ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Over Again (one direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 56


    Chapter 2
     

     Ronnie’s part

    วันนี้เป็นวันที่ฉันออกจากโรงพยาบาล และฉันก็ไปอยู่บ้านกับไนออลในช่วงที่เขาพยายามหาว่า ฉันเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่ ฯลฯ

    “เธอพักห้องนี้ไปก่อนนะจ้ะ พอดีมันเป็นห้องว่างน่ะจ้ะ”แม่ของไนออลหรือมอร่าพูดกับฉัน

    “ว้าว”ฉันอุทานออกมา

    ห้องนี้มันสวยมากจริงๆเลย เตียงอยู่กลางห้อง มีโต๊ะเครื่องเขียน และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆอย่างพร้อมเพรียง

    “ชอบมั๊ยจ้ะ”

    “ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ มอร่า”

    ฉันยิ้มและกอดเธอเบาๆ

    เธอกอดฉันตอบ

    “เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วลงไปกินข้าวนะจ้ะ”

    “ได้เลยค่ะ”

    ฉันยิ้มให้มอร่า เธอยิ้มให้ฉัน แล้วเธอก็เดินลงไป

    ส่วนฉันก็นอนเล่นบนเตียง

     

    “นี่ ไนออล วันนี้พารอนนี่ไปซื้อเสื้อผ้าด้วยนะลูก พอดีแม่มีธุระต้องไปต่างเมืองอีก 2-3 วัน”

    มอร่าพูดกับไนออลที่นั่งกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

    “ได้ครับผม”

    ไนออลเงยหน้าขึ้นมารับคำ แล้วก้มลงไปกินต่อ นี่เขาไม่กลัวอาหารติดคอหรือไงนะ

    “อย่าห่วงเลยจ้ะ ไนออลกินเร็วจนเชี่ยวชาญแล้ว อาหารไม่ติดคอเขาง่ายๆหรอก”

    มอร่าพูดขึ้น เหมือนเธอจะอ่านใจฉันออก ว่าฉันสงสัยอะไร

     

    ณ ห้าง

    ฉันสงสัยมากเลยว่า ทำไมไนออลถึงต้องปลอมตัว ด้วยการสวมฮู้ด แถมแว่นกันแดดอีก

    “นี่ ไนออล ทำไมนายถึงต้องสวมฮู้ด แถมต้องใส่แว่นกันแดดทั้งๆที่แดดก็ไม่ออกหละ”

    ฉันถามขึ้น

    “ก็...เอ่อ...ฉันเป็น...นักร้องน่ะ”

    “จริงหรอ???”

    ว้าว เจ๋งอ่ะ

    “จริงสิ ตามมา ฉันมีอะไรให้เธอดู”

    แล้วเขาก็ลากฉันไปที่ร้านขายซีดี แล้วเขาก็หยิบอัลบัมที่มีปกเป็นรูปผู้ชาย 5 คน แถมมีไนออลอยู่ในตู้โทรศัพท์ด้วย

    “นี่ ลูอิส นี่ เลียม คนที่ใส่หมวกคือ เซน ส่วนคนที่ยืนตรงนี้คือ แฮร์รี่”

    “แล้วคนที่ยืนในตู้โทรศัพท์ก็คือ นาย”

    “ใช่แล้ว”

    “พวกนายเป็นบอยแบนด์หรอ??”

