ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chess : (Lycanthrophy)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chess : (Lycanthrophy) _ ตื่นจากฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 51




              นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนส่องจากกระจก  มันวาดภาพร่างเขาบนกระจกวาวใสอันอยู่ในห้องน้ำโรงเรียน  ซึ่งเป็นห้องภายในของงานแฟนตาซีเมื่อวันก่อน

              ภาพที่สะท้อนออกมาเป็นตัวเขา

              บิดก๊อกแล้วเริ่มล้างมือ  น้ำระดับแรงพอดีพรุ่งพราวพรายออกมาเป็นสาย  แต่ยังไม่ทันที่ทริชจะล้างเสร็จ...

              "เฮ๊ยๆ  อืดอาดจังวุ๊ย  นี่แกจะล้างมือหรืออาบน้ำกันแน่ว่ะ"

              ทริชตวัดสายตามองไปรอบๆทันที  ตาสีเดียวกันกับผมไล่หาต้นเสียงกวนประสาทจากห้องน้ำโล่งกว้าง   

              "ว่ะ  แกจะมองไปไหน  พูดอยู่ด้านหน้า  หันไปด้านหลัง  นี่ข้าคุยกับไอ้เพี๊ยนรึเนี่ย"

              น้ำคำยั่วส่งมาแฝงแววหงุดหงิดเล็กน้อย  หากเทียบกับเขาซึ่งหงุดหงิดเสียยิ่งกว่า  คิ้วแข็งกระตุกมุ่น  เบือนหน้าหันมามองหมายจะต่อว่ากลับให้สาสม    ทว่า...   นัยน์ตาเขากลับเบิกโพล่ง  

              เขากำลังคุยภาพสะท้อนในกระจก ?!

              แต่ยังไม่ทันกระพริบตาภาพนั้นกลับเลือนลางเบือนเปลี่ยนไป

              ผมสีน้ำตาลเข้มยาวขึ้นซอยประบ่า  ดวงหน้ากร้านกระด้าง  เสื้อผ้าก็พิสดาร  ยังยิ้มหยอกเปรยยั่ว  "เอ้าๆ พ่อคุณ  เห็นผีรึไงจ้องอยู่นั่น"

              น้ำเสียงกวนส่งเข้าดึงคิ้วยิ่งมุ่น  เป่าความวิตกสงสัยไปเรียบ  เริ่มต่อปากต่อคำ   "เออๆ  ฉันก็ว่าฉันน่าจะเห็นผี  นี่ขนาดตามมาหลอกหลอนกันในโรงเรียน  ผ่านเทพารักษ์มาได้ท่าทางจะเฮี๊ยนน่าดูเลยสิ  เอ้า จะขอบุญก็รีบๆพูดมา"

              คนคล้ายเขาในกระจกหัวเราะร่วน  พยักหน้าหงึกๆ สนับสนุน  "ครับคร้าบ  งั้นข้าขอบุญหน่อย"  ลากเสียงยาวก็แบบมือรอ  แสร้งทำท่าครุ่นคิดสักพักก็ชักมือกลับ  กล่าวต่อ  "แต่ว่าคงไม่จำเป็นหรอกมั้ง  กับบุญของแกโดนมือข้าทีไร  มันคันยิกๆ  เอ้าเสียใจด้วยล่ะกัน  ท่าทางบุญของแกมันมีไม่ยักพอจะส่งเสริมข้า"

              เขาสะอึกกับน้ำคำปรามาส  แต่ก่อนจะได้ทำอะไรเสียงหนึ่งก็ดังฉุดจากอนุสติ

              กริ๊งงงง   กริ๊งงงงงง !!!

    ________________________________________________________________________________________


    Chess : (Lycanthrophy)

                                                                                     ตื่นจากฝัน

    _________________________________________________________________________________________



              นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มบรือง่วงสะท้อนส่องจากกระจก  มันวาดภาพร่างเขาบนกระจกใสภายในห้องน้ำบ้านของเขา มีหนึ่งเดียวเสียด้วย

              ภาพที่สะท้อนกลับมาเป็นตัวเขา

              บิดก๊อกล้างหน้า  แล้วเริ่มรำพึง

              ไอ้หมอนั่นเป็นใคร ?

