ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Moments (one direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 56


    Chapter 5
     

                วันต่อมา

                    ‘You know I’ll be your life

    Your voice, you’re reason to be…’

                    ฉันนั่งฟังเพลง Moments ของ one direction ในไอพอด ฉันนั่งฟังไปด้วยน้ำตาไหลไปด้วยเพราะอินกับเพลงมาก เพลงนี้พี่ชาลีช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วยหละ ฉันเข้าใจอารมณ์คนแต่งได้เลย

                    ถ้าเกิดว่า...มีผู้ชายคนหนึ่งรักฉันมากขนาดนั้นแล้ววันหนึ่งฉันต้องตายขึ้นมา เขาจะอยู่ได้หรอ เขาจะตายตามฉันหรือเปล่า หรือเขาจะลืมฉันแล้วก็ก้าวเดินต่อไป

                    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

                ฉันรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วก็เดินไปเปิดประตูให้กับพี่แดเนียลที่เป็นครูสอนโฮมสคูลของฉันในช่วงนี้

                    “สวัสดีค่ะพี่แดเนียล”

                    “สวัสดีจ้ะเวนดี้”

                    ฉันหลีกทางให้เธอเดินเข้ามา แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะสอนหนังสือที่เดิมอย่างเช่นเคย พี่แดเนียลที่เดินตามฉันมาก็นั่งลงแล้วเริ่มสอนหนังสือฉันตามเคย

                    “วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ้ะ”

                    พี่แดเนียลพูดพลางเก็บกระเป๋าของเธอไปด้วย

                    “โอ๊ยยย เรียนเสร็จสักที”

                    ฉันพูดพลางบิดขี้เกียจไปด้วย

                    “ฮ่าๆๆ วันนี้พี่ไปก่อนนะจ้ะ พี่ต้องไปซ้อมเต้นน่ะ”

                    “ค่ะ เดินทางดีๆนะค่ะ”

                    ฉันส่งพี่แดเนียลเสร็จ ฉันก็รีบเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพราะวันนี้ฉันวางแผนว่าจะไปซื้อหนังสืออยู่ๆแถวในย่านอยู่พอดีเลย

                    ฉันทิ้งโน้ตไว้ ล็อกบ้านให้เรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากบ้านไป

                   

                    ฉันซื้อหนังสือเสร็จแล้วก็เดินเอื่อยๆไปตามทาง

                    ครืน! ครืน!

                ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตกก็ตกลงมาอย่างง่ายดาย ฉันรีบวิ่งไปหลบอยู่ที่ป้ายรถเมล์  แต่ป้ายรถเมล์ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันเปียกน้อยลง ในทางกลับกันยิ่งทำให้ฉันเปียกมากขึ้นไปอีก

                    “อ้าว เวนดี้”

                    จู่ๆเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเจอทุกครั้งที่ออกจากบ้านก็ดังขึ้น เสื้อแจ็กเก็ทสีเทาที่สวมทับเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบที่ดูเรียบๆแต่ก็มีราคาแพงทำให้ฉันรู้ทันทีเลยว่าใคร

                    “เลียม”

                    ฉันพูดชื่อของคนตรงหน้าเบาๆ

                    “เจอกันอีกแล้วสินะ”

                    เขาพูดแล้วก็เกาหัวแกรกๆอย่างเคอะเขิน

                    นี่เขาเขินหรอ...

                    “ใช่ เจอกันอีกแล้ว คุณมาทำอะไรแถวนี้หรอ”

                    ฉันถามอย่างสงสัย

                    “ก็...มาซื้อของนิดหน่อยน่ะครับ พอดีฝนตกเลยมาหลบอยู่ที่นี่น่ะครับ แล้วคุณหละ”

                    “ฉันมาซื้อหนังสือน่ะค่ะ”

                    “ท่าทางฝนจะตกนานเลยนะเนี่ย ผมว่าเราฝ่าฝนไปที่รถผมก่อนดีมั๊ยครับ”

                    “ฮะ?”

                    ในขณะที่ฉันกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เขาก็ถอดเสื้อแจ็กเก็ทของเขา คลุมหัวเราทั้งสองคนไว้

                    “พอนับหนึ่งถึงสามแล้วเราก็รีบวิ่งไปตรงนั้นเลยนะครับ”

                    “ค่ะๆ”

                    ฉันพยักหน้าเข้าใจ

                    “หนึ่ง สอง สาม ไปเลยๆ”

                    ฉันกับเลียมออกวิ่งไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้ารถเมล์เท่าไหร่ พอเราถึงตัวรถแล้ว เลียมก็เดินไปเปิดประตูทางฝั่งข้างคนขับให้ฉันเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว เขาปิดประตูรถเมื่อเห็นว่าฉันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว  ส่วนตัวเขาก็รีบวิ่งอ้อมรถเพื่อมาขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้ตัวเขาเปียกมากขึ้น

                    “ส่งที่ไหนดีครับ”

                    เลียมหันมาถามฉันพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ฉันยิ้มแล้วก็ตอบ

                    “ที่บ้านฉันก็แล้วกันค่ะ”

                    แล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่บ้านฉัน

                    ระหว่างทาง

                    Liam’s part

                ผมเหลือบมองร่างเล็กของผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมเป็นระยะๆ เธอหลับตาพริ้มอยู่ แต่ร่างของเธอก็ยังสั่นเทาด้วยความหนาวจากแอร์เย็นของรถ ผมว่าผมหรี่แอร์มาอยู่ที่เลขน้อยสุดแล้วนะ

                    ตอนนี้รถค่อนข้างติด เพราะมันเป็นช่วงเลิกงานประกอบกับฝนยังตกไม่หยุดเลย ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบแจ็กเก็ตอีกตัวที่อยู่เบาะหลัง แล้วเอามาห่มให้เธอ ร่างเธอสั่นน้อยลงแต่เธอก็ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม

                    ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

                หัวใจผมมักจะเต้นแรงขึ้นเวลาที่คิดถึงเธอหรือเห็นหน้าเธอ ผมโน้มหน้าเข้าไปหาเธอเรื่อยๆ ริมฝีปากของเธอดึงดูดผม ประกอบใบหน้าของเธอ นัยน์ตาสีเขียวเกือบเทาที่เดาไม่ออกว่าจริงๆแล้วเธอรู้สึกยังไงกันแน่

                    ผมค่อยๆก้มลงบรรจงจูบที่แก้มของเธอเบาๆ แล้วก็ค่อยๆผละออกมา

                    “เฮ้ย เราทำอะไรไปวะเนี่ย”

                    ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆท่ามกลางความสับสนของตัวเอง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×