    “ใช่ และเราก็ดังมากๆด้วย”

    “ว้าว เจ๋งสุดยอด”

    เขาไม่พูดแต่ยิ้มออกมา

    แล้วเราก็กลับบ้านหลังจากที่ได้ของครบแล้ว ของบอกว่า เสื้อผ้าฉันค่อนข้างเยอะ ทั้งๆที่ฉันก็ค้านแล้วว่า ไม่ต้องเอาเยอะ เปลืองเงินเปล่าๆ แต่ไนออลก็เถียงฉันกลับ สุดท้ายฉันก็ยอมแพ้

    “หิวจัง”ไนออลบ่นขึ้นมาขณะขับรถ

    “หิวหรอ แต่นายเพิ่งกินเองนะ”

    “ฉันเป็นคนหิวง่ายน่ะ”

    “อ่อ”

    ฉันพยักหน้าเข้าใจ

    พอเราถึงบ้านแล้ว ฉันก็เก็บของที่ห้องฉัน แล้วก็ลงมาทำอะไรให้ไนออลกินระหว่างที่เขานั่งดูทีวี

    “อ่ะนี่”

    ฉันยื่นจานแซนวิชให้เขา ทั้งบ้านมีของแค่นี้ ฉันก็เลยทำให้เขา

    “อะไรหรอ”

    “แซนวิชไง”

    “ฉันรู้ แต่เธอเอามาให้ฉันทำไม”

    “ก็นายบ่นว่าหิว กินไปเถอะ”

    เขาพยักหน้ารับ แล้วก็กัดแซนวิชไป

    “ว้าว อร่อยจัง”

    “จริงหรอ”

    “แน่นอนสิ นี่เป็นแซนวิชที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลยหละ”

    “กินเยอะๆสิ”

    “เอานี่ไป”

    ไนออลแบ่งแซนวิชให้ฉันครึ่งนึง

    ฉันรับไป แล้วก็กิน

    อื้ม อร่อยจริงๆด้วย

    แล้วภาพทรงจำก็ผุดขึ้นมา

    อื้ม อร่อยจังลูกชายวัยกลางคนที่หน้าเหมือนฉันบอกกับเด็กวัย 12 ขวบที่หน้าเหมือนฉันเปี๊ยบ และฉันแน่ใจว่า เด็กคนนั้นคือฉัน และสิ่งที่ฉันยื่นให้เขากินก็คือ แซนวิช มันเป็นของโปรดของเขาเลยหละ

    อร่อยก็กินเยอะๆนะค่ะพ่อฉันตอบกลับไป

    ถ้าไปอยู่แอฟริกา แล้วใครจะทำแซนวิชให้พ่อกันเนี่ย

                    พ่อก็ต้องกลับมากินแซนวิชของหนูไงค่ะ

                    แปลบ!

                    โอ๊ย...ปวดหัว

                    ฉันเอามือกุมหัว

                    “เป็นอะไรไป”ไนออลเหมือนจะเห็นท่าทางของฉัน เขาเลยยื่นหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ

                    “ฉันปวดหัวจังเลยไนออล”

                    “เดี๋ยวฉันเอายามาให้เธอกินนะ”

                    แล้วเขาก็ไปหยิบยากับน้ำมาให้ฉันอย่างรวดเร็ว

                    ฉันกลืนยาแล้วดื่มน้ำตาม

                    อาการปวดหัวก็ยังคงเหมือนเดิม สงสัยยายังไม่ออกฤทธิ์ แต่อยากนอนชะมัด

                    “ถ้าอยากนอนก็นอนตักฉันก่อนก็ได้ พออาการเธอทุเลาแล้ว เดี๋ยวค่อยขึ้นไปนอน”

                    ฉันพยักหน้าเบาๆ แล้วก็นอนตักไนออล

                    “ร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อยสิ”

                    ฉันพูดขึ้นมา

                    “หา??”

