ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Lesson I :: About translation problems
doo blaki
1.1 ปัญหาทางด้านไวยากรณ์และโครงสร้าง เช่น การแปลประโยคที่มีกริยาเป็นกรรมวาจก(Passive voice) การแปลกาล (Tense) การแปลคำเชื่อมโยง (Connectives) การแปลสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง (Indefinite pronouns) การแปลประธานที่ไร้ความหมาย (Dummy subject) ตัวอย่าง
ประโยคที่มีกริยาเป็นกรรมวาจก
1. He was invited to give a speech at the Opening ceremony.
มีผู้แปลว่า: เขาถูกเชิญให้ไปพูดในพิธีเปิด
ข้อสังเกต: ในภาษาไทยเมื่อใช้คำว่า “ถูก” นำหน้ากริยา ความหมายจะส่อไปในทางไม่ดี
ผู้แปลควรระมัดระวัง
ควรแปลว่า: เขาได้รับเชิญให้ไปพูดในพิธีเปิด
2. Many of Sidney Sheldon’s works have been translated into many languages.
มีผู้แปลว่า: ผลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน หลายเล่มถูกแปลเป็นหลายภาษา
ข้อสังเกต : ความหมายของประโยคนี้เป็นกลาง ๆ ไม่ควรใช้คำว่า “ถูก” นำหน้ากริยา
ควรแปลว่า: มีการแปลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน ออกมาหลายภาษา
การแปลกริยาที่อยู่ในกาลต่าง ๆ
1. By the time her son returned home, she had already gone to bed.
มีผู้แปลว่า: ในที่สุดลูกชายของเธอก็กลับบ้าน เธอก็พร้อมจะเข้านอน
ข้อสังเกต: คำกริยาในภาษาอังกฤษเปลี่ยนรูปไปตามกาล แต่ในภาษาไทยคำกริยาไม่เปลี่ยนรูป
ไปตามกาล ผู้แปลต้องหาคำมาประกอบคำกริยาในการแปลให้ได้ความหมายตรง
ตามกาลในภาษาต้นฉบับ
ควรแปลว่า: กว่าลูกชายของเธอจะกลับถึงบ้าน เธอก็เข้านอนแล้ว
2. She always has a headache when she reads for a long time.
มีผู้แปลว่า: เธอปวดศีรษะขณะเมื่อเธอกำลังอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลานาน
ข้อสังเกต: คำกริยาในประโยคนี้ใช้รูปปัจจุบัน เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์ในประโยคเกิดขึ้นเสมอ
โดยมีกริยาวิเศษณ์ always เป็นตัวบอกความหมายให้ชัดเจนขึ้น
ควรแปลว่า: เธอมักจะปวดศีรษะเสมอเมื่อเธออ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ
คำเขื่อมโยงความคิดระหว่างประโยค
1. She saw an accident while she was crossing the street.
มีผู้แปลว่า : เธอเห็นอุบัติเหตุเมื่อเธอกำลังข้ามถนน
ข้อสังเกต: while เป็นคำที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์หนึ่งกำลัง
ดำเนินอยู่ และมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา
ควรแปลว่า: เธอแลเห็นอุบัติเหตุในขณะที่เธอกำลังข้ามถนน
2. They did not love each other, so they separated.
มีผู้แปลว่า: เขาไม่รักกัน เขาจึงแยกกัน
ข้อสังเกต: so เป็นคำเชื่อมโยงเหตุและผล
ควรแปลว่า: เขาไม่รักกันแล้ว ดังนั้น เขาจึงแยกทางกัน
คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง
1. You are the one I love.
มีผู้แปลว่า: เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันรัก
ข้อสังเกต: one เป็นสรรพนามที่ไม่เจาะจง ผู้แปลต้องอาศัยปริบทจึงจะแปลได้ถูกต้อง
ควรแปลว่า: เธอคือคนที่ฉันรัก
2. The Johnsons have two daughters, one a baby, the other a girl of twelve.
มีผู้แปลว่า: ครอบครัวจอห์นสันมีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งเป็นเด็กเล็ก ๆ
คนอื่นเป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบสอง
ข้อสังเกต: the other เป็นคำสรรพนามไม่เจาะจงจึงควรแปลคล้อยตาม
สรรพนานในปริบทนี้
ควรแปลว่า: ครอบครัวจอห์นสันมีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งยังเล็กอยู่ อีกคนหนึ่ง
เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี
ประธานที่ไร้ความหมาย
1. It was cold this year.
มีผู้แปลว่า: มันหนาวปีนี้
ข้อสังเกต: ประโยคภาษาอังกฤษจำเป็นต้องมีประธาน it ทำหน้าที่เป็นประธานแต่
ไม่มีความหมายเพราะไม่ได้แทนคำนามตัวใด
ควรแปลว่า: ปีนี้อากาศหนาว
2. Oh! It’s beautiful.
มีผู้แปลว่า: โอ! มันช่างสวย
ข้อสังเกต: เช่นเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 it ไม่มีความหมาย
ควรแปลว่า: แหม สวยจังเลย
1.2 ปัญหาทางด้านศัพท์และสำนวน ปัญหาทางด้านศัพท์และสำนวนเป็นปัญหาที่นักแปลมักจะพบอยู่เสมอ ส่วนผู้ที่เรียนแปลและแปลไม่ได้ก็มักจะคิดว่าการที่ตนเองแปลไม่ได้เพราะไม่รู้คำศัพท์ แต่ถึงจะรู้ความหมายของคำศัพท์จากพจนานุกรมก็อาจจะยังแปลผิดเพราะไม่รู้จักเลือกความหมายที่ถูกต้อง ปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ คำศัพท์ที่มีความหมายหลายนัย คำศัพท์ที่รูปเขียนมักทำให้เข้าใจความหมายผิด คำกริยาคู่ (Phrasal verbs) สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่าง ๆ
ตัวอย่าง
คำศัพท์ที่มีความหมายหลายนัย
1. I want to draw some money.
2. Nobody can draw conclusions.
draw ในประโยคที่ 1 แปลว่า ถอนเงิน
และประโยคนี้ควรแปลว่า: ฉันต้องการถอนเงิน
draw ในประโยคที่ 2 แปลว่า ลงความเห็น
และประโยคนี้ควรแปลว่า: ไม่มีใครลงความเห็น
คำศัพท์ที่รูปเขียนมักทำให้เข้าใจความหมายผิด
1. Many guerrillas were killed in the fight.
มีผู้แปลว่า: ฝูงลิงกอริลลาถูกฆ่าตาย
ข้อสังเกต: ผู้แปลสับสนในเรื่องตัวสะกดของคำสองคำนี้
คือ guerrilla (s) ซึ่งแปลว่า ผู้ก่อการร้าย
และ gorilla (s) ซึ่งแปลว่า ลิงกอริลลา
ควรแปลว่า: ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากถูกฆ่าตายในการต่อสู้
2. The traffic problem in Bangkok has been ignored until very lately.
มีผู้แปลว่า: ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ถูกละเลยจนกระทั่งสายมาก
ข้อสังเกต: ผู้แปลเข้าใจว่า lately เป็นกริยาวิเศษณ์ของคุณศัพท์ late
ซึ่งแปลว่า ช้า สาย จึงแปลผิด
ควรแปลว่า: ปัญหาเรื่องการจราจรในกรุงเทพฯ ถูกละเลยมาตลอดจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้
คำกริยาคู่
1. The firemen successfully put out the fire.
คำว่า “put out” เป็น phrasal verb ที่เกิดจากกริยา put + out เมื่อมาใช้ คู่กันจะเกิดความหมายใหม่ขึ้นมา แปลว่า ดับไฟ (to extinguish)
ประโยคนี้ควรแปลว่า: พนักงานดับเพลิงดับไฟสำเร็จ
2. We can look up the meaning of words in the dictionary.
คำว่า “look up” เป็น phrasal verb ที่มีความหมายว่า ค้นหา
ประโยคนี้ควรแปลว่า: เราค้นหาความหมายของคำได้จากพจนานุกรม
สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่าง ๆ
การแปลสำนวนเป็นเรื่องยาก ผู้แปลต้องตีความหมายของสำนวนนั้นให้ได้ แล้วจึงหาคำแปลที่มีความหมายเทียบเคียงกันมาแปล การแปลไปตามรูปคำผู้อ่านจะไม่ เข้าใจเพราะไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และการดำรงชีวิตของเจ้าของภาษา จึงไม่ทราบภูมิหลังของสุภาษิตและคำพังเพยนั้น
1. Carrying coals to Newcastle.
ถ้าแปลคำพังเพยนี้ว่า เอาถ่านหินไปนิวคาสเซิล ผู้อ่านที่เป็นคนไทยจะไม่เข้าใจความหมาย แต่ถ้าแปลเทียบเคียงกับคำพังเพยไทยที่ว่า เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน ผู้อ่านที่เป็นคนไทยจะเข้าใจมากกว่า
2. Yesterday he worked hard, so he slept like a log.
ถ้าแปลประโยคนี้ว่า เมื่อวานนี้เขาทำงานหนัก เขาจึงนอนหลับเป็นตาย ผู้อ่านคนไทยจะเข้าใจและมองเห็นภาพกว่า เมื่อแปลว่า เขาจึงนอนหลับเหมือนซุง
===============================================
เข้าใจกันมั้ยน้อ....
สงสัยอะไรถามได้นะคะ :D
thanks : Swinwin2.blogspot.com :D
LET'S FIX OUR PROBLEMS!
