คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การกลายพันธุ์ที่บ้านหลังวันสิ้นโลกได้มาถึง
ในคืนเดียวกัน เอี๋ยนเฟยหน้าตาเย็นชานั่งในห้องประชุมฟังลูกน้องไม่กี่คนถกเถียงเกี่ยวกับโครงการ หันไปมองนอกหน้าต่างโดยไม่ได้ตั้งใจ แสงสีเขียวเล็กๆทำให้เขาคิ้วกระตุก ดวงตาดอกท้อฉายร่องรอยของความประหลาดใจ
"ประชุม"
"ครับ?"
"หัวหน้าเอี๋ยน?"
"ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน" ความรู้สึกที่ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไรจากก้นบึ้งหัวใจ เอี๋ยนเฟยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง รู้สึกว่าอันตราย... ...กำลังมา?
ดูเหมือนมีบางสิ่งกำลังจะเปลี่ยนในทันทีทันใด เปลี่ยนเป็นผุพังและล่มสลาย แต่เขาไม่ทราบว่านั่นเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่? หรือยิ่งหดหู่และตกสู่ห้วงนรกอย่างอับจนหนทาง
-
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดกระทบใบหน้า ปลุกคนที่นอนหลับให้ตื่นขึ้นมาอย่างไร้ปราณี
เปลือกตาของหลัวซวินขยับไม่กี่ครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมา เหม่อมองดอกไม้สีขาวข้างหน้าต่าง แล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
วันสิ้นโลก! ต้องรีบหนี!
ชีวิตก่อน เขาไม่ได้เป็นสักขีพยานมองดูคืนที่วันสิ้นโลกมาถึง แต่เมื่อหลบหนี เขาได้ยินสหายบางคนพูดถึงเรื่องนี้
จนตอนนี้เขายังจำได้ว่าอีกฝ่ายตำหนิตัวเองขณะสบถสาบาน "ถ้าหากฉันรู้ว่ามันเป็นหายนะโลก เหล่าจื้อไม่ว่ายังไงก็จะรีบหนีไปตอนนั้นเลย! ไม่เคยเห็นตัวเองโง่ขนาดนี้มาก่อน อะไรคือยังมีเวลามาเล่นเกม อ้อยคนงาม? แล้วยังคิดว่าจ้องหน้าจอมากเกินไปจนตาลายคิดว่ามีจุดสีเขียวบนฟ้า เอามาเป็นเรื่องตลกคุยกับคนงาม ผลคือไม่ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีการตอบกลับจากคอมเลย หลายคนในทีมก็ยืนนิ่งไม่ขยับ จนต้องยกเลิกตี้... ...ตอนนี้มาคิดเกี่ยวกับมัน พวกเขากลายเป็นซอมบี้แล้วใช่ไหม? ยังจะเล่นเกมได้อีกเหรอ?"
ตอนนี้เขาเห็นมันเองกับตาแล้ว
เริ่มจากตรวจสอบมือตัวเองก่อน จนแน่ใจว่าเป็นมือของเขาเอง หลังจากที่ทำงานมาหลายวันก็มีแผลเล็กๆเกิดขึ้นมากมาย ผิวหยาบขึ้นมาก
หลับตาทำสมาธิตามที่ผู้มีพลังพิเศษเคยพูดไว้ - ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย จากนั้นลุกขึ้นยืนหยิบไม้เบสบอลดัดแปลงติดตะปูข้างเตียง อืม ยังหนักเหมือนเดิม ดูเหมือนเขาจะยังเป็นคนธรรมดานะ
ถือไม้เบสบอลเดินอย่างระมัดระวังไปที่ประตู ฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก
– เงียบสงบมาก
