ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Still the one (One direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 56


    Chapter 9
     

                    3 เดือนต่อมา

                    ตั้งแต่ฉันทะเลาะกับลูอิสในวันนั้น ฉันกับเขาก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย เพราะเขาต้องเข้าบริษัทและต้องออกไปทัวร์คอนเสิร์ตอยู่นาน ฉันเลยไม่ค่อยได้เจอหน้าเขาสักเท่าไหร่ ส่วนทรอย ตอนนี้อาการเขาก็ยังคงที่ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ฉันเลยตัดสินใจว่า อาทิตย์หน้าฉันจะถอนหมั้นกับเขา ฉันเหนื่อยมาพอแล้วกับการที่ฉันต้องเจ็บ และร้องไห้ให้กับคนที่ไม่มีหัวใจอย่างเขา

                    “กลับมาแล้วหรอ”

                    เสียงลูอิสดังขึ้นมาจากห้องครัว และเสียงฝีเท้าของเขาที่ทำให้ฉันรู้ว่า เขากำลังเดินเข้ามาหาฉัน

                    “ลูอิส ฉันว่าเราถอนหมั้นกันเถอะ”

                    ฉันพูดขึ้น หลังจากที่เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าของฉันพอดี

                    “เธอว่าไงนะ”

                    “ฉันบอกว่า เราถอนหมั้นกันเถอะ เพราะอาการของทรอยก็พอรักษาได้มากกว่าเดิม และอีกอย่าง ฉันหาอพาร์ทเมนต์ใหม่ได้แล้ว ใหญ่กว่าอพาร์ทเมนต์เก่าด้วย ฉันคงต้องย้ายออกภายในอาทิตย์หน้าเลย ฉันนัดกับเจ้าของอพาร์ทเมน์ไว้เรียบร้อยแล้ว”

                    ฉันรัวใส่จนเขาแทบไม่มีช่องว่างที่จะเถียง

                    “เธอคงอยากออกไปจากที่นี่มากใช่มั๊ย”

                    ลูอิสก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ฉันถอยหลังไปเรื่อยๆ เพราะสีหน้าเขาตอนนี้น่ากลัวมาก 

                    “ทำไมเธอถึงอยากถอนหมั้นกับฉัน”   

                “ฉัน....ฉัน...”

                    ฉันได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ

                    “ก็มันครบ...3 เดือนแล้ว ละ..และอาการของทรอย...”

                    ฉันพูดกับลูอิสอย่างอ้ำๆอึ้ง และตอนนี้แผ่นหลังของฉันก็ชนกับกำแพง จนตรอก

                    “เฮอะ ใช่สิ ฉันไม่ใช่ไอ่โจอี้อะไรนั่นใช่มั๊ยหละ พอเธอถอนหมั้นกับฉันไปแล้ว เธอกับมันคงพลอดรักกันได้ตามใจชอบอย่างงั้นสินะ”

                    เพียะ!

                    ใบหน้าของลูอิสหันไปตามแรงตบของฉัน น้ำตาฉันค่อยๆไหลออกมาหลังจากที่ลูอิสพูดแบบนั้นกับฉัน

                “หยาบคายมากลูอิส ฉันไม่คิดเลยว่านายจะพูดแบบนี้ออกมา”

                    ลูอิสหันมาเผชิญหน้ากับฉัน เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้มากจนลมหายใจของเราสัมผัสกัน

                    “ใช่สิ ฉันมันหยาบคาย และฉันจะแสดงให้ดูว่าฉันหยาบคายขนาดไหน”

                    เขากดจูบลงมาอย่างร้อนแรงจนฉันตั้งตัวไม่ทัน ฉันทุบอกลูอิสรัวๆ แต่เขาก็คว้ามือทั้งสองข้างของฉันไว้ได้ และบีบแรงมากจนฉันทุบต่อไปไม่ไหว

                    รสจูบที่ร้อนแรงของลูอิสเริ่มเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน และเขาก็ไล่ลงมาที่คอของฉัน ฉันร้องไห้ออกมาอย่างกับคนที่จนตรอก

                    “พอแล้ว ฮึก...ฮือ...พอ....”

                    เหมือนว่าลูอิสจะได้ยินคำขอร้องของเขา เขาเลยยอมผละออกไปแต่โดยดี ฉันมองเข้าไปนัยน์ตาสีฟ้าที่สดใสของเขาทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้มของตัวเองไม่หยุด

                    “นายอยากรู้ใช่มั๊ยว่าทำไมฉันถึงอยากถอนหมั้นกับนาย”

                    “...”

                    เขาเงียบและอึ้ง

                    “เพราะฉันเจ็บมากยังไงหละลู นายไม่รู้หรอกว่า ตลอดสิบกว่าปีที่ฉันรอนาย ฉันไม่เคยมีใคร เพราะฉันมอบหัวใจให้เด็กผู้ชายที่ฉันเจอบนต้นไม้ในวันนั้น ฉันเรียนเก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย และก็มาเป็นหมอที่นี่ เพื่อที่จะมาตามหาหัวใจของฉันที่อยู่กับเด็กผู้ชายคนนั้น แต่พอฉันเจอเขา เขากลับกลายเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ และเขาก็ลืมสัญญาของเขาที่ให้ไว้กับฉันไปแล้ว นายอยากรู้อะไรอีกมั๊ยลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน!

