ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OverLeaf Ep 1 Rise of Enqueue [กำเนิดเอ็นคิว]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 53


      บทที่ 6

     

    วันนี้บรรยากาศในห้องขังดูจะวุ่นวายเล็กน้อย เอ็นคิวต่างเร่งเก็บข้าวของเพราะวันนี้เป็นวันที่เหล่าทหารจะบุกเข้าทำลายปราสาทแห่งนี้

     

    คลารี่มองพื้นหินที่เต็มไปด้วยวงแหวนเวทย์เคลื่อนย้ายกินอาณาบริเวณถึง 200 ตารางวา วงแหวนเวทย์ถูกวาดด้วยของเหลวสีเงิน และของเหลวสีเงินนั่นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากเลือดของตน!!!

     

    นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องมานั่งหน้าซีดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมอยู่ที่ริมห้อง ไอ้กีอัสมันเอาเลือดเขาไปเป็นเหยือก คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่จะเอาคืนให้กระอักเลยทีเดียว “พัก..ก่อน” เสียงแหบห้ามเมื่อเด็กหนุ่มตัวเล็กทำท่าจะลุกไปกระชากหัวทองๆที่กำลังป้อสาวอย่างมีความสุข ร่างบางกัดฟันกรอด

     

    ...ไอ้ฟายกีอัส กูขออวยพรให้เมิงไปเป็นเมียชาวบ้าน...

     

    ดวงตาสีเงินเต็มไปด้วยเพลิงแค้น แต่แล้วการสาปแช่งเพื่อนสนิทในใจก็หยุดลง เมื่อจิตสังหารเย็นลอยละล่องมาตามลม ...จินก็อีกคน ช่วงนี้ประจำเดือนมาไม่ปรกติหรือไง หงุดหงิดง่ายจริงๆ... ใช่แล้ว ตั้งแต่มาอยู่ในห้องขัง ไม่สิ ตั้งแต่ที่โครว์มาอยู่ด้วยจินดูจะหงุดหงิดมาขึ้นเรื่อยๆ แถมตอนที่ทำพันธะสัญญากับโครว์ กีอัสยังมาเล่าให้ฟังว่า จินแทบจะบุกไปทำลายพิธีถึงบ่ออาบน้ำ

     

    คราเล็ทเหลือบมองชายหนุ่มจากรัตติกาลข้างๆ ดวงหน้าคมไร้ซึ้งรอยยิ้มแต่ดวงเนตรทับทิมเปล่งประกายระยับอย่างมีความสุข รายนี้ก็เหมือนกัน ตั้งแต่ทำพันธะสัญญาเสร็จดูอารมณ์ดีผิดหูผิดตาจนน่าหมั่นไส้ ...เฮ้อ ทำไมมันมีแต่เรื่องน่าปวดหัวนะ...

     

    “คลาเร็ท มาได้แล้ว” กีอัสตะโกนเรียกเด็กหนุ่มเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งแรก

     

    เหล่าเอ็นคิวรวมตัวกันอยู่ในวงแหวนเวทย์ “ไปเถอะโครว์ คลารี่ไม่เป็นไร” ร่างสูงยอมปล่อยมือที่พยุงร่างเล็กอย่างไม่เต็มใจ ตอนนี้เพื่อนซี้ทั้งสามต่างยืนประจำคนละมุมจนกลายเป็นสามเหลี่ยมล้อมรอบวงกลม เวทย์เคลื่อนย้ายจำต้องใช้พลังเวทย์ทั้งสิ้นหกสาย ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่างและความมืด

     

    กีอัสรับธาตุ ดินและแสงสว่าง เพราะเจ้าตัวเกิดจากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อก็บอกแล้วว่าถนัดเวทย์สายอะไร ส่วนจินผู้ถนัดทุกเวทย์รับหน้าที่ของไฟ และความมืด ตอนแรกจะให้โครว์มาช่วยแล้ว แต่ติดที่ว่าเจ้าตัวมีพลังเวทย์ไม่พอกับการเคลื่อนย้ายคนและสิ่งของมากมายขนาดนี้ ธาตุที่เหลือคือ น้ำกับลม ตกเป็นหน้าที่ของมหาเวทย์มายา คลาเร็ท

     

    เสียงระเบิดครั้งที่สองและสามตามมาว่องไว เสียงดังถี่และกระชั้นชิดเข้ามาทุกที ทั้งสามร่างหลับตาลง ไอเวทย์แผ่ขยายออกจากร่างกาย เส้นผมและเสื้อผ้าโบกสะบัด ไร้ซึ่งถ้อยคำเวทย์มนต์ วินาทีที่ลืมตา กระแสธารแห่งเวทย์ไหลบ่าอย่างเชี่ยวกราก วงเวทย์เปล่งแสงหลากสีจนแสบตา

