คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปาฎิหาริย์แห่งหัวใจตอนที่ 5
ทุกเย็นวันเสาร์ นิชญามักจะกลับบ้านเย็นกว่าปกติเสมอ เนื่องจากว่า เธอมักจะอยู่สะสางงานที่มีอยู่เป็นประจำ ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน เธอกำลังขะมักเขม้นดูเอกสารการดำเนินงานต่างๆ เกี่ยวกับงานฉลองของบริษัท ศิระโอภาสทัวร์ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 1 อาทิตย์ ซึ่งงานก็ออกมาดีตามที่เธอคาดไว้ทุกอย่าง แต่ว่าเธอก็ดูกังวล อย่างไรก็ไม่รู้ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าเป็นอะไร
ตื๊ด...........โทรศัพท์ มือถือของเธอส่งสัญญาณ เตือนว่ามีสายเรียกเข้า เธอจึงหยิบขึ้นมาดู “คุณภูวนาท” ที่โทรศัพท์ ของเธอปรากฏชื่อของคนที่โทรเข้ามา หลังจากวันนั้นที่ภูวนาทโทรหาเธอครั้งแรก เธอก็เมอมเบอร์เอาไว้ ความจริงเธอก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะโทรหาเธออีกหรอก และก็ไม่เคยคิดที่จะโทรไปหากหรอกนะ แต่มันไม่รู้ทำไม....
“สวัสดีค่ะ คุณภูวนาท” นิชญากล่าวทักทาย ทั้งที่ในใจยังคงคิดหาเหตุผลที่เขาโทรมาหาเธอ
“สวัสดีครับ ไม่น่าเชื่อว่าคุณยังจำเบอร์ของผมได้อยู่” ภูวนาทรู้สึกดีรใจที่อย่างน้อย เธอจำเบอร์ของเขาได้ แม้ว่าเขาจะเคยโทรหาแค่ครั้งเดียว ซึ่งความจริง เขาอยากจะโทรหาเธอทุกวันเสียด้วยซ้ำ แต่เขาหาเหตุผลที่จะโทรหาเธอไม่ได้
“คือ ฉัน เมมเอาไว้น่ะค่ะ คุณมีธุระอะไรหรือคะ” นิชญาเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดมันแล่นขึ้นมาจุกแน่นในอก ใบหน้าของเธอเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนเป็นสีแดงอ่อน
“ผมอยากจะโทรมานัดคุณ เพื่อคุยกันในเรื่องงานที่จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้า ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ คุณพอจะมีเวลาบ้างมั้ยครับ”
ภูวนาทกลั้นใจพูดนัดเธอ ซึ่งกว่าจะพูดออกไปได้ เขาต้องใช้เวลาซ้อมอยู่หน้ากระจกกับตัวเองเป็นเวลานาน แม้กระทั่งตอนอยู่ที่บริษัทก็ตาม จนพนักงานบางคน เริ่มสังเกตอาการผิดปกตินี้ได้ เขาไม่ได้กลัวถูกเธอปฏิเสธ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ คือวันหยุดของเธอ แต่ว่าเขากลัวที่จะนัดเธอออกไปข้องนอกต่างหาก
“อืม...ได้ค่ะ ว่าแต่ที่ไหนล่ะคะ” นิชญาตอบตกลงด้วยสมองที่ตอนนี้ออกจะเบลออยู่เล็กน้อย
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมไปรับคุณตอน 10 โมงแล้วกันนะครับ พอพูดเสร็จปุ๊บเขาก็รีบวางสายทันที ปล่อยให้คนที่ถูกนัดยิ่งงงกับคำพูดของเขาอยู่
หลังจากนั้น สมองน้อยๆ ของเธอก็เต็มไปด้วยคำถามรบกวนจนเธอไม่สามารถสะสางงานทุกอย่างเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง เธอจึงหยิบแฟ้มเอกสารที่เกี่ยวกับการนัดในวันพรุ่งนี้กลับไปด้วย แล้วก็นั่งคิดหาคำตอบตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน จนกระทั่งเธอเดินเข้าบ้านก็ยังครุ่นคิดไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ยินเสียงที่แม่เธอเรียก น้องของเธอจึงเดินมาสะกิด เธอตื่นจากภวังค์นั้น
