คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chess : [Lycanthrophy] _ เด็กหน่มกร้านโลก
บัดนี้ดวงตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้า แสงสุรีย์สีส้มปนเหลืองเข้าแทรกฟากฟ้าแผ่ไปทั่วนภา เหล่านกน้อยเริ่มบินถลากลับรังกันเป็นฝูงและส่งเสียงร้องระงมผ่าป่าเขียวขจีไป ซึ่งเสียงเหล่านี้เสมอเหมือนนาฬิกาปลุกเตือนบอกเวลาการพักผ่อนที่ทุกคนโหยหาหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และในขณะทุกคนกำลังพักผ่อนอยู่นั้น กลับสวนทางกลับใครบางคน ผู้กำลังเริ่มงาน
.
Chess : [Lycanthrophy]
เด็กหนุ่มกร้านโลก
ฉวั๊ะ !
ร่างหนึ่งถูกฟันขาดสะบั้นในช่วงเอว มันไม่ทันจะร้องโหยหวนห่วงชีวิต ก็จำต้องทรุดคะเมลงพื้นดินปรกหญ้าตามแรงโน้มถ่วงโลก
เผยให้เห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กไม่เหมาะกับขนาดดาบใหญ่ในมือ และแลดูขัดยิ่งขึ้นเมื่อโดนห้อมล้อมด้วยกลุ่มบุคคลนัยน์ตาฉายแววกระแสฆ่าฟันกลางป่าใหญ่
เยอะขึ้นกว่าเก่า
.
‘ราฟว์’ นามของเด็กหนุ่มผู้ยืนอยู่กลางวง เจ้าของดวงตาและผมสีน้ำตาลเข้มอันรัดด้วยผ้าโพกหัวขาว เด็กหนุ่มเขม้นมองรอบกาย รำพึงถึงความผิดปกติ
เด็กหนุ่มมีหน้าที่เฝ้าเขตอาณาจักรใหญ่ วันนี้ก็เช่นกัน หากต่างตรง 'ศัตรู' มันยกพวกมามากกว่าเก่า ทั้งๆที่โดนต้อนอย่างมากไม่เคยกินระยะอาณาเขตห่างจากอาณาจักร
หรืออาจเป็นเพราะ ‘คู่หู’ อีกคนไม่อยู่แจมด้วย ? คิดถึงตรงนี้ราฟว์ก็มุ่นคิ้วหงุดหงิด นึกคาดโทษไว้กับคนไม่อยู่ในใจ ไอ้บ้านั่นดันผ่าโดดงาน เจอเมื่อไหร่จะเตะให้หายแค้น
เด็กหนุ่มขยับกายอีกครั้งเพื่อหลบอาวุธ หอกของ ‘ศัตรู’
‘ศัตรู’ ผู้ที่ทั้งใช่และไม่ใช่คน มันเป็น [Lycanthrophy] สิ่งมีชีวิตซึ่งผสมยีนสัตว์ลงไป เค้าโครงร่างและแรงกำลังเหนือมนุษย์ปุถุชนปกติ แม้ลักษณะบางส่วนยังคงความเป็นคนอยู่ แตกต่างตรงบางอวัยวะแปลกออกไป ‘พวกมัน’ กำลังถือสัตตราอาวุธในมือครบครั่น !