     

    ถ้าจิตวิญญาณแห่งพงไพรมาเห็นเข้า คงต้องโวยวายจนหูแตกแน่ๆ มีที่ไหนกัน เวทย์มีก็ไม่ร่าย วงแหวนเวทย์ต้องค่อยๆเติมเวทย์ลงไปเหมือนกำลังรินน้ำจนเต็ม ไม่ใช่เทพรวดๆแล้วล้น ซึ่งแน่นอนว่าวันรุ่นใจร้อนอย่างสามเกลอก็เถียงกลับไปว่า แค่เทพรวดๆแล้วไม่ล้นก็พอแล้วใช่ไหม

     

    หลังจากนั้นทั้งสามก็สามัคคีฝึกเทเวทย์แบบพรวดๆแต่ไม่ล้น แถมยังทำได้ดีจนจิตวิญญาณแห่งพรไพรอึ้ง แน่นอนว่าเอกลักษณ์การร่ายเวทย์ในเสี้ยววินาทีแบบนี้ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเลียนแบบ และถึงจะกล้าแต่ก็คงไม่สามารถทำได้ เพราะคงไม่มีสิ่งมีชีวิตพันธุ์ไหนบนโลกที่สามารถคำนวณปริมาณพลังเวทย์ได้แม่นยำราวกับเห็นเป็นตัวเลขล่ะ

     

    เมื่อแสงจ้าดับลง บรรยากาศรอบกายก็เปลี่ยนไป เหล่าเอ็นคิวต่างส่งเสียงอื้ออึงเมื่อพบว่าตนอยู่กลางทุ่งกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าทึบ “ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังใหม่” กีอัสกล่าว ซึ่งเอ็นคิวก็โห่ร้องอย่างยินดี

     

    ต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง กีอัสผู้มีความสามารถในการเป็นเกษตรกรได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเรื่องเสบียงร่วมทั้งเป็นผู้สอนเอ็นคิวให้เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์

     

    ส่วนจินได้รับหน้าที่อาจารย์ เอ็นคิวทุกตนที่เกิดมามีพลัง จะยังไม่สามารถใช้พลังได้เพราะยังไม่เคยเรียนรู้ จินที่สามารถใช้เวทย์ได้ทุกสายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการให้ความรู้แก่เอ็นคิวพวกนั้น

     

    คลาเร็ทจึงได้รับหน้าที่ที่เหลือไปโดยปริยาย หน้าที่ช่วยเหลือเหล่าเอ็นคิวที่กำลังจะถูกฆ่า แต่ก่อนหน้านั้น เขาจำต้องอัญเชิญพระแม่วารีมาสถิต ณ ที่นี่เพื่อเป็นต้นน้ำ กีอัสกันเหล่าเอ็นคิวให้ออกห่างจากร่างบางที่กำลังยืนอยู่กลางทุ่ง พิธีนี้เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่เลือนหายไปกว่าเจ็ดพันปี

     

    “ขอพระแม่วารีโปรดเมตตา” เสียงหวานใสก้องกังวาน สายธาราผุดขึ้นจากผืนดิน ล้อมรอบเด็กหนุ่มก่อนจะถักทอเป็นชุดทรงสีไพลิน เหล่าสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ก้าวออกจากพนาร่วมเป็นพยานในพิธีแสนพิสุทธิ์ ไอเวทย์บางเบาแผ่จากร่างสีขาว ย้อมบรรยากาศให้อบอวนด้วยกลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์

     

    “พระแม่วารีผู้เป็นมารดาของสายน้ำ โปรดมอบเศษเสี้ยวแห่งวิญญา โปรดเมตตาประทานสายชลธาราอันไม่มีวันเหือดแห้งให้แก่เหล่าประชาผู้แห้งผาก ข้าผู้ศรัทธาขอภาวนา” หยาดน้ำสีใสเปล่งสีนวลราวจันทราก็ปรากฏขึ้น รวมเป็นร่างของหญิงสาว คลาเร็ทย่อกายลงทำความเคารพ “พระแม่วารี”

     

    หญิงสาวคลี่ยิ้มงดงาม “สวัสดียามเย็น จอมเวทย์น้อย นานแล้วที่เราไม่ได้ยินเสียงเพรียกหา นานจนเรานึกใจหายว่า ตำนานแห่งปวงเทพคงถูกลบเลือน” ดวงเนตรสีฟ้าสั่นไหวราวระลอกคลื่น ก่อนจะกลับมาสงบนิ่งเป็นทะเลสาบกระจกเงาไร้คลื่น

     

