ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OverLeaf Ep 1 Rise of Enqueue [กำเนิดเอ็นคิว]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 53


    บทที่ 1

     

    “นี่ หยก ถ้าแกเป็นผู้ชายแกจะทำไรว่ะ” หยกคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์สำหรับสาววายอย่างเธอมีเพียงเป้าหมายเดียว “เป็นเกย์ไง ถ้าเป็นผู้ชายนะ ขอเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย ตาโตๆ แก้มใสๆ เสียงหวานๆ ยามครวญครางนะ อะจึ๋มกึ๋มมากมาย แล้วแกล่ะ” เมื่อตอบเสร็จหญิงสาวหันไปถามกอล์ฟ ทอมสุดแมนประจำกลุ่ม “ก็คงบวชมั๊ง ถ้าเกิดเป็นผู้ชายก็คงจะไปบวชให้พ่อกับแม่”

     

    “โห เป็นคนดีไม่เหมือนหน้าแกเลยว่ะ” กอล์ฟหันมองเพื่อนสาวจอมแอ๊บแล้วตอกกลับด้วยประโยคที่เจ็บแสบไม่แพ้กัน “แกก็เลวไม่เหมือนหน้าเลยว่ะ”

     

    “เจลๆ กอล์ฟชมว่าหยกหน้าตาเหมือนคนดีแหละ” เสียงหวานใสเปี่ยมด้วยความยินดีเรียกเจลให้เงยหน้าจากหนังสือนิยาย ดวงตาคมสวยถูกบดบังด้วยแว่นไร้กรอบ “นั่นไม่เรียกว่าชมหรอกนะ” แต่หยกยังคงนั่งยิ้มไม่สนใจ “สำหรับฉันนั่นมันยิ่งกว่าคำชมอีกนะ แล้วเจลล่ะ ถ้าเป็นผู้ชายจะทำอะไร” สาวแว่นเงียบไปครู่ใหญ่ “ก็คงใช้ชีวิตตามปกติ..”

     

     

    เปลือกตาบางเปิดขึ้นอย่างช้าๆ รอบกายคือของเหลวสีม่วง ...ที่นี่ที่ไหน นี่มันอะไรกัน... มือบางยื่นออกไปสำรวจรอบกาย ทำให้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในภาชนะรูปไข่ ...น้ำสีม่วงนี่มันอะไร... ดวงตากลมโตมองเห็นเงาเลือนลางด้านนอก เสียงพูดคุยแว่วมาเป็นพักๆ

     

    “นายท่าน...ไม่ควร.....พวกมัน...มา...” อะไรน่ะ พูดอะไรกันฉันไม่ได้ยินเลย

    “...เจ้าไม่......สิทธิ์......ข้า .....เรื่อง...ข้า....กลับ....” เงาเลือนลางกำลังห่างออกไป มือบางทุบกำแพง อย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งฉันไว้ในนี้ ของเหลวสีม่วงรอบกายเริ่มร้อนขึ้น ริมฝีปากบางอ้าหมายจะกรีดร้องด้วยความทรมาน แต่กลับไร้ซึ่งเสียงใด อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวมารวมกันที่หน้าอก ร่างบางกุมหน้าอกแน่น

     

    กำแพงแข็งเริ่มร้าว แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาภายใน เปลือกตาบางปิดลงเมื่อแสงที่ส่องมาสว่างจ้าจนเกินจะทนไหว ในที่สุดกำแพงแกร่งก็พังลง ร่างบางไถลไปกลับสายธารสีลาเวนเดอร์ก่อนจะกระแทกลงกับพื้นแข็ง “แค่กๆ” หญิงสาวสำลักเอาของเหลวสีม่วงออกจากคอและหลอดลม ก่อนจะสูดลมหายใจเป็นครั้งแรก

     

    “ยินดีต้อนรับสู่ โอเวอร์ลีฟ น่ายินดีจริงๆ คราวนี้เป็นผู้ชายทั้งหมด” สมองอันแสนชาญฉลาดยังคงมึนตึบเช่นเดียวกับเปลือกตาบางที่ยังไม่ลืมขึ้น “นำผ้ามาเร็วเข้า” หยกนอนนิ่งไม่สามารถขยับตัวได้ ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...

