ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (แปลแบบดำน้ำ) โอตาคุวันสิ้นโลก [ BL / Yaoi ]

    ลำดับตอนที่ #17 : กันและกัน

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 60


     หลัวซวินปิดไฟบนห้องนอนใหญ่เปิดโคมไฟข้างเตียงแทน  หมุนตัวเดินอย่างมีความสุข  ไม่แปลกใจที่ผู้คนพูดว่า:  คุณมีความเศร้าใดก็ให้พูดออกมา  พวกเราทุกคนจะมีความสุขไปด้วยกัน?


     เห็นคนอื่นพ่ายแพ้  เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการปรับอารมณ์จริงๆ!  ด้วยวิธีนี้  อารมณ์หดหู่ที่เขาไม่สามารถโยนผู้คนกลับไปห้องข้างๆได้ชั่วคราวก็เหือดหายไปหมดสิ้น


     ทันใดนั้นคิดอะไรขึ้นมาได้  หลัวซวินดึงลิ้นชัก  นำสิ่งหนึ่งวางบนโต๊ะข้างเตียง "นี่ปืนของคุณ"


     เอี๋ยนเฟยตกตะลึงเล็กน้อยครู่หนึ่ง  มองหลัวซวินอย่างยากจะอธิบาย


     หลัวซวินไม่มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ  หมุนตัวเดินไปอีกฟากของเตียง  สำหรับเขาแล้ว  ภัยคุกคามของเอี๋ยนเฟยด้วยการใช้ปืนหรือใช้พลังไม่มีอะไรต่าง  ปืนสิ่งนี้ในชีวิตก่อนช่วงวันสิ้นโลกเขาเห็นมามาก  จับมามาก  ไม่ต้องพูดถึงกระบอกนี้ที่เหลือกะสุนอยู่แค่สองนัด  โลภหรือไม่โลภไม่แตกต่าง  อยากฆ่าคน  ปืนกระบอกนี้หรือลูกศรหน้าไม้ของเขาไม่แตกต่างกัน


     เอี๋ยนเฟยไม่เคลื่อยย้ายปืน  แต่หลับตา  ปากขยับยิ้มเล็กน้อย


     ด้านข้างเตียงทรุดลงเล็กน้อย  เตียงสไตล์ยุโรปกว้างสองเมตรคนน้ำหนักปกติสองคนนอนได้ไม่อึดอัด  คนละด้าน  ไม่แตะโดนกัน


     เอี๋ยนเฟยขยับปรับตัวเป็นเวลานาน  ได้แต่พยายามไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆส่วนล่างของร่างกาย  คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ช่วงนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?"


     หลัวซวินเป็นคนจิตใจดี  ไม่หยอกให้เขาเครียดอีก "วันก่อนกองกำลังทหารขับรถผ่านที่นี่  จัดการซอมบี้บนถนน  ประกาศผ่านลำโพงกระจายเสียงให้ความมั่นใจ  วันนี้ทหารเข้ามาในชุมชนเพื่อจัดการซอมบี้ที่เดินไปทั่ว  พรุ่งนี้พวกเขาจะเข้ามาจัดการซอมบี้ที่ถูกขังอยู่ในห้องพักและนับจำนวนผู้รอดชีวิต" ดังนั้นห้องของเขาที่เตรียมการดีแล้วเพราะมีใครบางคนเข้ามา  จึงไม่กังวลเป็นพิเศษ


     พูดจบก็ถือโอกาสพูดต่อ "ชุมชนนี้เป็นชุมชนใหม่  มีคนอยู่ไม่มาก  และยังใกล้กองทัพด้วย  คิดว่าไม่นานก็กวาดล้างเสร็จ  ได้ยินว่าที่ตัวเมืองปัญหารุนแรงมาก  เกรงว่าการช่วยเหลือคงใช้เวลาไม่น้อย  ในอนาคตผู้รอดชีวิตที่กองทัพช่วยไว้อาจจะถูกพามาที่บ้านว่างเปล่าเหล่านี้  คุณควรกลับไปบ้านของคุณนะ  ป้องกันไม่มีที่อยู่" ความจริงแล้วเขาแค่อยากพูดประโยคสุดท้าย  บังคับโยนคนออกไปเป็นการขัดใจผู้คน  ทำให้เขาคิดย้ายออกไปเองจะดีที่สุด


