ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chess : (Lycanthrophy)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chess : (Lycanthrophy) _ แขกยามราตรีกาล (2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 50


     

              กระแสน้ำธาราด้านหน้ายังไหลเชี่ยว

              ความใสสะท้อนเดือนทรงกลดวาดลงพื้นน้ำ ฉากความมืดพร้อมหมู่ไม้ประกอบกันเข้าที่ และอีกหนุ่มต่างแดน... ผู้ถูกวาดลงตราตรึงผืนน้ำในท่านั่งกอดเข่าจุ้มปุ๊ สีน้ำพะอืดพะอมคล้ายร้องให้ก็ไม่ปาน

              ปากขยับขัดเสียงลมหวีดหวิว

              "อา.. ข้าอยากกลับเชสอ่ะ

    ________________________________________________________________________________________


    Chess : (Lycanthrophy)

                                                                       ผู้มาเยือนยามราตรีกาล (2)

    _________________________________________________________________________________________



              เด็กหนุ่มเอนตัวลงนอนทับผืนหญ้านุ่มอันคลุมทับดินเย็น ก่อนกางแขนถ่างขาออกยืดสบาย ค่อยผ่อนลมหายใจหนักอก สีหน้าหน่ายก็เกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอื่อยๆอย่างเยาะขันชีวิตตัวเองเล่น นึกย้อนถึงคำคนเป็นพี่ก็แย้มรอยยิ้มกว้างขึ้นอีก

              'ระวังเหอะพอไปที่นั่นเหงาแล้วจะกอดเข่าจุ้มปุ๊ร้องคิดถึงเชสขึ้นมา'

              นี่เขาโดนพี่อัฟฟาดักแต่ต้นเลยรึเนี่ย ?

              ความคิดที่ย้อนทำให้หัวเราะตัวเอง ก่อนเบือนสายตาแลสภาพแวดล้อม

              หญ้าก็นุ่มดี อากาศก็ใช้ได้ ลมพัดเข้าไม่ร้อนไม่หนาวเกิน เสียงเพลงธรรมชาติก็กล่อมหูหลับสบาย คงต้องยึดที่นี่ค้างซักคืนสองคืน ถ้าโชคดีเจอครึ่งร่างเมื่อไหร่จะได้กับเชสซะ...

              แล้วภาพซามูไรหน้าบากดวงตาแดงก่ำกำลังแสยะยิ้มก็เข้าหลอนประสาท

              ราฟว์หน้าซีดกำมือเขกหัวตัวเองเรียกสติ

              ครึ่งร่าง ครึ่งร่าง ใครที่ไหนเขารับประกันว่าครึ่งร่างตนจะดูดีมีอีโก้ อาจจะเป็นกุ๊ยข้างถนน ไม่..ไม่สิน่า เอ่อ เอาที่ดูดีขึ้นหน่อยเด็กเรียนแว่นหนาเตอะ.. ไม่เอ๊า ! Super Pumpkin Man ยอดมนุษย์ฟักทองขวัญใจชาวประชา โอ้จอรส์อย่าล้อเล่นสิฟร่ะ !

              ก่อนที่เขาจะจินตนาการไพล่ไปถึงเรื่องไร้สาระหลอนหลอกตัวเองมากกว่านี้ ก็รีบบ่ายเบี่ยงปิดเรื่องนี้เปิดเรื่องสภาพแวดล้อมเสีย

              "วันนี้พระจันทร์กลมดีว่าไหม ?"

              "นั่นสิ" เด็กหนุ่มตอบออกไปตามใจนึก ก่อนนึกย้อนอีกที 'ตนพูดกับใครหว่า ?' แต่ช่างปะไรไม่เหงามีคนคุยด้วยเป็นเพื่อนก็ดีแล้ว จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายต่อบทสนทนากับบุคคลคลายเหงาเสียเอง

              เสียงขรึมแบบนี้คงรุ่นลุงล่ะมั้ง...

              "อ่า บ้านลุงอยู่แถวนี้เหรอครับ"

              "ไม่หรอก เพิ่งย้ายมาน่ะเห็นละแวกนี้เงียบๆเปลี่ยวๆดีเลยกะ 'ทำรัง' อยู่ที่นี่"

              ช่างเป็นคนที่รสนิยมพิลึกเสียนี่กระไร

              เด็กหนุ่มคิด แม้จะยังติดใจตรง 'ทำรัง' ก็ตาม ...เฮ้อ คนแก่ก็งี้ พูดอะไรก็เลอะเลือนเบลอไปหมด

              คู่สนทนาในเงามืดชวนคุยกลับ

              "แล้วเจ้าล่ะ บ้านอยู่แถวนี้รึ"

              "อ้อไม่ได้อยู่แถวนี้หรอกครับ ข้าหลงมาน่ะ กะอยู่ค้างซักคืนสองคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดอยู่นานเหมือนลุงหรอกครับ"