เปิดประตูห้องนอน สิ่งแรกคือเดินเงียบๆไปที่ระเบียงและเปิดประตูบานเลื่อนเบาๆ ระเบียงเงียบสงบ แต่ผักที่ปลูกไว้บางส่วนกลายพันธุ์ไปแล้วจริงๆ
สี่ชั้นวางรวมต้นกล้าทั้งหมด 33 ต้น 6 ต้นได้กลายเป็นสีน้ำตาลแดง ค่อยๆปล่อยของเสียสีเทาออกมาสู่บรรยากาศ
มันติดเชื้อแล้วนั่นเอง
พืชที่ติดเชื้อจะกลายเป็นสีน้ำตาลแดง กินไม่ได้เด็ดขาด และมีพิษร้ายแรง หลังจากกินเข้าไปมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะกลายเป็นซอมบี้ทันที
หลัวซวินรีบหยิบถุงมือยางมาสวมแล้วถอนผักติดเชื้อทั้งหลายออก โยนลงในหม้อเคลือบตรงมุมแล้วเผาทันที
นอกจากผักติดเชื้อพวกนี้แล้วยังมีผักอีกสี่ต้นที่ดูแปลกไป สองกลุ่มใบไม้บางส่วนมีสีเหลือง - เหลืองทอง หนึ่งในนั้นเเรืองแสงสีแดง อีกหนึ่งเทาเงิน
หลัวซวินย้ายผักพวกนี้ไปปลูกบนชั้นวางแยกต่างหาก
พืชกลายพันธุ์อาจไม่ออกผล หรืออาจให้ผลผลิตมากกว่าเดิม แต่ความเป็นไปได้มากที่สุด - มันกลายเป็นพืชที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ข้าวของบนชั้นสองไม่มีปัญหา หลังตรวจสอบสถานการณ์ในหลายห้องซ้ำๆหลายครั้ง หลัวซวินก็ถือไม้เบสบอลค่อยๆก้าวลงบันไดทีละขั้นสู่ชั้นหนึ่ง
"พั่บๆๆ พั่บๆๆ ... ..."
"โฮ่งๆ โฮ่งๆๆ!"
หลัวซวินแอบยื่นหน้ามองลงไปดู แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
กุ้งสามตัวที่เหลืออยู่ได้พร้อมใจกันหงายท้อง คาดว่าภายในขวดคงมีออกซิเจนไม่พอ
ปลา 4 ตัวนั้นมีตัวหนึ่งกลายเป็นปลาซอมบี้ มันกระหน่ำกระแทกภายในกล่อง ปลา 4 ตัวนี้มีความยาวเท่านิ้วมือ หลังจากหลัวซวินช้อนพวกมันใส่ขวดอย่างยากลำบากก็เอาทั้งสี่ขวดวางไว้ทั้งสี่มุมในกล่องพลาสติก
ตอนนี้หลังจากที่ปลาตัวหนึ่งได้กลายเป็นปลาซอมบี้ มันกระแทกขวดให้แตกแล้วไปอยู่ในกล่องพลาสติกแทน ปลาอีกสามตัวที่เหลือ สองตัวขาดอากาศหายใจตายตั้งแต่เมื่อคืน อีกตัวหนึ่งถูกกินจนเหลือแต่ก้าง
และเจ้าตัวเล็กในกรงกระตือรือร้นเป็นร้อยเท่าเห่ากล่องไม่หยุด
หลัวซวินก้าวไปข้างหน้าหวดไม้เบสบอลฆ่าปลาซอมบี้ - ณ เวลานี้ สัตว์น้ำบ้านตระกูลหลัวตายหมดแล้ว
"แกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" เอื้อมมือข้ามกรงไปแตะหัวเจ้าตัวเล็ก หลัวซวินหน้ายิ้มไม่หุบ ปลากับกุ้งเหล่านี้ตายไปเขาไม่รู้สึกแย่ เจ้าตัวเล็กคือผลกำไรสูงสุด
"ฉันจะเอาอาหารมาให้แกอีก ช่วยรอก่อนสักพักนะ" ถามเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เจ้าตัวเล็กเอียงหัว มองเขาอย่างสับสน และมองดูกล่องที่เมื่อกี้ยังส่งเสียงดังวุ่นวาย
สิ่งที่ทำให้หลัวซวินแปลกใจคือนกกระทาทั้งแปดตัวยังอยู่รอดปลอดภัยดีในขวดโหลเหมือนเดิม! ไม่มีตัวไหนเป็นอะไร!