     เอี๋ยนเฟยมีประสบการณ์รับมือผู้คนมากกว่าหลัวซวิน  แม้หลัวซวินจะอยู่มาสองชีวิต  เขายังใช้วิธีที่คนส่วนใหญ่ทำคือการหลบตาอีกฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองเสียหาย  การสบตาผู้คนสามารถนับได้ว่าเป็นการป้องกันประเภทเอาคืน  เอี๋ยนเฟยนั้นต่างออกไป  เขาโตมาในสภาพแวดล้อม แวดวงสังคม ที่ต้องคิดถึงการหลอกล่ออยู่ตลอดเวลา  ไม่ถูกคนอื่นวางกล  ก็วางกลคนอื่น


     อันที่จริงแล้ว  วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันคือโจมตี  คู่แข่งคอยสร้างปัญหาทุกประเภทให้เขาไม่หยุดหย่อน  ปล่อยให้เขาดิ้นรนรับมือ  เป็นธรรมดาที่ไม่สามารถรับมือได้  นี่เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น


     "บ้าน?  ห้องข้างๆ?" เอี๋ยนเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย  แม้ว่าเขาจะเข้าใจ  ถ้าเป็นตนเองก็คงไม่อยากให้คนแปลกหน้าอาศัยอยู่ด้วย  แต่... ... หันไปมองทางหน้าต่าง  ในเวลาเช่นนี้ดวงตาของหลัวซวินยังไม่อาจปกปิดแสงแห่งความหวังที่จะมีชีวิต  ทำให้เอี๋ยนเฟยอดไม่ได้ที่จะ - ยกมือขึ้น  กุมหน้าอก  ไอ


     "เป็นยังไง?  ไม่สบายตรงไหน?" เบี่ยงเบนความสนใจของหลัวซวินได้ตามคาด


     เพื่อป้องกันไม่ให้พลาดไอจริง  เมื่อพอแล้วเอี๋ยนเฟยก็หยุดและหายใจเข้าลึกๆ - เจ็บแผลที่หน้าอกจริงนิดหน่อย


     "นั่น... ...ช่างเถอะ  รอคุณอาการดีขึ้นแล้วค่อยคุยกัน  ยังไงผมก็ต้องไปจัดการกับห้องข้างๆอยู่ดี... ..."


     "จัดการกับ?" เอี๋ยนเฟยถามอย่างสงสัย


     "อา  ติดตั้งตาแมว  เปลี่ยนล็อคประตู" ชุมชนนี้เฉพาะบ้านที่ส่งมอบแล้วเท่านั้นถึงจะติดตั้งตาแมวให้  ตาแมวเป็นตัวแทนแสดงว่าบ้านหลังนี้มีเจ้าของแล้ว  เขาจะเอาตาแมวเดิมของบ้านนี้เปลี่ยนให้  สำหรับการเปลี่ยนล็อค?  ก่อนวันสิ้นโลกหลัวซวินซื้อล็อคสำรองไว้  ป้องกันวันหนึ่งล็อคประตูบ้านถูกทำลาย  เกรงว่าเวลานั้นจะไม่มีให้เปลี่ยน


