ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Moments (one direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 56


    Chapter 3
     

                    3 วันต่อมา

                    เฮ้อ...อยู่บ้านก็เริ่มเบื่อซะแล้วสิ

                    วันๆฉันไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่หรอก แค่ตื่นเช้ามาก็ทำงานบ้านเล็กน้อย รอเรียน แล้วก็กินยา นอน ตื่นมาตอนเย็นก็กินข้าว ดูทีวี แล้วก็กลับไปนอนต่อ

                    ช่างน่าเบื่อซะจริงๆเลย

                    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

                ฉันเดินออกไปเปิดประตูอย่างไม่ต้องคิดเลยว่าใครจะมา

                    ก็ครูที่มาสอนฉันไงหละ

                    “สวัสดีค่ะพี่แอชลีย์”

                    พี่แอชลีย์เป็นครูมาสอนโฮมสคูลให้กับฉัน เธอรับสอนให้ฉันทุกวิชาเลย เน้นว่าแค่ฉันคนเดียวนะ เพราะเธอรับจ๊อบเยอะมาก จนแทบไม่มีเวลาไปสอนคนอื่นๆเลย แต่โชคดีที่ฉันกับพี่แอชลีย์มักจะล็อกเวลาตรงกันเสมอ ฉันเลยเป็นศิษย์พี่แอชลีย์มาตลอด

    “สวัสดีจ้ะเวนดี้ วันนี้พี่ขอสอนแค่ 2 ชม.นะจ้ะ พี่ต้องไปทำงานที่อื่นอีกอ่ะ”

    และเป็นปกติที่ฉันจะเรียนกับพี่แอชลีย์วันละ 4 ชม. แค่ช่วง 9 โมง ถึงตอนบ่าย 1

    “ไม่เป็นไรค่ะพี่แอชลีย์ พอดีวันนี้เวนดี้ก็ขี้เกียจอยู่เหมือนกันค่ะ”

    “เธอก็ขี้เกียจทุกวันนั้นแหละ”

    พี่แอชลีย์ยีหัวฉันจนมันฟูไปหมด ฉันจัดหัวตัวเองดีๆแล้วก็เริ่มเรียน

     

    2 ชม.ต่อมา

    “วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ้ะ เดี๋ยวเดือนหน้าเตรียมตัวสอบไฟนอลด้วยหละ อ่อ แล้วก็อาทิตย์หน้าพี่ค่อนข้างยุ่งน่ะ เดี๋ยวพี่จะให้เพื่อนพี่มาสอนเวนดี้แทนแล้วกันนะจ้ะ คงไม่ว่าอะไรใช่มั๊ย”

                    “ไม่หรอกค่ะ อีกอย่างเปลี่ยนบรรยากาศไปเรียนกับคนอื่นบ้างก็ดีค่ะ เดี๋ยวเบื่อหน้ากันไปก่อนพอดี”

                    ฉันเบ้ปากเป็นเชิงหยอกๆให้พี่แอชลีย์ เธอยีหัวฉันอย่างหมั่นไส้อีกครั้ง

                    “เจอกันนะจ้ะ”

                    “ค่ะ”

                    พี่แอชลีย์เดินออกไปจากบ้านฉันอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

                    ฉันปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย เดินขึ้นห้องนอนตัวเองไปกินยา แล้วก็ล้มตัวลงนอน

               

                    ฉันตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย 3 วันนี้พ่อกับพี่ชาลีกลับช้ากว่าปกติ เพราะวันนี้มันวันจันทร์ ต่างก็งานเยอะทั้งคู่ ฉันเลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นแถวๆบ้านซักหน่อย

                    ฉันทิ้งโน้ตไว้ แล้วก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่ลืมล็อกประตู

                    โชคดีที่แถวบ้านฉันเป็นที่ๆค่อนข้างเป็นย่านสำหรับพวกร้านค้าของแบรนด์ต่างๆและก็อาหารอร่อยๆ ทำให้ฉันไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่เวลาที่ต้องออกมาซื้อของกิน และก็ยังอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่ฉันเข้าๆออกๆบ่อยๆด้วยหละ

                    ฉันเดินตามริมถนนไปเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะแถวๆโรงพยาบาล ฉันเดินไปตรงหัวมุมถนนในสวนสาธารณะมุมเดิมที่ฉันเจอเลียมครั้งแรก ที่ตรงนี้ใต้ต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่นที่มักจะมีคนจรจัดมานอน ตอนนี้ไม่มีคนจรจัดหรือลังกระดาษเก่าๆที่คนจรจัดมักจะใช้เป็นที่นอนอีกแล้ว สงสัยเจ้าหน้าที่คงมาไล่พวกเขาออกไปหมดแล้วหละมั้ง

                    ฉันเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ลึกๆในใจก็หวังว่าจะเจอกับผู้ชายสวมฮู้ดที่มาพร้อมกับหน้าตามอมแมม แต่แฝงฐานะที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้

                    นี่ฉันหวังอะไรอยู่เนี่ย....