1.1 ปัญหาทางด้านไวยากรณ์และโครงสร้าง เช่น การแปลประโยคที่มีกริยาเป็นกรรมวาจก(Passive voice) การแปลกาล (Tense) การแปลคำเชื่อมโยง (Connectives) การแปลสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง (Indefinite pronouns) การแปลประธานที่ไร้ความหมาย (Dummy subject)
ประโยคที่มีกริยาเป็นกรรมวาจก
1. He was invited to give a speech at the Opening ceremony.
มีผู้แปลว่า: เขาถูกเชิญให้ไปพูดในพิธีเปิด
ข้อสังเกต: ในภาษาไทยเมื่อใช้คำว่า “ถูก” นำหน้ากริยา ความหมายจะส่อไปในทางไม่ดี
ผู้แปลควรระมัดระวัง
ควรแปลว่า: เขาได้รับเชิญให้ไปพูดในพิธีเปิด
2. Many of Sidney Sheldon’s works have been translated into many languages.
มีผู้แปลว่า: ผลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน หลายเล่มถูกแปลเป็นหลายภาษา
ข้อสังเกต : ความหมายของประโยคนี้เป็นกลาง ๆ ไม่ควรใช้คำว่า “ถูก” นำหน้ากริยา
ควรแปลว่า: มีการแปลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน ออกมาหลายภาษา
การแปลกริยาที่อยู่ในกาลต่าง ๆ
1. By the time her son returned home, she had already gone to bed.
มีผู้แปลว่า: ในที่สุดลูกชายของเธอก็กลับบ้าน เธอก็พร้อมจะเข้านอน
ข้อสังเกต: คำกริยาในภาษาอังกฤษเปลี่ยนรูปไปตามกาล แต่ในภาษาไทยคำกริยาไม่เปลี่ยนรูป
ไปตามกาล ผู้แปลต้องหาคำมาประกอบคำกริยาในการแปลให้ได้ความหมายตรง
ตามกาลในภาษาต้นฉบับ
ควรแปลว่า: กว่าลูกชายของเธอจะกลับถึงบ้าน เธอก็เข้านอนแล้ว
2. She always has a headache when she reads for a long time.
มีผู้แปลว่า: เธอปวดศีรษะขณะเมื่อเธอกำลังอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลานาน
ข้อสังเกต: คำกริยาในประโยคนี้ใช้รูปปัจจุบัน เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์ในประโยคเกิดขึ้นเสมอ
โดยมีกริยาวิเศษณ์ always เป็นตัวบอกความหมายให้ชัดเจนขึ้น
ควรแปลว่า: เธอมักจะปวดศีรษะเสมอเมื่อเธออ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ
คำเขื่อมโยงความคิดระหว่างประโยค
1. She saw an accident while she was crossing the street.
มีผู้แปลว่า : เธอเห็นอุบัติเหตุเมื่อเธอกำลังข้ามถนน
ข้อสังเกต: while เป็นคำที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์หนึ่งกำลัง
ดำเนินอยู่ และมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา
ควรแปลว่า: เธอแลเห็นอุบัติเหตุในขณะที่เธอกำลังข้ามถนน
2. They did not love each other, so they separated.
มีผู้แปลว่า: เขาไม่รักกัน เขาจึงแยกกัน
ข้อสังเกต: so เป็นคำเชื่อมโยงเหตุและผล
ควรแปลว่า: เขาไม่รักกันแล้ว ดังนั้น เขาจึงแยกทางกัน
คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง
1. You are the one I love.
มีผู้แปลว่า: เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันรัก
ข้อสังเกต: one เป็นสรรพนามที่ไม่เจาะจง ผู้แปลต้องอาศัยปริบทจึงจะแปลได้ถูกต้อง
ควรแปลว่า: เธอคือคนที่ฉันรัก
2. The Johnsons have two daughters, one a baby, the other a girl of twelve.
มีผู้แปลว่า: ครอบครัวจอห์นสันมีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งเป็นเด็กเล็ก ๆ
