยืนพักสายตาอยู่ ดอมกับเดรค พี่ชายทั้งสองของยัยอิซซี่หรืออิซซาเบลก็เดินเข้ามาคุยกับฉัน พระเจ้า พวกเขาโตขึ้นแล้วดูดีมากเลย
“ไม่ยักรู้แฮะว่า one direction เป็นโฮสต์แฟมิลี่ของเธอ”ดอมพูด
“ตอนแรกอีฟก็ไม่รู้เหมือนกัน อีฟตกใจมากเลยหละ แต่พออยู่กันไปมา พวกเขานิสัยดีมากๆเลยนะ”
“พวกนั้นนิสัยดีจะตายไป พี่ชอบทำงานกับพวกเขามากเลย”เดรคพูดอยางชื่นชม
“แล้ว..น้องสาวตัวเล็กของเราเป็นไงบ้างหละ”ดอมถามขึ้น นอกจากพวกเขายังเป็นคนที่มีพรสวรรค์แล้ว หน้าที่พี่ชายที่ดี พวกเขาก็ไม่ตกหล่นหรือบกพร่องแต่อย่างใด
“ยัยอิซซี่ก็โตขึ้นค่ะ แต่นิสัยเกลียดเพลย์บอยก็เท่าเดิม”ยัยอิซซี่เป็นคนที่เกลียดเพลย์บอกเข้ากระดูกดำทีเดียว
“ฮ่าๆๆ แน่นอนหละ”เดรคพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“ดีใจจังที่ได้เจออีฟ พี่อยากพูดฝรั่งเศสอยู่พอดีเลย ไม่ได้พูดนาน จนจะลืมอยู่แล้วเนี่ย”ดอมพูดขึ้น
ฉันได้บอกหรือเปล่านะ ว่าตอนนี้พวกเรา 3 คนคุยกันเป็นภาษาฝรั่งเศสอยู่ ทำให้บางคนที่เดินผ่านก็ทำหน้างงๆเล็กน้อยถึงขั้นปานกลาง
“แหม...บ่นเหมือนยัยอิซซี่เลยนะค่ะ บางครั้งอีฟต้องพูดภาษาอังกฤษกับอิซซี่ทั้งอาทิตย์เลย เพราะยัยนั่นคันปากอยากพูด”
“ฮ่าๆๆๆ”
“เออ ว่าแต่ พ่อกับแม่อีฟเป็นไงบ้างหละ”ดอมถามขึ้นทำลายความเงียบ
“ก็ดีค่ะ อยู่สุขสบายดี”
“พี่...เสียใจด้วยนะ เรื่อง เรย์โนลด์”ดอมพูดขึ้น
“ไม่เอาน่าดอม อย่าดราม่าสิ”เดรคเถียง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงพวกพี่ๆก็เป็นเพื่อนกันนี่นา”ฉันพูดขัดก่อนที่ดอมอาจจะรู้สึกผิดที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาผิดเวลา
“ฉันคิดถึงไอ่เรย์มันจัง ป่านนี้ฉันกับมันคงนั่งช่วยกันแต่งเพลงอยู่ที่หอไอเฟลแล้วม้างงง”ความคิดแต่งเพลงมีเดรคอยู่คนเดียวเท่านั้น
“นายนั่นแหละจะพาดราม่าไอ่น้องตัวแสบ”พอดอมพูดจบ ก็เอาแขนรัดคอเดรค เล่นกันเหมือนเด็กจริงๆเลยสองพี่น้องคู่นี้
“เอ่อ..ขอโทษที่รบกวนนะ เราต้องเข้าไปข้างในแล้วนะอีฟ”แฮร์รี่เข้ามาพร้อมกับจับมือฉันไว้
“แล้วเจอกันนะอีฟ”ดอมพูดพร้อมกับโบกมือนิดหน่อย
“เจอกันค่ะดอม”ฉันตอบ แล้วแฮร์รี่ก็ลากฉันออกไป