              "เหรอ" น้ำเสียงตอบกลับแฝงแววประหลาด แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจ โคลงหัวขณะมองดวงเดือนกลางฟากฟ้าสีกำมะหยี่แล้วปล่อยไป ชวนคุยมั่ง

              "ว่าแต่ บ้านเกิดลุงไม่ดีเหรอครับถึงย้ายมาตั้งหลักปักเลนที่นี่"

              "ซะที่ไหนล่ะ บ้านเกิดข้าน่ะดีออก ติดก็มีพวกน่ารำคาญอวดแบ่งในศักดิ์ขี้หมากันทั้งนั้น" ชายวัยกลางหัวเราะในลำคอก่อนเสริม "ข้ามาจาก 'Chess' น่ะ"

              เห ช่างดวงสมพง โอ้จอร์สทำได้ดีมาก   ความชื่นชมชั่วขณะกลับพลิกผลัน เฮ้ย ! ใครว่าล่ะ จอร์สแก๊ !

              คิดได้ก็ตวัดตามองเอนลุกขึ้นทันใดเวลาเดียวกับที่ใยเหนี่ยวหนาสีขาวขุ่นพุ่งพรวดเข้าหมายหัว ! ราฟว์ผงะฉุดหัวหงายพลันดีดเท้าไปอีกทางเว้นระยะด้วยท่าพร้อมรุกรับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตรวจใบหน้าชายผู้สนทนา แม้แสงจะเปลี่ยว

              บุรุษร่างใหญ่ใบหน้าตึงคมเข้มเคร่ง จักษุ์แดงโชนแสงทอประกายประกอบกับปากกว้างอันเหยียดออก ตีอายุคร่าวๆคงประมาณ 40 สะดุดก็แต่ตรงหลังมันราวกับมีของอะไรไปกระจุกอัดอยู่ในเสื้อกันหนาวจนโป่งขึ้นซะแปลกตา และอะไรที่ว่านั่น สัญชาติญาณเขาเตือนว่า..'อันตราย'...

              ชายแปลกหน้าเหยียดยิ้ม เอ่ยคำชมอย่างคนฟังไม่ประสงค์จะรับ

              "หึๆๆ สมกับเป็นตัวตลกแห่งเวลล์โจ   ลือกันมาไม่ผิด เจอเจ้าตัวเป็นๆแล้วน่าขันเสียจริง"

              ตัวตลกยิ้มแหย่รับคำ ไอ้นี่เจอตั้งแต่ต้นก็เยาะเขาตลอดกับไอ้คำ 'เป็นๆ' นี่สือความหมายชัดจนน่าถีบ ถึงใจจะคิดอย่างนั้นกลับพูดไปอย่าง "หืม ? เดี๋ยวนี้ที่นั่นตั้งฉายาพิลึกๆขนาดนั้น อย่างคำสุภาษิตที่ว่า คบคนพาลพาไปหาผิด โหแฮะ ข้ายังไม่ทันคบเลย คนตั้งมันเห่ยคนถูกประณามเลยเห่ยตาม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วนะเนี่ย"

              น้ำเสียงเย็น รอยยิ้มยั่ว มันรวมกันได้ดี ทั้งลื่นกะล่อน ย้อนด่าเป็นฉับๆกระชากอารมณ์กลับได้มั่น ไอ้เด็กนี่ไม่ได้ว่ามันคนเดียว แต่ปรามาสเหยียดอาณาจักรมันทั้งโครต !

              คิ้วหนาขมวดเคร่งขึ้น รอยยิ้มกลับมาเป็นฝ่ายประดับปากกะล่อน

              ก่อนสถานการณ์จะปะทุขึ้นราฟว์ก็เอ่ยถามเสียก่อน

              "เอ่อ.. ลุง คงใช่นะ" มิวายยังกัดเข้าให้อีก "ระดับล่ะ ? พอน - รุค - บิชอบ ?"

              มันแสยะยิ้ม "ว่าที่บิชอบเฟร้ย... ไอ้พอน"

             ราฟว์ยิ้มรับคำปรามาส ก่อนกล่าสำทับแสร้งเสียงซื่อ "อ่าว ข้าก็นึกว่าพอนซะอีก แหมทีท่าไม่ให้เลยนะ-"

              มันเร่งฉวยโอกาศเคลื่อนไหว โจมตีก่อนได้เปรียบ ! ร่างตรงหน้าหายไป !

              "-ลุง" ราฟว์ยังคงพล่ามต่อให้จบประโยค มันปรากฎกายขึ้นข้างหลังเด็กหนุ่ม สีหน้าราฟว์ยังเรียบเฉย    นิ้วมือชายวัยกลางประสานเหนือหัวทุ่มลง !