และก่อนที่ราฟว์จะมีโอกาสได้รุก ไอ้เจ้าสัตว์ผสมมดมนุษย์ก็โถมตัวจู่โจมเข้า
ราฟว์แสยะปากยิ้มในสันดานดิบ สองมือกระชับดาบ ใส่แรง ตวัดเข้าฟันฉับ ! คอขาดสะบัน กลิ้งหล่น พร้อมเลือดข้นไหลทะลักออกมา และพร้อมๆกันไปกับดาบใหญ่ในมือคนตัวเล็ก เมื่อเผลอใส่แรงเกินไปจนดาบหลุดมือปลิวไปเสียบปักคาต้นไม้
ซวยแล้ว
เด็กหนุ่มพร่ำบอกตัวเองสีหน้ากระด้างกระตุกเล็กน้อย แม้นัยน์ตาคมเข้มไม่มีแววตื่นตกใจ กลับฉายแววขันระริก
สติคืนมาอีกครั้ง ! เมื่อเจ้าแมลงปอริคิดฉวยโอกาสหมายใช้ทวนแทงเข้ากลางหลังเขา
เนตรน้ำตาลวาววับฉายแววขบขันกับท่าทีเชื่อช้าราวเต่าเดิน หากเทียบกับเขาซึ่งเหนือกว่า
ราฟว์เพียงบิดขา หมุนตัวกลับเอี้ยวหัวหลบทวน มือข้างรีบรุดคว้าหมับเข้าอาวุธออกแรงกระชากให้เจ้าของทวนเซโน้มเข้ามา ขณะอีกมือกำหมัดแน่น งัดเข้าชกกลางท้อง !
เสียงกร๊อบ นั่นทำให้ราฟว์เหยียดมุมปากออกยิ้ม นัยน์ตาระริกไม่คิดจะปิด มันคงจะสงสัยกับแขนแก้งก้างของเขา ที่เพิ่งหักซี่โครงมันไปซัก 2-3 ซี่ ได้กระมัง
และก่อนที่ราฟว์จะดันร่างใหญ่ไปอีกทาง มือไวก็ไม่ลืมฉกมีดยาวเหน็บเข็มขัดของมันมา
บิดเท้าหมุนตัวไปอีกด้าน ก็แทงมีดยาวเข้าเสียบปักกลางท้องไอ้คนครึ่งตั๊กแตน
ราฟว์โน้มหัวเข้าใกล้มัน นัยน์ตาข่มขู่ไม่ส่อเค้าความปรานี และชัดมากขึ้นเมื่อเสียงยียวนตามมา “คิดว่าข้าไม่รู้รึไอ้โง่” วาจาที่เสียดทะลวงหัวใจให้ดื่มด่ำกับความกลัว...
ราฟว์ดึงมีดยาวออกมา เลือดพุ่งกระฉูดเปรอะแก้มเปื้อนมีด แต่เด็กหนุ่มไม่คิดใส่ใจ มันยังใช้ได้สนิมไม่เกาะเป็นพอ ก่อนเดินเอื่อยๆ เข้าใกล้เจ้าปลวกผู้สั่นหงึกจนไม่กล้าขยับเข้ามา ปากเอ่ยชมการกระทำขี้ขลาด “ฉลาดนิ” ซึ่งมันเป็นคำปรามาสอย่างสุดซึ้ง ! ราฟว์แลเห็นแววตาเรืองรองบอกอารมณ์กรุ่นในตามัน และก่อนจะหายไปเป็นเบิกโพล่งด้วยความหวั่น ! เมื่อร่างเขาพุ่งพรวดเข้าประชิดพร้อมตวัดมีดยาวเฉือนคอขาดสะบั้น ! หัวหล่นพื้นกลิ้งขลุกเลือดสาดกระเซ็น
ฉับพลัน !
ราฟว์ถีบตัวพุ่งเข้าหาเจ้าด้วงเป็นรายสุดท้าย มันตั้งท่าพาดดาบเฉียงเตรียมฟัน แม้ร่างยังสั่น แต่ถือได้ว่าสติดีเยี่ยม เด็กหนุ่มเดาว่าคงเป็นหัวหน้ากอง
ไม่ทันขาดความคิด มันฟาดใส่ราวรู้กะ !
ฉวั๊ะ !!
