ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chess : (Lycanthrophy) _ เด็กหนุ่มกร้านโลก
Chess : (Lycanthrophy)
เด็กหนุ่มกร้านโลก
___________________________________________________________________________________________
บัดนี้ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า แสงสุรีย์สีส้มสู่เหลืองเข้าแทรกฟากฟ้าแผ่ไปทั่วนภา เหล่านกน้อยเริ่มบินถลากลับรังกันเป็นฝูงส่งเสียงร้องระงมลั่นในบริเวณนั้น ซึ่งเสียงเหล่านี้เสมือนเป็นนาฬิกาปลุกเตือนบ่งเวลาเลิกงาน เข้าการพักผ่อนอุราที่ทุกคนโหยหาหลังเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน และในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนอยู่นั้นกลับเป็นเวลาเริ่มงานของใครบางคน
ณ. อีกฟากหนึ่งของภูเขาห่างจากลำธารเล็กอันอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ไปไม่ถึง 4 เมตร ก่อเสียงต้นไม้เสียดสีกันไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นเสียงไม่น่าพิสมัยนัก มันส่งเสียงสาดเสียดสีราวกับอยากขับไล่กลุ่มผู้คนเดินย่ำแหวกกิ่งหักก้านอยู่ หากมันพูดได้
ยามนี้ดวงตะวันได้ถูกภาพภูเขากลืนกินเหลือเพียงแสงสุรีย์สีส้มเหลืองอันแผ่รัสมีไม่ขาดสาย พลิกผลันกับกลุ่มก้อนเมฆหมอกขาวที่ยังไม่ลับฟ้าตามตะวัน จึงเผยให้เห็นเงารางๆของกลุ่มคนพวกนั้น
แต่หากเพ่งมองไปยังกลุ่มคนนั้นอาจจะมีเพียงศีรษะหรือบางส่วนของอวัยวะเท่านัน เพราะบางส่วนของร่างกายกลับผิดแปลกไป แปรเป็นอวัยวะที่มนุษย์ไม่สามารถมีได้ บางตัวแปรเป็นปีกแมลงปอบ้าง เคียวแหลมคล้ายตั๊กแตนบ้าง หรือแม้กระทั่งหนวดประสาทสัมผัสบริเวณหัวของมด พร้อมกับพกศาสตราวุธกันอย่างครบครั่น
"เวรเอ๊ย ! ไอ้พวกหน่อย 1 หน่วย 2 ที่ส่งไปเนี่ยยังไม่ติดต่อกลับมาอีกเรอะ" สัตว์ผสมรูปตั๊กแตน ใบหน้าแหลมส่อแววหงุดหงิดว่า พลางระเบิดอารมณ์ตวัดเคียวใส่กิ่งไม้
"กร๊าก ฮ่าๆๆๆ ไอ้พวกสวะป่านนี้โดนฆ่าไปแล้วมั้ง ฝีมือก็กระจอกกระจ่อยร่อยหวังอะไรมันไว้บ้ารึเปล่าว่ะ" สิ่งมีชีวิตศีรษะมนุษย์รวมปีกแมลงปอโพล่งขึ้น ก่อนหันมองรอบกายชี้ย้ำคำจะพูด "เฮ๊ย ถ้าข้าเจอไอ้เด็กนั่นพวกแกห้ามสอดนะโว๊ย ข้าจะฆ่ามัน จะเอาเนื้อมันกิน จะเอากะโหลกมันไปประดับ" ค่อยสำทับด้วยเสียงหัวเราะอีกยกใหญ่
โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเจ้าเด็กคนที่ว่านั้นนั่งเปรยมองอยู่บนกิ่งไม้ค้ำหัวอยู่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นสีเดียวกับผมยุ่งชำแลงเลืองคิ้วมุ่ม รำพึงเซ็ง ....ความคิดก็ประหลาด รสนิยมยิ่งพึลึกชะมัด
"เฮ๊ย ! ไอ้พวกบ้า พวกแกต้องกำจัดมันไปให้พ้นทางก่อนซิฟ่ะ ถ้างานพลาดท่าอีก 'หัวกู' ! จะหลุดจากบ่า !" ตัวมดเริ่มว่าบ้างหัวเสียอย่างขีดสุด
"ห๋า อย่าบอกนะว่าแกกลัวพลาด มันก็แค่ไอ้เด็กตัวกระจิดริด ตัวกรจึ๋ง ข้าแตะป้าปเดียวก็วิ่งหาแม่แล้ว กร๊ากฮ่าๆๆๆ" เจ้าด้วงสำรอกคำ คำรามหัวเราะลั่นสะใจ
กระจิดริด ? ตัวกระจึ๋ง ? แตะป้าปก็ร้องวิ่งหาแม่ ? เหอๆๆ ตลกร้ายฟ่ะ.... เขาคิดก่อนเอนตัวลงพิงก้านไม้แกว่งเท้าอันใส่รองเท้าบูตดำร้อยด้วยผ้าน้ำตาลเข้ม 4 แฉกเล่น ค่อยกระตุกยิ้มเจ้าเลห์มุมปากอย่างนึกสนุก เปรยตามองประมาณค่า หลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็ยืนขึ้นเสื้อกล้ามดำแขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง ชายเสื้อ 4 แฉกเช่นรองเท้าต่างเพียงสี ประกอปกับกางเกงขาสั้นดำก็ขยับตามแรง เข็มขัดทรงหางจิ้งจอกไหวไปมา
เด็กหนุ่มกระชับผ้าโพกหัวขาวแน่น ยิ้มมองมั่นมุ่งเบื้องล่างสู่สัตว์ประหลาด
ลมโชยมา เด็กหนุ่มก็กระโจนหายลับไป
"เฮ๊ย ! แล้วไอ้เด็กนั่นอยู่ไหนว่ะ กลัวหัวหดแล้วรึ อย่าทำป๊อดเด้ ออกมาตัวๆซักทีซิโว๊ย" แมลงปอโวย แล้วมือกร้านก็แตะวางบ่า
"ไม่ได้กลัว ไม่ได้ป๊อด อยู่นี้" เจ้าของมือว่ายิ้มยิงฟัน ตัดกลับเจ้าลูกครึ่งแมลงปอ เสียงปึด ! เส้นเลือดชัด มือสามนิ้วรีบควานคว้าดาบข้างเอว หันหน้ามาหมายฟันตวัดฉับ !
