ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Moments (one direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 56


    Chapter 1
     

                Wendy’s part

                 3 วันต่อมา

                    “เวนดี้จ้ะ ได้เวลายาแล้วนะจ้ะ”

                คุณพยาบาลกลอเรียผู้ใจดียื่นยามาให้ฉัน

                    ฉันรับไป กลืนยาเม็ดขมๆทั้งหลายแหล่นี้เข้าไปเหมือนทุกๆวัน แล้วก็ดื่มน้ำตาม

                    “เดี๋ยวตอนเย็นเวลาเดิมก็กินข้าวแล้วก็กินยาอีกนะจ้ะ”

                    คุณพยาบาลกลอเรียบอกด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

                    ฉันยิ้มตอบแล้วก็พยักหน้ารับรู้

                    ฉันล้มตัวลงนอน แล้วก็คิดถึงว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน

                    ชื่อของฉันคือ เกวลิน จีเวนดอลีน แซมมวล หรือ เวนดี้ พ่อฉันชื่อ พอล แซมมวล พ่อทำงานเป็นทันตแพทย์ของโรงพยาบาลที่หนึ่งในลอนดอน พ่อเป็นชาวอังกฤษล้วน ส่วนแม่ฉันชื่อ เกษรา แซมมวล แม่ทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดภูเก็ตที่ประเทศไทย แม่เป็นคนไทยล้วนที่มีหน้าตาเหมือนลูกครึ่ง นั่นหมายความว่า ฉันเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ แม้ว่าน่าตาจะไม่ค่อยออกไปทางคนไทยก็ตามที ฉันมีพี่ชายด้วย 1 คน ชื่อว่า ชาลี พอล แซมมวล อาจจะคุ้นๆชื่อไปบ้าง เพราะพี่ชายฉันเป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ให้กับทางบริษัทโซนี่ มิวสิค ยูเค ทุกคนในครอบครัวทำงานหนักเพื่อฉัน

                    ฉันป่วย ปอดฉันมันไม่ดีตั้งแต่เกิดและมันทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจไปด้วย มันเป็นเพราะฉันเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ทำให้มีโรคตามมา ฉันเริ่มเป็นหนักขึ้นตั้งแต่อายุ 15 เพราะฉันไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไม่ดื่มน้ำสะอาดๆ ไม่กินของที่มีประโยชน์ ยาที่หมอให้มาก็ไม่กิน จนฉันป่วยหนักขึ้นต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลบ่อยๆ สุดท้ายพ่อก็เลยให้ฉันออกจากโรงเรียนแล้วก็เรียนโฮมสคูลแทน ส่วนเรื่องค่าเรียนนี้แม่เป็นคนออกให้ทั้งหมด ส่วนพ่อและพี่ชาลีเป็นคนออกค่ารักษาให้ฉัน ที่มันแพงแสนแพงซะเหลือเกิน

                    น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมาเมื่อคิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงชีวิตไฮสคูล คิดถึงแม่ที่อยู่เมืองไทย ถ้าฉันไม่ป่วยหนักขนาดนี้ ป่านนี้ฉันคงได้กลับไทยทุกๆปิดเทอมเลย ได้ออกไปเจอโลกกว้าง เจอผู้คนใหม่ๆ

                    ฉันอยากกลับบ้าน...

     

                    วันต่อมา

                    วันนี้ฉันตัดสินใจหนีออกจากรพ.อีกรอบ หลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วหนีไปแล้วก็เจอเลียม เพย์น ฉันนี่เป็นคนไข้ที่โชคดีที่สุดเลยเนาะ ว่ามั๊ย

                    ฉันก้มหน้าก้มตาอย่างสุดฤทธิ์แล้วก็รีบเดินออกจากรพ.อย่างรวดเร็ว

                    ในที่สุดฉันก็ออกจากรพ.ได้ซะที ดีใจเว้ยยยยยย

                    ฉันเดินลั้ลลาอย่างมีความสุข ทำไมลอนดอนมันสวยอย่างนี้นะ ฉันมองเห็นหอนาฬิกาบิ๊กแบนที่อยู่ห่างออกไประยะไกล

                    “กรี๊ด! เลียม!

                เสียงสาวๆกลุ่มหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความสงบของสวนสาธาณะ เลียมไหน

                    เลียม แฮมสเวิร์ธหรือไง

                    ฉันเดินเลียบๆคลองโดยไม่ทันระวังว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งชนฉันซะเต็มแรงจนฉันตกน้ำ

                    ตู้มม!

