ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Still the one (One direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 56


    Chapter 8
     

                Amberley’s part

                ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนประมาณเย็นๆ รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมๆของอาหารที่ลอยมาแตะจมูก

                    “หอมจังเลย”

                    ฉันสูดกลิ่นหอมของอาหารเข้าไปอีกครั้ง และก็เดินท้องร้องไปที่ครัว เห็นลูอิสกำลังยืนทำผัดมักโรนีอย่างตั้งใจ เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ แต่ทำให้ซอสไปติดอยู่ที่หน้าผากของเขา ฉันแอบหัวเราะเบาๆ เพราะเขาดูตลกและน่ารักมากเลยทีเดียว

                    “อ้าว มาตั้งแต่ตอนไหนกัน”

                    ลูอิสที่เหมือนว่าเพิ่งจะเห็นว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำหน้าแปลกใจ หน้าผากที่เปื้อนซอส ทำให้ฉันต้องขำมากขึ้นไปอีก

                    “อะไรหรอ”

                    เขาทำหน้างงๆเหมือนเด็ก ฉันเลยเดินเข้าไปหยิบทิชชู่ที่อยู่แถวๆนั้น และก็เขย่งเท้าไปเช็ดหน้าผากให้ลูอิส

                    ใบหน้าของฉันกับเขาที่ห่างกันไม่กี่เซน ลมหายใจอุ่นๆของเขา ทำให้หัวใจของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันรีบผละออกมาก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

                    “นี้ไง ซอสเปื้อนหมดแล้ว”

                    ฉันชูกระดาษทิชชู่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซอสที่ก่อนหน้านี้เลอะหน้าผากของลูอิสให้เขาดู เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย

                    “มันออกหมดแล้วใช่มั๊ย”

                เขาทำท่าจะปาดอีกรอบ ฉันเลยหยุดมือเขาไว้ก่อนที่มันจะเลอะไปมากกว่านี้

                    “ไปล้างมือซะเถอะลูอิส ก่อนที่หน้านายจะเลอะไปมากกว่านี้”

                    ฉันยิ้มบางๆให้เขาไป เขาพยักหน้าเบาๆ และก็ทำตามอย่างว่าง่าย

                ฉันเดินไปตักมักโรนีใส่จาน และก็เอาไปวางบนโต๊ะอาหารและรอลูอิสมากินพร้อมกัน

                    หัวใจของฉันยังเต้นไม่เป็นจังหวะ สงสัยฉันคงอารมณ์ค้างจากเมื่อกี้

                    พอได้แล้วหัวใจบ้าเอ้ย เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว เราจะไปรู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน

                    ฉันเหลือบมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน จนป่านนี้ฉันยังถอดมันไม่ออก ฉันไม่รู้หอกนะว่าทำไม ฉันพยายามแล้วพยามอีก จนแทบจะตัดนิ้วตัวเองอยู่แล้วเนี่ย

                    “อร่อยมั๊ย”

                    เสียงของลูอิสเรียกฉันให้ตื่นจากความคิดของตัวเอง

                    “เอ่อ...ฉันยังไม่ทันได้ชิมเลย ฉันรอนายน่ะ”

                    “ไม่เห็นต้องรอเลย ถ้าหิวก็กินไปก่อนเลยก็ได้นิ”

                    “เอาเถอะน่า ฉันมีมารยาทนะ”

                    ฉันตักมักโรนีมากินเพื่อตัดบทเขา

                    หืม....อร่อยจังเลย

                    “เป็นไงบ้าง”

                    ลูอิสถาม ใบหน้าสงสัยเต็มที

                    “อืม...มันก็...มัน...”

                    “....”

                    “มันอร่อยมากเลยหละ”

                    ฉันเฉลยออกมาหลังจากที่ทนเห็นใบหน้าที่สงสัยอย่างมากของลูอิสซะไม่ไหว

                    “โหย....ไม่เห็นต้องทำให้ลุ้นเลยนี่นา”

                    เขาเอนหลังอย่างสบายใจ และก็ยิ้มออกมา

                    “ฮ่าๆๆๆ ขอโทษนะ แต่หน้าตานายมันทำให้ฉันอยากแกล้งน่ะ”

                    สาบานได้เลยว่า หน้าตาเมื่อกี้ของลูอิสมันน่าแกล้งมากจริงๆ

                    เราต่างคนต่างเงียบไป ลูอิสก้มหน้าก้มตากินมักโรนีในจานของตัวเอง ในขณะที่ฉันก็นั่งมองเขากิน

                    “เออนี่ คืนนี้ฉันต้องไปเข้าเวรนะ นายอยากจะไปเยี่ยมทรอยหน่อยมั๊ย”

                    ฉันถามลูอิสขึ้นมา เขากระแทกช้อนกับส้อมลงบนจานอย่างหัวเสีย

                    “ถามให้ได้อะไรขึ้นมา ฉันไม่ไป”

                    เขาเน้นสามคำสุดท้ายใส่หน้าฉัน

                    “แต่ทรอยรอนายไปหาทุกวันเลยนะลู”

                    “เธอจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาแอมเบอร์ลีย์ ฉันไม่ไปเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย!

