ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (แปลแบบดำน้ำ) โอตาคุวันสิ้นโลก [ BL / Yaoi ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ที่พักที่ดีที่สุดในวันสิ้นโลก

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 60


     นายหน้ารีบลุกขึ้นออกไปด้านนอกกับหลัวซวิน  ออกนอกประตูก็ชี้ไปที่ตึกสูงไม่กี่แห่งแล้วนำเสนอ "ชุมชนหงจิ้ง  เขตเมืองใหม่โซนตะวันตกเฉียงใต้  ที่พักในแต่ละชั้นยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี  เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้พักในเมืองจะย้ายมาอยู่  คุณดูสิว่าบ้านหลังนี้อยู่ในทำเลทอง  อยู่ด้านข้างไม่ติดถนน  เงียบสงบและทิวทัศน์สวยงาม  และยังเพิ่งตกแต่งใหม่  ถ้าคุณมองที่แห่งนี้โดยไม่เอนเอียง  คือมีคนอยู่อาศัยไม่มากนัก  แต่ในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางการค้าเลยทีเดียว  ถ้าคุณสนใจใกล้ๆที่ตรงนี้ตรงอาคารก่อสร้างไม่สูงนั่น  มันล้อมเอาไว้เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ... ..."


     หลัวซวินที่อยู่ด้านข้างยิ้มไม่พูดอะไรและพยักหน้า  เขานั้นรู้ดีว่าพื้นที่ทั้งหมดจะมีอยู่แค่สองอาคาร  ห้างสรรพสินค้าในตำนานนั่นจะยังคงเป็นตำนานอย่างที่มันเป็น  แต่พื้นที่ตรงนี้ในอนาคตจะกลายเป็นพื้นที่ทองคำสุดเบียดเสียดจริงๆ


     เพราะที่นี่ใกล้กับค่ายทหารเมือง A  และกรมทหารปืนใหญ่ก็ไม่ไกลจากที่นี่  อยู่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้


     อนาคตของเมือง A  ในวันสิ้นโลกที่ซอมบี้เกิดขึ้น  จะจัดตั้งค่ายผู้รอดชีวิตอยู่สองแห่ง  หนึ่งอยู่ภายใต้การปกป้องของสองกองกำลังที่รีบเคลียร์พื้นที่  ค่ายตะวันตกเฉียงใต้  อีกแห่งคือค่ายตะวันออก


     เมื่อค่ายเมือง M แตก  เขาหนีมาตลอดเส้นทางขึ้นเหนือจนมาถึงค่ายตะวันตกเฉียงใต้  ในขณะที่ค่ายตะวันออกในปีที่สองของวันสิ้นโลก  เขาเพิ่งหนีมาอยู่เมือง A ได้เพียงไม่นาน  ซอมบี้และพืชกลายพันธุ์ก็ร่วมมือกันทำลายค่าย


     ขณะนายหน้าพาชมชุมชนหงจิ้ง  หลัวซวินรู้สึกโหยหาเล็กๆอยากจะเห็นชั้นล่างของอาคารสาม - ชั้นใต้ดินปีกตะวันออกของอาคารสาม  ที่นั่น  เมื่อเขาได้หนีหายนะวันสิ้นโลกมายังเมือง A  เป็น 'บ้าน' เขาใช้ชีวิตอยู่กว่าแปดปี


     แต่ชีวิตนี้เขามีทางเลือกที่ดีกว่า  เขาย่อมไม่มีทางกลับไปอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดิน - ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ชั้นใต้ดินของชุมชนเปิดให้เช่าเฉพาะคนที่ทำธุรกิจคลังสินค้า


     บนทางเดินใหม่เอี่ยม  มีบางคนใช้ปากกากันน้ำเขียนหมายเลขโทรศัพท์  แปะป้ายโฆษณาแผ่นเล็ก  ด้านหลังหรือด้านล่างเขียนว่า "รับตกแต่ง" หรือ "รับติดตั้งแอร์" หรือเขียนว่า "ส่งน้ำ" และอื่นๆอีกมากมาย  แม้กระทั่งประตูลิฟต์ก็ไม่รอด


     เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก  ด้านในของลิฟต์ใหม่ก็ยังเต็มไปด้วยสิ่งเหล่านี้