ทว่า.... ช้าเกินไป ช้าเกินกว่าเด็กหนุ่ม หมัดกร้านเข้าชกหน้านั้นทันทีที่หันมา ! เลือดจากไรฟันกระเด็นเป็นสายเข้าเปื้อนมือ เปื้อนหน้า อันเสยะยิ้ม แววตาโหดอยู่
มันตีลังกาตลบฝุ่นอยู่หลายครั้งจนหัวจมกองพื้น
"เก็นหนึ่ง" เขาเปรยเบา กระนั้นก็ได้ยินกันถ้วนหน้า
เจ้าตัวครึ่งสัตว์อันอยู่ล้อมรอบชะงักเหงื่อตก ก่อนไอ้ด้วงจะโพล่งขึ้นกู้ร้องเรียกพลัง "อ๊ากกก !!!" ค่อยยกคันธนูขึ้นเล็งหัว เกร็งมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ไม้งออ่อนเส้นเอ็นขึง แล้วปล่อยไป
ปลายธนูแหลมพุ่งแหวกอากาศ ปราดหาเป้าหมายกระชันชิดเรื่อย หมายหัวสมองกระจุยในลูกเดียว !
เด็กหนุ่มยังคงมองแสยะยิ้มเหี้ยม เว้นแต่สายตาที่เข้ามามันบาดลึกเฉือนกำลังใจไปกว่าครึ่ง ทว่านั่นก็ไม่สามารถหยุดลูกธนูได้ ลูกธนูพุ่งเข้ากลางหัว มือกร้านคว้าควับหักเปาะไม่เกรงใคร ในนาทีนั้นเองเคียวแหลมก็ตวัดเข้าหลังหัวเขาแล้ว
.... 'ปอยผมหลุดไปกระจุก' เขาตีลังกาถอยหลังทัน ไม่งั้นศพคงไม่สวย "เกือบไปๆ" เขาปาดเหงื่อใต้คาง หอกแหลมพุ่งแหวกมาทางหลัง เขาเอี๊ยวหลบ แต่ลูกะนูนับ 10 ก็บินว่อนเข้าหาแทน
เด็กหนุ่มกัดฟัน แค่นคำราม "ชิ" หงุดหงิด ก่อนฉกหอกหมุนแขนนิดก็ฉวยมา หอกยาวปลายแหมเข้าตวัดฟันลูกธนูให้ตกลง ซึ่งไม่ใช่แค่นั้น....
เจ้ามดเจ้าของหอกกะโวย เบิกตากว้างด้วยความกริ้ว อ้าปากตะคอกเสียง ติดแต่... เสียงไม่ออก ?
แล้วความจริงก็ปรากฎ เมื่อหัวมันเลื่อนหลุดจากบ่ากลิ้งคลุกลงดิน
"เก็บ 2 " นันย์ตาสีดำทมิฬเย็นชาไม่ใส่ใจ อึดใจต่อมาก็ขว้างหอกเข้าเสียบปักทะลุท้องดับชีพด้วงเสีย
"เก็บ 3"
เจ้าตั๊กแตนเริ่มงุ่มง่าม เหงื่อตกเต็มตัว สายตาหลักหลั่นสั่นหงัก กระนั้นยังใช้เคียวขู่สู้
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม "เอ๊าๆ อย่าบอกนะไอ้เคียวนั้นจะทำข้ากลัว เร็วเข้า ถึงเวลานอนแล้ว"
เส้นเลือดขมับปุดโปนทันใด เร็วระดับคำปรามาส มันไม่สนแล้ววิ่งตบะแตกบ้าระห่ำเข้าฟาดฟันมั่ว !
เรียวปากบางคลี่ยิ้ม ด้านหลังของเขาเป็นตั๊กแตนตัววิ่งผ่านไปหยุดชะงัก ลมพัดท่อนเอวก็ขาดสะบั้นเป็น 2 ท่อน มอบความดีคมาชอบแก่ปลายดาบจากเจ้าแมลงปอ
เด็กหนุ่มทิ้งดาบลงพื้น หันมองผลงานยิ้มเย็นเติมเจ้าเลห์เข้า "เก็บ 4 ราตรีสวัสดิ"
ดินด้านหลังรองเท้าบูตดำเริ่มปริแตก
ไส้เดือนยักษ์ปากใหญ่ฟันคมโผล่ขึ้นสูง เงาทาบทับร่างเด็กหนุ่ม แอ่ะใจจึงจำจะหันมา ดวงตาสีน้ำตาลตื่นตระหนก เขามองฟันมันครบทุกซี่โดยแต่ล่ะซี่ไม่ผุซักนิด ด้วยหัวประจันกับมันเต็มๆ
....อุ๊ ! ฟันแข็งแรงดีจริง... เขาชมก่อนจิตใต้สำนึกจะด่าสาดกลับมา .... ไอ้บ้า ! นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะเฟร๊ย ทำอะไรซักอย่างสิ
ทว่า.... ไร้เวลาจะหนี ไร้เรี่ยวแรงจะชก ไร้เกราะจะกำบัง ไร้เสียงจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ มีเพียง... หลับตาคอยชะตากรรม อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นภาพเลือดท่วม ....เขาโง่เองที่ประมาท
"ไอ้งั่งเผลอจนได้นะ" เสียงก้องเข้าหู มันทำให้ยิ่งหงุดหงิด
ฉวั๊ะ !!
แต่แอ๊ะ....! ไม่เจ็บ ?