เสียงสุดท้ายก่อนดาบมันจะลงดิน ตีฝุ่นขึ้นตลบอบอวน รอยยิ้มเลือนพร่าขึ้นบนใบหน้าสั่นของมัน นัยน์ตากระหยิมย่องเริ่มครึ้มใจ รีบหาศพ นึกรำคาญกับฝุ่นนี่อยู่รอมร่อ แล้วร่างรางๆนอนฟุบกับพื้นก็ปรากฎ
มันเป็นร่างถูกฟันขาดสองท่อนของไอ้คนครึ่งแมลงปอ !!
และนั่นก็เป็นภาพสุดท้ายที่เจ้าด้วงจะได้เห็น เมื่อราฟว์ตวัดมือมีดยาวเฉือนท้ายทอยตัดเส้นประสาทหลัก ก่อนร่างของมันจะเอนเอียงไร้หลักหงายหลังกระแทกพื้นไป
ราฟว์ปรายตามองรอบด้าน มือข้างก็โยนมีดยาวทิ้งอย่างไม่แยแส ก่อนนัยน์ตาระริกมองเห็นเจ้าแมลงปอยังหอบกระเส่าอยู่ติดพื้น พยายามคลานหนี
ราฟว์สาวเท้าเข้าใกล้ มันสะดุ้งสุดตัว แต่เด็กหนุ่มไม่สน รองเท้าบูดสีดำงัดเตะเข้าให้ ! ร่างของมันถูกพลิกกลับ นัยน์ตาหวาดมองเด็กหนุ่มผู้กระทำได้ชัดเต็มตา และน้ำคำยียวนก็ดังเข้าหู
“นั่นสินะ แค่ซี่โครงสองสามซี่จะไปตายได้ยังไงกัน เนอะ” กระแสเสียงขี้เล่น รอยยิ้มกวนๆ แต่ข่มขู่คุกคามจนมันไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ต้องแบนหันหนี
ฝ่าเท้าเข้ากระทืบกลางท้อง ! เหยียบกดร่างมันไม่ปล่อย รุนแรงขนาดต้องสำรอกเลือดออก กรุ่นโกรธแค้นจนตวัดสายตาใส่หมายเอาเรื่อง แม้มันจะถูกเหยียบอยู่ก็ตาม...
ราฟว์ยิ้มอย่างรู้ทัน ปรายตามอง เอ่ยถามเคร่ง “ใครส่งแกมา”
นัยน์เจ้าแมลงปอเบิกนิดๆ ราฟว์ก็สำทับเข้าให้ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เพราะข้ารู้ว่า ‘หนอน’ มันมีอยู่แน่ๆ และอย่าคิดเบี่ยงประเด็น ตอบคำถามมา”
แทนที่คำตอบจะถูกกลั่นออกมา วาจาที่ได้ยินกลับแสลงใจคนฟังนัก
“ไอ้ลูกหมา”
รองเท้ากดหนักเข้าอีก บิดขาเน้นตรงซี่โครง เสียงกระดูกถูกบดขยี้ดังขึ้นถี่ ทว่า.. การกระทำราวข่มขู่ของราฟว์ไม่ทำให้มันร้องโหยหวนออกมา
“ใคร”
“ไอ้ตัวน่ารังเกียจ”
ฝ่าเท้ายกขึ้นก่อนดิ่งลงกระทืบ !! เร็วและแรง เลือดพุ่งกระอักออกปากอีกครั้ง ราฟว์ค่อยเดินจากไป มือหนึ่งก็ปาดเลือดเกรอะบนใบหน้า เบ้ปากด้วยความหงุดหงิดที่เอาข้อมูลมาไม่ได้
และไม่ทันคาดคิด
นิ้วมือสามข้อผุดพรวดออกมาจากดิน !! ก่อนคว้าหมับเข้าขาราฟว์ สติเด็กหนุ่มถูกกระชากจนสะดุ้ง เวลาเดียวกับที่โดนมือปริศนาฉุดลงดิน !!
ปึก !