     นายหน้าเห็นหลัวซวินจ้องมองลายมือพวกนี้อย่างสนใจ  ก็ได้แต่พูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยวๆว่า "เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เรียบร้อยดี  และตอนนี้ก็ไม่มีใคร  คนพวกนี้ก็เลยล่วงหน้ามาทำงานของพวกเขา"


     "นี่เป็นความคิดทางธุรกิจ" มองสิ่งเหล่านี้ในใจก็คิดอะไรแปลกๆเช่น 'โรคสะเก็ดเงิน' 'รอยสักทางเดิน'  หลัวซวินช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจ  เขามาที่นี่เมื่อกำแพงได้แปดเปื้อนไปหมดแล้ว  มีคราบจากซอมบี้ที่ตาย  จำพวกพวกหนองขาวๆกับเลือดที่กระเด็น  ก็เลยไม่เห็นร่องรอยของโฆษณาพวกนี้เลย


     ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันตลอดทางจนไปหยุดนั่งพักที่ชั้น 16  นายหน้าหยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตู  ใช่แล้ว  เป็นบ้านหลังนี้ ...


     "ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่น  ชาน  ห้องครัว  ห้องเก็บของ  ชั้นสองจะมีห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็ก  ระเบียง  ห้องน้ำ  แล้วก็ห้องอาบน้ำ"  นายหน้าคอยแนะนำเขาอยู่ด้านข้าง


     "บ้านหลังนี้ตกแต่งอย่างดี  แม้กระทั่งความปลอดภัยของประตูก็ดีกว่าที่อื่น  เจ้าของวางแผนจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  แต่ในภายหลังดูเหมือนว่าจะต้องย้ายที่ทำงาน?  ไปทำงานที่ไกลจากเขตตะวันตกเฉียงใต้มากๆ  ดังนั้นครอบครัวของเขาก็เลยไม่ได้เดินเรื่องขอใช้ไฟฟ้า ... "


     หลัวซวินพยักหน้าน้อยๆ  ในใจนั้นรู้ดีว่าครอบครัวนี้ไม่ได้ไม่มีเหตุผลให้ไม่อยู่อาศัย  บ้านหลังนี้เพราะมีระเบียงและชานบ้านขนาดใหญ่  พื้นที่ก็ค่อนข้างมาก  ความจริงเตรียมไว้สำหรับผู้สูงอายุให้อยู่บ้านทำความสะอาดแก้เหงา  แค่สุดท้ายเพิ่งจะแต่งบ้านเสร็จยังไม่ทันขอใช้ไฟฟ้า  ผู้สูงอายุก็จากไปด้วยโรคชราเสียแล้ว  บ้านจึงว่างเช่นนี้


     นายหน้าอาจเกรงว่าเขาจะไม่อยากเช่า  จึงจงใจทำให้มันคลุมเครือ


     มองไปที่กระจกหน้าต่างใสขนาดใหญ่ด้านหน้า  แสงอาทิตย์อุ่นๆสาดเข้ามา  ในใจของหลัวซวินยิ่งพึงพอใจมากขึ้น  เมื่อไปที่ชั้นสอง  เขาไม่ได้มองที่ห้องนอนซึ่งว่างเปล่ามากเกินไป  แต่มองตรงไปที่ระเบียง  ระเบียงก็ปิดแน่นด้วยกระจก  หนึ่งเพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุ  สองนั้นเพราะชั้นนี้ลมแรงมาก


    หลัวซวินแทบกล่าวคำสรรเสริญออกมา  ครอบครัวนี้ใช้กระจกเทมเปอร์ทั้งหมด!  เพียงแค่กระจกนี้  ค่าเช่นเดือนละสามพันห้าเพื่อเช่าห้องชุดในขอบเมือง A นั้นหลัวซวินเองก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก!


     "โอเค  บ้านหลังนี้ดีนะ"


     "ถ้าอย่างนั้นคุณ?"


     "เมื่อไหร่เจ้าของบ้านจะมาเซ็นสัญญาล่ะ?"