"นั่นสิ เผลอจนได้" เสียงทุ้มเรียกความมั่นใจ เด็กหนุ่มเผยอเปลือกตาขึ้นฉับพลัน มองปรี่หาต้นเสียง
ชายหนุ่มผมทรายตาสีเดียวกันยิ้มมองมา ชุดดำปกคอตั้งชายเสื้อคลุมยาวปิดทับกางเกงดำซึ่งมาปิดทับรองเท้าดำต่ออีกที ในอ้อมแขนถือหนังสือเก่าไม่คุ้นเล่ม แต่จะใส่ใจอะไรเล่า เด็กหนุ่มวิ่งเข้าหาผ่านซากไส้เดือนเลือดแฉะพื้นตรงรี่เข้าหาปากร้องเรียก "พี่อัฟฟา ! "
อัฟฟาโน้มตัวลงขยี้หัวเขาเบาๆตามประสา "ไง ราฟว์"
ราฟว์ยิ้มตอบ "โอ้ ! "
"บ๊ะ ! ไม่คุ้มแรงเล้ย" เสียงเดิมเปรยขึ้นครั้งร้อย
อัฟฟายืนมองห่างๆ ฟังเด็กน้อยบ่นพึมพำไปได้ 10 นาทีกว่าหลังจากเจ้าตัวเกือบโดนงาบหัวรอมร่อ ตอนนี้กลับนั่งรื้อข้าวของราวปล้นศพซะสบายใจเฉิบปากพลางบ่นพรึม
ดวงอาทิตย์ได้ลับฟ้าไปแล้ว เปลี่ยนหน้าที่แปรจันทร์เพ็ญ รัสมีส่องแสงสีเงินยวงแผ่ขยายเข้าต้องป่า แทรกไม้ใบเข้ากระทบบุคคลทั้ง 2 และสัญลักษณ์เลข 7 ปลายหางม้วนขดเป็นวง บนมีจุดเล็กอยู่กลางตัดกลับล่างคือสามเหลี่ยมหัวทิ่ม ตราบนหลังเสื้อดำอัฟฟา
ราฟว์เริ่มหยิบดาบขึ้นมาจากตัวแมลงปออีกอัน เขาพลิกไปมามองดู นิ้วดีดพลอยแดงเม็ดกลางเข้าให้ก็แตกปริ เขาสถบพรืด "อีกล่ะ ! ไอ้พวกนี้นี่เก้กันทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่ตลาดเค้าจะรับไหมเนี่ย โว๊ย ไม่คุ้มแรงจริง บะแหล่ว ! "
ก็เป็นเพราะเกรงเจ้าทำแบบนี้สิมันถึงไม่พกของแพงมา... อัฟฟารำพึงระอาหูแว่วเสียง' ไม่คุ้มแรงอีกรอบ 'เขาถอนหายใจก่อนเดินเข้าหาโจรคุ๊ยศพ
"ราฟว์" เด็กหนุ่มนามเจ้าของชื่อหันมาโยนดาบทิ้งยืน ม้วนคิ้วบ่งใคร่ให้อธิบายเรื่องเรียก "ตอนนี้ทางเราได้เจอวงแหวนเวทมิติ อันจะพาเจ้าข้ามมิติไปหาอีกครึ่งร่างแล้วนะ"
"ห๊า ! เจอแล้ว" ชายหนุ่มเกือบจะยิ้ม ติดว่าต่อประโยคถัดมา " แต่เดี๋ยว... วงแหวนเวทอะไรอ่ะ" พูดจบก็หัวเราะแหะๆแก้กระดากไป
"ก็ครั้งก่อนท่านดอลซ่าทรงตรัสไว้แล้วนี่ ว่าให้ไปพาตัวอีกครึ่งร่างเจ้ากลับมาน่ะ" อัฟฟาอธิบายข่มอารมณ์ ราฟว์ค่อยถึงบางอ้อ "และทางการก็ได้สืบค้นหาประตูทางเข้า ซึ่งก็คือวงแหวนเวทมิตินี้จนเจอแล้วล่ะนะ"
"เจอแล้ว ! " ราฟว์ขึ้นเสียงสูง ความยินดีคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะจางขมก้มหน้าไป เด็กหนุ่มกลืนก้อนแข็งๆค่อยเงยหน้าขึ้นฝืนยกมุมปากยิ้ม "อื้อ"
อัฟฟาแตะไหล่เบาๆ "เข้าใจออยู่หรอกนะราฟว์ เจ้าน่ะไม่อยากห่างบ้าน ห่างพวกพ้องไปไกล แต่ว่านี่คืองานสำคัญ ความเอาแต่ใจไร้จะหลีกได้ และไม่ว่าข้าหรือท่านดอลซ่าก็ไม่สามารถไปสถานที่นั้นได้ ก็มีแต่..."
"ข้า..." ราฟว์ต่อคำ นัยน์ตาหลุบลงต่ำ ดั่งหัวใจที่ดิ่งลง
อัฟฟายิ้มให้กำลังใจ "ใช่ เพราะการไปโดยวงแหวนเวทจะต้องมีอะไรซักอย่างเชื่อมต่อได้ หากข้ามีอะไรมาเชื่อมก็ไปได้ เว้นว่าข้าไม่มี แต่เจ้า... และเฟียร์มีอีกครึ่งร่างอยู่ที่นั่น"
"อื้อ" ราฟว์รับคำ พลัน ก็เบิกตากว้าง ตวัดมองคนพูด ถามเสียงตะกุกตะกะ "ด...เดี๋ยว เฟียร์ เฟียร์ก็ไปด้วยรึ"
"ก็ใช่น่ะสิ ทางการก็แจ้งมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วนี่"
"เออ เนอะ" เด็กหนุ่มเบิกตานิดกำปั้นทุบฝ่ามือเสริมดีกรีกระจ่างอย่างชวนถีบ แผ่นหลังชายหนุ่มเหงือ่ก็ไหลย้อยอาบหัวลง... อุบ๊ะ ! ไม่รู้ว่ามันความจำดีเลิศหรือจะเสื่อมรอมร่อกันแน่ ทีไอเรื่องเตือนแล้วเตือนอีก ย้ำนักย้ำหนากลับลืม ส่วนไอเรื่องกวน เรื่องเล่นล่ะไม่บอกก็จำขึ้นใจนัก
"เหอๆ แต่พอจบงานนี้หน้าที่พี่ก็เบาลงเยอะ มีเวลาไปควงสาวแล้ว วิ๊ว" ความคิดไม่ทันขาดไอตัวโดนคำประนามก็กวนเขาให้อีก
อัฟฟาแทบหยุดขาไม่ทัน ถ้ารีเฟล็กไม่อยู่ใต้อำนาจสมองล่ะก็คงได้รอยแผลใหญ่ ชายหนุ่มสะกดอารมณ์สุดกู่ ปากว่าอย่างใจเย็น "ช่างข้าเหอะน่า"
"เขิลอ่ะดิๆ" พูดไม่พอเข้าคะยันคะยอเอาศอกข้างเขี่ยๆอีก
ช่างน่าถีบนัก !