      

    แต่แล้วความสงสัยก็ต้องหยุดลง เมื่อร่างกายถูกคลุมด้วยผ้าอุ่น “เอ็นคิวที่เพิ่งเกิดยังไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่ลืมตา พวกเจ้าอุ้มพวกเขาแล้วตามข้ามา" เสียงโลหะกระทบกันก่อนร่างจะถูกยกขึ้น หยกพยายามขยับร่างกายที่ฝืดราวกับเป็นสนิมแต่ไม่เป็นผลสำเร็จจึงจำใจนอนนิ่งเป็นตุ๊กตาถูกอุ้มไปมาพร้อมกับความสงสัยว่า เอ็นคิวคืออะไร

     

    คราวนี้ร่างบางถูกวางลงบนพื้นนุ่มและเย็นสบาย ...เหมือนนอนอยู่ในน้ำเลย... “นำผ้านี้ไปผูกตาเขาซะ ดวงตาของเอ็นคิวที่เพิ่งเกิดอ่อนแอมาก ต้องรอถึงสองสัปดาห์กว่าจะใช้งานได้” ศรีษะถูกยกขึ้นก่อนที่ผ้านิ่มจะถูกผูกลงทับเปลือกตา อดีตหญิงสาวถูกจัดท่าทางให้นอนหงายในท่าทีสบายที่สุด แล้วต้นเสียงทั้งหมดก็จากไป 

     

    หยกนอนนิ่งทั้งที่ในใจอยากจะลุกแล้ววิ่งไปกระชากคอใครสักคนมาถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทำไมถึงขยับตัวไม่ได้ อยากจะกวาดตามองสำรวจทิวทัศน์รอบกาย แต่สิ่งที่พบเจอกลับมีเพียงความมืดมิด ให้ตายเถอะนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย

     

    แต่แล้วความคิดหลากหลายที่ผสมปนเปประดังเข้ามาก็หยุดลงมือความง่วงเข้ามาเยือน ดวงจิตค่อยๆว่างเปล่าแล้วจมลงสู่ความมืดมิด

     

    “ยัยหยกเผือก!!! ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน เพราะนิสัยอย่างนี้สินะ ถึงได้หาสามีไม่ได้สักที” หยกเปิดตาขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงเรียกแสนคุ้นเคย เสียงอีกอล์ฟทอมควายนิ ทำไมเสียงมันแมนขึ้นว่ะ เสียงอย่างกับตัวผู้ของแท้

     

    “ตื่นสักที กรีน ยัยนี่ตื่นแล้ว เล่าเรื่องทั้งหมดมาได้แล้ว” ภาพแรกที่เห็นคือหนุ่มผิวแทนผมทองหน้าตาหล่อเหลาแต่ไหงปากอย่างกับอีกอล์ฟฟ่ะเนี่ย ต่อให้หล่อล้นฟ้าแต่ปากปีจอพันธุ์เดียวกับอีกอล์ฟก็เอาไม่ลงหรอก “ไม่ต้องมาด่ากูทางสายตา แล้วก็ไม่ต้องทำหน้าแอ๊บแบ๊ว ฉันรู้สันดานแกดี”

     

    หยกดันตัวขึ้นจากพื้นดวงตากลมโตมองสำรวจรอบกาย ตอนนี้เธออยู่ในโพรงไม้ ขนาดมหึมา แสงแดดสีทองส่องผ่านหมู่ใบไม้เขียวชอุ่ม พื้นที่เธอนอนอยู่ถูกปูด้วยหญ้านุ่ม นอกจากเธอและหนุ่มผิวแทนปากปีจอแล้วยังมีหนุ่มหน้าสวยและดวงไฟสีเขียวด้วย

     

