ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Moments (one direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 56


    Chapter 7
     

                Liam’s part

                ผมกลับมาบ้านด้วยความสุข รอยยิ้มเปื้อนหน้าตลอดทางเลย ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่แดเนียลก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนที่เวนดี้ทำ ผมไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร แต่ผมรู้แค่ว่าผมเริ่มจะรักเธอเข้าแล้วหละ

                    “เลียม แอนนาขอคุยด้วย”

                    จู่ๆเซนก็เดินเข้ามาบอกผมด้วยใบหน้าบึ้งตึงหลังจากที่ผมเพิ่งเดินเข้ามาบ้านได้ไม่นาน

                    ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ผมได้แต่เดินตามไปที่ห้องรับแขกที่ตอนนี้มีเพียงผมกับแอนนาที่นั่งคุยกันอยู่ 2 คน

                    “มีอะไรหรอครับ”

                    ผมถามออกไป แอนนานั่งไขว้ห้างมองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมเดาไม่ค่อยออก

                    “นายก็รู้ใช่มั๊ยว่าการที่นายเลิกกับแดเนียลเป็นเรื่องใหญ่โตในหมู่แฟนคลับมาก”

                    แอนนาพูดขึ้นมาอย่างจัง

                    “ครับ ผมรู้ แต่เราไม่มีเวลาให้กันจริงๆล...”

                    “พอเถอะๆ ฉันรู้ว่า พวกเธอสองคนไม่มีเวลาให้กัน และยากกับการรักษาความสัมพันธ์ อะไรเทือกๆนั่นแหละ”

                    “ผมว่าเราเข้าประเด็นเลยดีกว่าครับ คุณอยากให้ผมทำอะไร”

                    ผมพูดตรงๆไป เพราะผมรู้สึกอยากนอนพักผ่อนเต็มทีแล้ว

                    “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่อยากให้นายกลับไปคบกับแดเนียลเหมือนเดิม”

                    !!!!

     

                “ฉันว่าเธอบ้าไปแล้วแน่ๆ”

                    “นั่นสิ คนเพิ่งเลิกกันนะ จู่ๆจะให้กลับไปคบกันอีกที มันไม่แปลกๆหรอวะ”

                    “ฉันว่านายไม่ต้องทำหรอกเลียม ถึงจะเป็นการทำเพื่อแฟนคลับ แต่ถ้านายไม่มีความสุข พวกเขาและพวกเราก็ไม่มีความสุขหรอกนะ”

                    “ใช่ๆ อีฟพูดถูก นายไม่ต้องทำก็ได้นะเลียม”

                    เพื่อนๆของผมมาล้อมหน้าล้อมหลังผมเต็มไปหมดและพูดให้กำลังใจผม ผมรู้สึกดีจังที่มีพวกเขา

                    “ฉันว่า...ฉันขอกลับไปคิดก่อนดีกว่านะ ไปละ ไม่ต้องมาตามให้มากินข้าวเย็นหละ เดี๋ยวฉันเดินลงมาเอง”

                    ผมรีบตัดบทเพื่อนๆทุกคนแล้วก็เดินขึ้นห้องนอนไป

                   

    ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงหลังจากที่ปิดประตูห้องนอนเรียบร้อยแล้ว

    นายลองคิดดูนะ แฟนคลับนายเค้าชอบนายกับแดเนียลมากเลยนะ แล้วอีกอย่างอัลบัมใหม่ก็ใกล้จะออกแล้ว ถ้านายกลับไปคบแดเนียลอีกที ลองคิดดูนะว่ายอดขายซีดีจะมากขึ้นขนาดไหน คนเค้าก็จะคิดเป็นตุเป็นตะว่าเพลงนี้เลียมช่วยแต่งเพราะเค้าคิดถึงแฟนสาวของเขา และมันจะทำให้ยอดขายอัลบัมเยอะขึ้นไปอีก

    ผมหลับตาลงทั้งๆที่คำพูดของแอนนายังคงก้องอยู่ในหัวของผมเต็มไปหมด

    และอีกอย่างนะ ถ้าเกิดพวกนายกลับมาคบกันจริงๆ ก็จะมีแฟนคลับมาทำเทรนด์ในทวิตเตอร์ และยิ่งทำให้พวกนายโปรโมทอัลบัมได้มากขึ้นไปอีก

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกทีหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นนั่งคิดแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

    คืนดีกับแดเนียล มันไม่ใช่แค่ทำให้มียอดขายอัลบัมเพิ่ม แต่มันยังทำให้แฟนคลับมีความสุขด้วย

    แต่ผมพร้อมแล้วหรอ ที่จะแลกความสุขของตัวเองไปกับเรื่องนี้

    แล้วเวนดี้หละ

    ผมรักเธอนะ จะให้ผมกลับไปคบกับแดเนียลทั้งๆที่ยังรักเวนดี้น่ะหรอ

    ผมหลับตาอีกครั้งแล้วก็นึกถึงนัยน์สีเขียวเกือบเทาคู่สวยของเวนดี้ ที่มองกี่ทีก็ละสายตาไม่ได้ เวลาที่เธอยิ้มทำให้หัวใจผมพองโตด้วยความสุข ผมยิ้มตามเมื่อคิดถึงรอยยิ้มของเธอ และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย

     

    Wendy’s part

    ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามากๆ ฉันไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้เลยนะเนี่ย

    คร๊อออกกก

    ฉันรู้แล้วทำไมฉันถึงตื่นเช้า เพราะฉันหิวนั่นเอง ไม่น่ากินข้าวนิดเดียวเลยฉัน

                    ฉันค่อยๆเดินลงไปยังชั้นล่าง เชื่อฉันเถอะว่าพ่อกับพี่ชาลียังไม่ตื่น

                    “หมายความว่ายังไงครับพ่อ”