“มีอะไรน่ะเจ้านัท ทีหน้าทีหลังสะกินให้มันเบาๆ หน่อยก็ได้นะ” นิชญาบ่นน้องชายที่สะกิดเธอเสียแรง
“ก็ใครล่ะ มัวแต่ยืนนึกอะไรอยู่ได้ แม่เรียกตั้งนาน พอนัทมาสะกิดเบาๆ ก็ไม่รู้เรื่อง ถึงต้องสะกิดแรงๆ ไง” นัทนันท์ตอบพร้อมกับเดินนำหน้าพี่สาวมายังโต๊ะอาหารที่พ่อกับแม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“คิดอะไรอยู่เหรอนิช มีปัญหาเรื่องงานหรอลูก ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนี่ล่ะ” พ่อของเธอ ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะปกตินิชญาไม่เคยทำสีหน้าอย่างนี้
“เปล่าค่ะพ่อ นิชคิดเรื่องอื่นน่ะค่ะ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ นิชหิวจะแย่อยู่แล้ว” นิชญาพูดพลางตักอาหารมาใส่จาน แลไม่สนใจใครอีกต่อไป เธอกินไปพลางคิดไปเรื่อย ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำอย่างไรดี จนไม่สังเกตว่าคนรอบข้างต่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องงานที่ทำให้เธอคิดมากได้ขนาดนี้
เช้าของวันอาทิตย์ นิชญาตื่นนอนตั้งแต่ 7 โมงเช้า ซึ่งถือว่าเช้ากว่าทุกครั้งที่เธอมักจะตื่อนในตอน 9 โมงวันหยุด เธอจึงไปอาบน้ำและแต่งตัวอย่างประณีต เพราะยังเหลือเวลาอีกมาก แต่เธอก็ทำทุกอย่าง เสร็จในตอน 8 โมงครึ่ง เธอจึงหยิบเอกสารมาตรวจดูความเรียบร้อย ทั้งที่เมื่อคืนเธอก็ดูแล้ว เธอนั่งพลิกไปพลิกมาราวสิบนาที ก็รู้สึกหิวจึงเดินลงมาเพื่อจะหาผลไม้หรือขนมปังสักชิ้น แต่เธอก็ตกจ เมื่อเห็นว่ามีร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
แวบแรกเธอคิดว่าเป็นอภิชาต แต่มองจากท่าทางและลักษณะการแต่งตัวแล้วคงจะไม่ใช่ เพราะเขามักแต่งตัวหรูด้วยเสื้อผ้าชันนำอยู่ตลอดเวลา แต่ชายคนนี้ ใส่เพียงเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้น
ชายหนุ่มที่เหมือนกับรู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่จึงลดหนังสือลงมาจากระดับสายตา ก็มองเห็นหญิงสาวในชุดแซ็กสีขาว มีลายดอกไม้เล็กๆ ประดับอยู่ที่ชายกระโปรง ดูแล้วราวกลับตุ๊กตาที่แสนจะน่ารัก
“สวัสดีครับ คุณนิชญา ผมคิดว่าคุณยังแต่งตัวไม่เสร็จเสียอีก” ภูวนาทกล่าวทักตุ๊กตาน้อยๆ ของเขาก่อน เพราะดูว่าเธอยังคงยืนจ้องมองเขาอยู่
“หน้าผมมีอะไรติดหรือครับ ทำไมคุณถึงมองผมแบบนั้น” ภูวนาทแกล้วแซวเธอที่มัวแต่จ้องมองเขาอย่างเดียว จนไม่ทักตอบเขาเลยสักคำ
“เปล่าหรอกค่ะ แค่ฉันไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้ เลยรู้สึกไม่ชินน่ะค่ะ คุณมาบ้านฉันได้ยังไงคะ” นิชญาพูดด้วยท่าทีขวยเขิน ที่ถูกจับได้ว่ายินจ้องเขาอยู่อย่างเสียมารยาท
“ผมบอกว่าจะมารับคุณ ผมก็ต้องหาที่อยู่ของคุณสิครับ ว่าแต่เราจะไปกันรึยังครับ” ภูวนาทรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้มีพิรุธเรื่องที่อยู่ของเธอ