                    ฉันดำดิ่งลงไปในน้ำลึกเรื่อยๆ มือก็พยายามปัดป่าย ฉันเริ่มหายใจไม่ออก ฉันพยายามจะคลายผ้าพันคอของฉันที่ตอนนี้มันเริ่มรัดคอแน่นขึ้น แต่มันเหมือนว่าไร้ผล เพราะฉันคงผูกผ้าพันคอซับซ้อนเกินไป และตอนนี้ฉันเริ่มหมดแรง ฉันเลยปล่อยตัวเองให้จมลงไปเรื่อยๆ จนสติของฉันเริ่มหายไปเต็มที

                    ฉันรู้สึกว่ามีมือของใครบางคนดึงฉันขึ้นไป รู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นๆและลมที่เพิ่มขึ้นในปอด

                    “เฮือก! แค่กๆๆ”

                    ฉันสำลักน้ำออกมา

                    “ไม่เป็นไรนะครับคุณ”

                    สำเนียงอังกฤษสุภาพของบุคคลแปลกหน้าที่ฉันเพิ่งเจอเมื่ออาทิตย์ก่อน

                    “เลียม เพย์น”

                    ฉันพึมพำชื่อเขาเบาๆ

                    เขาถอดเสื้อโค้ทของเขามาคลุมตัวฉันไว้ แล้วก็เอามือโอบไหล่ฉัน เขาพาฉันเดินออกจากสวนสาธารณะไป โดยไม่ลืมที่จะหันไปบอกสาวๆที่ตามกรี๊ดเขามา

                    “เดี๋ยวอีก 2 วัน ผมและเพื่อนๆจะไปแจกลายเซ็นต์ที่ห้าง xx นะครับ เวลา 4 โมงเย็น เจอกันที่นั่นนะครับ”

                    เขาโบกมือให้แฟนคลับเล็กน้อยแล้วก็พาฉันเดินออกมา

     

                    “นี่ครับคุณ ใส่นี่ไปก่อน เดี๋ยวผมจะเอาเสื้อผ้าของคุณไปให้แม่บ้านซักแห้งให้ เอาเสื้อผ้าคุณใส่ไว้ในตระกร้านั่นเลยนะครับ เดี๋ยวผมรอข้างนอกห้องก็แล้วกัน”

                    เลียมยื่นเสื้อผ้าของเขามาให้ฉัน ฉันรับมันไปแล้วก็ทำตามที่เขาบอก ซักพักต่อมา ฉันก็เอาตระกร้าที่มีเสื้อผ้าเปียกๆของฉันในนั้นยื่นไปให้เลียม แล้วเขาก็หายไป สงสัยคงไปที่หลังบ้านแหละมั้ง ฉันดูทีวีที่ห้องรับแขกชั้นล่าง

                    เอ...ฉันลืมกินยานี่หว่า โชคดีฉันเอาใส่ถุงซิปล็อก แล้วกระเป๋าฉันก็เป็นกระเป๋ากันน้ำด้วย ไม่งั้นข้าวของเสียหายแย่

                    ฉันเดินไปที่ห้องครัว หยิบแก้วน้ำมารินน้ำแล้วก็กินยา ฉันล้างแก้วแล้วก็คว่ำไว้ที่เดิม เสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งสัปหงกบนโซฟา สุดท้ายฉันก็ทนความง่วงจากฤทธิ์ยาไม่ไหว ฉันก็เลยหลับไป

     

                    Liam’s part

                ผมเดินเอาเสื้อผ้าเธอไปให้จิล แม่บ้านที่ไซม่อนจ้างมา ซักรีดให้ ผมก็รอเอาอย่างนั้นเลย อาจเพราะจิลเป็นคนที่คุยสนุก ผมเลยคุยเพลินจนลืมรับแขกไปเลย

                    “เลียมไปรับแขกเถอะจ้ะ เดี๋ยวป้าเอาเสื้อผ้านี่ไปให้”

                    “โอเคครับ ขอบคุณมากนะครับ”

                    ผมเดินออกมาจากห้องซักรีดที่อยู่หลังบ้าน แล้วก็ตรงมาที่ห้องรับแขก เห็นร่างเล็กๆของผู้หญิงที่เจอกันอีกครั้งในวันนี้ นั่งสัปหงกอยู่บนโซฟา ท่าทางเธอจะปวดคอแย่เลย