     ฟังหลัวซวินเปลี่ยนใจไม่กระตุ้นชวนให้ตนไปห้องข้างๆ  ทำให้เอี๋ยนเฟยรู้สึกโล่งอกสุดพรรณา  เปลือกตาเลื่อนลงเล็กน้อย  ริมฝีปากขยับยิ้มน้อยๆตามจิตใต้สำนึก  เขาไม่ได้อยากพึ่งพาหลัวซวิน  หลังจากกินอาหารบ้านคนอื่น  ใช้ของบ้านคนอื่น  ยังจะอาศัยอยู่บ้านคนอื่นอีก?  เขาไม่ใช่หนุ่มหน้าขาว  แม้ต่อมาจะเป็นวันสิ้นโลกจริงๆ  เขามีพลัง  มีสมอง  ย่อมสามารถหาทางมีชีวิตอยู่  แน่นอนว่าจะไม่พึ่งพาเด็กหนุ่มไปวันๆ


     แต่เขาไม่อยากไปตอนนี้  ไม่เลยสักนิด


     นอกจากนั้น  การได้พูดได้คุยกับเขาเช่นนี้  เทียบกับผู้คนก่อนหน้าที่เขาเคยพบเจอนั้นผ่อนคลายและสบายใจกว่ามาก  ความรู้สึกนี้ยี่สิบกว่าปีเขาไม่เคยมี


     เอี๋ยนเฟยถอนหายใจ "ตอนอยู่บนถนนผมคิดแต่หลบหนีเท่านั้น  ยังไม่ได้ติดต่อครอบครัวเลยสักครั้ง  ไม่รู้ว่าพวกเขา... ...ถ้าสามารถหาพวกเขาพบ  ผมจะตัดสินใจว่าจะอยู่ที่ไหน  บางทีครอบครัวของผมอาจยังไม่เป็นอะไร"


     เสียงของเขาค่อนข้างแหบแห้ง  เพราะหลายวันนี้นอนหลับอยู่ตลอดจึงขาดน้ำ  ควบคุู่ไปกับเสียงเดิมที่ทุ้มต่ำ  ทำให้คนได้ยินอดตกใจไม่ได้


     หลัวซวินไม่รู้จะปลอบใจเอี๋ยนเฟยอย่างไร  และไม่ต้องการให้เขาอยู่ในบ้านของตน  คิดไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด  และตอนนี้ยังถูกสะกิดปมในใจ  พ่อแม่ของหลัวซวินจากไปตั้งแต่เขายังเรียนอยู่มัธยมปลาย  เหลือทิ้งไว้เพียงบ้านของตนหลังนั้น  เพราะความตายของพวกเขา  หลัวซวินจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกรดสาม


     หลังจากนั้น  เนื่องจากค่าเทอมแพง  ไม่มีบรรยากาศการเรียน  อาจารย์ขาดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง  สองปีต่อมาหลัวซวินก็ตัดสินใจลาออกไปทำงาน  จนกระทั่งวันสิ้นโลกมาถึง


     "ครอบครัวของคุณอยู่ที่ไหน?"


     ได้ยินคำถาม  มุมปากเอี๋ยนเฟยแฝงรอยยิ้มหยัน "กลางเมือง  ชุมชนซีเฉิง  ทีแรกผมจะไปหาพวกเขา  ผลคือรถชนกลางทาง  เพราะในตัวเมืองมีซอมบี้มากเกินไป  เลยต้องหนีมากับบางคนที่เขตตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองชั่วคราว"


     ชุมชนซีเฉิงในเมือง A เป็นหนึ่งในพื้นที่อยู่อาศัยที่ประชากรหนาแน่นมาก  แบ่งเป็นตะวันออกและตะวันตก  เมื่อวันสิ้นโลกมาเยือนตอนเที่ยงคืน  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสองพื้นที่นี้จะกลายเป็นพื้นที่แรกที่ได้รับผลรุนแรงที่สุด


     "... ...กองทัพส่งคนไปแล้ว  ตราบเท่าที่ครอบครัวของคุณปิดประตูบ้านแน่น  อย่าผลีผลามออกมา  อาจจะได้รับความช่วยเหลือเร็วๆนี้" หลัวซวินรู้ชัดว่าการอาศัยอยู่ในพื้นที่ประชากรหนาแน่นจะเกิดอะไรขึ้น  แต่เดิมเขาอาศัยอยู่ในชุดชนที่ประชากรหนาแน่นน้อยกว่าเมือง A ในเมือง F  แต่ยังแทบจะหลบหนีออกมาไม่ได้


     ภายหลังมาที่เมือง A  เจอกับซอมบี้ล้อมบุกค่ายหลายต่อหลายครั้ง  ซอมบี้แออัดหนาแน่นเหมือนมหาสมุทร  เห็นได้ชัดว่าคนกี่มากน้อยในตัวเมืองที่กลายเป็นหนึ่งในพวกมัน?