                    “นายเป็นนักร้องนี่นา ฉันอยากฟังเพลงของนาย”

                    ฉันตอบ

                    แล้วไนออลก็ร้องเพลงขึ้นมา ฉันไม่รู้จักหรอกว่าเป็นเพลงอะไร แต่ฉันว่ามันเพราะมากเลย

                    ‘Said I’d never leave her

    ‘cause her hands fit like my T-shirt

    Tongue tied over three words, cursed

    Running over thoughts that made my feet hurt

    Body’s intertwined with her lips

    Now she’s felling so low since she went solo

    Hole in the middle of my heart like a polo

    And it’s no joke to me

    So can we do it all over again’

    แล้วฉันก็หลับไป

     

    Niall’s part

    ผมอุ้มเธอไปนอนที่ห้องของเธอ ห่มผ้าให้ แล้วก็มองดูเธอสักพัก

    ผิวขาวราวหิมะ นัยน์ตาสีเขียว ผมสีน้ำตาลอ่อน และรอยยิ้มที่สดใส บางทีก็มากับใบหน้าที่มักจะเต็มไปด้วยความสงสัย สำเนียงอเมริกันที่ไพเราะของเธอ

    ตึกตึก ตึกตึก

    เสียงหัวใจของผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมเอามือทาบหัวใจ

    “นายชอบเธอแล้วหละสิไนออล”

    ผมพึมพำเบาๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป

    ผมตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเริ่มหิว ผมว่าจะไปหาอะไรกินในครัว แต่พอออกจากห้องเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของใครบางคนที่อยู่ห้องตรงข้าม

    “กรี๊ด!! ม่ายยย!!! ออกไปนะ!!

    ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

    รอนนี่ดิ้นสุดแรง มือปัดป่ายไปมา และขาก็ถีบไปทั่ว

    ผมเลยเข้าไปรวบมือเธอ

    “รอนนี่ ตื่น!

    ผมตะโกนบอกเธอ

    “เฮือก!

    เธอลืมตาขึ้นมา เหงื่อผุดเต็มหน้าทั้งๆที่อากาศก็เย็น แล้วเธอก็กอดผม

    “ไนออล ช่วยด้วย เขาตบหน้าฉัน เขาเหวี่ยงฉันไปที่เตียง และเขาก็พยายามจะ...”

    “ชู่ว์ๆ เธอฝันร้ายน่ะ ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ”

    ผมกอดเธอตอบ

    “ฉันจะไม่ทิ้งเธอ ฉันสัญญา”

    ผมบอก น้ำเสียงหนักแน่น

    แล้วผมก็นอนข้างๆเธอ กอดร่างที่สั่นเทานั่นไว้ในอ้อมแขน

    แล้วเราก็หลับไป

     

    เช้าวันต่อมา

    ผมตื่นแต่เช้า เพื่อมาทำอาหาร ทำอะไรกินดีนะ ที่บ้านก็มีแค่ไม่กี่อย่างเอง

    “ฮ้าววว”

    ร่างเล็กๆของเธอเดินหาวลงมาที่ครัว

    “เช้านี้มีอะไรกินอ่ะไนออล”เธอถามขึ้น

    “ไม่รู้สิ เอาซีเรียลไปก่อนมั๊ย เดี๋ยวค่อยออกไปซื้อกันข้างนอก”

    “เอางั้นก็ได้”

    ผมเทซีเรียลในชามแล้วส่งให้เธอ แล้วก็เทกินของตัวเอง

     

    Ronnie’s part

    ตอนนี้เป็นตอนเที่ยง ไนออลพาฉันมาเดินแถวๆย่านที่มีแต่ของกิน จริงๆจะเรียกตลาดนัดก็ได้ แต่พามาถึงปั๊บ ไนออลก็ลากฉันมาที่โซนที่มีแต่อาหาร แต่เราก็ไม่รู้จะกินอะไรกันดี ไนออลก็บ่นหิวตลอดทางเลย ฉันว่า ถ้าไปไกลกว่านี้ ไนออลต้องเป็นหวัดแหงๆ เพราะบ่นไปด้วยเดินไปด้วย แถมอากาศก็หนาวอีกต่างหาก

    “เอาร้านนี้ดีมั๊ย อาหารน่ากินดีนะ”

    ฉันชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ตรงหน้าเราพอดี

    “เอางั้นก็ได้”

    เขาตอบ แล้วก็ลากฉันเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว

     

    “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะ"พนักงานพาเราเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มีประตูเลื่อนปิด

    “ฉันขอเป็นซูชิ นู่น นี่ นั่น บลาๆๆ”

    ฉันพูดและชี้โน่นชี้นี่ เหมือนคนที่กินบ่อยๆ

    เอ๊ะ! ทำไมฉันถึงรู้เมนูอาหารญี่ปุ่นนะ

    ฉันเลยมองหน้าไนออล

    “เอ่อ...”