ราฟว์ไหวตัวจึงขืนร่างด้วยการเอาศอกยันพื้น แต่อีกฝ่ายแรงประดุจคชสาร ไม่ยากเลยกับการจะลากสรีระแสนเปี๊ยกอย่างเขาลงดิน ทว่าก่อนที่เขาจะได้ขาดแรง ใจพลันหวั่นตระหนก ลมหายใจสะดุดห้วง
ไอ้แมงปอที่โดนกระทืบมันยังไม่ตาย !!
แย่ยิ่งกว่านั้นคือในมือมันกลับถือทวน ยกปลายสูงกว่าหัวเขาแค่คืบ เตรียมดิ่งลงทุกเมื่อ ! ปากเปรยเยาะ
“ไอ้เด็กโง่”
ราฟว์หลับตาปี๋ นึกด่าตัวเองที่ไม่ฆ่ามันเสียแต่แรก ใจอ่อนรึ ? ก็เปล่า.. เขาสะเพร่าเองต่างหาก ความงี่เง่าทำให้ยิ่งหงุดหงิดเจือไปกับความครั่นคร้าม รู้สึกถึงสัมผัสคมทวนใกล้หน้าห่างไม่ถึงเซ็น !!
ฟึบ !
เหมือนเสียงพุ่งแหวกอากาศ
ราฟว์ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือ ปลายคมของทวนเจ้าแมลงปอจวนทิ่มจมูกเขา ในขณะที่มันเบิกตากว้างคลั่ง บริเวณกลางท้องปรากฏรูกว้าง ก่อนเอนล้มไปด้านข้างเด็กหนุ่ม
ปรากฏชายหนุ่มผมสีทรายในชุดเสื้อคลุมดำ พิณธนูบนบ่าพร้อมสะอิ้งคาดเอว กำลังมองมาด้วยนัยน์ตาทอประกายอ่อนโยน
“โอ๊ย ! ” ราฟว์ร้องเสียงหลงขึ้น เมื่อมือปริศนาที่จับขาเด็กหนุ่มนั่นราวจะหนีไป แต่มิวายยังเอาวัตถุคมกริบกรีดข้อเท้าเขา เดาได้ว่าเลือดคงไหลซิบแล้ว
“ราฟว์ ! ” น้ำเสียงอารามตกใจจากชายหนุ่มผู้กำลังวิ่งเข้ามา ในมือก็หอบหนังสือเล่มเก่าคร่ำครึมาด้วย ก่อนที่มันจะถูกวางลง สองมือช่วยฉุดดึงเด็กหนุ่มร่างเล็กขึ้นมา
“พี่อัฟฟา”
กลับกัน แทนที่จะเป็นคำทักทายกลับพลิกผันเป็นคำตำหนิเสียก่อน
“ยังอ่อนหัดนะราฟว์ แค่ระดับพอน (เบี้ย)ก็ปล่อยให้รุมต้อนเข้ามาถึงนี่ แถมยังได้แผลมาอีก แล้วนี่วันนี้เริ่มงานใหม่แท้ๆ เรียกแผลมาต้อนรับซะแล้ว”
“ง่า
แค่แผลไม่เห็นตายซะหน่อย” ราฟว์แก้ตัวน้ำคำกระเซ้าฟังขี้เล่นเหมือนเดิม ต่างก็ตรงความสนุกสนานเจือเหี๊ยมโหดบ้าเลือดเมื่อครู่หายไปเสียแล้ว ดวงหน้ายามนี้จึงดูหวานนิดๆ ไม่กระด้างหยาบกร้านเช่นเวลาสังหาร
‘อัฟฟา’ ผ่อนลมหายใจเอือมระอา ก่อนนั่งคุกเข่าข้างดูแผล ไม่ทันถามเจ้าตัวดีก็ยียวนตามประสา