     นายหน้ารีบติดต่อเจ้าของบ้านด้วยรอยยิ้ม


     3500 หยวนต่อเดือน  จ่ายล่วงหน้าสามเดือน  รวมค่านายหน้าอีก 3500 หยวน

    (TN:  คิดค่าเงินจีนเทียบไทยอย่างง่ายๆ  คูณห้าเข้าไปค่ะ)


     ในเช้าวันที่ 1 ตุลาคม  ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญา  หลัวซวินก็ได้กุญแจบ้านในฝันมา


     ยืนอยู่ในห้องที่ว่างเปล่า  หลัวซวินเพียงรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


     บ้านหลังนี้เป็นที่อิจฉาอย่างมากในชีวิตที่แล้วของเขา  เมื่อพวกเขามาถึงยังค่ายตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง A  ที่ค่ายนั้นการปลูกผักเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก  มีการแนะนำวิธีปลูกพืชรวมถึงการทำน้ำให้สะอาดและอื่นๆ


     หลังจากตรวจสอบพบว่าเมล็ดพืชในพื้นที่เพาะปลูกใกล้ๆเมืองได้กลายพันธุ์  สถาบันวิจัยวิเคราะห์และระบุว่า  ธัญพืชที่ได้นั้นมีวัฎจักรที่สั้น  และยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานแก่ร่างกายมนุษย์ได้  การเพาะปลูกก็เสื่อมความนิยมลง


     ในเวลานั้นหลัวซวินอาศัยอยู่ในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรในชั้นใต้ดิน หน้าต่างเป็นเพียงเส้นบางๆ  และยังล้อมรอบด้วยตึกกำบังไม่ให้แสงลอดเข้ามา  ไม่เหมือนผู้ที่มาถึงค่ายก่อน  พวกเขามีพื้นที่ระเบียงเล็กๆสามารถติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้ใช้เอง  เมื่อหลัวซวินต้องการไฟฟ้า  เขาต้องซื้อต่อจากผู้คนในราคาสูง


     แม้จะเป็นเช่นนั้น  เขาก็ยังสามารถปลูกพืชที่ไม่จำเป็นต้องใช้แสงมากในชั้นใต้ดินเล็กๆนั้นได้  อย่างเช่นถั่วงอก ต้นหอมจีน กระเทียม โดยพืชเหล่านี้ไม่กลายพันธุ์  และเพราะเก็บซ่อนไว้ในสถานที่ค่อนข้างมืด  ในขณะที่ด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยพืชกลายพันธุ์  สุดท้ายเขาก็มีเงินเก็บจำนวนมาก


     ความคิดของหลัวซวินที่สามารถนำไปลงมือปฏิบัตินั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง  แม้ว่าโลกด้านนอกจะมืดมน  แต่เขายังคงหาทางรอดได้  ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง?


     ชุมชนหงจิ้งช่วงแรกต่อเติมเสร็จแค่แปดชั้นเท่านั้น  เป็นส่วนหนึ่งของการย้ายที่อยู่จากย่านกลางเมืองในถนนทางทิศเหนือ  ที่เหลืออีกหกชั้นเต็มกำลังอยู่ในช่วงโฆษณาขายบ้าน


     ชุมชนแห่งนี้เพิ่งจะก่อสร้างเสร็จเมื่อสามเดือนก่อน  บ้านที่เขาเช่าอยู่ตอนนี้เองก็เพิ่งจะตกแต่งแล้วเสร็จได้ไม่ถึงเดือน


     จนกระทั่งวันสิ้นโลกมาถึง  ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก็มีแค่สี่อาคาร  มีสองอาคารที่กำลังอยู่ในระหว่างต่อเติม  อีกสองอาคารประตูและหน้าต่างยังไม่ได้ติดตั้งเลย  สองอาคารที่กำลังต่อเติมนี้ท้ายสุดเมื่อวันสิ้นโลกมาถึงจะกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่ภายใต้ความดูแลของกองทัพ  เพราะบ้านทั้งหมดนี้เจ้าของไม่เคยปรากฏตัวเลยหลังวันสิ้นโลก และไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ  ในภายหลังพวกผู้รอดชีวิตจึงเข้ามาอยู่อาศัย


     บ้านที่เขาเช่าเคยเป็นของครอบครัวสามคน  เป็นพวกที่มาถึงในช่วงครึ่งเดือนแรก  บ้านนี้ตกแต่งอย่างดี  แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันว่างเปล่า  ไม่มีพวกเครื่องใช้ในบ้านเลย  ผู้คนที่ย้ายมาอยู่ส่วนใหญ่เลือกนอนในถุงนอนภายในบ้านเช่า  ใครจะใส่ใจว่าใช้วัสดุอะไรแต่งบ้าน?  ต้องจ่ายเงินเท่าไหร่?