    (TL:  เรื่องนี้ซอมบี้บุกสนุกมาก  อาจเพราะไม่มีใครเก่งเวอร์โกงโคตรอะไรแบบนั้นด้วย  ลุ้นเหงื่อแตก  เป็นสีสันในความ Slice of Life ของเรื่องนี้ที่มันชิลเกินไป  ขอบอกเลยว่าความค่ายของเรื่องนี้ให้สิบดาว  อ่านมาหลายสิบเรื่องก็สู้เรื่องนี้ไม่ได้)


     หลังจากที่ค่ายมั่นคง  บรรดาทีมค้นหากว่าครึ่งไปที่ตัวเมืองเพื่อรวบรวมทรัพยากรทุกประเภท  ประสบกับคลื่นซอมบี้ก็เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาถูกกำจัดอย่างง่ายดาย  แต่แม้ว่ามีซอมบี้มากมายก็ยังมีคนเป็นเหลืออยู่... ...สามารถจินตนาการได้  เกรงว่าครอบครัวของเอี๋ยนเฟยจะหลีกเลี่ยงเรื่องร้ายแรงได้ยาก


     "อืม  ตราบเท่าที่สามารถรู้ว่าพวกเขาปลอดภัย  ถึงจะไม่ได้เจอกันก็สบายใจแล้ว" เอี๋ยนเฟยเห็นเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ต่อก็เปลี่ยนหัวข้อถามอย่างอารมณ์ดีว่า "แล้วครอบครัวของคุณล่ะ  วันนี้ผมยังไม่เห็นเลย?"


     หลัวซวินตะลึง  แล้วถอนหายใจเบาๆ "ไม่มีแล้ว  ตั้งแต่ม.ปลายปี 2  พวกเขาก็จากไปแล้ว"


     คราวนี้เป็นเอี๋ยนเฟยตกใจบ้าง  ไม่คาดคิด  คิดว่าเขาอาศัยอยู่กับครอบครัว  แม้จะไม่เห็นพ่อแม่ของเขา  แต่ห้องนี้ตกแต่งอย่างดี  ด้วยอายุของเขาและการพูดคุยที่ไม่มีสำเนียงถิ่นอื่น  คาดว่าเขาไม่ได้ย้ายออกจากบ้านไปเป็นนักเรียนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว


     "... ...ขอโทษ"


     "ไม่เป็นไร  หลายปีมาแล้ว" หลัวซวินยิ้มจาง  ทันใดนั้นพบว่าหากปิดไฟ  ไม่มองไปที่เอี๋ยนเฟย  การคุยกับเขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไร  เหมือนคนธรรมดาเวลาคุยกับเพื่อน


     "ผมขอโทษ" นี่คือคำขอโทษอย่างจริงใจ  เขาตั้งใจให้หลัวซวินเห็นอกเห็นใจ  ให้อับอายที่เสนอให้ตนย้ายออกไป  แน่นอนเขาไม่ต้องการพึ่งพาหลัวซวิน  แค่การหยอกล้อเด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจมาก


     ใครจะคิดว่าการพูดไปตามน้ำ  กลับทิ่มแทงจุดอ่อนของอีกฝ่าย


     "ไม่เป็นไร  คุณมีโอกาสกลับไป  ผมเองก็จะช่วยคุณหาข่าวเกี่ยวกับครอบครัวของคุณ" แม้มันยากจะได้รับข่าวดี