หนอนนกก็ด้วย เอนซ้ายเอนขวาตรวจดูทุกซอกมุมก็ไม่เห็นมีตัวไหนมีลักษณะกลายพันธุ์แม้แต่น้อย ไส้เดือนเบียดรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม ประท้วงหลัวซวินเงียบๆที่เมื่อคืนขุดพวกมันออกมาจากดิน ไม่ใช่พฤติกรรมประหลาด
"เป็นอะไรที่... ...เหนี่ยวแน่นจริงๆ"
ถอนหายใจขณะเอาพวกมันใส่กลับเข้าที่เดิม
สุดท้ายก็ตรวจสอบที่ชานบ้าน กล้าแอปเปิ้ลต้นหนึ่งติดเชื้อ กล้าส้มต้นหนึ่งกลายพันธุ์
พริกไทยและต้นกล้าโป๊ยกั๊กที่มีอย่างละ 3 ต้น แต่ละชนิดติดเชื้ออย่างละหนึ่งต้น มองไปที่ผลลัพธ์ที่เหลืออยู่ หลัวซวินพูดได้ว่าพึงพอใจมาก
ปลาซอมบี้ พืชติดเชื้อ เอากลับไปเผารวมกันที่ระเบียง และสุดท้ายก็ไปตรวจสอบที่ห้องเพาะเลี้ยง... ...โศกนาฏกรรมคือ เห็ดมากกว่าครึ่งกลายพันธุ์ มองไปที่สีแดงสดใสของพวกมันสิ ช่างเป็นเห็ดที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณอะไรเช่นนี้ ถึงตายหลัวซวินก็ไม่กล้ากิน! ทำได้เพียงกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุดเท่านั้น
โชคดีที่เขารู้ว่าจำพวกเห็ดนี้ไม่เหมาะจะเพาะ ชีวิตที่แล้วตอนพักอยู่ในชั้นใต้ดินต้องต่อสู้กับพวกมันอย่างยากลำบาก โชคดีที่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรับมือกับพวกมันอีก
ไฟเผาพวกติดเชื้อทั้งหมด หลัวซวินยืนอยู่บนระเบียงในมือถือกล้องส่องทางไกลสำรวจสถานการณ์
เขาปล่อยเจ้าตัวเล็กออกจากกรงแล้ว และตอนนี้ก็กำลังเห่าอยู่ที่พื้นให้เขาอุ้มอย่างเอาแต่ใจ ผ่านไปสักพักก็กัดขากางเกงของเขา เขาไม่ได้เตรียมชื่อให้เจ้าตัวเล็กเปลี่ยน ก็เลยเรียกมันง่ายๆว่าเจ้าตัวเล็ก เป็นมิตรและน่ารัก ที่สำคัญที่สุดคือ - เป็นชื่อโหลๆ เหมาะแก่การรักษาชีวิต!
"ดูเหมือนสถานการณ์ด้านนอกยังไม่ดี ไม่เหมาะจะออกไปไหน" หลัวซวินพึมพำ เพราะว่าหายนะโลกเกิดขึ้นในตอนกลางคืน ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อก็จะอยู่ที่บ้าน มองผ่านกล้องส่องทางไกลสามารถเห็นว่าภายในชุมชนนี้ที่มีคนเข้าอยู่อาศัยในบ้านแล้วจำนวนมากกลายเป็นซอมบี้ สวมใส่ชุดนอนเขย่าหน้าต่าง แต่เพราะว่าประตูห้องปิดจึงไม่สามารถออกมาได้ชั่วคราว
บนถนนมีซอมบี้จำนวนค่อนข้างน้อยเดินเตร่มองหาอาหารรอบๆ ดูเหมือนตอนนี้พวกมันจะยังมีไม่มาก
หลัวซวินคำนวณครู่หนึ่ง ตัดสินใจ - ขณะที่ซอมบี้ข้างนอกยังมีจำนวนน้อย ออกไปรวบรวมสิ่งของ!
ข้าวของ ไม่มีใครอยากจะมีน้อยเกินไป โดยเฉพาะหลัวซวินที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างปลอดภัย สามารถเก็บสำรองได้ เพราะปัญหาเรื่องราคา แผงโซลาร์เซลล์จึงมีไม่พอ และอาหาร ในอนาคตเป็นเวลายาวนาน มันจะเป็นสินค้าที่แพงที่สุด - แม้ว่ามันจะหมดอายุแล้วก็ตาม!
