ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fallng for a prince (Justin Bieber fanfic)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : Bye VS See you

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 59


    Chapter 3

     

              วันนี้สินะที่ฉันต้องไปจากอังกฤษ คิดแล้วยังใจสั่นไม่หายเลย ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเจอครอบครัวหรืออะไรนะ เพียงแต่ว่า ฉันเริ่มชินไปกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ซะแล้ว โดยเฉพาะคุณย่ามารี ฉันเริ่มชินกับการที่ต้องไปเยี่ยมท่านทุกเย็น และก็การต่อปากต่อคำกับจัสติน ถึงเขาจะดูเป็นคนนิ่งๆ แต่ลึกๆแล้วเขาก็ใจดีนะ

                “บายๆนะ (y/n) เจอกันที่ไทยนะ”

                พี่แซนดี้และพี่แบมกอดลาฉันทีละคน ฉันกอดลาตอบ นี่ไม่ได้มีพี่แซนดี้และพี่แบมที่มาส่ง แต่มีเพื่อนชาวต่างชาติที่มักจะไปเที่ยวด้วยกันอีก 2 คนด้วย ฉันกอดลาจนครบทุกคนก่อนจะเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อตรงไปยังสนามบิน

                ฉันมองวิวไปเรื่อยๆก่อนที่ความทรงจำของเมื่อวานจะแวบเข้ามา

                พรุ่งนี้ก็เดินทางแล้ว ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ

                ขอบคุณมากๆค่ะคุณย่า คุณย่าก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

                ฉันเดินเข้าไปกอดลาคุณย่า

                หนูไปก่อนนะค่ะคุณย่า หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกค่ะ

                ฉันบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมหน้าของคุณย่าที่ส่งยิ้มมาให้ฉัน

                พรุ่งนี้ฉันคงไม่ได้ไปส่งเธอขึ้นรถ ขอโทษด้วยละกันนะ ฉันติดสอบน่ะ

                จัสตินหันมาบอก หลังจากที่เราเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาลโดยที่ไม่คุยอะไรกันเลย

                อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากๆสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ

                ขอบใจอะไรกัน ฉันยังไม่ทำอะไรให้เธอเลยนะ

                จัสตินแย้งขึ้น

                ก็...ตอนนั้นที่นายเดินไปส่งฉันที่หน้าบ้าน และก็...การต่อปากต่อคำกันทุกวันไงหละ สนุกมากๆเลยนะ ฮ่าๆๆ

                จัสตินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยีหัวฉันเบาๆ

                งั้นวันนี้ฉันจะเดินไปส่งเธอที่บ้านอีกก็ละกันนะ

                แต่คุณย่า...

                คุณย่าให้ฉันมาส่งเธอเองแหละ

                แต่นี่มันก็ไม่ได้มืดเหมือนวันนั้นนี่นา เพิ่งทุ่มนึงเอง ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลย

                ฉันเถียง

                เอาน่า คุณย่าสั่งมา

                เขาตอบพลางกึ่งลากกึ่งจูงฉันออกจากบริเวณโรงพยาบาล

              เราสองคนเดินออกมาจากบริเวณโรงพยาบาลด้วยความเงียบ ถึงมันจะเงียบแต่มันก็ไม่ได้น่าอึดอัด ฉันดูวิวไปรอบๆ พยายามเก็บภาพทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำ

                เราไม่พูดอะไรกันเลยจนถึงหน้าบ้าน

                ขอบใจนะที่เดินมาส่ง

                ฉันพูดขึ้น หันไปสบตากับจัสตินที่ไม่พูดอะไร เอาแต่มองหน้าฉัน

                ฉันคงไม่ได้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลนี้อีก

                โชคดีนะ ฉันบอก

                ขอกอดหน่อยสิ

                ฉันมองเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสงสัย ทั้งตกใจที่มีผู้ชายมาขอกอด แต่พอมองลึกเข้าไปที่นัยน์ตาสีน้ำตาลของเขา ก็ทำให้ความรู้สึกทั้งหลายมลายหายไป

                ได้สิ

                ฉันตอบเขาไป แล้วเราก็กอดลากัน

               

                เหล่าผู้โดยสารค่อยๆทยอยออกจากรถบัส เพื่อไปเอาสัมภาระและมุ่งหน้าไปยังสนามบิน ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สนามบินฮีทโธว์ของอังกฤษนั้นถือว่าใหญ่และคนเยอะมาก เกทแต่ละเกทอยู่ห่างกัน แต่ก็มีป้ายบอกทางอยู่ว่าแต่ละเกทต้องไปทางไหนบ้าง ฉันก็เดินตามป้ายบ้าง แต่ส่วนมากก็เดินตามกลุ่มคนที่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะไปเกทเดียวกับฉัน ฉันเดินตามพวกเขาไปจนฉันเจอจุดหมาย