คนอื่นเป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบสอง
ข้อสังเกต: the other เป็นคำสรรพนามไม่เจาะจงจึงควรแปลคล้อยตาม
สรรพนานในปริบทนี้
ควรแปลว่า: ครอบครัวจอห์นสันมีลูกสาว 2 คน คนหนึ่งยังเล็กอยู่ อีกคนหนึ่ง
เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปี
ประธานที่ไร้ความหมาย
1. It was cold this year.
มีผู้แปลว่า: มันหนาวปีนี้
ข้อสังเกต: ประโยคภาษาอังกฤษจำเป็นต้องมีประธาน it ทำหน้าที่เป็นประธานแต่
ไม่มีความหมายเพราะไม่ได้แทนคำนามตัวใด
ควรแปลว่า: ปีนี้อากาศหนาว
2. Oh! It’s beautiful.
มีผู้แปลว่า: โอ! มันช่างสวย
ข้อสังเกต: เช่นเดียวกันกับตัวอย่างที่ 1 it ไม่มีความหมาย
ควรแปลว่า: แหม สวยจังเลย
1.2 ปัญหาทางด้านศัพท์และสำนวน ปัญหาทางด้านศัพท์และสำนวนเป็นปัญหาที่นักแปลมักจะพบอยู่เสมอ ส่วนผู้ที่เรียนแปลและแปลไม่ได้ก็มักจะคิดว่าการที่ตนเองแปลไม่ได้เพราะไม่รู้คำศัพท์ แต่ถึงจะรู้ความหมายของคำศัพท์จากพจนานุกรมก็อาจจะยังแปลผิดเพราะไม่รู้จักเลือกความหมายที่ถูกต้อง ปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ คำศัพท์ที่มีความหมายหลายนัย คำศัพท์ที่รูปเขียนมักทำให้เข้าใจความหมายผิด คำกริยาคู่ (Phrasal verbs) สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่าง ๆ
ตัวอย่าง
คำศัพท์ที่มีความหมายหลายนัย
1. I want to draw some money.
2. Nobody can draw conclusions.
draw ในประโยคที่ 1 แปลว่า ถอนเงิน
และประโยคนี้ควรแปลว่า: ฉันต้องการถอนเงิน
draw ในประโยคที่ 2 แปลว่า ลงความเห็น
และประโยคนี้ควรแปลว่า: ไม่มีใครลงความเห็น
คำศัพท์ที่รูปเขียนมักทำให้เข้าใจความหมายผิด
1. Many guerrillas were killed in the fight.
มีผู้แปลว่า: ฝูงลิงกอริลลาถูกฆ่าตาย
ข้อสังเกต: ผู้แปลสับสนในเรื่องตัวสะกดของคำสองคำนี้
คือ guerrilla (s) ซึ่งแปลว่า ผู้ก่อการร้าย
และ gorilla (s) ซึ่งแปลว่า ลิงกอริลลา
ควรแปลว่า: ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากถูกฆ่าตายในการต่อสู้
2. The traffic problem in Bangkok has been ignored until very lately.
มีผู้แปลว่า: ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ถูกละเลยจนกระทั่งสายมาก
ข้อสังเกต: ผู้แปลเข้าใจว่า lately เป็นกริยาวิเศษณ์ของคุณศัพท์ late
ซึ่งแปลว่า ช้า สาย จึงแปลผิด
ควรแปลว่า: ปัญหาเรื่องการจราจรในกรุงเทพฯ ถูกละเลยมาตลอดจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้
คำกริยาคู่
1. The firemen successfully put out the fire.
คำว่า “put out” เป็น phrasal verb ที่เกิดจากกริยา put + out เมื่อมาใช้ คู่กันจะเกิดความหมายใหม่ขึ้นมา แปลว่า ดับไฟ (to extinguish)
ประโยคนี้ควรแปลว่า: พนักงานดับเพลิงดับไฟสำเร็จ
2. We can look up the meaning of words in the dictionary.
คำว่า “look up” เป็น phrasal verb ที่มีความหมายว่า ค้นหา
ประโยคนี้ควรแปลว่า: เราค้นหาความหมายของคำได้จากพจนานุกรม
สุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่าง ๆ
การแปลสำนวนเป็นเรื่องยาก ผู้แปลต้องตีความหมายของสำนวนนั้นให้ได้ แล้วจึงหาคำแปลที่มีความหมายเทียบเคียงกันมาแปล การแปลไปตามรูปคำผู้อ่านจะไม่ เข้าใจเพราะไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และการดำรงชีวิตของเจ้าของภาษา จึงไม่ทราบภูมิหลังของสุภาษิตและคำพังเพยนั้น
1. Carrying coals to Newcastle.
ถ้าแปลคำพังเพยนี้ว่า เอาถ่านหินไปนิวคาสเซิล ผู้อ่านที่เป็นคนไทยจะไม่เข้าใจความหมาย แต่ถ้าแปลเทียบเคียงกับคำพังเพยไทยที่ว่า เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน ผู้อ่านที่เป็นคนไทยจะเข้าใจมากกว่า
2. Yesterday he worked hard, so he slept like a log.
ถ้าแปลประโยคนี้ว่า เมื่อวานนี้เขาทำงานหนัก เขาจึงนอนหลับเป็นตาย ผู้อ่านคนไทยจะเข้าใจและมองเห็นภาพกว่า เมื่อแปลว่า เขาจึงนอนหลับเหมือนซุง
===============================================
เข้าใจกันมั้ยน้อ....
สงสัยอะไรถามได้นะคะ :D
thanks : Swinwin2.blogspot.com :D
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น