    “สวัสดีหนุ่มน้อย” ดวงไฟสีเขียวลอยเข้ามาใกล้เด็กสาว “หนะ หนุ่ม งั้นหรอ เห็นสาวสวยระดับดาวมหาลัยอย่างฉันเป็นผู้ชาย นี่นายไม่เห็นอกอันอวบ....อึ๋ม” เสียงใสสะดุดลงเมื่อลูบหน้าอกอันภาคภูมิใจของตัวเอง “กรี๊ดดดดดด ภูเขาไฟราคาสามหมื่นของฉัน หายไปไหนแล้ว อุตส่าบินไปทำที่ญี่ปุ่น ฮือๆๆ ยังไม่ทันได้ใช้งานเรย”

     

    “ว่าต่อเลยกรีน ไม่ต้องสนใจมัน” หนุ่มปากปีจอหันไปคุยกับลูกไฟสีเขียวโดยไม่สนใจอดีตเด็กสาวที่กำลังคร่ำครวญ “ภูเขาไฟทั้งสองของแม่~~~

     

    “อะแฮ่ม ก่อนอื่นข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าคือจิตวิญญาณแห่งพงไพร และข้าก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่พวกเจ้าทั้งสามตายแล้ว”

     

    “แล้วไง” หนุ่มหน้าสวยถามขึ้นก่อนจะเดินเข้ามารวมกลุ่มกับคนอื่นๆ “ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสามถูกดึงจิตวิญญาณมายังโลกที่เรียกว่า โอเวอร์ลีฟ และมีชีวิตอยู่ในฐานะ เอ็นคิว”

     

    “เอ็นคิวคืออะไร” หยกถามขึ้นทันที เพราะคำว่า เอ็นคิว เป็นคำเดียวที่เธอได้ยินตั้งแต่รู้สึกตัว “ก็ข้ากำลังจะบอกอยู่นี่ไง เลิกขัดข้าได้แล้วหนุ่มน้อย”

     

    “เหอะ ไม่ต้องย้ำมาข้ารู้แล้วว่าตัวเองน่ะเป็นหนุ่ม” หยกเถียงกลับพลางก้มมองดูส่งที่ถูกปกปิดอยู่ใต้กางเกงของตนเอง “ให้ตายเถอะ เอาภูเขาไฟฉันไป แล้วให้ไม้จิ้มฟันมาแทนเนี่ยนะ ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆเลย”

     

    “แล้วนายลูกไฟผีไร้ญาติมีกระจกไหม ฉันอยากดูหน้าตัวเองหน่อย” หยกถามต่ออย่างไม่ใส่ใจ “ข้าไม่ใช่ลูกไฟผีไร้ญาติ!!! ข้าคือจิตวิญญาณแห่งพงไพร พลังอันแสนบริสุทธิ์แห่งจักรวาล อย่ามาเรียกข้าพล่อยๆนะ” ดวงตากลมโตเหลือบมองลูกไฟที่ลอยไปมาอย่างขุ่นเคือง “งั้นเหรอ แล้วไหนกระจกที่ฉันขอล่ะ”

     

    “เหอะ” ลูกไฟบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมเสกกระจกให้แต่โดยดี ดวงตากลมโตมองกระจกที่สร้างจากน้ำด้วยความตื่นเต้น “ว้าว เหมือนเวทมนต์ในนิยายแฟนซีที่เจลชอบอ่านเลย” เมื่อสายน้ำหยุดหมุนวนก็กลายสภาพเป็นกระจกดั่งที่เธอต้องการ “ว้าว สวยกว่าเดิมเยอะเลย” หยกมองเงาสะท้อนตรงหน้า

     

    เด็กหนุ่มรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เส้นผมสีขาวยาวระแผ่นหลังบาง ผิวขาวเนียนไร้ตำหนิยิ่งว่าเครื่องกระเบื้องชั้นดี นี่ยังไม่นับดวงหน้าอ่อนหวานราวกับตุ๊กตา ไหนจะดวงตาสีเงินกลมโตเป็นประกายล้อมรอบด้วยแพขนตาสีหิมะเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย แก้มใสสีแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี จมูกโด่งปลายรั้นขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างพอใจ “หน้าตาอย่างนี้ค่อยคุ้มกับสามหมื่นค่าทำนมที่เสียไปหน่อย”

     

    “ขอบใจนะกรีนนี่” เมื่อได้สิ่งที่ตนเองต้องการหยกก็หันกลับไปยิ้มหวานให้ลูกไฟสีเขียวที่บัดนี้มีชื่อเล่นว่า กรีนนี่

     

    “นิสัยแกนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เสียงทุ้มเรียกอดีตเด็กสาวให้หันมอง ดวงตาสีเงิมมองชายหนุ่มผิวแทนตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางกวนบาทาอย่างนี้มันคุ้นๆอยู่นา~~

     

    ว่าแล้วร่างบางก็ทุบมืออย่างเข้าใจ “อีกอล์ฟทอมควายใช่ไหม!!!!!!