              ปึก ! เสียงแข็งกระแทกกัน แขนกร้านยกขึ้นป้องหัว น้ำเสียงหยอกตามติด

              "ใจร้อนจัง ไม่ใช่วัยสะรุ่นนะครับ"

              จันทราปรายแสงส่องนวลมา ก่อนกลืนตัวหายกลับเข้ากลีบเมฆ ทิ้งให้ความมืดกลืนกินบรรยากาศคุกรุ่นเบื้องล่างของ 2 ตัวการก่อเหตุ

              ทั้ง 2 ดีดตัวถอยห่าง จ้องประสานประเมินเชิงกัน

              คนหนึ่งอารมณ์กระหายฆ่าฟัน สีหน้าตอนนี้เขม่งขึ้นแผ่ไอดำอำมหิตไว้รอบร่าง เหยียดยิ้มแสยะส่งทะลวงใจ

              คนหนึ่งอารมณ์เย็นขบขัน เสนอในรูปแบบเรียวปากรอยยิ้มกระจับ แย้มอยู่ นัยน์ตาเต้นระริกยั่วแกมกวน

              แล้วคนอารมณ์ร้อนก็ติดกับ

              ชายวัยกลางวิ่งเข้ามากหมัดง้างชก ราฟว์รอรับหมัดอันใหญ่เท่าหน้าเขา

              วืดดดด....

              ไม่ใช่หมัดนั้นจะไร้ความแม่นยำ    รองเท้าบู๊ตสีดำบิดฝุ่นขมุงขึ้นเล็กน้อย   ราฟว์หมุนตัวพลิ้วไปด้านหลังชายหนุ่มด้วยท่วงท่าคล่องทำนอง เตรียมหมัดชกไว้มั่น

              ชายวัยกลางหันหน้ากลับมา ! หมัดของราฟว์ตรงรี่เข้าหน้า กระนั้นมันกลับไม่มีท่าทีผงะ  มันอ้าปากขึ้นใยหนาสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลวงหาเขา ! มือกร้านถูกดันกลับมา เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกร๊อบอยู่ริบรี่ เขารีบยกอีกแขนตั้งรับก่อนมันจะทะลวงเข้าหน้ามาเฉาะหัว   แรงอัดทำให้เท้าไม่ติดพื้น   แต่เด็กหนุ่มก็ใช่ว่าจะเซ่อขนาดยอมกระเด็นปลิว เร่งแรงกดเท้าให้เหยียบดินแน่นจนไหลไปกับพื้นทังยืน

              แล้วความรู้สึกถูกดึงกระตุกแขนอย่างแรงก็ตรงปักเข้ากลางใจอย่างคนรีเฟล็กเร็ว ตาหันเหเข้าหาสาเหตุแขนของเขาโดนใยแมงมุมนี่ฉุด !

              ชายหนุ่มยิ้มโดยนัยน์ตาพราวระริก   สะบัดหัวโดยแรง   ราฟว์ก็ถูกใยแมงมุมฉุดขึ้นกลางฟ้าเพราะสรีระแสนเปี๊ยก

              ราฟว์แค่นยิ้ม "แมงมุมบ้านไหนปล่อยใยทางปากว่ะ" ถามไปงั้นไม่หวังคำตอบ  เขาสติดีพอหรือจะเรียกไอ้พวกบ้าก็ไม่ปาน  เคลื่อนมืออีกข้างหยิบมีดสั้นเหน็บรองเท้าบูตออกมา เว้นว่าไม่ตวัดปลายมีด เด็กหนุ่มกลับยอมให้มันลากไปโดยดี จึงจำถอนคำ 'สติดี' เนื่องว่ามันแสดงถึงความ 'บ้า' โดยสิ้นเชิง

              ชายวัยกลางตั้งหมัดรอรับ กำปั้นพร้อมสำหรับคนบ้า ก่อนง้างชกเต็มแรง !

              2 มือกร้านเข้าคว้าหมับเข้าหยุดหมัดป้องหัวไม่ให้หลุดบ่า ชายวัยกลางเตรียมปล่อยใย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกระตุกไร้จะคิดใคร่เร่งตัดใยที่ข้อแขน   มันคลายตัวหล่น   แต่ยังไม่ทันร่วงเขาก็ปามีดเข้าปักกลางหน้าอกซ้ายชายหนุ่ม !

              เคร้ง !!!

              มีดดีดเด้งกลับตกพื้น  ราฟว์มองแล้วหน้าหวอ  เขาไม่คิดว่ามันจะออกมาอีท่านี้    ไม่ทันให้ตั้งตัวชายวัยกลางก็เงื้อเท้าเตะสูง ! ราฟว์ก้มหลบกัดฟันกรอด ทว่า... เร็วเกินคิด   มือใหญ่พุ่งเข้าตะครุบคอเด็กหนุ่มกระชับอุ้งมือ บีบให้แหลก !!