                    “ตามใจนายก็แล้วกัน! ลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน!

                ฉันลุกขึ้นและเดินปึงปังไปเข้าห้องตัวเองไป

                   

                    ณ โรงพยาบาล

                    หลังจากที่ฉันมาถึงโรงพยาบาล ฉันก็เปลี่ยนเป็นชุดทำงาน และก็ไปตรวจคนไข้ตามปกติ แต่สิ่งเดียวที่ไม่ปกติก็คือ อารมณ์ของฉัน ที่ยังคงเดือดอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะลงได้ง่ายๆ

                    “สวัสดีฟ้า”

                    โจอี้ยิ้มและทักฉัน

                    “สวัสดี”

                    ฉันตอบห้วนๆ และก็ดื่มกาแฟจนหมดแก้วรวดเดียว

                    “เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่ร่าเริงเลย”

                    โจอี้เอามือมาอังหน้าผากฉัน

                    “เฮ้อ....ทะเลาะกับลูอิสอีกแล้วหละสิ”

                    เขาถามขึ้นอย่างกับคนรู้ดี

                    ฉันพยักหน้าเบาๆ และก็ถอนหายใจออกมายกใหญ่

                    “ฟ้าไม่รู้จะทำยังไงแล้วโจอี้ ฟ้าก็แค่อยากให้ลูอิสไปเยี่ยมพ่อเขาบ้าง ถึงเขาจะทำไม่ดีกับลูอิสไว้ แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นพ่อของเขาวันยังค่ำ ฟ้ากลัวว่า ถ้าทรอยอาการทรุดลง ทรอยคงไม่อยากรักษาต่อ ฟ้าจะทำยังไงดีโจอี้”

                    โจอี้จับมือฉันและลูบเบาๆ

                    “ใจเย็นๆสิฟ้า คงไม่มีอะไรแย่แบบนั้นหรอก วันหนึ่งลูอิสคงให้อภัยพ่อเขาได้ เชื่อฉันนะฟ้า”

                    พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะ เพื่อนปลอบใจเพื่อน

                “อะแฮ่ม”

                    เสียงคุ้นๆของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ทำให้ฉันต้องหันไปมองอย่างรวดเร็ว

                    “ลูอิส”

                    ฉันพึมพำชื่อของคนตรงหน้าเบาๆ และลุกขึ้นเดินไปเผชิญหน้ากับเขา

                    “สวัสดีครับ”
                    โจอี้เดินเข้ามาและเช็กแฮนด์กับลูอิส แต่เขากลับเมินเฉย

                    “อื้ม”

                    เขาตอบห้วนๆในลำคอ ฉันเห็นท่าจะไม่ดี ฉันเลยหันไปพูดกับโจอี้เบาๆ

                    “เดี๋ยวฟ้าขอคุยกับลูอิสแปปนะ”

                    โจอี้ยิ้มตอบฉัน และทำปากประมาณว่า โชคดีนะ

                    ฉันเลยรีบลากลูอิสออกไปคุยกันในสวนหย่อมที่สงบที่สุดในโรงพยาบาล

                    “มาที่นี่ทำไม”

                    ฉันถามขึ้นมาทันที

                    “เรื่องของฉันสิ ว่าแต่เธอเถอะ มาทำอะไรกันแน่”

                    “ก็มันเป็นช่วงพัก ฉันจะปรึกษาปัญหาชีวิตกับเพื่อนหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”

                    ลูอิสเลิกคิ้วขึ้น และก็พูด

                    “แน่ใจนะว่าเป็นแค่เพื่อน”

                    “นายจะถามเอาอะไร ลูอิส”

                    “ฉัน....ฉันแค่อยากแน่ใจว่า เธอมาทำงานจริงๆ ไม่ได้มาพลอดรักกันระหว่างงาน”

                    “ถ้าฉันจะพลอดรักกับเขา แล้วนายจะทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

                    “ทำไมเราจะไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอเป็นคู่หมั้นฉันนะ”

                    “หมั้นได้ก็ถอนได้ และอีกอย่าง เราไม่ได้รักกันสักหน่อย นายก็มีแฟนไปแล้ว ที่เราหมั้นกันไป เพราะอยากให้ทรอยมีกำลังใจรักษาต่อต่างหากหละ อย่าลืมสิ ลูอิส ทอมลินสัน”

                    “....”

                    ลูอิสอึ้งและเงียบไป

                    “ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน”

                    ฉันเดินผ่านเขาไป และแอบปาดน้ำตาที่กำลังไหลออกมา

                    กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องร้องไห้ให้คนที่ไม่มีหัวใจอย่างเขา....




    __________________________________________________________________________________

    ช่วงนี้ไรต์คงลงได้ไม่บ่อยนะค่ะ :(

    เปิดเทอมทีไรงานเยอะทุกทีเลย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×