     อย่างไรก็ตาม  บ้านหลังนี้ด้วยเงิน 3500 หยวนนั้นไม่สามารถจะเช่าได้หรอก  ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป็นมรดกจากผู้เฒ่าของเจ้าบ้าน  พี่ชายน้องสาวทั้งหลายกำลังยุ่งวุ่นวายเรื่องครอบครัว  ไม่รวมที่ยังไม่ได้ทำเรื่องขอใช้ไฟฟ้าเลย  กระทั่งผู้เช่าได้มาถึง


     หลัวซวินรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้หลังวันสิ้นโลก  แซ่หวู  เพราะบ้านของเขาเป็นชั้นลอยที่คิดเป็นสองชั้นเต็ม  จึงเป็นบ้านที่ดีมาก  ในภายหลังเมื่อสามารถซื้อแผงโซลาร์เซลล์ได้จากกองทัพ  ผนังเกือบทั้งหมดนอกบ้านของเขาจึงเต็มไปด้วยแผงโซลาร์เซลล์  ถ้าหลัวซวินไม่จำต้องซื้อไฟฟ้าใช้  ก็คงไม่มาที่บ้านของเขา


     หวูเจี่ยเป็นหญิงแกร่ง  ชอบที่จะคิดราคาถูกลงเล็กน้อย  ดังนั้นจึงมีผู้คนมาซื้อไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก  ทั้งสองฝ่ายคุ้นเคยกันตามจำนวนที่ได้ติดต่อซื้อขาย  แต่ว่าครอบครัวของเธอไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้สิทธิพิเศษ  แบตเตอรี่แบบซาร์จได้อันใหม่ของหลัวซวินที่ซื้อจากครอบครัวเธอแท้จริงแล้วเป็นของเก่า!


     ในเวลานั้นทั้งสองฝ่ายเกือบจะต่อยตีกัน  แต่สามีของเธอ  ลูกของเธอ  รวมทั้งเธอด้วย  สามพุงและสะโพกใหญ่ๆยืนบังประตู  มองหลัวซวินและพูดว่าถ้ากล้าทำก็ลงไปจากชั้น 16 ของพวกเขาซะ  เขาจึงต้องกลืนเสียงลงท้องไป


     บ้านของเขาอยู่ในทำเลที่ดีมาก  ทุกวันพึ่งพาเพียงขายไฟฟ้าก็สามารถเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว  ครอบครัวนี้ไม่เพียงต่างจากครอบครัวอื่นที่ต้องปลูกผัก  ลูกชายบ้านนี้แก่กว่าหลัวซวินไม่กี่ปี  แต่ไม่เคยออกมาข้างนอกเลยสักครั้งเดียวแม้กระทั่งที่ชุมชนปลอดภัย!  ต่อให้ถูกฆ่าก็ไม่ยอมเข้าร่วมทีมสำรวจ  แม่ของเขาแทบทนไม่ได้


     เจ้าของบ้านนี้หลังวันสิ้นโลกมาถึงได้กลับมายังค่ายตะวันตกเฉียงใต้หรือไม่?  หลัวซวินไม่ทราบ  แต่เกรงว่าเขาน่าจะตายจากภัยพิบัติครั้งนี้  แต่แม้ว่าพวกเขาจะกลับมา  ตามกฎระเบียบที่ทางค่ายวางไว้  ถ้าพวกเขาไม่สามารถกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมได้  ทางค่ายจะเป็นฝ่ายจะจัดหาที่อยู่ให้


     หลัวซวินไม่ใช่พระแม่มารีย์ที่จะคอยช่วยเหลือคนอื่น  ชีวิตที่แล้วเขาเป็นคนธรรมดาอยู่ล่างสุดของสังคม  ชีวิตนี้ก็ไม่คิดจะทำอะไรใหญ่เกินตัว


     ตอนนี้ด้วยบ้านที่เขาต้องการ  จะเป็นที่พักพิงเพื่อให้เขาอยู่รอด  เขาอยากจะสร้างป้อมปราการที่สามารถทำให้ชีวิตนี้ของเขาดีกว่าชีวิตที่แล้ว  ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้นานๆหลังวันสิ้นโลกอันน่ากลัว


    ตอนนี้เหลือเวลาอีก 57 วันก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×