ฉันเดินเข้าไปในงานพร้อมกับ one direction และแฟนของพวกเขา เรานั่งฟังพวกผู้ใหญ่หลายๆคนที่ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์หลายๆแหล่ ซึ่งก็ใช้เวลานานพอควร จนฉันนั่งปวดก้นจนชาไปถึงเอวแล้ว โชคดีที่มีของกินมาเสิร์ฟอย่างไม่ขาดสาย ไม่งั้นฉันคงหลับคาไหล่แฮร์รี่ที่นั่งข้างๆฉันแน่ๆ
ฉันกับไนออลเรียกได้ว่าแข่งกันกินก็ไม่ปาน เพราะฉันหิวมาก ตั้งแต่ตอนเที่ยงฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากฮอทดอกชิ้นเดียว และฉันก็ใช้พลังงานเยอะมากไปกับการนั่งจดงานที่ห้องสมุด เพราะฉันจดไม่ทันในคาบเลยต้องขอเพื่อนมายืมลอก ส่วนไนออล ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเขาเป็นคนที่กินเยอะขนาดไหน
“อะไรทำให้เธอกินเยอะขนาดนี้เนี่ย”เซนถามขึ้น
“พอดีตอนเที่ยงกินแค่ฮอทดอกชิ้นเดียว แล้วก็ไปนั่งจดงานต่อน่ะ”
การคุยกับเซนแค่ไม่กี่วินาที ทำให้ฉันพลาดท่าไนออลไป เพราะชิกเก้นสติกส์ชิ้นสุดท้ายอยู่ในปากเขาแล้ว ให้ตายเหอะ ฉันยังไม่อิ่มเลยนะเนี่ย
“เฮ้ ขี้โกง”ฉันบอกไนออล
“เสียใจ เธอหันไปคุยกับเซนเองนะ”เขาบอกด้วยหน้าซื่อๆแอบเจ้าเล่ห์ของเขา
“เชอะ”ฉันเลยเบ้หน้าแล้วนั่งกุมท้อง เพราะกลัวท้องร้อง
“เอาของฉันไปกินก็ได้”จู่ๆแฮร์รี่ก็เลื่อนจานที่มีสปาเก็ตตี้เกือบเต็มจานเลย
“นายไม่หิวหรอ”ฉันถาม
“คงไม่เท่าเธอหรอก กินไปเถอะ”แฮร์รี่ยิ้มให้ฉันเบาๆ
ฉันยิ้มตอบ แล้วก็รับจานสปาเก็ตตี้เขามาแต่โดยดี
1 ชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้เป็นตอนที่หนุ่มๆขึ้นไปร้องเพลง ขอบอกว่าทุกคนดูมีเสน่ห์มาก เกือบลืมไปเลยว่า เวลาอยู่บ้านพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากลิง
คิวต่อจากหนุ่มๆคือ ลีโอน่า เลวิส พระเจ้าช่วย เธอสวยมาก เสียงก็เพราะ แถมเสียงพูดของเธอเหมือนกับนางฟ้าเลยหละ คนอะไรเสียงหวานจริงๆ
“จ้องไม่วางตาเลยนะ ฉันชอบเธอนะ”เลียมพูดขึ้น
“แดเนียลก็อยู่นะเลียม ตีเขาเลยค่ะแดเนียล”ฉันพูดกรอกหูแดเนียลที่เลื่อนมานั่งข้างฉันเบาๆ
“ฮ่าๆๆ ตีด้วย mouth ตรงนี้นะแดน”เลียมพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้ที่แก้มเขาเบาๆ
นี่เลียมกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน -_-!!