              ทว่า  เมื่อพยายามนึกย้อนไปถึงใบหน้าของคนที่โผล่มาในความฝันกลับจำไม่ได้เสียอย่างนั้น  กระนั้นยังเหลือเสียงกวนประสาทก้องสะท้อนอยู่ในหู

              เสียงนั่นชวนหงุดหงิดชะมัด

              ทริชเปิดประตูห้องน้ำออกก่อนหยิบชุดนักเรียนเสื้อขาวกางเกงยาวดำมา  พยายามปัดความฝันเฟิ้งๆนั่นออกไป  นี่ยังเพิ่งตอนเช้า  เข้ายังไม่อยากอารมณ์เสีย  ความเครียดไม่ใช่การต้อนรับเช้าวันใหม่ที่ดีเสียเลย

              ครั้นพอทริชจะยื่นมือหยิบเน็คไทน์ดำอันแขวไว้ข้างบน  ความเจ็บจี๊ดก็พุ่งให้มือรีบเลื่อนประกบท้องไว้เร็วไว

              เมื่อคืนวานโรงเรียนเขาจัดงานแฟนตาซี  เขาได้ไปเข้าร่วมด้วย  และออกมาเพื่อไปทำงานพิเศษกายกรรม  ติดที่ว่า...   เขากลับลืมเวลาจึงใช้ทางลัดตรงไปยังสถานที่พึงประสงค์จะไป  ทว่า  กลับประสบเหล่ากลุ่มจิ๊กโก๋ 5 - 6 คนผู้ไม่มีพิสมัยเอาเสียเลย

              และแผลรอยถากที่ท้องก็ได้มาเพราะพวกมันนี่แหละ

              ทริชออกจากห้องน้ำพร้อมด้วยร่างกายอันสวมใส่ด้วยเครื่องแบบโรงเรียน  สองเท้าตรงรี่หาห้องครัวเล็กๆ

              ยังดีที่ผู้จัดการมียาสมุนไพรดี  รู้สึกจะชื่อ...  บัวหิมะ  ประมาณนั้น  แผลตอนนี้เลยสมานซะมองไกลๆไม่เห็น  กระนั้นก็ยังคงเจ็บหากไปกระทบอไรหนักๆเข้า

              ทริชเตะริมฝีปากเข้ากับน้ำนมในแก้ว  ร่างกายพาดื่มเข้าท้องอย่างต่อเนื่อง

              แต่ยังไงผู้จัดการก็ไม่ใช่พ่อพระ  5%  จากไปเสียแล้ว...  อย่างไม่ได้กลับมาด้วย  แล้วอย่างนี้เขาจะมีปัญญาจ่ายค่าเช่าห้อง  ค่าน้ำ  ค่าไฟ  ค่าเรียน  ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า  ค่ายา  ค่าสารพัดค่าได้ไหมเนี่ย

              ทริชถอนหายใจอย่างละเหี่ย  พลางคว้ากระเป๋าเป้สะพายพาดบ่า  ใส่รองเท้าดำ

              จะมีอะไรนอกจาก...  ทำงานเพิ่ม

              คิดจบก็ย่างเท้าออกจากบ้าน(ห้อง)  หันกลับมาล็อกกุญแจ

              วันนี้เป็นไปได้ต้องกลับมาเร็วๆ จะได้หางานทำเพิ่ม  

              ครุ่นคิดไปก็ถึงการแนะนำตัวยังไงดี  สวัสดีฮะผมชื่อทริช  ?   ไม่เอาๆ คงน่าเบื่อแย่  ลองเป็น..  สวัสดีฮะผมชื่อติ๊บ  อย่าลืมติ๊ปนะฮะ  ฮะฮ่า  ใช้ได้ๆ

              แล้วจิตสำนึกของจรรยาบรรณคนทำงานก็เตือนขึ้น

              การทำงานหวังติ๊ปได้ไง ฮึ !   ต้องใช้ใจบริการลูกค้าสิ

              แต่จิตใจด้านมืดก็แย้งขึ้นถี่...    จะบ้าเรอะ !  ติ๊ปน่ะป็นค่าความสามารถ  เราอยู่ได้ด้วยติ๊ปนะ

              ก่อนที่จิตใจสองด้านจะได้โรมรันกัน  ทริชก็ปัดความคิดไปดื้อๆ  หันมาลงบันไดแทนลิฟต์...