     เอี๋ยนเฟยอ้าปาก  เขาอยากจะพูดว่าไม่ต้อง  คู่สามีภรรยานิสัยเห็นแก่ตัวคู่นั้น  แน่ใจได้เลยว่าเห็นสถานการณ์ผิดปกติคงรีบหาสถานที่ปลอดภัยที่สุดหลบซ่อน  มีผู้คนมากมายปกป้องพวกเขา


     อันที่จริงแล้ว  แม้ว่า "บ้าน" จะอยู่ที่ชุมชนซีเฉิง  แต่ใครล่ะอยู่ในบ้านนั้น  ตัวเขาเองก็ด้วย  เกือบไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆ


     พวกเขาแต่ละคนมีคนรักของตัวเอง  แต่ละคนมีบ้านเล็กที่สร้างใจกลางเมือง  ทั้งสามคนไม่มีใครต้องการใคร  แต่ทุกคนมีชีวิตที่ดีมาก


     ยกมือซ้ายขึ้นช้าๆอย่างค่อนข้างยากลำบาก  ตึงบาดแผลที่หน้าอก  ความเจ็บค่อยๆเพิ่มขึ้น  เอี๋ยนเฟยวางมือตรงกลางระหว่างทั้งสองคน  ตีลงบนผ้าห่ม  เหมือนว่าเขาอยากจะตบมือปลอบแต่เพราะอาการเจ็บจึงไม่สามารถทำได้สมบูรณ์


     "หือ?" หลัวซวินหันไปมองอย่างสงสัย  ในความมืดมองไม่เห็นดวงตารียาว  ไม่เห็นไฝรูปหยดน้ำทรงสเน่ห์


     "ไม่ต้องหา  พวกเขามีชีวิตที่ดี  ดีแน่นอน"


     หลัวซวินอึ้ง  จากนั้นยื่นมือไปวางบนมือของเขา  ผิวของเอี๋ยนเฟยดูเหมือนจะอ่อนนุ่มแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้นุ่มนิ่มอ่อนแอ  สองวันมานี้ช่วยเขาบนเตียง  โอบเขานั่งครึ่งตัวให้ดื่มน้ำทานยาก็สัมผัสได้  ดูเหมือนร่างกายบอบบางไม่มีแรงอะไร  ร่างกายที่ควรนุ่มนิ่มนี่พอเอานิ้วจิ้มๆดูจริงๆจะพบว่าแข็งเกือบทุกส่วน  กล้ามเนื้อยืดหยุ่นมาก


     ในเวลานี้  มือของเขาเองก็ด้วย  เห็นได้ชัดว่ายังป่วยแต่แกร่งและมีพลัง  ตรงกันข้ามกับหลัวซวินที่เหมือนไก่ต้มสุก


     ในใจหดหู่เล็กน้อย  หลัวซวินโยนอารมณ์หดหู่ทิ้งไปด้านข้าง  พยักหน้าและพูดว่า "อา  ต้องไม่เป็นไรแน่นอน!"


     จับมือกัน  ไม่มีใครคิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง  ทั้งคู่เพียงคิดให้กำลังใจอีกฝ่าย  จริงๆแล้วไม่มีใครคิดดึงมือกลับก่อน  อย่างไรในห้องมืดมิดเช่นนี้  อีกฝ่ายไม่เห็นเขา  เขาไม่เห็นอีกฝ่าย


     เดือนธันวาคม  นอกห้องลมเหนือพัดผ่าน  ไม่มีเวลาติดตั้งฮีตเตอร์ห้องควรจะหนาวมาก แต่เพราะหลัวซวินเพื่อปลูกผักได้ดัดแปลงห้องล่วงหน้า  กระทั่งชานบ้านและระเบียงก็สร้างเป็นเรือนกระจก  ควบคู่กับแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ในบ้าน  หลายห้องกระทั่งอุ่นมาก


     แม้มืออยู่นอกผ้าห่ม  แต่ไม่รู้สึกเย็น  ทั้งสองผล็อยหลับไปเช่นนั้น  แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×