ทุกคนหัวเราะเบาๆแล้วก็หันหน้าไปจดจ่อกับเวทีที่ลีโอน่า เลวิสกำลังร้องเพลงอยู่
แล้วงานก็เลิก เหลือเพียงแต่ต้องไปถ่ายรูปแล้วก็ไปคุยธุระอื่นๆอะไรต่อมิอะไร ฉันเบื่อมาก เลยเดินไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่สวนสาธารณะที่ไกลจากงานเพียง 30 เมตร ฉันทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้เพราะเท้าฉันเริ่มปวดเกินทนแล้ว ให้ตายเหอะ คนพวกนั้นอยู่ได้ยังไงนะ ใส่ส้นสูง ใส่หน้ากากเข้าหากัน ฉันทำแบบนั้นไม่เป็นหรอกนะ
แต่จู่ๆ ร่างสูงของคนที่ฉันคุ้นเคยดี ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆฉัน
“ไง”
“ไง แฮร์รี่”
“มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย”
“ฉัน...มานั่งรับลมเย็นๆน่ะ“
“ปวดเท้าใช่มั๊ยหละ”
“นายรู้ได้ไง”
“จากสีหน้าเธอไง และอีกอย่าง เธอถอดส้นสูงออกแล้วก็นั่งทำหน้าเหมือน...”แล้วเขาก็ล้อเลียนฉัน ด้วยการเบ้ปากเล็กๆของเขา
“โอเคๆ ก็ได้ ฉันยอมรับ”ฉันยอมแพ้เขาอย่างโดยดี
แล้วเขาก็นั่งคุกเข่าข้างหน้าฉัน แล้วก็คว้าเท้าข้างขวาของฉันขึ้นมา พร้อมกับบรรจงนวด ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย มือเขานุ่มอย่างกับขนนกแน่ะ
“เป็นไง”แฮร์รี่ถามขึ้นพร้อมกับยิ้มเบาๆ
“ดีขึ้นมากเลยหละ”ฉันยิ้มตอบ
แล้วเขาก็เปลี่ยนไปนวดอีกข้างให้ฉัน ซึ่งมันก็ดีขึ้นมาก แต่เพราะอากาศที่เริ่มเย็นขึ้น ทำให้ฉันเริ่มสั่น มือเริ่มประสานเข้าหากันเพื่อพยายามคลายความหนาว แต่ก็ไร้ประโยชน์
“หนาวหรอ”แฮร์รี่ถามขึ้น ตอนนี้เขาเปลี่ยนมานั่งข้างๆฉัน
“อื้ม”
ฉันตอบพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้ทั่งมือและเท้าเริ่มเย็นขึ้น
พรึ่บ!
จู่ๆแฮร์รี่ก็เอาเสื้อสูทของเขามาวางบนไหล่ฉัน แล้วเขาก็ถอดถุงเท้าของเขาแล้วก็เอามาสวมให้ฉันแทน
“นี่”ฉันดักไว้ก่อนที่เขาจะสวมถุงเท้าให้ฉัน
“...”เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉัน
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนายหนาว นายเพิ่งหายไข้ไม่กี่วันเองนะ”
“นี่ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันทนได้”
“นายไม่ใช่สีทาบ้านนะ ถึงมาทนได้น่ะ เอาไปเถอะ แค่เสื้อสูทก็เกรงใจจะแย่แล้ว เดี๋ยวอีกไม่นานก็กลับบ้านแล้วด้วย”
“เธอนี่ดื้อจริงๆเลย เอาเถอะ รีบไปกัน เดี๋ยวคนอื่นรอนาน”
ฉันลุกขึ้นเดินแล้วก็ถือรองเท้าไว้ เพราะถ้าฉันใส่อีกมีหวังได้เจ็บเท้าอีกแน่ๆเลย
“ไม่ใส่หรอ”แฮร์รี่เห็นอย่างนั้นก็ถามขึ้นมา
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวเจ็บอีก”
“ขี่หลังฉันมา”
“ไม่เอา เดี่ยวนายหนัก”
“เอาเถอะน่า หรือเธอจะให้ฉันอุ้มไปเอง”แฮร์รี่ทำท่าเหมือนจะอุ้มฉัน
“อะ...โอเคๆ ขี่หลังก็ขี่หลัง”
ฉันทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย แล้วแฮร์รี่ก็แบกฉันไปที่ลานจอดรถ
ระหว่างทาง
ฉันเหลือบมองหน้าแฮร์รี่เล็กน้อย ฉันอยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง ฉันชอบขี่หลังแฮร์รี่ ฉันชอบอยู่ใกล้ๆแฮร์รี่ ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นเขา ไม่ใช่เพราะฐานะที่เป็นคนในวง one direction สำหรับฉันเขาเป็นแค่ แฮร์รี่ สไตล์ ผู้ชายธรรมดาที่ทำให้ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเวลาที่อยู่กับเขา เจ็บปวดทุกครั้งเวลาที่เห็นเขาเศร้า และรู้สึกอบอุ่นเวลาที่อยู่กับเขา ฉันคิดไปเรื่อยๆพร้อมกับหลับตาลง แล้วก็หลับไปในเวลาต่อมา
ขอโทษที่มาช้านะค่ะทุกคน
พอดีวันนี้ไรเตอร์ไปส่งงานที่โรงเรียน เลยมาอัพให้ช้าหน่อย
ความคิดเห็น