แต่ก็ต้องสงบอารมณ์ นี่ใช่ว่าเป็นครั้งแรกที่มันกวน "เอาล่ะ ข้าว่าไปตอนนี้กันเลยล่ะกัน ยิ่งมืดหนทางจะยิ่งลำบาก" ประโยคหลังส่อความนัยน์ชัด ราฟว์พยักหน้า ครั้นจะก้าวเดินก็นึกขึ้นได้
"เดี๋ยวพี่ เดี๋ยว ข้าไปตามเฟียร์ก่อนล่ะกัน ไม่เห็นมันตั้งกะบ่ายแล้ว คงอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง" ราฟว์ทำท่าออกวิ่ง อัฟฟาก็รีบกล่าว
"ความจริงเค้านัดกันไว้แต่ตอนบ่ายต่างหาก เจ้านั่นแหละที่ช้า ข้าเลยต้องมาตามเนี่ย" น้ำเสียงปนฉุนเล็กน้อย
"เออ เนอะ" เด็กหนุ่มเบิกตากว้างนิดกำปั้นทุบฝ่ามือเสริมดีกรีกระจ่างอย่างชวนถีบ แผ่นหลังชายหนุ่มเหงื่อก็ไหลย้อยอาบหัวลง... อุบ๊ะ ! อีหรอบเดิมไม่เปลี่ยน ไม่แปลง
"แต่... ถ้าข้า เฟียร์ไปแล้วใครจะรับหน้าที่เฝ้าอาณาเขตนี้ล่ะ" อัฟฟาขยับปากกะพูด ติดตรงไม่ทัน "อย่าบอกนะเดี๋ยวนี้มีนโยบาย บริการใจดี Welcome to อาณาจักรเวล์โจ"
"ไม่ใช่ๆ แบบนั้นมันเข้าข่าย ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านแล้ว ใครเสนอมาที่ประชุมได้ถีบส่งสิ" ชายหนุ่มบอกปัด เสริมด้วยคำจริง "หน้าที่นี้ท่านอัลเจลเสนอรับหน้าที่นี้ไปทำเอง เห็นว่าได้คนแทนมาแล้วล่ะ"
"เห งานนี้ท่านอาเสนอตัวเองเลยรึเนี่ย สงสัยโรคทำงานฉับพลันขึ้นมั้ง" เขาว่ากึ่งจริงกึ่งหยอก ค่อยถอนหายใจกล่าว "แต่ช่างเหอะ นั่นน่ะงานของวงในทั้งนั้น ไอข้ามันวงนอกมีหน้ารักษาอาณาเขตก็เหนื่อยพอแล้ว และที่ยิ่งเหนื่อยสุด..." ราฟว์แหล่มองคนข้างตัว "ก็ที่รับหน้าที่ทั้งวงในวงนอกล่ะนะ รับทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ไม่เหนื่อยหยอดน้ำข้าวต้มอย่างพี่เนี่ยนี่ข้าซูฮกให้เลย"
"อย่าตอกย้ำข้าสิน่า ใช่ว่าข้าเป็นหุ่นยนตร์นะ เหนื่อยเป็นเหมือนกันแหละ แต่งานนี้น่ะเข้านอกออกในได้ถนัดถนี่สุดแล้วนี่"
"ครับ คร้าบ" เด็กหนุ่มลากเสียง
"เข้าใจก็ดี เพราะงั้นไปกันได้แล้ว ข้ายังมีงานเป็นกองพะเนินอีกแหนะ" ว่าจบก็รีบเดินนำ เขาก็เร่งเดินตาม
ความมืดก็กลืนเสียงคำพูดไป ทว่า...
"ไปที่นั่นแล้วระวังตัวเอาไว้ล่ะราฟว์" อัฟฟากล่าว นัยน์ฉายประกายจริงจัง "ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามิตินั้นจะเป็นอย่างไร สภาพภูมิก็ไม่รู้ จิตใจผู้คนก็ไม่รู้ ป่าเถื่อนหรืออ่อนโยนก็ไม่รู้ สรุปก็ไม่รู้อะไรสักอย่างล่ะ เพราะงั้นระวังภัยไว้เป็นดีที่สุด สำคัญอีกอย่างก็ ข้าไม่รับประกันหรอกนะว่า 'ไอพวกนั้น' จะตามกลิ่นเจ้าไปถึงมิตินั่น วิธีการข้าคงไม่รู้หรอก แต่ก็อย่างที่เจ้ารู้ มัน... ไม่เลือกวิธีการ เพราะงั้นหน้าที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่พาอีกครึ่งร่างของเจ้ากลับมาแต่เป็น..."
