มนุษย์ทุกคนล้วนมีความปรารถนาอยู่ บ้างก็ปรารถนาให้ได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันยังไม่มีโอกาสได้ บ้างก็ปรารถนาซึ่งความเป็นนิจนิรันดร์ของสิ่งที่มีอยู่ บ้างก็ปรารถนาถึงการกลับมาของสิ่งที่สูญเสียไป
อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาของมนุษย์นั้นมิอาจถูกเติมเต็มให้สมดังผรารถนาได้ด้วยการไม่ลงมือทำ ด้วยเหตุนั้นมนุษย์เราจึงใช้สิ่งที่เรียกว่า 'เวลา' ในการลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้สมปรารถนา
แต่ด้วยความที่ 'เวลา' เป็นสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน ไม่อาจชะลอ แะมิอาจเร่งได้ด้วยวิทยาการใดๆของมนุษย์เรา จึงทำให้ 'เวลา' กลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากสิ่งหนึ่ง และเป็นสิ่งที่มนุษย์หลายคนปรารถนาที่จะควบคุมมัน
ความปรารถนาที่จะควบคุมเวลาเหล่านั้น ถูกสะท้อนผ่านออกมาทั้งในภาพยนตร์ไซไฟ อนิเมชั่น ตลอดจนแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่มีเป้าหมายจะสร้างไทม์แมชชีน
แต่ถ้าบนโลกใบนี้ มีคนที่มีพลังพิเศษที่สามารถควบคุมเวลาได้ คนๆนั้นคงมีเวลามากพอที่จะซึมซับกับความสุขในบางช่วงเวลา มีโอกาสมากพอที่จะใช้ชีวิตหลากหลายแบบอย่างที่ใครหลายคนปรารถนา และคงมีเวลามากพอที่จะอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อนที่จะเสียไป...
'พอส'วางกระดาษบทความที่ตนเองเขียนด้วยลายมือหวัดๆลงหลังจากอ่านเนื้อหาของบทความนั้นให้ 'เพลย์' พี่สาวอันเป็นที่รักของตนซึ่งนอนสวมชุดนอนอยู่บนเตียง
เพลย์ค่อยๆเอามือที่ซูบเซียวปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มน้องชายอย่างทะนุถนอม
"ร้องไห้อีกแล้วนะ ไอ้น้องชาย"เพลย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
พอสหัวเราะเจื่อนๆก่อนที่จะกุมมือพี่สาวของตน "ผมไม่อยากเสียพี่ไปเลยฮะ"
เพลย์เป็นพี่สาวคนเดียวและเป็นครอบครัวคนสุดท้ายในชีวิตของพอสมานับตั้งแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน รายได้ต่างๆมาจากงานออกแบบของพี่สาวโดยลำพัง แต่ตอนนี้เพลย์ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานตามคำบอกของแพทย์ พอสจึงตัดสินใจใช้เวลาช่วงนี้หยุดการเรียนจากมหาวิทยาลัยและอยู่กับเธอในช่วงเวลาอันน่าเศร้าเช่นนี้
"ทำไงได้ล่ะ" เพลย์กล่าวก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ "ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนนี่หว่า"
พอสรู้ดีว่านี่ไม่ใช่บทสนทนาแรกที่ตนได้คุยกับพี่สาวหลังจากทราบถึงระยะเวลาอีกไม่นานของเธอ และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจในช่วงสุดท้ายของชีวิต จึงพยายามหยุดน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนที่จะสวมกอดเธอทีหนึ่ง
"เดี๋ยวผมออกไปซื้อกับข้าวสักครู่นะฮะ"
เพลย์ส่งเสียงอื้อรับแล้วคว้านิยายเล่มโปรดข้างกายเธอมาอ่านในขณะที่พอสกำลังก้าวออกมาจากห้อง เขามองดูภาพพี่สาวตนเองก้มอ่านนิยายในมือด้วยสีหน้าราบเรียบตัดกับผ้าม่านสีขาวของห้องที่มีแสงสีส้มยามเย็นสาดเข้ามาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนทีจะปิดประตูห้องลง
พอสและเพลย์อาศัยอยู่ในแฟลตเล็กๆในชานเมืองที่ห้อมล้อมไปด้วยน้ำขัง กำแพงที่เต็มไปด้วยลวดลาย Graffiti ถ้อยคำสารภาพรักตลอดจนคำหยาบคายต่างๆนาๆ สิงห์อมควันหน้าปากซอยกลุ่มใหญ่ๆ และศาลเจ้าเล็กๆที่ทำจากไม้เก่าๆข้างแฟลตซึ่งทั้งสองพี่น้องต่างก็เคยหมั่นไปถวายน้ำแดงและทำความสะอาดเมื่อมีโอกาส ทั้งยังยกมือไหว้ทุกครั้งที่จะออกจากแฟลตหรือกลับมาแฟลต
วันนี้พอสเองก็ยกมือไหว้เหมือนเช่นเคย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น