             ผมอาศัยอยู่ในอาพาตเม้นท์ราคาย่อมเยาว์ชั้น 4    ...ชั้น 4  ที่เพื่อนบ้านแสนโทรมทราม  เป็นลุงแก่ๆขี้เมา  กินเหล้าไม่เว้นวันร่างกายจึงสนองลามด้วยไข้พิษ  ขจัดภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคอีกต่อ

              ด้วยเหตุนี้ทัศนะของผมที่มีต่อเหล้านั้นชิงชังน่าดู  บางครั้งผมจะเห็นลุงเขาเปิดประตูห้องค้างไว้  นัยน์ตาตอนนั้นเหลือกขึ้นพร่ำเพ้อคนเดียว  ผิวก็เหลืองซีดผอมกระหร่องไร้แรง  แถมกลิ่นแอลกอฮอล์ยังเฟิ้งฟุ้ง  นั่นทำให้ผมทั้งกลัวทั้งสมเพช  แต่ลึกๆนั้นผมคงบ้าไปเองที่คิดสงสารเขา

              เด็กหนุ่มวิ่งลงบันไดมาได้ 3 ชั้นก็เลี้ยวเข้าหน้าห้องหนึ่ง  กดกริ่งแล้วรอ...

              เจ้าของห้องใบหน้าอวบอวนสะลึมสะลือยื่นหน้าออกมา  ก่อนโยนกองหนังสือพิมพ์อันรัดด้วยเชือกฟางลวกๆมาให้  แล้วกระแทกประตูปิด ปัง !

              ถึงผมจะไม่ชอบกิริยานี้  แต่สำหรับลูกจ้างอย่างผม  การจะเข้าไปชกสักหมัดเป็นวิธีตกงานที่แนบเนียนที่สุดในโลกและงี่เง่าที่สุดเช่นกัน  ดั้งนั้นผมจึงเลือกจะทำงาน ส่งหนังสือพิมพ์ ต่อไป  ซึ่งงานนี้ก็ไม่หนักหนาอะไรนัก  เพราะทางส่งก็เป็นทางไปโรงเรียนผมพอดี

              โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนเอกชนครับ  ไม่แปลกจะได้มีโอกาศพบปะลูกท่านหลานเธอชนิดที่ว่าลูกเศรษฐีรวยทรัพย์  แต่คงแปลกใจล่ะสิ  ทำไมคนไม่คงเรื่องสภาพการเงินอย่างผมถึงไปเรียนโรงเรียนหรูเลิศปานนั้น ?

              เหตุผลนั้นง่ายแสนง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากแล้วกลืนลงท้อง  เพราะหากผมไปเรียนโรงเรียนรัฐบาล  ค่าเดินทางไปกลับคงเทียบเท่ากับเงินเดือนของผม  การจะเข้ากรุงสำหรับผมต้องจ่ายค่ารถหลายต่อทีเดียว  เพื่อการตัดปัญหา  อยู่ที่แหละ... 



              ทริชออกมาจากตึกอาพาตเม้นท์  แสงสีม่วงอ่อนๆถูกทักทอขึ้นเข้าผสานแสงส้มแสดงถึงฟ้าใกล้ส่าง  มันแลดูช่างงดงามนัก  กลิ่นชื้นๆของอากาศยามรุ่งอรุณเข้าแตะจมูกอย่างเคยชิน  ชวนร่างกายสดชื่น  ประสานกับเสียงนกร้องดังขึ้นถี่ๆจากเสาไฟฟ้า

              เขาวิ่งผ่านกระโจงจอดรถไปยังประตูใหญ่ด้านหน้า  แม้หนักสือพิพ์ที่อุ้มจะเทอะทะชวนหลุดรอดหล่นมือ  ทว่าด้วยความเคยชินจึงไม่เป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด    ซึ่งต่างจากคราแรกของการทำงานโดยสิ้นเชิงที่เขาเก็บตกตลอดทาง