              โลหะแหลมถูกจรดไว้กลางหัว ราฟว์ถือมีดสั้นเหน็บนั่น มือใหญ่ชะงักการบีบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มส่อแววข่มวาบ รอยยิ้มหยันเหยียดอกยั่ว  "อ่าวลืมบอกไปมีดเหน็บผมไม่ได้มีเพียง 1"

              แต่คนถูกยั่วกลับกล่าวโต้วาทีไม่เกรง "หึ งั้นเจ้าก็ให้เกรียติมือข้าด้วย รับรองบีบแหลกคามือไม่มีติแน่นอน"

              "งั้นคงต้องลองดู..."

              ราฟว์เอ่ยวาจาเย็นชากดมีดให้ทิ่มเข้าหัวมันจนเลือดซิบ ตัดกับเขาที่โดนมันบีบคอจอเลือดขึ้นหน้าแดงก่ำ คราวนี้ใครๆคงหาว่าเขาหน้าด้านไม่ได้ล่ะ...

              สถานการณ์ตอนนี้ได้เสียเท่ากัน !

              สื่อสารกันทางสายตา ทั้งสองผงะดีดออกห่างทันใดดุจแม่เหล็กคนล่ะขั้ว เนื่องด้วยเดาจากไม่มีใครอยากตายหรอก  ทว่า  คนบ้าก็ยังคงเป็นคนบ้าอยู่วันยันค่ำ

              พลัน !

              ราฟว์วิ่งเข้าหาก่อนเสียเอง

             นัยน์ตาแดงฉาบฉานคมดุจเหยี่ยวปราดมองไอ้เด็กเล่นเล่ห์ตรงหน้า สมองนึกหวนประหวัดคำควีนอันเตือนไว้แต่ต้นว่า 'เล่ห์' นัก ตอนนี้แหละที่มันเชื่อจุใจ

              "เฮ๊ยๆ ไอ้หนูเอาเลยเรอะ" ชายวัยกลางว่า ค่อยอ้าปาดเตรียมปล่อยใย

              "ก็แค่ท่าเดิมๆ"  ราฟว์ตอบกลับ   ใจนึกสะดุดแววตาทอประกายรู้ทันของบุคคลตรงหน้า พลิกผลันกับขาอันไม่สะดุดเร่งรีบปราดเข้าประชิด

              "คิดอย่างนั้นรึ"  ชายวัยกลางตอบแทบกระซิบ   ราฟว์ไม่สนเขามาอยู่ตรงหน้า   มือพลันกำกันแน่น  หมัดตรงพร้อมตัดเส้นประสาททุกเมื่อ

              ใยแมงมุมพุ่งออกไป

              ราฟว์เหยียดยิ้มร่า ไอ้ใยแบบนี้เห็นครั้งเดียวก็จับไต๋ได้แล้ว มันก็แค่พุ่งมาเป็นเส้นตรง จะหักเลี้ยวรึหลีหลบน่ะง่ายนิดเดียว รองเท้าบู๊ตดำบิดกะกระโจนหลบ  ในช่วงวินาทีที่ใยนั่นพุ่งเข้านัยน์ตาเด็กหนุ่มเริ่มกระตุก

              มันพุ่งมาช้าลง ?

              ราฟว์ไม่คิดจะหาสาเหตุตอนนี้ เขากักฟันกรอด ตอนนี้ต้องหนีจากใยตรงหน้าให้พ้นระยะก่อน   ยิ่งไกลยิ่งรับประกันความปลอดภัยได้   ขณะที่ชายวัยกลางเหยียดยิ้มแสยะ

              ใยดิ่งพลันแผ่กว้าง มันกางเป็นตาข่ายแมงมุมกินรัสมีอาณาเขตเกินกว่าที่จะวิ่งหลบพ้นการจับกุมได้   ที่สำคัญบัดนี้มันกลางอยู่ตรงศรีษะของเด็กหนุ่มแล้ว ราฟว์ไม่คิดเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ว่าไม่กลัว เพราะสายตาตื่นตระหนกมันฉายชัด หัวใจเด็กน้อยกำลังเต้นระส่ำ   ถ้าถูกจับได้…   ถ้าถูกจับได้ก็แสดงถึงการแพ้น่ะสิ   เขา…ไม่อยากแพ้ !!

              แล้วตาข่ายก็กุมทับเกินควันขมุงลอยขึ้นสักพัก ก่อนค่อยๆเลือนลางหายไปปรากฏตาข่ายตุงๆแทน

              "แกประมาทไปแล้วไอ้ลูกหมา" ชายวัยกลางกล่าวรอยยิ้มหยันผุดออกมา

              สันมือหนักทุบปึก!   เข้าท้ายทอยชายวัยกลาง

              สายตาคนโดนทุบพร่าเลือนเพราะโดนเส้นประสาท   มันไม่คิดมองคนทุบเท้าวิ่งหนีพ้นระยะ  แปลกใจก็ทำไม ?   ทำไมถึงไม่ทุบต่อทั้งทีๆมีความสามารถ   ทำไมถึง...   ชายหนุ่มวิ่งหนีพ้นระยะตวัดหันทันใด

              คำตอบก็ประจักษ์เข้าจักษุ์

              ราฟว์ยันเข่าหายใจถี่....