อัฟฟาหยุดกึก หันหลังยก 3 นิ้วขึ้น ราฟว์มองไป
"ตามหาครึ่งร่างเจ้าให้เจอ" ชายหนุ่มเก็นนิ้วชี้ลง
"ปกป้องครึ่งร่างเจ้าไว้" ชายหนุ่มเก็บนิ้วกลาง
"พากลับมาในสภาพเป็นๆให้ได้" ชายหนุ่มเก็บนิ้วนาง ค่อยลดมือลงที่เดิมแล้วเดินนำต่อ สีหน้าค่อนเคร่งตัดกลับเด็กหนุ่ม
ราฟว์หลับตายิ้มสบาย "เอาน่า เครียดไปก็เท่านั้น ไปถึงก็รู้เองล่ะ ที่สำคัญ..." อัฟฟามองลอดบ่าติดพิณธนู ทวนคำ "...ที่สำคัญ" ราฟว์กระตุกเผยอปาก "ข้าต้องทำได้สิน่า ! " ว่าจบก็ยิงฟันเข้า เป่าความเครียดชายหนุ่มปลิว
อัฟฟาผ่อนลมหายใจ ก่อนแขวะเข้าที
"ระวังเถอะ พอไปที่นั่นเหงาแล้วจะกอดเข่าจุ้มปุ๊ ร้องคิดถึง Chess ขึ้นมา"
_____________________________________________________________________________________
ดู Gallery ทั้งหมด << คลิ๊กครับ
เด็กหนุ่มกร้านโลก
___________________________________________________________________________________________
บัดนี้ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า แสงสุรีย์สีส้มสู่เหลืองเข้าแทรกฟากฟ้าแผ่ไปทั่วนภา เหล่านกน้อยเริ่มบินถลากลับรังกันเป็นฝูงส่งเสียงร้องระงมลั่นในบริเวณนั้น ซึ่งเสียงเหล่านี้เสมือนเป็นนาฬิกาปลุกเตือนบ่งเวลาเลิกงาน เข้าการพักผ่อนอุราที่ทุกคนโหยหาหลังเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน และในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนอยู่นั้นกลับเป็นเวลาเริ่มงานของใครบางคน
ณ. อีกฟากหนึ่งของภูเขาห่างจากลำธารเล็กอันอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ไปไม่ถึง 4 เมตร ก่อเสียงต้นไม้เสียดสีกันไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นเสียงไม่น่าพิสมัยนัก มันส่งเสียงสาดเสียดสีราวกับอยากขับไล่กลุ่มผู้คนเดินย่ำแหวกกิ่งหักก้านอยู่ หากมันพูดได้
ยามนี้ดวงตะวันได้ถูกภาพภูเขากลืนกินเหลือเพียงแสงสุรีย์สีส้มเหลืองอันแผ่รัสมีไม่ขาดสาย พลิกผลันกับกลุ่มก้อนเมฆหมอกขาวที่ยังไม่ลับฟ้าตามตะวัน จึงเผยให้เห็นเงารางๆของกลุ่มคนพวกนั้น
แต่หากเพ่งมองไปยังกลุ่มคนนั้นอาจจะมีเพียงศีรษะหรือบางส่วนของอวัยวะเท่านัน เพราะบางส่วนของร่างกายกลับผิดแปลกไป แปรเป็นอวัยวะที่มนุษย์ไม่สามารถมีได้ บางตัวแปรเป็นปีกแมลงปอบ้าง เคียวแหลมคล้ายตั๊กแตนบ้าง หรือแม้กระทั่งหนวดประสาทสัมผัสบริเวณหัวของมด พร้อมกับพกศาสตราวุธกันอย่างครบครั่น
"เวรเอ๊ย ! ไอ้พวกหน่อย 1 หน่วย 2 ที่ส่งไปเนี่ยยังไม่ติดต่อกลับมาอีกเรอะ" สัตว์ผสมรูปตั๊กแตน ใบหน้าแหลมส่อแววหงุดหงิดว่า พลางระเบิดอารมณ์ตวัดเคียวใส่กิ่งไม้
"กร๊าก ฮ่าๆๆๆ ไอ้พวกสวะป่านนี้โดนฆ่าไปแล้วมั้ง ฝีมือก็กระจอกกระจ่อยร่อยหวังอะไรมันไว้บ้ารึเปล่าว่ะ" สิ่งมีชีวิตศีรษะมนุษย์รวมปีกแมลงปอโพล่งขึ้น ก่อนหันมองรอบกายชี้ย้ำคำจะพูด "เฮ๊ย ถ้าข้าเจอไอ้เด็กนั่นพวกแกห้ามสอดนะโว๊ย ข้าจะฆ่ามัน จะเอาเนื้อมันกิน จะเอากะโหลกมันไปประดับ" ค่อยสำทับด้วยเสียงหัวเราะอีกยกใหญ่
โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเจ้าเด็กคนที่ว่านั้นนั่งเปรยมองอยู่บนกิ่งไม้ค้ำหัวอยู่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นสีเดียวกับผมยุ่งชำแลงเลืองคิ้วมุ่ม รำพึงเซ็ง ....ความคิดก็ประหลาด รสนิยมยิ่งพึลึกชะมัด
"เฮ๊ย ! ไอ้พวกบ้า พวกแกต้องกำจัดมันไปให้พ้นทางก่อนซิฟ่ะ ถ้างานพลาดท่าอีก 'หัวกู' ! จะหลุดจากบ่า !" ตัวมดเริ่มว่าบ้างหัวเสียอย่างขีดสุด
"ห๋า อย่าบอกนะว่าแกกลัวพลาด มันก็แค่ไอ้เด็กตัวกระจิดริด ตัวกรจึ๋ง ข้าแตะป้าปเดียวก็วิ่งหาแม่แล้ว กร๊ากฮ่าๆๆๆ" เจ้าด้วงสำรอกคำ คำรามหัวเราะลั่นสะใจ
กระจิดริด ? ตัวกระจึ๋ง ? แตะป้าปก็ร้องวิ่งหาแม่ ? เหอๆๆ ตลกร้ายฟ่ะ.... เขาคิดก่อนเอนตัวลงพิงก้านไม้แกว่งเท้าอันใส่รองเท้าบูตดำร้อยด้วยผ้าน้ำตาลเข้ม 4 แฉกเล่น ค่อยกระตุกยิ้มเจ้าเลห์มุมปากอย่างนึกสนุก เปรยตามองประมาณค่า หลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็ยืนขึ้นเสื้อกล้ามดำแขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง ชายเสื้อ 4 แฉกเช่นรองเท้าต่างเพียงสี ประกอปกับกางเกงขาสั้นดำก็ขยับตามแรง เข็มขัดทรงหางจิ้งจอกไหวไปมา
เด็กหนุ่มกระชับผ้าโพกหัวขาวแน่น ยิ้มมองมั่นมุ่งเบื้องล่างสู่สัตว์ประหลาด
ลมโชยมา เด็กหนุ่มก็กระโจนหายลับไป
"เฮ๊ย ! แล้วไอ้เด็กนั่นอยู่ไหนว่ะ กลัวหัวหดแล้วรึ อย่าทำป๊อดเด้ ออกมาตัวๆซักทีซิโว๊ย" แมลงปอโวย แล้วมือกร้านก็แตะวางบ่า
"ไม่ได้กลัว ไม่ได้ป๊อด อยู่นี้" เจ้าของมือว่ายิ้มยิงฟัน ตัดกลับเจ้าลูกครึ่งแมลงปอ เสียงปึด ! เส้นเลือดชัด มือสามนิ้วรีบควานคว้าดาบข้างเอว หันหน้ามาหมายฟันตวัดฉับ !