              "ไงทริช"  ยามป้อมประตูททักขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง  ติดเพียงมีความง่วงเล็ดรอดออกมา

              แอบงีบอีกแล้วสิเนี่ย...    เขานึกเดา  ซึ่งคงจะจริงอย่างคิด  เพราะยามคนนั้นเริ่มเคี้ยวปากแจ๊บๆเข้าแล้วสิ  

              "อรุณสวัสดิฮะ"  ทริชตอบพลางยื่นหนงสือพิมพ์ส่งให้  ก่อนสาวท้าวก้าวไปยังล็อคเกอร์ของแต่ล่ะห้องในอาพาตร์เม้นท์นี้  ค่อยหย่อนหนังสือพิมพ์ลงไป

              "ไหนๆ  วันนี้มีข่าวอะไรเด็จๆมั่ง"  ยามเอ่ยขึ้นพร้อมซุกหน้าลงไป  จัดแจงสายตาไล่เลี่ยหาข่าวสำคัญๆจากหนังสือพิมพ์อันกางอยู่  ไม่นานเกินรอก็ร้องออกมา  "นี่ไงๆ  กลุ่มโจรปล้นธนาคารรักษาทรัพย์ถูกจับตัวได้  เมื่อวันที่ X   เดือน X   เวลาประมาณ  24  นาฬิกา  บริเวณย่านสายการบิน  จากการสืบสวน นาย กรวัฒิ  1 ในผู้ต้องหาให้คำสารภาพว่าจะหนีการจับกุมไปต่างประเทศ  อื้อหืม  ไอ้พวกนี้ฉลาดเหมือนกันนี่คิดไปสบายที่ต่างประเทศ"  ยามแสดงความคิดเห็นแกมเย้ยเยาะ  ก่อนอ่านต่ออีก  "เอ...  รู้สึกจะเป็นผลงานการแทรกแทรงข่าวจาก..  สารวัติโซมิ"

              "ที่เป็นลูกบุญธรรมเชื้อสายญี่ปุ่นของพลเอก...  อะไรซักอย่างใช่ไหมครับ"  ทริชถามขณะมือกำลังงุ่นกับการใส่หนังสือพิมพ์

              "พลเอกธนาธร  ธีระบอดี ทริชไม่ใช่พลเอกอะไรซักอย่าง"  ยามแก้พร้อมตำหนิ

              "ขอโทษครับ.."  ทริชกล่าวเสียงอ่อย  ..แหมก็จะให้เขาจำชื่อให้หมดมันก็กระไรอยู่  

              ลุงยามพยักหน้ารับคำขอโทษขอโพย   แม้จะไม่มีใครสังเกตุเห็นก็ตาม   "เป็นถึงลูกของพลเอก  แล้วยังเป็นเด็กเลยเข้าไปแทรกแทรงได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่  แล้วทำงานส่วนใหญ่ก็ไม่ผิดพลาดแบบนี้ถึงได้ยศน่ะซิ"

              เมื่อล็อกเกอร์เต็มแล้วเด็กหนุ่มก็ละออกมา   2 มืออันเคยหอบหิ้วแทบจะโอบหนังสือพิมพ์บัดนี้ลดไปมากโข  เหลือไว้เพียงมือหนึ่งจับอยู่ไม่กี่ฉบับ   ทริชปากเหงื่อก่อนเสริม  "ก็เก่งสมคำข่าวนี่ฮะ"

              "แต่ที่ลุงกังวลเพราะยังเป็นเด็กนี่สิ   โลกนี้จะอาศัยความฉลาดอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้เฉลียวด้วย  เผลอๆยังต้องมีความเฉลียวมากกว่าฉลาดด้วยซ้ำ  แล้วให้แม่หนูนี่ทำงานแบบนี้มันก็ออกจะ...  เกินเด็กไปหน่อยมั้ง"

              "ครับๆ"  ทริชตัดบทเสียงอ่อย  พร้อมยิ้มอย่างไม่เสียมารยาท  แล้วรีบสาวเท้าจากไป  ก็ขืนไม่ไปสิ  งานนี้คงโดนหักไปอีก 5% แน่  ถ้าโดนคงต้องจดสถิติหักเงินเดือนประจำชีวิตเขาเลย   ...ให้ตายสิน่า



              นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบแลขึ้นมองฟ้าหน่อยๆ    สุรีย์สาดแสงเข้าแทรกผสานกับกลีบเมฆ  รอบตัวก็ไม่มืดครึ้มๆแล้ว  นั่นแสดงถึงเวลาอันริดรอนของเขา  

              ด้านหน้าอาพาตเม้นท์สถานที่ซึ่งพักพิงและพึ่งวิ่งออกมาเผยสะพานใหญ่ตรงหน้า  ขนาดให้รถเมล์ข้ามมารับผู้โดยสารได้  แต่ทริชก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นรถเมล์หรือเท็กซี่  อันเป็นสิ่งซึ่งคนคำนึงถึงสภาพการเงินอย่างเขาคิดว่าสิ้นเปลืองโดยใช่ที่  เด็กชายกลับเลี้ยวขวาวิ่งไปแทน

              แถวนี้ที่อาศัยมักเป็นพ่อค้าหัวการเงิน  ตั้งแต่นักธุรกิจ  จนถึงพ่อค้าระดับตั้งโต๊ะ  ติดก็ตรงแถวนี้อีกนั่นล่ะมันยังชนบทอยู่  และมักใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนักช็อปทั่วไป  ดังนั้นพวกนักธุรกิจ  หรือตึกสูงเหยียดฟ้าจึงมีไม่เห็นบ่อยนัก   แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย    

              สองข้างทางของถนนที่ทริชเลือกเลี้ยวมาเป็นทางผ่านไปโรงเรียน  ร้านค้าทั้งที่ใช้ซุกหัวนอน  และร้านค้าตั้งโต๊ะสัพเพเหระก็กระจายอยู่สองข้างทาง  เพียงแค่ด้านขวาจะน้อยจำนวนหน่อย  เพราะเป็นเนินสูงต่ำลงไปเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว  คงไม่มีใครอยากตกลงไปอาบน้ำที่นี่แทนห้องน้ำบ้านตัวเองหรอก

              "อุ๊ยต๊าย  ขอบคุณน๊ะจ๊ะหนู"  ป้าหุ่นอวนอวบกล่าวเสียงจ้อยพลางรับหนังสือพิมพ์มา   ทริชยิ้มให้แสดงความสุภาพอย่างมายาทไทย  ก่อนจะปลีกตัวไปอีก  สายตาก็แลเลืองเข้าจับเป้าหมายสถานที่ต่อไป

              ชายชราชาวจีนคนหนึ่งกำลังดันประตูเหล็กขึ้นอยู่ขึงขัง   ความรู้สึกหนักมันโถมเข้าให้ผิวหนังย่นปริเหงื่อออก  ทว่า..  ความรุ้สึกหนักกลับหายไปซะแล้ว

              "ผมช่วยนะครับ"  เสียงกล่าวพาให้ศรีษะหันหา  ได้รับคำตอบก็แย้มยิ้มอ่อนโยน

              "ไงทริช  ยังแข็งแรงไม่เปลี่ยนนิ"  ชายชราเปิดบทสนทนา

              "ก็ปกติล่ะฮะ"  เขาว่าพลางยื่นหนังสือพิมพ์ให้  ยังไม่ทันที่หนังสือพิพม์จะถูกรับ  คมเขี้ยวก็กระโจนเข้างับหนังสือพิมพ์นั่นเสีย  ไม่ต้องปรายตามองผมก็รู้  'เจ้าต้าตง'  สุนัขพันธุ์โกลเด้นผู้หวงนายพอๆกับหมาหวงก้าง  รึอาจจะมากกว่า  หลักฐานนั้นก็พิสูจน์ไปแล้ว  แค่ยื่นหนังสือพิมพ์ส่งให้มันยังไม่ยอมเลย  แถมสายตามันที่มันแหล่กลับมามองผมยังคล้ายกับถากถางเยาะเย้ยอีกแหนะ    ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นสุนัขก็เถอะนะ  แต่ทำแบบนี้ผมก็หงุดหงิดเป็นเหมือนกันล่ะ...