    เขามองหน้าฉันอย่างงงๆ และก็คงงงพอๆกับฉัน

    “รับอะไรอีกมั๊ยค่ะ”

    พนักงานคนเดิมพูดขึ้น

    “เอ่อ..ไม่แล้วครับ ขอบคุณ”

    “รอสักครู่นะค่ะ”

    พนักงานคนเดิมออกไป แล้วก็เลื่อนประตูปิดตาม

    “ทำไมเธอถึงรู้เมนูอาหารญี่ปุ่นหละ”

    ไนออลถามขึ้น

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันค่อนข้างคุ้นๆกับมันนะ”

    แล้วพนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ

    “ขอให้อร่อยนะค่ะ”

    “ขอบคุณครับ”

    ฉันไม่ตอบ แค่ยิ้มให้พนักงาน แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็ว

    “ไนออล ทำไมนายไม่กินอ่ะ”

    ฉันถามขึ้น เพราะเห็นเขาคีบตะเกียบมาหลายรอบ แล้วมันก็หลุดออกจากมือเขาตลอด

    “ฉันใช้ตะเกียบไม่เป็นอ่ะ”

    “อุ๊บส์!! ฮ่าๆๆๆ”

    ฉันหัวเราะออกมา

    ฮ่าๆๆๆ จี้เส้นชะมัดเลย

    “หยุดเลยนะรอนนี่”

    ไนออลเอามือปิดหน้าที่เริ่มแดงของเขา

    “ฮ่าๆๆ โอเคๆ”

    ฉันพยายามกลั้นยิ้มแทบตาย แล้วก็สอนเขาใช้ตะเกียบ

    “ไหนลองดูสิ”

    ฉันบอกไนออล ที่ตอนนี้จับตะเกียบได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะคีบได้หรือเปล่า

    เขาเลยลองคีบดู ปรากฏว่า เขาทำได้ แม้จะเหมือนเด็กเพิ่งหัดจับตะเกียบก็เถอะ

    “เย่ๆ นายทำได้แล้ว”

    ฉันปรบมือให้เขาเบาๆ  แล้วเราก็นั่งกินอาหารญี่ปุ่นกันจนหมด

     

    พอเรากินอาหารกันเสร็จแล้ว เราก็ตัดสินใจกลับบ้านกันทันที

    แต่ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถ ฉันเจอใครบางคนที่มาหลอนในความฝันฉันเสมอ นั่นก็คือ เศรษฐีเถื่อน ที่ตอนนี้เดินออกมาจากตรอกอะไรสักอย่างในตลาด

    ฉันเลยหลบหน้าหลบตาอยู่หลังไนออล แถมตัวสั่นและเหงื่อออกทั้งๆที่อากาศก็เย็น

    “มีอะไรหรอ”

    ไนออลถาม เมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลกๆของฉัน

    “ฉะ..ฉันไม่รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาน่าจะเป็นเศรษฐีเถื่อนที่ฉันเคยเล่าให้นายฟัง”

    ฉันพูดอู้อี้ แต่ไนออลคงได้ยิน เขาเลยจับมือฉัน แล้วก็กอดฉัน หน้าฉันซุกกับอกของเขา

    “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะดูแลเธอเอง”

    ฉันพยักหน้าเบาๆ น้ำเสียงที่หนักแน่นของไนออลทำให้ฉันไว้ใจเขา และการกระทำของเขาที่แสดงออกมาเหมือนคำพูดที่เขาให้ไว้ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×