มองผ่านตาแมวดูสภาพนอกบ้าน ในสังคมสมัยใหม่ทุกคนใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเวลาทำสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสิ้นโลก
หลัวซวินปลี่ยนตาแมวเดิมที่ประตูบ้านของเขาเป็นตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตัวเอง มองจากด้านนอกจะไม่เห็นความแตกต่าง ภายในมีหน้าจอ LCD ฟังก์ชั่นมองเห็นได้ในตอนกลางคืน บันทึกวิดีโอ
หลัวซวินใส่ใจฟังก์ชั่นมองเห็นได้ในเวลากลางคืน
ยืนอยู่หลังประตู แตะบนหน้าจอดูวิดีโอจากเมื่อคืนถึงตอนนี้อย่างรวดเร็ว หลัวซวินโล่งใจ - ชั้น 16 ไม่เคยมีเงาของซอมบี้
อาคาร 7 ชั้น 16 มี 5 ประตู และตอนนี้มีแค่หลัวซวินอาศัยอยู่คนเดียวในห้อง 1602 นอกจากสองห้องที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ทำการส่งมอบให้เจ้าของ อีกสองห้องที่เหลือยังไม่ได้ติดตั้งตาแมวที่ประตูเลย
ชั้น 15 ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนอยู่อาศัย ชั้น 14 กำลังอยู่ในระหว่างตกแต่ง... ...
โดยรวมแล้ว เพราะทันทีที่วันสิ้นโลกมาถึงอัตราพักอาศัยในอาคารยังไม่สูง มีคนจำนวนมากยังตกแต่งไม่เสร็จ สำหรับหลัวซวินบ้านใหม่เช่นนี้ปลอดภัยกว่าอาคารเก่าที่แออัด อย่างน้อยจำนวนคนน้อย ผู้คนที่กลายซอมบี้ก็น้อยลง
มือข้างหนึ่งถือไม้เบสบอล ด้านหลังเป็นกระเป๋าเป้สะพายหลัง สวมหมวกกันน็อค ที่เอวติดกระบอกลูกศร ขวางด้วยหน้าไม้ทำมือ หลัวซวินเตรียมความพร้อมเสร็จก็รีบหันศีรษะกลับไปที่ห้องนั่งเล่น พูดกับเจ้าตัวเล็กว่า "เฝ้าบ้านดีๆ"
เจ้าตัวเล็กยังเด็กเกินไปในตอนนี้ ย่อมไม่สามารถพาออกไปข้างนอกได้ แต่ถึงแม้ตอนนี้มันเป็นหมาโต หลัวซวินก็ไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กออกไปข้างนอกพร้อมกับตนอยู่ดี - ไม่มีการกลายพันธุ์ของสัตว์ระรอกสอง ซอมบี้กัดก็จะกลายเป็นซอมบี้!
ไฟฟ้าบนทางเดินยังไม่ดับ เสียงปิดประตูทำให้หลอดไฟสว่าง ทางเดินมีหลอดไฟเพียงสองดวง ตอนนี้ใช้ได้แค่ดวงเดียวเท่านั้น อีกดวงเสียเมื่อสามวันก่อน ทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจ - นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีความสามารถด้านประหยัดเงินจริงๆ แม้กระทั่งหลอดไฟชั่วคราวก็ยังเลือกหลอดที่ถูกที่สุด แน่นอนว่าไม่ทนทาน
เมื่อเห็นว่าลิฟต์ยังสามารถใช้งานได้ หลัวซวินแอบโล่งใจกดเปิดลิฟต์ ลิฟต์มีอยู่สองตัว สำนักงานชุมชนเห็นว่ายังไม่ค่อยมีคนเข้าอยู่อาศัยจึงเปิดให้ใช้งานได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ...
ได้ยินเสียง "ติง" ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ เห็นว่าข้างในลิฟต์ว่างเปล่าหลัวซวินก็ลดไม้เบสบอลที่ยกขึ้นมาลงแล้วเข้าไปข้างใน
ดูเหมือนได้ยินเสียงทำงานของลิฟต์ ด้านนอกจึงมีเสียงคำรามลอดเข้ามา ฟังจากเสียง หลัวซวินคาดว่าเป็นชั้น 14 ที่มีคนงานไม่กี่คนมาทำงานตกแต่ง เวลานี้พวกเขาคงกลายเป็นซอมบี้เรียบร้อยแล้ว อาจเพราะประตูถูกล็อกจึงไม่สามารถออกมาหาอาหาร เลยทำได้แค่ออกันอยู่ที่ประตู ใช่ไหม?
พื้นที่คับแคบ เพียงได้ยินเสียงไม่ทราบมาจากบ้านไหนเป็นจังหวะ "ปิง ปิง ปิง" และเสียงคำรามต่ำ ช่วยไม่ได้ที่ใจของผู้คนจะรู้สึกหดหู่
ความคิดเห็น