“ได้ค่ะ คุณรอฉันสักครู่นะคะ ฉันขอไปเอาของบนห้องก่อน” เธอเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อหยิบเอกสารและกระเป๋าของเธอ โดยไม่ลืมแวะไปที่ห้องน้องชา เพราะวันนี้พ่อกับแม่ของเธอไม่อยู่ ออกไปเยี่ยมน้าสาวที่เพิ่งคลอดลูกที่โรงพยาบาล
“นัท ทำไมไม่บอกพี่ว่ามีคนมารอ” นิชญาตำหนิน้องชายที่ไม่บอกเธอเรื่องภูวนาท
“ก็นัทจะเรียกพี่แล้วแต่ คุณคนนั้นเขาบอกว่าไม่ต้อง” นัทนันท์ ตอบพี่สาวที่กำลังยืนทำหน้าบึ้งอู่ที่ประตู ขณะที่หญิงสาวกำลังจะบ่นน้องชาย นัทจึงรีบชิงพูดเสียก่อนจะโดนเทศน์แต่เช้า
“ถ้าจะบ่นล่ะก็ รีบไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็รอนานหรอก” พอหญิงสาวได้ยินประโยคนี้ปุ๊ป ก็รีบหันหลังออกจากห้อง และวิ่งลงบันไดมาด้วยความรีบร้อน จนคนที่นั่งคอยเธออดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเธอจะตกบันไดเสียก่อน ที่จะได้ออกไปข้างนอกกับเขา เมื่อเธอลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายได้เขาก็โล่งอก และเดินเข้าไปช่วยถือเอกสารกองมหึมาของเธอ เพื่อนำไปขึ้นรถ
หลังจากขึ้นรถได้ หญิงสาวก็ถือเอกสารไว้ในมือ เพื่อเตรียมจะอ่าน แต่สายตามันไม่ยอมมองตัวหนังสือ เอาซะเลย มันมัวแต่มองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย แม้ว่าวันนี้เราจะไม่ได้ดูเคร่งขรึม เหมือนเช่นทุกครั้งที่อยู่ในชุดทำงาน แต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอยู่เสมอ
“คุณยังไม่ชินกับการที่ผมแต่งตัวแบบนี้อีกหรอ” ภูวนาทพูดขึ้นเพาะเธอยังคงมองเขาอยู่ตั้งแต่ขึ้นรถจนตอนนี้จะถึงสถานที่ที่เขาจะพาเธอมาแล้ว
“ก็ทุกทีฉันเห็นคุณแต่ตอนใส่สูทผูกไทต์นี่คะ แล้ววันนี้คุณไม่มีธุระที่ไหนหรอคะ ถึงขับรถพามาคุยธุระซะไกลเชียว” นิชญาถามด้วยความสงสัย เพราะปกติคนระดับผู้บริหารมักจะมีงานยุ่งทุกวัน อย่างเช่นพี่อิฐของเธอ
“คุณพูดอย่างนี้ คราวหน้าถ้ามีโอกาผมก็ต้องใส่สูทผูกไทต์ทุกครั้งที่มาพบคุณสิครับ...วันนี้น่ะผมว่าง ทังวันก็เลยอยากมาหาที่สงบๆ คุยกับคุณ รับรองครับว่าคุณจะต้องถูกใจแน่นอน” ภูวนาทพูดประชดนิชญาเล่นเรื่องการแต่งตัวของเขา แล้วก็ยิ้มกับตัวเองว่า ความจริง งานที่มีอยู่ก็ยังค้างคา แต่ว่าถ้าวันนี้เขาไม่ปลีกตัวออกมาก็คงไม่มีโอกาสที่จะมาอยู่กับหญิงสาวตามลำพังอีก เพราะเขาคงจะใช้งานมาบังหน้าอีกไม่ได้
ภูวนาทขับรถเลี้ยวเข้าไปในร้าน ๆ หนึ่ง ที่ดูสวยงามราวกับจำลองธรรมชาติของน้ำตกมาเป็นร้านอาหารเลยทีเดียว รู้สึกถึงความสดชื่นของละอองน้ำ เล็กๆ ที่กระเซ็นมาจากน้ำตกมากระทบถูกที่ผิวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งนังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ ที่ลอยมากับสายลมให้ชื่นใจ