                    เสียงพี่ชาลีดังมาจากห้องกินข้าวที่อยู่ติดกับครัว เอ...ผิดคาดแฮะ

                    “ทางโรงพยาบาลเค้ายังหาปอดที่จะเปลี่ยนใหม่ให้เวนดี้ยังไม่ได้เลย และค่ายาก็เริ่มแพงขึ้นด้วย เงินที่เรารวมกันก็ยังไม่พอเพราะต้องผ่อนจ่ายค่ารักษางวดที่แล้วอีก”

                    เสียงพ่อดูเครียดมาก ฉันแอบหลบมุมฟังพ่อกับพี่ชาลีคุยกัน

                    “แล้วมันเหลืออีกเท่าไหร่ครับพ่อ”

                    “อีกประมาณเกือบห้าหมื่นปอนด์เลยหละชาลี”

                    ฮะ...?? หมายความว่า พวกเขาค้างค่ารักษาฉันเกือบห้าหมื่นปอนด์เลยหรอ

                    น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมา ฉันเอามืออุดปากเพราะไม่อยากให้พ่อกับพี่ชาลีได้ยิน ฉันค่อยๆวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเองแล้วก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียงจนหลับไป

     

                    ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณเที่ยงๆ วันนี้ไม่มีเรียนเพราะพี่แดเนียลไม่ว่างมาสอน ส่วนพ่อกับพี่ชาลีก็ออกไปทำงานเหมือนอย่างเคย ฉันแต่งตัวแล้วก็เดินออกไปข้างนอกโดยไม่ลืมล็อกประตูบ้าน

                    ฉันเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงสวนสาธารณะที่เดิมที่ฉันชอบมาบ่อยๆ

                    ทางโรงพยาบาลยังหาปอดมาเปลี่ยนให้เวนดี้ยังไม่ได้เลย...

                    อีกประมาณเกือบ 5 หมื่นปอนด์เลยหละชาลี...

                    เสียงของพ่อยังคงวนเวียนอยู่ในหัวฉัน ฉันน้ำตาไหลออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นตัวภาระขนาดไหน ถึงพ่อจะเป็นทันตแพทย์ เงินเดือนเยอะ แต่ใช่ว่าเงินนั้นจะพอต่อค่ารักษาของฉัน เพราะตอนที่พี่ชาลีเรียนมหาลัย พ่อก็เอาเงินพ่อออกค่าเทอมให้พี่ชาลี ส่วนเงินแม่ก็เป็นค่าเรียนของฉัน และถึงแม้ว่าตอนนี้พี่ชาลีจะเป็นนักแต่งเพลง แต่เงินที่พี่ชาลีได้มาก็ไม่พอต่อค่ารักษาของฉันอยู่ดี เพราะพี่ชาลีเพิ่งเริ่มทำงานได้แค่ไม่กี่เดือนเอง

                    ฉันเดินไปยืมตรงริมสระน้ำ ถ้าคว่ำไปแค่นิดเดียวก็ต้องตกน้ำแน่ๆแถมน้ำที่นี้ก็ลึกและเย็นมากด้วย แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะฉันอยากตาย เรื่องทุกอย่างจะได้จบๆไป พ่อแม่และพี่ชาลีจะได้ไม่ต้องมาลำบากเพราะฉัน น้ำตาฉันไหลออกมาไม่ขาดสาย ฉันปาดน้ำตาออกก่อนจะก้าวขาออกไป

                    “อย่านะเวนดี้!!!!

                จู่ๆก็มีมือแกร่งของใครคนหนึ่งคว้าฉันไปข้างหลัง ส่งผลให้ตัวฉันล้มทับเขา ฉันเงยหน้ามอง

                    “เลียม”

                    “ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ!!

                สำเนียงอังกฤษที่มักจะสุภาพ ตอนนี้กลับสบถออกมาใส่ฉันอย่างร้อนรน

                    ฉันลุกขึ้นนั่งดีๆแล้วก็ผลักเขาออกไป

                    “มันไม่ใช่ธุระอะไรของนาย!!

                    ตอนนี้ฉันโมโหมากเพราะเขาพูดไม่ดีกับฉันเอง

                    “โอเค เอาหละ ผมขอโทษ แต่คุณช่วยเล่าเรื่องที่ทำให้คุณอยากทำร้ายตัวเองแบบนี้ได้หรือเปล่า”

                    เขาเริ่มพูดสุภาพขึ้น ทำให้อารมณ์ฉันเริ่มเย็นลงไปบ้าง

                    ฉันหันหน้าไปมองที่สระแล้วก็คิด

                    ฉันอยากบอกเรื่องนี้กับใครสักคน แต่ฉันกลัว ฉันกลัวว่าพอเขารู้ เขาก็จะทิ้งฉันไป มีเพื่อนหลายคนทำกับฉันแบบนี้แหละ ยกเว้นเพื่อนที่ไทย พวกเขาไม่เคยทิ้งฉันเลยแต่ก็แค่ห่างกันไปเฉยๆ

                    “เวนดี้”

                    เลียมเรียกชื่อฉันเบาๆ ฉันหันหน้าไปมองที่เขา

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลของเลียมสบเข้ากับตาฉัน เขาจับมือฉันไว้แล้วก็พูดในสิ่งที่ทำให้ฉันมั่นใจในตัวเขา 

                    “ผมสัญญานะ ถ้าคุณเล่าให้ผมฟัง ผมจะฟังอย่างตั้งใจและผมขอสัญญาว่า ต่อให้มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดไหน ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณให้เผชิญเรื่องนี้คนเดียว ผมสัญญา”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×