                    ฉันพูดความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจของฉันมาตลอด ฉันปาดน้ำตาและก็เดินเข้านอนไป และกระแทกประตูตามหลัง

     

                    Louis’s part

                ผมยังคงยืนอึ้งไม่ขยับไปไหน

                    เพราะฉันเจ็บมากยังไงหละลู....

                    เขาลืมสัญญาที่ให้ไว้กับฉันไปแล้ว...

                    นายอยากรู้อะไรอีกมั๊ย ลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน!’

                ผมไม่รู้เลยว่าเธอเจ็บขนาดไหนเวลาที่เธอมาอยู่ที่นี่ ผมไม่รู้ว่าผมทำร้ายคนที่ผมรักโดยไม่รู้ตัว

                    ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของเธอ และพึมพำเบาๆ

    “ฉันไม่เคยลืมสัญญานั้นเลยนะฟ้า”

    “...”

    “ฉันแค่รักษาสัญญานั้นไว้ไม่ได้จริงๆ”

     

    เช้าวันต่อมา

    ผมลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเอง ผมเอื้อมมือไปปิดมัน และก็ลุกขึ้นไปหาอะไรกินที่ครัว เตรียมตัวจะไปทำงาน

    แต่แล้วเสียงประตูจากห้องตรงข้ามของผมก็ดังขึ้น ร่างเล็กๆที่อยู่กับผมมา 3 เดือนกำลังถือกระเป๋าเดินทางออกไป ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังเธอ รักษาระยะห่างของเราเอาไว้

    “จะไปไหนน่ะ”

    ผมถามขึ้น เธอนั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเธอ

    “เรื่องของฉัน”

    เธอตอบสั้นๆ โดยไม่หันมามองหน้าผม ผมฉุนกับคำพูดและการกระทำของเธอ ผมเลยปากเสียไป

    “อ่อ ฉันไม่น่าถาม เธอคงจะไปหา เพื่อนร่วมงาน ของเธอสินะ”

    ผมกระแทกเสียงไปที่คำว่า เพื่อนร่วมงาน เธอลุกขึ้นและก็หันมาเผชิญหน้ากับผม ใบหน้าที่อิดโรยของเธอ ตาที่แดงและบวม คงเป็นเพราะร้องไห้อย่างหนักมาเมื่อคืน ทำให้ผมต้องชะงัก

    “เรื่องของฉัน อ่อ ฉันคงไม่อยู่ประมาณ 3-4 วัน และถ้าฉันกลับมา ฉันจะถอนหมั้นกับนายต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ทุกคน หวังว่านายคงจะมีความสุขหลังจากที่เราเป็นอิสระต่อกันนะลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน”

                    จังหวะที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องไป ผมก็คว่าแขนเธอไว้และบังคับให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับผม

                    “ไหนบอกว่าจะเป็นเจ้าสาวของฉันตลอดไปไง”

                    เธออึ้งเล็กน้อย แต่ก็แกล้งฉีกยิ้มออกมา

                    “สัญญานั้นฉันไว้ใช้กับลูอิส ทรอย ออสติน ไม่ใช่ ลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน!

                ผมอึ้งและก็ค่อยๆลดแรงบีบที่หัวไหล่ของเธอ เธอสะบัดแขนผมออก ก่อนจะคว้ากระเป๋าและก็ออกจากห้องไป

                    ทิ้งผมไว้กับความอ่อนแอ....

                   

                    Amberley’s part

                2 วันต่อมา

                    “พ่อค่ะ ฟ้าไปเดินเล่นก่อนนะค่ะ”

                    ฉันหอมแก้มพ่อก่อนจะออกจากบ้าน และก็เดินไปตามทางที่คุ้นเคยดี

                    ฉันกลับมาพักทำใจอยู่บ้านที่ดอนแคสเตอร์ ส่วนพ่อก็ยังคงเทียวไปเทียวมาระหว่างลอนดอนกับดอนแคสเตอร์อยู่ เพราะพ่ออยากไปเยี่ยมทรอยบ่อยๆที่สุดเท่าที่จะทำได้

                    ฉันเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินในหมู่บ้านที่คุ้นตา ผ่านบ้านคนอื่นๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงต้นไม้ใหญ่ใจกลางหมู่บ้านที่คุ้นเคยดี ฉันปีนขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ใหญ่และก็นั่งมองพระอาทิตย์ในตอนเย็นที่เป็นสีทองสวย ฉันรู้สึกดีใจที่ต้นไม้ต้นนี้ยังคงอยู่ไม่ถูกตัดไปซะก่อน เพราะมันเป็นที่ที่ทำให้ความทรงจำหลายอย่างเกิดขึ้นกับฉัน

                    ที่ตรงนี้ ที่ฉันกับลูอิสเจอกันครั้งแรก ถึงความทรงจำจะนานมากแล้ว แต่มันก็ยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

                    “ลูอิส ทรอย ออสตินของฟ้า...”

                    ฉันพึมพำขึ้นมาเบาๆ ในขณะที่น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา ฉันเอนตัวพิงกับลำต้นและก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมกับความทรงจำที่ฉายไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×