                    ผมเลยเดินเข้าไปจัดท่านอนให้เธอ ให้เธอนอนบนโซฟาดีๆ ผมนั่งมองหน้าเธออย่างพิจารณา ถึงเราจะไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์นึง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมลืมใบหน้าของเธอได้เลย สำเนียงกึ่งๆบริทิชที่รู้ได้เลยว่าเธอเป็นลูกครึ่งแน่ๆ และรอยยิ้มของเธอที่มาพร้อมกับนัยน์ตาสีเขียวเกือบเทาที่สะกดผมไว้

                    แต่ถ้าสังเกตดีๆ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่อธิบายไม่ค่อยได้ บางทีก็เศร้า บางทีก็แกล้งว่ามีความสุข บางทีก็มีความสุขจริงๆ

                    ผมสลัดหัวไล่ความคิดของตัวเองเบาๆ แล้วก็เดินไปหยิบตารางงานสำหรับวันต่อๆไปมานั่งอ่านแถวๆนั้น

     

                    1 ชม.ต่อมา

                    Wendy’s part

                ฉันตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมของอาหารโชยเข้ามาในจมูกฉัน หอมๆๆๆ

                    ฉันเดินตามกลิ่นไปที่ห้องครัว เห็นพ่อครัวที่ชื่อว่า เลียม เพย์น กำลังตักมักกะโรนีใส่จานอยู่

                    “อ้าว ตื่นพอดีเลย ได้เวลาอาหารเที่ยงครับผม”

                    สำเนียงอังกฤษที่มักจะสุภาพของเขาพูดขึ้นมา ฉันยิ้มตอบเขา แล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่อยู่ไมไกลเท่าไหร่

                    “ขอบคุณนะค่ะ”

                    ฉันเงยหน้าไปบอกเลียมที่ยกจานมักกะโรนีมาให้ฉัน แล้วเขาก็นั่งตรงข้ามฉัน ลงมือกินมักกะโรนีที่อยู่ในจานของเขา

                    ฉันลงมือกินบ้าง ให้ตาย..อร่อยมากๆเลย

                    “เป็นไงบ้างครับ”

                    เลียมถามขึ้น หลังจากที่เรากินกันหมดแล้ว

                    “อร่อยมากๆเลยหละค่ะ”

                    ฉันยิ้มตอบ

                    “ขอบคุณมากๆเลยนะครับ”

                    เขาบอกแล้วก็ยิ้มตอบ เขายกจานไปเก็บที่อ่างล่างจาน

                    “ให้ฉันช่วยนะค่ะ”

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเป็นแขก ผมปล่อยให้คุณทำไม่ได้หรอก อีกอย่าง ผมว่าคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ป่านนี้แม่บ้านคงเอาไปไว้ในห้องผมเรียบร้อยแล้วหละครับ”

                    “อืม...ก็ได้ค่ะ”

                    ฉันเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี เอาเสื้อผ้าของเลียมที่เขาให้ฉันยืมใส่ไปไว้ในตระกร้าเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของตัวเอง

                   

                    ฉันเดินลงมาหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

                    “ไปเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

                    “ฉันว่า ฉันกลับเองดีกว่าค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณ”

                    “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมจะออกไปซื้อของ แล้วก็ไปรับเพื่อนอยู่พอดี ไปส่งคุณก่อนคงไม่เป็นไรหรอก”

                    “อืม...เอางั้นก็ได้ค่ะ”

                    ฉันตอบอย่างจำใจ เดินตามเขาไปขึ้นรถ

                    ระหว่างทาง

                    “แล้วให้ผมไปส่งคุณที่ไหนครับ”

                    “เอ่อ...”

                    เอาไงดีเนี่ย

                    “ที่...ที่สวนสาธารณะที่เราเจอกันก็ได้ค่ะ”

                    “หืม?”

                    “คือว่า...ฉันมีนัดแถวๆนั้นน่ะค่ะ”

                    “อ่อๆ ได้ครับ”

                    แล้วเราก็ไม่คุยกันอีกตลอดการเดินทาง จนกระทั่งมาถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว

                    “ขอบคุณนะค่ะที่มาส่ง”

                    ฉันหันไปบอกเขา

                    “ไม่เป็นไรครับ แล้วก็...ผมต้องขอโทษด้วยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณตกน้ำ”

                    “อ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ฉันเองก็ไม่ระวังด้วย ไปแล้วนะค่ะ เดินทางปลอดภัย”

                    “ครับผม ลาก่อน หวังว่าคงได้เจอกันอีก”

                    ฉันยิ้มแทนคำตอบ แล้วก็ยืนมองรถของเลียมแล่นออกไปจนมันลับตาแล้ว

                    “หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกเช่นกันค่ะ”

                    ฉันพึมพำเบาๆ แล้วก็เดินกลับรพ.ไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×