    “ส่วนนี้ตามความปรารถนาของเจ้า” พื้นดินทรุดตัวลงเป็นหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง คลาเร็ททรงตัวในอากาศด้วยปีกผีเสื้อที่กลางหลัง พระแม่วารีดึงไข่มุกเม็ดงามที่ประดับบนมวยผมออก แล้วปล่อยให้ไข่มุกงามสีนวลร่วงลงสู่ความมืดมิด

     

    “เราขออวยพรให้แผ่นดินนี้” พระแม่วารีเอ่ย กระแสชลกรีดร้องก้อง เพียงชั่วครู่น้ำใสสีมรกตก็หลั่งไหลขึ้นมาจากหลุมลึก ก่อนจะแยกเป็นเจ็ดสายไหลออกไปทุกทิศทาง

     

    นิ้วเรียวของพระแม่แต้มลงบนหน้าผากมนของเด็กหนุ่ม ปรากฏอัญมณีน้ำงามรูปหยดน้ำ “ของขวัญจากเรา บัดนี้เจ้าคือตัวแทนแห่งเรา สายน้ำทุกสายจะหยุดไหลเพียงเจ้าใจปรารถนา”

     

    “ขอบพระคุณ พระแม่วารี” หญิงสาวผู้ทรงอำนาจเรืองฤทธิ์มองเด็กหนุ่มแสนบริสุทธิ์อย่างเอ็นดู “นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของพวกเจ้า เอ็นคิวทั้งหลาย”

     

    “โลกนี้กำลังร่ำร้องถึงการเปลี่ยนแปลง ใช้ดวงใจอันแสนบริสุทธิ์ของเจ้า ก้าวตามเส้นทางแห่งความความถูกต้อง เราขอให้พวกเจ้าโชคดี”

     

    พระแม่วารีกลับกลายเป็นสายน้ำอีกครา ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบฝากถ้อยคำไว้กับจอมเวทย์น้อยตรงหน้า “ว่างๆก็อัญเชิญคนอื่นมาบ้างนะ พวกนั้นบ่นว่าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวแสนงดงามขยิบตาให้คลาเร็ทก่อนจะหายไป

     

    “ครับ” ร่างบางรับคำเบาๆ ปีกผีเสื้อขยับโบยบินพาเจ้าของไปยังพื้นดิน เมื่อเท้าทั้งสองสัมผัสหญ้านิ่มปีกบางก็กลายเป็นรอยประทับที่แผ่นหลังดังเดิม ชุดทรงสีไพลินระเหยไปในอากาศ

     

    ร่างเล็กโงนเงนอย่างอ่อนแรง วันนี้เสียทั้งเลือด เสียทั้งพลังเวทย์ แถมยังอัญเชิญเทพอีกหนึ่งองค์ ก่อนดวงตาสีเงินจะปิด เด็กชายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่น “จิน..” เสียงหวานเรียกด้วยความเคยชิน

     

    เจ้าของอ้อมกอดกัดปากแน่น เมื่อร่างตรงหน้ากำลังเรียกชื่อชายอื่น “..วันนี้คลารี่พักก่อนนะ..พรุ่งนี้คลารี่จะเดิน..ทาง....” จบประโยค คลาเร็ทก็เข้าสู่นิทรา

     

    กีอัสตบบ่าร่างสูงอย่างเข้าใจ “โครว์นายพาคลาเร็ทไปพักเถอะ กระโจมอยู่ทางนั้น” หนุ่มผิวแทนมองร่างสีดำที่อุ้มร่างเล็กสีขาวอย่างทะนุถนอมจนลับตา “จิน ข้าว่าเจ้าเลิกแกล้งโครว์เถอะ น่าสงสารออก”

     

    “เจ้านั่นยังดีไม่พอสำหรับคลารี่” เสียงเย็นตอบกลับ “ข้าเข้าใจ ยัยเผือกเป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณของพวกเรา แต่ข้าสัมผัสได้ว่า โครว์จะทำให้ยัยเผือกนั่นมีความสุข”

     

    “แค่นั้นยังไม่พอหรอก” จินกล่าวดวงตาคมตวัดมองเพื่อนจอมเจ้าชู้ “และถ้าเจ้าว่างนักก็ไปจัดการแขกไม่ได้รับเชิญพวกนั้นซะ” ดวงตาสีอำพันกลอกขึ้นเอือมระอากับความดื้อดึงของหนุ่มหน้าสวย “ก็ได้ๆ ครั้งนี้ข้ายอมแพ้” กีอัสกล่าวก่อนจะเดินไปจัดการกับสารพัดสัตว์ที่ไม่ย้อมกลับเข้าป่า ดวงตาคมสีฟ้ามองเพื่อนที่เดินเข้าไปคุยกับสิงโตเผือกสูงสองเมตร

     

    “ข้าจะไม่ยอมเสียคลารี่ไป”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×