                ฉันเดินไปถึงเกทก่อนเวลาเช็กอินประมาณ 2 ชั่วโมง ฉันเลยลากรถเข็นไปนั่งรอข้างนอก ขณะที่กำลังนั่งเช็กข้อความในโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ขาของใครบางคนในกางเกงสีดำที่มาพร้อมกับรองเท้าไนกี้สีดำแต่โลโก้สีขาวที่ดูเข้าชุดกันก็มาหยุดอยู่ข้างหน้าฉัน

                ฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของ และแล้วหัวใจฉันก็กระตุกวาบ ใบหน้าคุ้นเคยที่เห็นกันมาหลายอาทิตย์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายและริมฝีปากของเจ้าตัวค่อยๆคลี่ยิ้ม

                “จัสติน”

                ฉันกระพริบตาเรียกสติของตัวเอง

                เป็นไปได้หรอ...

                ฉันถามตัวเองพลางตบแก้มตัวเองสองสามทีเพราะคิดว่าตัวเองฝันไป

                “เธอนี่ตลกชะมัดเลย ทำไมต้องตีแก้มตัวเองด้วยหละเนี่ย”

                จัสตินยืนขำฉัน แล้วยั้งมือฉันไม่ให้ตบแก้มตัวเองอีก

                “ทำไม...ทำไมนายได้มาที่นี่หละ”

                “คุณย่าให้ฉันมาส่งเธอน่ะ”

                “อ้าว แล้ว...คุณย่าหละ ? ท่านอออกมาจากโรงพยาบาลแล้วหรอ”

                “เปล่า ท่านยังอยู่โรงพยาบาล ท่านบ่นว่า อยากมาส่งเธอที่สนามบิน แต่มาไม่ได้ ก็เลยวานฉันให้มา พอดีพี่ชายฉันเพิ่งบินมาเมื่อวาน ก็เลยเฝ้าคุณย่าให้”

                “อ๋อ...แบบนี้นี่เอง”

                ฉันพยักหน้าเข้าใจ เราสองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เวลา

                “เธอไปเช็กอินเถอะ เดี๋ยวฉันจะรอตรงนี้”

                จัสตินบอก พร้อมกับยืนรออยู่ไม่ไกล

                “เสร็จแล้ว”

                ฉันชูตั๋วให้เขาดูพร้อมกับยิ้มให้เขา

                เขายิ้มตอบ

                “จะได้กลับบ้านแล้วหละสิ”

                “ช่ายยยย คอยดูนะ ถึงไทยเมื่อไหร่ ฉันจะซัดอาหารไทยให้เรียบเลย”

                “ฮ่าๆๆๆ เธอนี่”

                ฉันยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา

                “รีบไปเถอะ กว่าจะผ่านด่านตม.อีก”

                “อื้ม โชคดีนะ ถ้าฉันถึงไทยแล้ว ฉันจะบอกนะ ตามที่นายเขียนไว้ให้ฉันใช่ไหม”

                ฉันชูกระดาษที่จัสตินเขียนไว้ให้ติดต่อ เขาเขียนที่อยู่และก็อีเมลล์ไว้ในนั้น

                “ใช่”

                “นี่ ขอกอดหน่อยสิ”

                ฉันพูดแบบเดียวกับที่เขาพูดเมื่อวันนั้น เขาพยักหน้าเป็นเชิงว่าได้ ฉันเลยกอดเขา ซึมซับความอบอุ่นจากตัวเขา และก็พูด

                “โชคดีนะ และก็ขอบคุณมากๆที่มาส่งถึงสนามบิน”

                ฉันผละออก และส่งยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายให้เขา

                “ลาก่อนนะ”

                ฉันบอก แต่ก่อนที่จะเข้าประตูไป ฉันก็หันมาโบกมือให้จัสตินและส่งยิ้มให้ แล้วหันหลังเดินไป

     

                Justin’s part

                แผ่นหลังของเธอหายไปแล้ว ทิ้งไว้แค่ภาพรอยยิ้มที่สดใสของเธอไว้กับความทรงจำของผม ผมค่อยๆยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้

                “เราจะได้เจอกันอีกแน่ๆ อีกไม่นานนี้หรอก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×