ขณะที่นิชญากำลังชื่นฃมบรรยากาศรอบ ๆ ต้าน เธอก็มีคำถามขึ้นในใจว่า “ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอชอบอะไร ไม่ว่าจะอาหาร เครื่องดื่ม ดอกไม้รวมไปถึงน้ำตกด้วย ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามีความคุ้นเคย และผูกพันกับชายคนนี้ราวกับเป็นปาฏิหาริย์ ที่บังเกิดขึ้นกับเธอ” แต่เธอก็คิดไปไม่นาน อาหารที่น่ารับประทานก็ถูกเสริฟไว้บนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนแลวแต่ประณีตในการตกแต่ง แถมยังรสชาติอร่อยอีกด้วย ขณะที่เธอกำลังทานอาหาร เสียงโทรศัพท์ของภูวนาทก็ดังขึ้น เขาทำสีหน้าปละหลาดใจ ก่อนจะกดรับโทรศัพท์นั่น
“หลิว มีอะไรหรอ” ภูวนาทถามคนที่โทรมาด้วยสีหน้าสงสัย
“หนุงหนิงค่ะ แกตัวร้อนมาก แล้วก็เพ้อหาภู หลิวก็เลยโทรหาภู กลับมาหาแกหน่อยได้มั้ยคะ” เสียจาก หลิวพูดด้วยความร้อนรน
หลังจากที่ปลายสายพูดจบประโยค ภูวนาทก็หยิบเงินวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินออกไปทันที นิชญาที่ยังงงกับท่าทางของเขาก็รีบวิ่งตามไปขึ้นรถ เธอไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากว่าเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายซีดเผือดลงและดูกระวนกระวายมาก เธอคิดว่าคงจะมีเรื่องสำคัญมากเพราะภูวนาทไม่เคยมีท่าทางรีบร้นเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ในใจของภูวนาทกำลังเป็นห่วง “ หนุงหนิง” มากจึงไม่มีเวลาอธิบายในนิชญาฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาแค่ต้องการขับรถกลับบ้านไปหาหนุงหนิงให้เร็วที่สุด เท่าที่เขาจะสามารถทำได้ เมื่อรถมาจอดหน้าบ้านเขาก็รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกไปสุดกำลัง ที่ขาของเขาจะทำได้ ขึ้นไปยังห้องของหนุงหนิง และทรุงลงข้างเตียง เขาได้ยินเสียงเรียกเขาจากหนูน้อยเจ้าของเตียง
“หนุงหนิง...พ่อมาแล้วนะลูก เดี๋ยวพ่อจะพาหนูไปหาหมอนะ คนเก่งของพ่อ” ภูวนาทจับมือแล้วกล่าวกับหนูน้อยที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำ เพราะไข้ขึ้นสูง
“พ่อจ๋า ....หนุงหนิงไม่อยากไปหาหมอ หนุงหนิงกลัวหมอจะฉีดยาหนุงหนิง” หนูน้อยเริ่มงองแงด้วยความกลัว
“หนุงหนิงไม่ต้องกลัวนะลูก พ่อกับแม่จะไปกับหนุงหนิงด้วยนะ” ภูวนาทปลอบพร้อมกับหันไปมองหน้าหลิว แล้วยิ้มเพื่อให้กำลังใจ
ภาพนี้ทำให้คนที่เพิ่งจะวิ่งตามขึ้นมาถึงกับต้องยืนนิ่งเป็นหินอยู่ตรงหน้าประตู ตอนนี้นิชญารู้สึกเหมือนกบทุกอย่างในร่างกายมันด้านชา และไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองออกไปจากภาพเบื้องหน้าของเธอ
ภูวนาทอุ้มหนูน้อยที่อยู่บนเตียงขึ้นมาด้วยความทะนุถถนอม และหันหลังกบับมาเพื่อจะพาไปหาหมอ สายตาของเขาเหลือบไปมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งราวกับถูกคำสาปนั้นด้วยความกล้ำกลืน
ตอนนี้เขายังไม่สามารถจะพูดอะไรได้ และหวังว่าจะหาโอกาสเพื่ออธิบายเรื่องนี้กับเธอว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะปดบังเธอเลยสักนิด แล้วเขาก็อุ้มหนูน้อยในมือเดินออกไปจาห้องโดยมีหลิวเดินตามไปติดๆ ปล่อยให้หญิงสาวยืนเคว้งคว้างและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เพียงคนเดียว
ความคิดเห็น