              "ไงฮึ  เจ้าต้าตง  โทษทีนะฉันไม่ได้เอากระดูกมาให้แกกินด้วยสิ  หิวน่าดูเลยใช่ไหม  ขนาดเมื่อกี้ยังเกือบกินหนังสือพิมพ์เข้าไปเลยแหน่ะ"  ผมว่าแกมประชดแถมทักทายหลายสิ่งในทีเดียว  ดูเหมือนเจ้าสุนัขนี่กลับรู้ว่าผมประชดมันอยู่   เขี้ยวแหลมก็ถูกแยกขึ้นมาอวดโชว์พร้อมเสียงขู่  แฮ่~

              ผมเริ่มเห็นแววว่าจะโดนกัดริบรี่ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง  ละสายตาจากเจ้าหมาหวงนายทันใด  หันไปอำลากับนายผู้เลี้ยงหมาแทน  "งั้นผมไปก่อนนะฮะลุงหลุยซี"   

              หลุยซียิ้มตอบ  แต่แล้วความรู้สึกตะขิดตะควงใจก็ยังตรึงเท้าไม่วิ่งไป  เอ่ยถามขึ้นก่อน  "แล้วลุงกี่หลิวล่ะฮะ"

              "กี่หลิวเรอะ  มันยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  นี่คงไปขายก๋วยเตี๋ยวที่ในซอยลึกๆแบบนั้นอีกซิเนี่ย  ให้ตายเฮอะบอกว่ามันมืดๆ  ก็ไม่ยอมฟัง  ดึงดันจะไปอยู่นั่นล่ะ  แล้วก็ไม่ยอมโทรกลับมาบ้างเลย  นี่ก็คงค้างในบ้านเก่าอีกแล้วสิเนี่ย"  หลุยซีร่ายยาวเหยียด  ขนาดผมเห็นยังนึกสงสารลุงกี่หลิวผู้เป็นน้องชายฝาแฝดของลุงหลุยซีอยู่ครามครัน  ผมควรแวะไปบอกลุงเค้าก่อนดีไหมว่าก่อนกลับมาอย่าลืมเอาสำลียัดหูด้วย

              แต่คิดไปคิดมาเดี๋ยวผมโดนหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดล่ะแย่เลย  ขอเป็นคนกลางจะดีกว่า...

              ทริชออกจากร้านขายของสะดวกซื้อของลุงหลุยซี  เหตุผลนั่นมี  ตอนนี้บรรดาผู้คนร้อยชายร้อยหญิงพากันเดินพล่าน  ผู้คนที่เร่งรีบในตอนเช้าทั้งต้องหากิน  ทั้งต้องไปเรียน  และบ้างทั้งหากินและไปเรียนเช่นเขา  แต่นั่นก็ไม่เท่าเหตุผล 2 ที่ว่าเจ้าต้าตงมันเริ่มแยกเขี้ยวขู่ยาวขึ้น  จนเขาต้องรีบผละตัวออกมาก่อนเนื้อจะโดนจมเขี้ยวน่ะสิ

              ตอนนี้ดวงตะวันตรงหัวต้องรีบแล้ว  แค่ข้ามถนนไปส่งร้านขายผักนั่นก็เป็นอันเสร็จ...

              ความคิดสั่งเสนอ  ร่างกายก็ตามสนอง  ทริชรอหยุดดูรถคันสัญจรอยู่พักหนึ่ง  จนระยะห่างมันพอประมาณที่คนอย่างเขาจะข้ามได้ก็เร่งเท้าวิ่งตรงไปอีกฝั่ง

              สถานการณืไม่คาดคิดก็เปิดฉากต้อนรับเช้าวันใหม่เข้าให้....