ทว่า.... ช้าเกินไป ช้าเกินกว่าเด็กหนุ่ม หมัดกร้านเข้าชกหน้านั้นทันทีที่หันมา ! เลือดจากไรฟันกระเด็นเป็นสายเข้าเปื้อนมือ เปื้อนหน้า อันเสยะยิ้ม แววตาโหดอยู่
มันตีลังกาตลบฝุ่นอยู่หลายครั้งจนหัวจมกองพื้น
"เก็นหนึ่ง" เขาเปรยเบา กระนั้นก็ได้ยินกันถ้วนหน้า
เจ้าตัวครึ่งสัตว์อันอยู่ล้อมรอบชะงักเหงื่อตก ก่อนไอ้ด้วงจะโพล่งขึ้นกู้ร้องเรียกพลัง "อ๊ากกก !!!" ค่อยยกคันธนูขึ้นเล็งหัว เกร็งมือแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ไม้งออ่อนเส้นเอ็นขึง แล้วปล่อยไป
ปลายธนูแหลมพุ่งแหวกอากาศ ปราดหาเป้าหมายกระชันชิดเรื่อย หมายหัวสมองกระจุยในลูกเดียว !
เด็กหนุ่มยังคงมองแสยะยิ้มเหี้ยม เว้นแต่สายตาที่เข้ามามันบาดลึกเฉือนกำลังใจไปกว่าครึ่ง ทว่านั่นก็ไม่สามารถหยุดลูกธนูได้ ลูกธนูพุ่งเข้ากลางหัว มือกร้านคว้าควับหักเปาะไม่เกรงใคร ในนาทีนั้นเองเคียวแหลมก็ตวัดเข้าหลังหัวเขาแล้ว
.... 'ปอยผมหลุดไปกระจุก' เขาตีลังกาถอยหลังทัน ไม่งั้นศพคงไม่สวย "เกือบไปๆ" เขาปาดเหงื่อใต้คาง หอกแหลมพุ่งแหวกมาทางหลัง เขาเอี๊ยวหลบ แต่ลูกะนูนับ 10 ก็บินว่อนเข้าหาแทน
เด็กหนุ่มกัดฟัน แค่นคำราม "ชิ" หงุดหงิด ก่อนฉกหอกหมุนแขนนิดก็ฉวยมา หอกยาวปลายแหมเข้าตวัดฟันลูกธนูให้ตกลง ซึ่งไม่ใช่แค่นั้น....
เจ้ามดเจ้าของหอกกะโวย เบิกตากว้างด้วยความกริ้ว อ้าปากตะคอกเสียง ติดแต่... เสียงไม่ออก ?
แล้วความจริงก็ปรากฎ เมื่อหัวมันเลื่อนหลุดจากบ่ากลิ้งคลุกลงดิน
"เก็บ 2 " นันย์ตาสีดำทมิฬเย็นชาไม่ใส่ใจ อึดใจต่อมาก็ขว้างหอกเข้าเสียบปักทะลุท้องดับชีพด้วงเสีย
"เก็บ 3"
เจ้าตั๊กแตนเริ่มงุ่มง่าม เหงื่อตกเต็มตัว สายตาหลักหลั่นสั่นหงัก กระนั้นยังใช้เคียวขู่สู้
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม "เอ๊าๆ อย่าบอกนะไอ้เคียวนั้นจะทำข้ากลัว เร็วเข้า ถึงเวลานอนแล้ว"
เส้นเลือดขมับปุดโปนทันใด เร็วระดับคำปรามาส มันไม่สนแล้ววิ่งตบะแตกบ้าระห่ำเข้าฟาดฟันมั่ว !
เรียวปากบางคลี่ยิ้ม ด้านหลังของเขาเป็นตั๊กแตนตัววิ่งผ่านไปหยุดชะงัก ลมพัดท่อนเอวก็ขาดสะบั้นเป็น 2 ท่อน มอบความดีคมาชอบแก่ปลายดาบจากเจ้าแมลงปอ
เด็กหนุ่มทิ้งดาบลงพื้น หันมองผลงานยิ้มเย็นเติมเจ้าเลห์เข้า "เก็บ 4 ราตรีสวัสดิ"
ดินด้านหลังรองเท้าบูตดำเริ่มปริแตก
ไส้เดือนยักษ์ปากใหญ่ฟันคมโผล่ขึ้นสูง เงาทาบทับร่างเด็กหนุ่ม แอ่ะใจจึงจำจะหันมา ดวงตาสีน้ำตาลตื่นตระหนก เขามองฟันมันครบทุกซี่โดยแต่ล่ะซี่ไม่ผุซักนิด ด้วยหัวประจันกับมันเต็มๆ
....อุ๊ ! ฟันแข็งแรงดีจริง... เขาชมก่อนจิตใต้สำนึกจะด่าสาดกลับมา .... ไอ้บ้า ! นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะเฟร๊ย ทำอะไรซักอย่างสิ
ทว่า.... ไร้เวลาจะหนี ไร้เรี่ยวแรงจะชก ไร้เกราะจะกำบัง ไร้เสียงจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ มีเพียง... หลับตาคอยชะตากรรม อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นภาพเลือดท่วม ....เขาโง่เองที่ประมาท
"ไอ้งั่งเผลอจนได้นะ" เสียงก้องเข้าหู มันทำให้ยิ่งหงุดหงิด
ฉวั๊ะ !!
แต่แอ๊ะ....! ไม่เจ็บ ?