              ชายวัยกลางเบิกตาวาวโรจน์    ความรู้สึกทั้งกลัวและโกรธกำลังพุ่งพล่านเข้าจุกอก   แต่ก็ไม่อาจรั้งความงุ่นงงกระหายคำตอบได้   ชายวัยกลางหันขวับมองกลับไปยังตาข่ายอีกครั้ง

              ตาข่ายเหนียวขาวขุ่นไม่มีทีท่าของสิ่งมีชีวิตสักนิด... แล้วไอ้ตุงๆเมื่อตะกี้นี้ล่ะ ?

              คิดคำถามก็แลกลับยังเด็กหนุ่มด้วยหัวใจระส่าย

              เขายังคงหอบ... ผมเริ่มปรกหน้าไปครึ่งซีกจนมองแทบไม่เห็นชัด ความรู้สึกหนาวยะเยือกจากเหงื่อโอบนั้นผสานกับลมหนาวยิ่งบาดหน้า แต่ความรู้สึกเหนือกว่านั้นคือ... 'แสบ' แสบจากกระแสไฟฟ้า การจะใช้พลังนี้ได้ก่อนอื่นต้องทนพลังตนให้ได้เสียก่อน เขายอมรับว่าทนไม่ไหว   แต่ก็พอใช้ได้ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง   ประสบการณ์ที่เคยโดนช็อตมาแล้วยังเสียวสันหลังปล๊าบ  เตือนไม่ให้ดันทุรัง  ทว่า  หากเขาไม่ดันทุรังซักนิด เขาจะแพ้.. และ ตาย...

              เด็กหนุ่มจำเป็นต้องเลือก...

              แล้วน้ำคำเปรยเบาๆก็กระทบเข้าหู เล่นเอาจากหายใจกระส่ำกลายสะดุดห้วง

              "สายฟ้า... สินะ"

              หัวใจของราฟว์เต้นแรงหวั่นตระหนก คิ้วมุ่นเคร่ง

              รู้ได้ยังไง ? ความสามารถของกลุ่มมิเรณุ จะเป็นความลับกันเฉพาะวงในระดับสูงนี่ เท่าที่จำได้เขาไม่เคยเผลอโชว์ความสามารถกับใครไปทั่ว คนในกลุ่มก็ใช่ว่าจะเป็นพวกปากสว่านเสียเมื่อไหร่

              ราฟว์สลัดหัวใจสั่นตระหนก เอาสติกดข่มหาคำตอบ นึกทบแต่เหตุการณ์แรก

              ตัวนายกองหมู่แรกหมู่สองแค่ตัวล่อ  ล่อ... เพื่ออะไรน่ะรึ ?   ก็จะอะไรนอกจากสิ่ง 'เชื่อมต่อ' ของตัวเขากับมิตินี้ไงล่ะ   ส่วนที่ยังติดใจก็มันรู้ทั้งสถานที่วงแหวนเวท  ทั้งความสามารถ  มันรู้ได้ไง ?  'สินะ' งั้นเหรอ ? เหมือนกับฟังมา งั้นไม่ผิดแน่

              'เกลือเป็นหนอน'

              แถมท่าทางจะตำแหน่งยศศักดิ์ใหญ่ซะด้วย  รู้เกี่ยวกับครึ่งร่างได้คงไม่ใช่พวกพลหารเรือนเบี้ย  แล้วนี่ครึ่งร่างเขาจะเป็นไงมั่งเนี่ย  ที่รู้ๆพวกมันคงไม่บุกมาคนเดียวโด่เด่หรอก

              หมัดหนักแหวกอากาศเข้ามา !

              ราฟว์สะดุ้ง สัญชาติญาณกระชากสติฉุดหัวเอี่ยวหลบ

              ....ไอ้บ้า ! 'มัน' ที่ว่าหัวโด่อยู่นี่

              ราฟว์ยิ้มรับคำด่าตัวเอง พลางยิ้มเยาะชายวัยกลางผู้ดูเหมือนพึ่งได้สติจากความกรุ่นระคนระส่ำ มันกล้ามาเต็มร้อยนี่ เขาจะตอบแทนให้ถึงกึ๋นเลย !