“โอ๊ย เจ๊บเจ็บ~ เจ็บจริงจริ๊ง~ ผมว่าผมไปทำงานไม่ไหวแล้วล่ะ ฝากลางานเลยล่ะกันฮะพี่ อ้อถ้ามีคนมาเยี่ยมขอเป็นเงินสดไม่เอากระเช้านะฮะ แค่ผมไม้เด็ดกินเองได้”
อัฟฟาเขกกะโหลกราฟว์เข้าให้ “พอเลยคิดจะโดดงานอย่าหวังๆ”
ราฟว์เอามือคลำหัวป้อยๆ ก่อนเหลือบแลสภาพแวดล้อม
ยามนี้ดวงตะวันได้ลับฟ้าไปแล้วจันทราเข้าแทนที่ มันทอแสงแข่งกับหมู่ดาวเกลื่อนฟ้าในป่าใหญ่ ลมหนาวยามมืดพัดกลิ่นจางๆของดอกไม้ราตรีโชยมา
“ปัดโถ่ พี่ คำพูดนี้น่ะต้องไปพูดกับไอ้เฟียร์โน่น ไม่เห็นหัวตั้งกะบ่าย ไอ้กรรม(การกระทำ) มันก็ทำทีท่าว่าขยันไปรับงานใหม่ แต่ดันผ่าผลักพาระใส่ให้ไอ้เวร(ความรับผิดชอบ)นี่รับงานเก่าคนเดียว” ราฟว์เอานิ้วโป้งจิ้มฉึกๆ ไปตรงอกแสดงตน “แล้วไอ้เวรนี่ก็ดันซวยฉิบหายเฉียดวายวอด ไม่รู้ศัตรูจะบุกมาทำไมนักหนาวันนี้ ถ้าไม่มีพี่ช่วยเมื่อกี้คงได้ไปทำงานกับยมบาลแทนแล้ว” น้ำคำขวานผ่าซากด่าฉับๆ ออกมาจากคนมักมากอารมณ์ขันเสียจนไม่มีเค้าเหลือ อัฟฟาได้แต่สงสัยงานนี้ไอ้ตัวดีคงผีเข้ากระมัง จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องเสียเอง
“ว่าแต่ แผลนี่” พูดยังไม่ทันขาดเห็นไอ้ตัวดีเริ่มเกริ่น “โอ๊ย” อีกครั้ง ชายหนุ่มถลึงตาดุใส่
“ก็ท่านอัลเจลเค้าให้มาตามเจ้าน่ะซิ เค้านัดกันไว้ยามเย็น นี่ก็จวนจะเลิกกันอยู่แล้วเจ้ายังไม่มาเลยสั่งให้ข้าไปตามน่ะซิ”
แต่ราฟว์ยังยิ้มยียวน ผิวปากหวิว แหล่มองอัฟฟา แล้วเหลือบไปยังหนังสือเก่าคร่ำครึเล่มดำนั่น เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “จะใช่แค่นี้หรือฮะ”
“หึหึ เจ้าน่ะบางครั้งก็ฉลาดเกินไป บางครั้งก็โง่ดักดาน อย่างคราวนี้นะ” อัฟฟายิ้มกว่าวสุภาพ หากเป็นคนอื่นราฟว์คงถีบใส่แล้ว เว้นไว้ก็พี่คนนี้
‘พี่อัฟฟา’ ดุจากภายนอกละม้ายคล้ายคนสุภาพไร้พิษสงธรรมดา หากภายในนั้นกลับแฝงด้วยคมเล็บแพรวพราวกลยุทธ์ร้อยแปด กระทั่งบทจะบู๊ก็ไม่เคยถอย
อย่างเมื่อครู่ว่าเขากลับมาซะปวดแสบ ‘โง่ดักดานไม่รู้จักกาละเทสะ’ ‘โง่ดักดักดานเพราะข้อมูลบางข้อเผยไม่ได้ไม่รู้หรือไง’ และกระแสเตือนเจืออยู่ด้วย ‘โง่ดักดาน ไม่รู้หรือว่าจะฉลาดถามอย่างไรก็ไม่หลุดปากบอกหรอก’