"นั่นสิ เผลอจนได้" เสียงทุ้มเรียกความมั่นใจ เด็กหนุ่มเผยอเปลือกตาขึ้นฉับพลัน มองปรี่หาต้นเสียง
ชายหนุ่มผมทรายตาสีเดียวกันยิ้มมองมา ชุดดำปกคอตั้งชายเสื้อคลุมยาวปิดทับกางเกงดำซึ่งมาปิดทับรองเท้าดำต่ออีกที ในอ้อมแขนถือหนังสือเก่าไม่คุ้นเล่ม แต่จะใส่ใจอะไรเล่า เด็กหนุ่มวิ่งเข้าหาผ่านซากไส้เดือนเลือดแฉะพื้นตรงรี่เข้าหาปากร้องเรียก "พี่อัฟฟา ! "
อัฟฟาโน้มตัวลงขยี้หัวเขาเบาๆตามประสา "ไง ราฟว์"
ราฟว์ยิ้มตอบ "โอ้ ! "
"บ๊ะ ! ไม่คุ้มแรงเล้ย" เสียงเดิมเปรยขึ้นครั้งร้อย
อัฟฟายืนมองห่างๆ ฟังเด็กน้อยบ่นพึมพำไปได้ 10 นาทีกว่าหลังจากเจ้าตัวเกือบโดนงาบหัวรอมร่อ ตอนนี้กลับนั่งรื้อข้าวของราวปล้นศพซะสบายใจเฉิบปากพลางบ่นพรึม
ดวงอาทิตย์ได้ลับฟ้าไปแล้ว เปลี่ยนหน้าที่แปรจันทร์เพ็ญ รัสมีส่องแสงสีเงินยวงแผ่ขยายเข้าต้องป่า แทรกไม้ใบเข้ากระทบบุคคลทั้ง 2 และสัญลักษณ์เลข 7 ปลายหางม้วนขดเป็นวง บนมีจุดเล็กอยู่กลางตัดกลับล่างคือสามเหลี่ยมหัวทิ่ม ตราบนหลังเสื้อดำอัฟฟา
ราฟว์เริ่มหยิบดาบขึ้นมาจากตัวแมลงปออีกอัน เขาพลิกไปมามองดู นิ้วดีดพลอยแดงเม็ดกลางเข้าให้ก็แตกปริ เขาสถบพรืด "อีกล่ะ ! ไอ้พวกนี้นี่เก้กันทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่ตลาดเค้าจะรับไหมเนี่ย โว๊ย ไม่คุ้มแรงจริง บะแหล่ว ! "
ก็เป็นเพราะเกรงเจ้าทำแบบนี้สิมันถึงไม่พกของแพงมา... อัฟฟารำพึงระอาหูแว่วเสียง' ไม่คุ้มแรงอีกรอบ 'เขาถอนหายใจก่อนเดินเข้าหาโจรคุ๊ยศพ
"ราฟว์" เด็กหนุ่มนามเจ้าของชื่อหันมาโยนดาบทิ้งยืน ม้วนคิ้วบ่งใคร่ให้อธิบายเรื่องเรียก "ตอนนี้ทางเราได้เจอวงแหวนเวทมิติ อันจะพาเจ้าข้ามมิติไปหาอีกครึ่งร่างแล้วนะ"
"ห๊า ! เจอแล้ว" ชายหนุ่มเกือบจะยิ้ม ติดว่าต่อประโยคถัดมา " แต่เดี๋ยว... วงแหวนเวทอะไรอ่ะ" พูดจบก็หัวเราะแหะๆแก้กระดากไป
"ก็ครั้งก่อนท่านดอลซ่าทรงตรัสไว้แล้วนี่ ว่าให้ไปพาตัวอีกครึ่งร่างเจ้ากลับมาน่ะ" อัฟฟาอธิบายข่มอารมณ์ ราฟว์ค่อยถึงบางอ้อ "และทางการก็ได้สืบค้นหาประตูทางเข้า ซึ่งก็คือวงแหวนเวทมิตินี้จนเจอแล้วล่ะนะ"
"เจอแล้ว ! " ราฟว์ขึ้นเสียงสูง ความยินดีคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะจางขมก้มหน้าไป เด็กหนุ่มกลืนก้อนแข็งๆค่อยเงยหน้าขึ้นฝืนยกมุมปากยิ้ม "อื้อ"
อัฟฟาแตะไหล่เบาๆ "เข้าใจออยู่หรอกนะราฟว์ เจ้าน่ะไม่อยากห่างบ้าน ห่างพวกพ้องไปไกล แต่ว่านี่คืองานสำคัญ ความเอาแต่ใจไร้จะหลีกได้ และไม่ว่าข้าหรือท่านดอลซ่าก็ไม่สามารถไปสถานที่นั้นได้ ก็มีแต่..."
"ข้า..." ราฟว์ต่อคำ นัยน์ตาหลุบลงต่ำ ดั่งหัวใจที่ดิ่งลง
อัฟฟายิ้มให้กำลังใจ "ใช่ เพราะการไปโดยวงแหวนเวทจะต้องมีอะไรซักอย่างเชื่อมต่อได้ หากข้ามีอะไรมาเชื่อมก็ไปได้ เว้นว่าข้าไม่มี แต่เจ้า... และเฟียร์มีอีกครึ่งร่างอยู่ที่นั่น"
"อื้อ" ราฟว์รับคำ พลัน ก็เบิกตากว้าง ตวัดมองคนพูด ถามเสียงตะกุกตะกะ "ด...เดี๋ยว เฟียร์ เฟียร์ก็ไปด้วยรึ"
"ก็ใช่น่ะสิ ทางการก็แจ้งมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วนี่"
"เออ เนอะ" เด็กหนุ่มเบิกตานิดกำปั้นทุบฝ่ามือเสริมดีกรีกระจ่างอย่างชวนถีบ แผ่นหลังชายหนุ่มเหงือ่ก็ไหลย้อยอาบหัวลง... อุบ๊ะ ! ไม่รู้ว่ามันความจำดีเลิศหรือจะเสื่อมรอมร่อกันแน่ ทีไอเรื่องเตือนแล้วเตือนอีก ย้ำนักย้ำหนากลับลืม ส่วนไอเรื่องกวน เรื่องเล่นล่ะไม่บอกก็จำขึ้นใจนัก
"เหอๆ แต่พอจบงานนี้หน้าที่พี่ก็เบาลงเยอะ มีเวลาไปควงสาวแล้ว วิ๊ว" ความคิดไม่ทันขาดไอตัวโดนคำประนามก็กวนเขาให้อีก
อัฟฟาแทบหยุดขาไม่ทัน ถ้ารีเฟล็กไม่อยู่ใต้อำนาจสมองล่ะก็คงได้รอยแผลใหญ่ ชายหนุ่มสะกดอารมณ์สุดกู่ ปากว่าอย่างใจเย็น "ช่างข้าเหอะน่า"
"เขิลอ่ะดิๆ" พูดไม่พอเข้าคะยันคะยอเอาศอกข้างเขี่ยๆอีก
ช่างน่าถีบนัก !