              "ปัดโถ่   รู้อยู่แล้วก็ไม่บอก ข้าจะได้ไม่ต้องอุ๊บไว้"   เปิดการตอบแทนด้วยรูปแบบเดิม ท่ากวนๆนี่คงเป็นสันดารสุดรักสุดหวงสุดยอด อย่างไม่รู้จะกี่สุดต่อกี่สุดซะแล้ว

              "ปากเจ้านี่นะ"   ชายวัยกลางกระตุกคิ้ว กำหมัดแน่นง้างชกไปด้านหน้าหมายต่อยหน้าคนปากดี

              เด็กหนุ่มตรงหน้าหายไปแล้ว ! ความมืดกลืนไอ้ลูกหมานั่นได้จนมันนึกสั่น

              "ปากดีใช่ไหมล่า~"

              เสียงเปรยกระซิบเบาๆจากข้างหลัง

              พริบตาเดียวราฟว์ดีดเท้าแฝงตนอยู่ด้านหลัง เงียบกริบและรวดเร็วที่สุด เหนือกว่านั้นกำปั้นของเด็กหนุ่มฉายแสงประจุไฟฟ้าประกายเรืองรองแล่นเปรี๊ยรอบมือถี่ๆ ไม่ให้ตั้งตัวราฟว์ก็ชกเข้าไปยังหลังตุงๆนั่น !

              รอยยิ้มเหยียดกลับเป็นของชายวัยกลาง...

              เสื้ออันเคยหุ้ม 'บางอย่าง' อันตุงๆชวนขัดตาถูกฉีกขาด ! เผย 'บางอย่าง' ที่ว่าสังหรณ์อันตรายออกมา

              มันพุ่งเข้าหาราฟว์ซึ่งทะลวงหมัดลึกเกินจะหลีกพ้น   เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง

              ใบมีดทั้ง 4 ตวัดฉับ !

              โลหิตกระเซ็น....


              ปากบางหอบหายใจกระเส่า เม็ดเหงื่อผุดพายโพยโผนออกรูเหงื่อเข้าโชลมอาบดวงหน้ากระด้าน  เนตรน้ำตาลเขม่งมอง  คิ้วยาวก็สำทับส่งด้วยการกดให้เคร่งขึ้น  เมื่อมือกร้านเริ่มบีบรัดสีข้างซ้าย  เลือดก็ไหลซึมหยดไหลติ๋งเข้าให้ เ จ็บจนต้องกัดฟันกรอดข่มน้ำตาใต้ใบหน้าแค้นระคนอิดโรย

              "หึ อย่างว่าไอ้ลูกหมานี่หนีไวจริงๆ"   เสียงเกทับทำเอาราฟว์ตวัดสายตาเหี้ยมมองแม้ไม่ได้ผล   มันยังพล่ามต่อ   "แต่อย่างที่แกรู้ และแกเป็น..."   มันชำเลืองแลยังแผลสากรรณ์เลือดไหลเปื้อนเต็มมือเด็กหนุ่ม  กระดกมุมปากขึ้นเยาะ  ลูกตาวาววับส่องความรู้สึกสมเพชทีมีต่อเด็กหนุ่มได้ชัดยิ่งกว่ากระจก เสริมต่อ   "มันหนีไม่ได้ตลอด"

              ราฟว์เบิกนัยน์ตากว้างกร้าน  รู้สึกคันปากอยากตวาดด่าสาดมันเต็มทนขึ้นมารอมร่อ  อารมณ์เด็กหนุ่มกำลังพุ่งพล่านพลานไปทั่ว เจ็บก็เจ็บ แสบก็แสบ โกรธก็โกรธ แถมเหนื่อยอีกต่างหาก โว๊ย วันนี้มันอะไรกันว่ะ !

              ระบายความรู้สึกในใจก็แย้มยิ้ม  ความขันลึกโดยสันดารสุดหวงก็เข้าอารมณ์นึกนิยมบุคคลเบื้องหน้า แต่หากไม่ใช่อย่าง Y ที่พวกท่าน หรือบางคนคิด  มั่นใจได้เขาชายแท้ร้อยล้าน%

              "แต่แกก็ทำได้ดีนี่ กับระดับรุคเรียกเลือดจากข้าได้"

              ริมฝีปากคนฟังเหยียดรับ "หัวของแกจะเป็นบรรณาการเลื่อนขั้นสู่บิชอบ"

              หึ อวดตนนัก !

              "คิดจะติดสินบนเหรอลุง"

              "เด็กอย่างแกจะรู้อะไร หากข้าได้เป็นคิง"   นัยน์ตามันเริ่มเปล่งความหวังอย่างส่อตัณหาชัด  "อำนาจเอย เงินทองเอย สาวงามเอย สุราเอย และแม้กระทั่งชีวิตแกทั้งโครตข้าก็ชิงมันมาได้ !"   ว่าจบเสียงหัวเราะก็สะท้านขึ้น

              สะท้านอย่างที่เขาไม่ชอบ ไม่สิ.... สะท้านอย่างที่เขาเกลียด !

              ตำแหน่งคิงบ้าบออะไรกัน มีไปเหมือนล่ามโซ่  สาวงามก็ใช่ว่าจะงามใจไปเสียหมด  สุรายิ่งแล้วใหญ่  มึนงงมัวเมามั่วสุม  มันจะพังชีวิตตนเองเสียเปล่า  คนละโมบผู้แสนโง่เขลา...