ความคิดที่ทำให้เด็กหนุ่มมีอารมณ์ขันลึก แต่ไม่คิดต่อปากต่อคำ ราฟว์ลุกขึ้นไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับรอบแผลถากซักนิด จากนั้นอัฟฟาจึงลุกตาม ก่อนเดินทางนำไปยังสถานที่จะไป
[วงแหวนเวท]
“ว่าแต่ผมไปรับงานใหม่แล้วใครจะมารับงานนี้ต่อจากผมล่ะฮะ” ราฟว์เริ่มเปิดบทสนทนาระหว่างดินไปในทางขนาบด้วยบรรดาต้นไม่นานาพรรณ์ รากไม้ที่ยื่นออกมานั้นชวนสะดุดหกล้มได้ง่าย เมื่อรวมกับม่านมืดอันถักทอขึ้นบดบังแสงจันทร์ด้วยแล้ว
“ได้ยินมาว่าท่านอัลเจลจะจัดหาคนมาแทนที่ชั่วคราวให้อ่ะนะ” อัฟฟาตอบ
“เห ท่านอาอีกแล้ว รู้สึกว่าหน้าที่ ’แบบนี้’ ท่านอาจะเหมาไปเต็มๆเลยนา” ราฟว์พูดทีเล่นทีจริง
“อย่าหาเรื่องนา”
“ผมแค่พูดลอยๆ”
“เอาเป็นว่าถ้าเจออะไรผิดปกติก็รายงานด้วยล่ะกัน และท่านอัลเจลพี่ว่าคงไม่ใช่ ‘หนอน’ หรอก ที่สงสัยคงจะเป็นคนใกล้ตัวมากกว่า”
“เชื่อครับๆ แต่ถ้าจะสงสัยนี่ไอ้กระผมก็ระแวงมันทุกรายล่ะ หึหึ” ค่อยหัวเราะในลำคอ เสริม “แต่พี่เถอะ อยู่ในวงในรู้อะไรก็บอกกันมั่งนะ”
“เอาเป็นว่า รับประกันได้งานที่เจ้าจะทำเนี่ย ต้องเกี่ยวโยงกับ ‘ไอ้พวกนั้น’ แน่ สติอย่าให้ขาดล่ะ”
ราฟว์หัวเราะ เริ่มยียวนอีกรอบ “ใช่ๆ สติอย่าให้ขาด แต่สตางค์ล่ะขาดประจำ พี่ช่วยพูดกับทางการให้เพิ่มเงินเดือนผมให้หน่อยสิ”
“ระวังเถอะเดือนนี้จะโดนหัก” อัฟฟาพูดพลางหมั่นไส้
“ว๊า งี้ก็แย่ดิ ! ” ราฟว์ร้อง
“ล้อเล่นน่า ถ้าผ่านงานนี้คงได้เงินเดือนขึ้น” ชายหนุ่มยิ้มระริก เมื่อไอ้ตัวดีเสียรู้เข้าให้
“ราฟว์แยกเขี้ยวใส่ เปลี่ยนเรื่องพูด “แต่ผมสิเสียวทางไปชะมัด เป็นไปได้ผมจะขอเปลี่ยนงาน”
“แน่ะ ! รู้ทั้งรู้ว่ามีแต่พวกเจ้าข้ามมิติไปได้ ยังจะขอเปลี่ยนงาน”
“พี่ต่างหากล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าผมแสลงกับไอ้ตัวกระดึ๊บๆนั่นยังจะไปกางไว้กลางดงไผ่อีก ถ้ามันไต่ขึ้นเสื้อจ้างให้ก็ไม่ขอเหยียบเป็นครั้งที่สอง”
___________________________
ดู Gallery ทั้งหมด
ความคิดเห็น