แต่ก็ต้องสงบอารมณ์ นี่ใช่ว่าเป็นครั้งแรกที่มันกวน "เอาล่ะ ข้าว่าไปตอนนี้กันเลยล่ะกัน ยิ่งมืดหนทางจะยิ่งลำบาก" ประโยคหลังส่อความนัยน์ชัด ราฟว์พยักหน้า ครั้นจะก้าวเดินก็นึกขึ้นได้
"เดี๋ยวพี่ เดี๋ยว ข้าไปตามเฟียร์ก่อนล่ะกัน ไม่เห็นมันตั้งกะบ่ายแล้ว คงอยู่แถวๆนี้ล่ะมั้ง" ราฟว์ทำท่าออกวิ่ง อัฟฟาก็รีบกล่าว
"ความจริงเค้านัดกันไว้แต่ตอนบ่ายต่างหาก เจ้านั่นแหละที่ช้า ข้าเลยต้องมาตามเนี่ย" น้ำเสียงปนฉุนเล็กน้อย
"เออ เนอะ" เด็กหนุ่มเบิกตากว้างนิดกำปั้นทุบฝ่ามือเสริมดีกรีกระจ่างอย่างชวนถีบ แผ่นหลังชายหนุ่มเหงื่อก็ไหลย้อยอาบหัวลง... อุบ๊ะ ! อีหรอบเดิมไม่เปลี่ยน ไม่แปลง
"แต่... ถ้าข้า เฟียร์ไปแล้วใครจะรับหน้าที่เฝ้าอาณาเขตนี้ล่ะ" อัฟฟาขยับปากกะพูด ติดตรงไม่ทัน "อย่าบอกนะเดี๋ยวนี้มีนโยบาย บริการใจดี Welcome to อาณาจักรเวล์โจ"
"ไม่ใช่ๆ แบบนั้นมันเข้าข่าย ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านแล้ว ใครเสนอมาที่ประชุมได้ถีบส่งสิ" ชายหนุ่มบอกปัด เสริมด้วยคำจริง "หน้าที่นี้ท่านอัลเจลเสนอรับหน้าที่นี้ไปทำเอง เห็นว่าได้คนแทนมาแล้วล่ะ"
"เห งานนี้ท่านอาเสนอตัวเองเลยรึเนี่ย สงสัยโรคทำงานฉับพลันขึ้นมั้ง" เขาว่ากึ่งจริงกึ่งหยอก ค่อยถอนหายใจกล่าว "แต่ช่างเหอะ นั่นน่ะงานของวงในทั้งนั้น ไอข้ามันวงนอกมีหน้ารักษาอาณาเขตก็เหนื่อยพอแล้ว และที่ยิ่งเหนื่อยสุด..." ราฟว์แหล่มองคนข้างตัว "ก็ที่รับหน้าที่ทั้งวงในวงนอกล่ะนะ รับทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ไม่เหนื่อยหยอดน้ำข้าวต้มอย่างพี่เนี่ยนี่ข้าซูฮกให้เลย"
"อย่าตอกย้ำข้าสิน่า ใช่ว่าข้าเป็นหุ่นยนตร์นะ เหนื่อยเป็นเหมือนกันแหละ แต่งานนี้น่ะเข้านอกออกในได้ถนัดถนี่สุดแล้วนี่"
"ครับ คร้าบ" เด็กหนุ่มลากเสียง
"เข้าใจก็ดี เพราะงั้นไปกันได้แล้ว ข้ายังมีงานเป็นกองพะเนินอีกแหนะ" ว่าจบก็รีบเดินนำ เขาก็เร่งเดินตาม
ความมืดก็กลืนเสียงคำพูดไป ทว่า...
"ไปที่นั่นแล้วระวังตัวเอาไว้ล่ะราฟว์" อัฟฟากล่าว นัยน์ฉายประกายจริงจัง "ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามิตินั้นจะเป็นอย่างไร สภาพภูมิก็ไม่รู้ จิตใจผู้คนก็ไม่รู้ ป่าเถื่อนหรืออ่อนโยนก็ไม่รู้ สรุปก็ไม่รู้อะไรสักอย่างล่ะ เพราะงั้นระวังภัยไว้เป็นดีที่สุด สำคัญอีกอย่างก็ ข้าไม่รับประกันหรอกนะว่า 'ไอพวกนั้น' จะตามกลิ่นเจ้าไปถึงมิตินั่น วิธีการข้าคงไม่รู้หรอก แต่ก็อย่างที่เจ้ารู้ มัน... ไม่เลือกวิธีการ เพราะงั้นหน้าที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่พาอีกครึ่งร่างของเจ้ากลับมาแต่เป็น..."
อัฟฟาหยุดกึก หันหลังยก 3 นิ้วขึ้น ราฟว์มองไป
"ตามหาครึ่งร่างเจ้าให้เจอ" ชายหนุ่มเก็นนิ้วชี้ลง
"ปกป้องครึ่งร่างเจ้าไว้" ชายหนุ่มเก็บนิ้วกลาง
"พากลับมาในสภาพเป็นๆให้ได้" ชายหนุ่มเก็บนิ้วนาง ค่อยลดมือลงที่เดิมแล้วเดินนำต่อ สีหน้าค่อนเคร่งตัดกลับเด็กหนุ่ม
ราฟว์หลับตายิ้มสบาย "เอาน่า เครียดไปก็เท่านั้น ไปถึงก็รู้เองล่ะ ที่สำคัญ..." อัฟฟามองลอดบ่าติดพิณธนู ทวนคำ "...ที่สำคัญ" ราฟว์กระตุกเผยอปาก "ข้าต้องทำได้สิน่า ! " ว่าจบก็ยิงฟันเข้า เป่าความเครียดชายหนุ่มปลิว
อัฟฟาผ่อนลมหายใจ ก่อนแขวะเข้าที
"ระวังเถอะ พอไปที่นั่นเหงาแล้วจะกอดเข่าจุ้มปุ๊ ร้องคิดถึง Chess ขึ้นมา"
_____________________________________________________________________________________
ดู Gallery ทั้งหมด << คลิ๊กครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น