              รอยยิ้มราฟว์ขมขื่น ประกายตาดูแคลนชัด  แม้มือยังจับแผลฉกรรณ์   เปรย   "ความคิดงี่เง่างมงาย"

              แต่คนฟังกลับทอแววตาหมิ่นแคลนมากกว่า

              "อย่างที่ควีนว่าเลย เจ้าน่ะยังอ่อนโลกนักไอ้ลูกหมา"

              ไอ้ลูกหมาหัวเราะกดความรู้สึก   เอ่ยปากถามข้อข้องใจด้วยวาจาเกือบขอร้อง   เพียงไร้น้ำเสียงวานในคำพูดนั้น   "งั้นช่วยบอกผมหน่อย ควีนคนดีของลุงคือใคร"

              มันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นก้องกัปนาท   ก่อนโพล่งตะคอกกลั้วหัวเราะอย่างหยาม   "กับแค่ไอ้คนใกล้ตายข้าไม่เปลื้องปากพูดหรอกโว๊ย !"

              ราฟว์สดับฟังเงียบ ใบหน้าเรียบแปรยิ้มรับพยักหน้าหงึกเห็นด้วย

              "อื้อ"

              สิ้นคำ !  ราฟว์ก็กลืนตัวเข้าแฝงความมืด

              ไร้เสียง...  และรวดเร็วถึงขีดสุด

              เจ้าของดวงตาแดงเพลิงกลับเริ่มละเลิกละลัก  มันหันหน้ามองซ้ายขวาหวาดหวั่นระแวง

              ชายวัยกลางยืนผวาท่ามกลางความมืดมิด  สอดส่ายสายตาระแวดระวัง  เสียดลมหวีดหวิวเข้าเสียดใบไม้รอบๆ  เสียงแม่น้ำลำธารก็ยังคงไหลซ่าอย่างที่เคยเป็น    ประหนึ่งไม่มีราฟว์อยู่แต่แรก...

              แกร๊ก...

              เนตรเพลิงตวัดหันทันที !

              หมู่แมกไม้ยังคงเช่นเคย  ชายวัยกลางพยายามคิดในแง่ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน    ..ไม่หรอก    แค่ลมหวีดเสียดกิ่งไม้เอง...  มันก็แค่...ลม

              ทว่า...  นั่นกลับยิ่งทำให้ความระส่ำระส่ายก่อเกิดกัดกินจิตใจมัน  มันไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะออกมาเมื่อไร   เด็กนั่นคงลงมือเพียงพริบตา   แล้วความคิดก็สะท้อนภาพชวนสมเพชตัวเอง   ชายวัยกลางกัดฟันกรอด~

              นี่มันกลัวอะไรอยู่...?     กับมัน !   ที่มีกล้ามเนื้อกายกำยำหนาใหญ่  เรี่ยวแรง พละกำลัง  และแผลที่มีก็เพียงรอยช้ำบริเวณต้นคอจากฝ่ามืออันหวังตัดเส้นประสาทติดแค่ว่าไม่สำเร็จ    หากเทียบกับไอ้เด็กตัวกระจ้อยร่อยไร้เรี่ยวแรงมาเทียบเทียม   ความคิดผลุนผลันไร้สมองตรองไตร่   อีกทั้งแผลฉกรรณ์บริเวณสีข้างยังฝังลึก   แค่ยืนมาโต้วาทีกันได้ก็ถือว่าทรหดได้สุดขีดจำกัดแล้วกระมัง

              ชายวัยกลางยังคงยืนตั้งท่า  สภาวะจิตใจไม่พรั่นพรึงเหมือนก่อนแล้ว  แต่สีหน้ายังคงฉายแววระแวดระวังดุจเดิม  นัยน์ตาแดงฉาบฉานยังคงตวัดมองทุกครั้งที่เกิดเสียง  กระนั้นก็ยังไม่มีวี่แววของผู้อาศัย   มันพยายามจับกลิ่นเลือด   กลับกัน   ราวฆานประสาทมันจะบกพร่องเสียเอง  กลิ่นเลือดได้เลือนลางหายไปจนแทบสัมผัสไม่ได้

              ระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้   สถานการณ์ได้กดดันนเส้นประสาทตึงเครียดจนเส้นเลือดเต้นตุ๊บๆ เด่นชัด  นอกจากเสียงสิ่งแวดล้อมอันเป็นลม  น้ำ  จิ้งหรีดแล้วมันได้ยินเพียงเสียงชัพจรเต้นระส่ำ  มือเริ่มเย็นชื้นขึ้น   ทว่าชายวัยกลางยังคงตั้งท่ารอ....