                    แต่แล้วความหวังลึกๆของฉันก็เหมือนจะเกิดขึ้นจริง เมื่อฉันเห็นผู้ชายสวมฮู้ดสีเทา กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนี้ ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆอีก ก็พบว่า เขาคือ เลียม เพย์น

     

                    Liam’s part

                ผมมายืนรอที่เดิมที่ผมกับเธอเจอกันในตอนนั้น ผมมายืนรอเธอเวลาประมาณบ่าย 3 จนเกือบ 1 ทุ่มมา 3 วันแล้ว ผมแค่จะเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนให้เธอเท่านั้นเอง

                    จู่ๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายในเอ็มวี The man who can’t be moved ของ The script คนที่รอที่จะพบกับผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอมานานที่เดิมที่เคยเจอเธอตรงมุมถนน เขารอเธอไม่ว่าจะหนาว มีฝนหรือหิมะ แต่เฮ้...ผมไม่ได้มาทำเอ็มวีหรอกนะ แค่กะจะเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนให้เธอเฉยๆ

                    แล้วในที่สุดเธอก็มาซะที หัวใจผมเต้นเป็นจังหวะที่มีความสุขเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมยิ้มออกมา แล้วก็พูด

                    “สวัสดีอีกครั้งนะเวนดี้”

                    “เลียม...คุณเอ่อ...มาทำอะไรที่นี่หรอค่ะ”

                    “ผมมาเอ่อ...มาเดินเล่นน่ะครับ”

                    ใจจริงผมอยากตอบมากเลยว่าผมมารอเธอ ผมอยากเห็นนัยน์ตาสีเขียวเกือบเทาของเธอที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ตรึงตราตรึงใจของผมมาตลอดเท่านั้นเอง

                “เอ่อ...นี่ครับผ้าเช็ดหน้าคุณ ผมลืมคืนให้”

                    ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่เธอเคยให้ผมไว้

                    “ไม่ต้องคืนฉันหรอก เก็บไว้ใช้เถอะนะค่ะ”

                    เธอส่งยิ้มมาให้ผม นั่นทำให้ผมรู้สึกละลายไปตรงหน้าเธอเลยหละ

                    “สนใจไปนั่งดื่มช็อคโกแลตร้อนๆด้วยกันมั๊ยครับ”

                    “ก็ดีค่ะ”

                    แล้วเราก็เดินออกจากสวนสาธาณะไป

     

                    ตอนนี้เรามานั่งหน้าร้านกาแฟเล็กๆที่ไม่ค่อยมีผู้คนสักเท่าไหร่ นั่นยิ่งทำให้สะดวก เพราะจะได้ไม่เป็นที่สนใจของพวกแฟนคลับหรือผู้คน

                ผมถอดฮู้ดออกหลังจากที่พนักงานเอาช็อกโกแลตร้อนๆมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว  โชคดีที่ร้านนี้มีมุมมืดทำให้ผมไม่ค่อยเป็นที่สังเกตของคนในร้าน

                    คนตรงข้ามของผมนั่งจิบช็อกโกแลตร้อนอย่างเอร็ดอร่อย การได้มองเธอเนี่ยเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆเลย

                    “หน้าฉันมีอะไรติดหรือเปล่า”

                    เหมือนเธอจะรู้สึกตัว เธอเลยเอามือลูบหน้าตัวเองเล็กน้อย

                    “ไม่หรอกครับ ผมแค่...มองคุณเฉยๆ”

                    ผมพึมพำ 3 คำหลังราวกับพูดคนเดียว

                    “แล้ว...เอ่อ...งานคุณเป็นยังไงบ้างค่ะ”

                    เธอถามขึ้นหลังจากเราเงียบกันไปสักพัก

                    “ก็ดีครับ งานเยอะหน่อย แต่ช่วงนี้ต้องออกทัวร์คอนเสิร์ต”

                    “ดีจังเลยนะค่ะ ฉันอยากไปรอบโลกแบบนั้นบ้างจัง”

                    “ถ้ามีโอกาส ผมจะพาไปนะครับ”

                    ผมพูดออกไปโดยไม่ต้องคิด เธอดูเหมือนจะอึ้งๆไปเล็กน้อย จะไม่อึ้งได้ไงหละ เราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ยังไม่นับเพื่อนกันเลย จะพาไปเที่ยวแล้วหรอ

                    “เอ่อ...แล้ว...คุณชอบที่ไหนเป็นพิเศษหรอครับ”

                    ผมถามอย่างอ้ำๆอึ้งๆเล็กน้อย รู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้แฮะ

                    “อืม...ฉันชอบอิตาลีค่ะ ตึกรามบ้านช่องของคนที่นู้นเค้าสวยดี ฉันอยากดูหอเอนปิซ่าด้วยและก็เห็นว่าพิซซ่าอร่อย”

                    “คุณชอบพิซซ่าหรอครับ”

                    ผมถามต่อไปเรื่อยๆ ผมอยากรู้เรื่องเธอให้มากกว่านี้จัง

                    “ของโปรดฉันเลยหละค่ะ”

                    เธอยิ้มตอบมา ให้ตาย เธอจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องเพราะมัวแต่ใจเต้นนะ

                    ผมจ้องรอยยิ้มนั่นเนิ่นนานราวกับถูกต้องมนตร์ หลังจากที่เลิกกับแดเนียล ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกตอนนี้เลย มันเต็มไปด้วยความสุข

                    “ฉันต้องไปแล้วหละค่ะ ฝนใกล้จะตกแล้ว”

                    เธอพูดขึ้น

                    “ให้ผมไปส่งนะครับ”

                    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านฉันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่”

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่า ผมเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกันนะครับ”

                    “อืม...เอางั้นก็ได้ค่ะ”

                    แล้วเราก็เดินออกจากร้านไปด้วยกัน

    _________________________________________________________________________________________________________

    ขอโทษนะค่ะที่ไรต์มาช้า
    พอดีความเร็วของเน็ตบ้านไรต์ไม่อำนวยอ่ะค่ะ :(

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×