              รถกระบะจากคันหลังเร่งเครื่องแรงแล่นปราดเข้า  มันขับเป๋ประโคมชนทั้งซ้าย  ขวา  คันอยู่ข้างๆเป็นอันรับเคราะห์  แต่เหนืออื่นใดมันกลับพุ่งตรงเข้า  ล้ออันเสียดพื้นไม่สนสมการแรงต้านทานจนขึ้นเป็นควันจับล้อแสดงทีท่าว่าไม่ยอมเบรก  เครื่องกระหึ่มดังราวเป็นสัญญาณชะตาใกล้ขาดของดวงชีวิตอันกำลังวิ่งข้ามถนนนี่

              ทริชแทบใจหายไปกับตาตุ่ม  ชีพจรกำลังเต้นเร้าลนลาน  ดวงตาเบิงโพลงตะหนก

              ทว่า...  จิตใต้สำนึกกลับเตือนลึก   เขาในตอนนั้นมองเห็นเป็นภาพช้า  เสียงรอบตัวก็พลันเลือนหายเป็นเบาเงียบ

              กระบะเคลื่อนเข้ามา...  ใกล้เขาขึ้น  ใกล้เขาขึ้น  ใกล้....

              ไร้เวลาจะคิดใคร่หากต้องการเอาชีวิตไปทิ้ง  หาไม่ที่เขาจะคิดเช่นนั้น  ทริชดีดเท้าขึ้น !    ...น่าแปลก  ทำไมเวลาแบบนี้เขาควรจะกลัวยืนตัวสั่น  คงอาจเป็นเพราะเขาทำงานกายกรรม  เจอเรื่องหวาดเสียวจนชินแล้วกระมัง 

              กระบะเคลื่อนคล้อยค่อยผ่านไป....

              ฝ่ามือกระแทกเข้าหลังคารถ  ก่อนเจ้าตัวจะย่อข้อต่อแขน  ฝ่ามือก็พลันดีดเด้งตัวขึ้นตีลังกากลางอากาศพร้อมๆกับที่รถกระบะก็กำลังเคลื่อนที่ไป

              ทริชตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลกดังพลัก !    เร็วจนตั้งตัวไม่ติด  ท่าทางคงไม่พ้นได้เสียเงินไปรักษากระดูกเคล็ดกระมังนี่  ทำไมปัญหาพากันเข้ามาทุกทีเลย  คืนก่อนก็แล้ว  วันนี้ก็แล้ว  หวังไว้แต่ว่าจะไม่มีอีกหรอกนะ

              กว่าเขาจะรู้ตัวคนรอบข้างก็พากันมองมาไม่ละสายตาเป็นจุดเด่นเดียวเสียแล้ว  แต่จะว่าก็ไม่ได้  เรื่องนี้เป็นจุดสนใจน้อยเสียเมื่อไหร่  ติดก็ตรงบางคนไม่คิดสำรวมมารยาท  ไม่ไว้หน้าขนาดยกนิ้มขึ้นชี้เลยนี่สิยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด  

              "ไอ้หนูไม่เป็นไรนะ"  ลุงเจ้าของร้านใกล้ที่เกิดเหตุที่สุดกล่าว

              "ค..ครับ"  เขากล่าวอ้ำอึ้ง  ก็ไอ้การโดนสายตามาจับจ้องนี่พูดไม่ถนัดปากเอาเสียเลย   

              ราวกับลุงคนนั้นจะรู้ความนึกคิด  ก็กล่าวไล่ตะโกนดัง  "เฮ้ๆ  พวกคุณนี่ก็จะด้อมๆมองๆกันอีกนานไหม  แค่นี้เด็กนี่ก็ตกใจพอแล้ว  มีการมีงานต้องทำไม่ใช่รึ"  เขาต้องยอมรับถึงความใจเด็ดของลุงเลย  เพราะมีพ่อค้าไม่กี่คนที่พูดอย่างนี้ต่อว่าที่ลูกค้านักหรอก  "ยืนไหวไหม  ฮ๊ะ  จริงด้วยเดี๋ยวลุงโทรไปแจ้งคว..า"
     
              ปัง !!!

              เสียงอึกทึกครึกโครม  ผลคือ  รถกระบะนั่นขับไปชนเสาไฟฟ้าเสียงสนั่น  


                                               จุดจบของชีวิตที่ริอาจคิดจะเป็นผู้พรากวิญญาณคนอื่น...


    _____________________________________

    ดู Gallery ทั้งหมด    <<  คลิ๊กคร้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×