     

    “ยัยหยกเผือก เพิ่งจำได้หรือไง” หยกพยักหน้ารับอย่างรื่นเริง โดยไม่สนใจท่าทางโมโหโกรธาของเพื่อน “เก่งใช่ไหมล่ะ”

     

    “แกจะสมองฟ่อไปถึงไหน ทำไมนะ ทำไม เกิดใหม่ทั้งทีพระเจ้าถึงไม่เมตตาช่วยให้สมองแกใหญ่ขึ้นกว่าเดิมว่ะ” หนุ่มหน้าสวยเดินเข้ามาใกล้อดีตกอล์ฟที่ทำหน้าตาเจ็บปวดกับความโหดร้ายของพระเจ้า “หยกมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แกทำใจซะเถอะ” ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่เด็กสาวมีนิสัยอย่างนี้ หยกไม่ได้โง่ เพียงแต่เธอฉลาดเกินไปเท่านั้น เคยได้ยินไหม อัจฉริยะกับคนบ้ามันก็มีแค่เส้นบางๆกั้นไว้

     

    หยกมองหนุ่มหน้าใส แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้าง “อ่ะ งั้นนายก็คือ เจลใช่ไหม” เจลคลี่ยิ้มกว้าง “เก่งนะเนี่ย”

     

    “คริคริ เจลน่ารักที่สุดเลย มาม่ะขอหยกจ๊วฟสักที” ไม่ว่าเปล่าหยกกระโดดกอดคอคนสูงกว่าในทันใด ริมฝีปากอวบอิ่มประทับลงบนริมฝีปากบางของเพื่อนหนุ่มหน้าสวย ยังไม่ทันได้แลกลิ้นตามความเคยชิน กอล์ฟก็พุ่งตัวเข้าไปแยกสองร่างทำกำลังนัวเนีย “เฮ้ย!!!! จะทำตัวบัดสีบัดเถลิงกันไปไหน!!!!!!!!

     

    “ทีนี้หยกก็ได้จุ๊ฟแรกของเจลมาแล้ว~~~ หนุ่มทั่วราชอาณาจักร คงจะต้องน้ำตาตกในเมื่อรู้ความจริง” หยกคลี่ยิ้มสดใสจนเจลอดยิ้มตามไม่ได้ ส่วนกอล์ฟก็ได้แต่กลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย เสียงถอนหายใจเรียกเพื่อนหนุ่มหน้าสวยหันมามอง “กอล์ฟจะทำหน้าตาอมขี้ไปถึงไหน อย่าคิดมากน่าก็แค่หมาเลียปาก” ว่าแล้วเจลก็อดใจไม่ไหว หันกลับไปลูบหัว หมาตัวที่ว่าไม่ได้ “เก่งจริงๆเลยนะหยก”

     

    ...นี่พวกแกเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง!!!!!!!... กอล์ฟได้แต่โวยวายในใจเพราะรู้ว่าพูดออกไปก็ไม่มีใครฟัง

     

    “มาเข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่า ว่ามาเลยเจ้าเขียวลอยได้” เจลหันกลับไปพูดกับลูกไฟสีเขียว

     

    “ข้าบอกไปกี่ครั้งแล้วว่า ข้าคือจิตวิญญาณแห่งพงไพร!!! ไม่ใช่ กรีน กรีนนี่ ลูกไฟผีไร้ญาติ หรือเขียวลอยได้!!!!!!!! อ๊ากกกก ท่านเทพทรงโปรดข้าอยากพ่นไฟ~~~~

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×