              ไอร้อนถูกขับไล่ออกทางปากร้องแฮ่ก...แฮ่ก...   ขณะที่ราฟว์ยังฝืนเคลื่อนเท้าไม่หยุด  จากวิ่งเป็นเป็นเดิน  ตามด้วยย่างเท้าถี่ๆ  และหยุดลงในที่สุด  เมื่อขาสองข้างสั่นกึกไม่อำนวย    เขาพยายามพยุงร่างจากต้นไม้ข้างๆ  ความอึดถึกซึ่งเคยถูกประนามบ่อยครั้งก็สิ้นฤทธิ์

              สองเข่ากระแทกลงกับพื้นดิน  ตาของเด็กหนุ่มเริ่มลาย  กระนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งการกัดริมฝีปากเรียกสติ  เพราะตรงสีข้างเขาก็แสบเต็มกลืนแล้ว   ราฟว์ค่อยๆเคลื่อนกายเข้าแฝงกายในหมูแมกไม้รอบด้าน  หวังให้ต้นไม้พวกนี้ได้ปกคลุมร่างจากอันตราย   เขาเอนหลังพิงเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง  ค่อยๆเบือนมือข้างกุมแผลฉกรรณ์มามอง

              ขนาดยาจกก็ยังรู้ว่าแผลหนัก   มือของเขาชุ่มด้วยเลือดราวกับเพิ่งไปจุ่มหมึกแดงมาหมาดๆ

              นี่เลือดเขาหรือเนี่ย  ?   คิดแล้วพลางทำหน้าเหยเก   ...ชริ  จะแบ่งไปที่หัวบ้างไม่ได้หรือไงนะ   ปล่อยไปแบบนี้เสียดายชะมัด   บ้าจริงไหลหยั่งกับเปิดก๊อกเลย    แล้วนี่หัวข้าจะทนประคองสติไว้ได้เท่าไหร่เนี่ย

              ราฟว์คิดค่อยๆไพล่นอกเรื่องไปไร้สาระอย่างสันดารชอบพา  และเหตุผลที่ไม่แก้ไขนิสัยหรือจะเรียกข้ออ้างก็เป็นได้คือ  ไม่อยากเครียดวิตกกังวลกระมัง  มันคงดูงี่เง่ากับสถานการณ์อื่น  แต่วินาทีนี้คงเหมาะสมที่จะขุดขึ้นมาใช้

              "แต่ไอ้ลุงแมงมุมนี่ก็งี่เง่าแฮะ"

              มิวายยังว่าคนอื่น  ช่างไม่เหมาะกับปากของเด็กงี่เง่ายกกำลังสอง  สาม  สี่เสียเหลือเกิน

              "รู้ทั้งรู้  ข้าเจ็บจนกระอัก  ใครจะบ้ามุทะลุเข้าไปแส่หาเรื่องตายซะล่ะ  ดูท่าไอ้ควีนนั่นไม้ได้บอกล่ะซิว่าข้าก็ 'ขี้ขลาด'  ไม่ได้หาญราญชาญชัยเสียทุกเรื่อง   แล้วนี่สาแก่ไหมล่ะ  ให้ยืนขาแข็งเครียดกินกบาลไปทั้งคืน"

              ว่าพลางก็หัวเราะ  แล้วเจ็บจี๊ดขึ้นอีกรอบเมื่อมันเสียดเข้าแผลโดยตรง

              "ป่านนี้คงรู้ตัวแล้วมั้ง  ไม่ล่ะคนโง่อย่างมันรึ   หึๆๆ  เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับท่านราฟว์"

              เสริมอีโก้ให้ตัวเองเสร็จสรรพ์  มือปริศนากลางความมืดหลังเด็กหนุ่มผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็โผล่ขึ้นกลางความมืด...

              "รอให้แผลนี่หายก่อนเถอะ  พ่อจะจับมาเชือ...ด- !"

              น้ำคำหายไปพร้อมสีหน้าซีด  แว๊ปหนึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกถึงมือใครจับหมับเข้าให้ที่ไหล่    ความสับสนปนเปก็อลหม่านขึ้นในจิตใจอย่างคุมไม่อยู่  ร้องลั่นทันที

              "ว๊ากกกก  ลุกอย่าเพิ่งกินข้า  ข้ามันไม่มีเนื้อให้โซ้ยหรอกนะ  จ๊าก ! "  พลางหลับตาปี๋  ป่ายมือสะแปะสะปะ  ราฟว์เดาได้ถึงหน้าตากราดเกรี๊ยวของชายวัยกลางได้เป็นฉากๆ  ไม่ว่ามุมมองไหนก็มีเงาดำทะมึนๆทั้งนั้น      ทว่า...  จิตใต้สำนึกในเรื่องสันดารยังริคิดพลาน  ไอ้นี่  ชีวิตยาวชิบ !

              "แว๊ก  อย่านะ  อย่านะ ! "

              "ซ้อมละครอยู่รึไงทริช"


                                        เสียงไม่คุ้นหูว่าขึ้น  ราฟว์หันไปมองด้วยประกายตารื่นใส  เอิบอิ่มด้วยน้ำตาอันคลอเบ้าที่เจ้าตัวรั้งไว้ไม่ยอมเสียเกรียติ

    _____________________________________

    ดู Gallery ทั้งหมด    <<  คลิ๊กคร้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×