คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Cube x Cursed x Curious:Chapter1 part4.1
ในวันต่อมา ระหว่างช่วงพักกลางวันที่โรงเรียน ขณะที่ฮารุอากิเปิดฝากล่องอาหารกลางวันออก ปัญหาที่เขาปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านตามลำพังก็ลอยเข้ามาในหัว
(ฉันหวังว่าเธอจะอยู่คนเดียวได้โดยไม่มีปัญหาอะไรนะ ฉันเขียนโน้ตบอกเธอไว้แล้ว และแบ่งอาหารที่ทำให้เธอด้วย แต่...เดี๋ยวนะ เธออ่านหนังสือออกรึเปล่าเนี่ย?)
เมื่อตอนเช้า ฮารุอากิเข้าไปในห้องของเฟียร์ เธอยังคงนอนหลับสนิท สีหน้าของเธอดูมีความสุข เขาพยายามปลุกเธอ แต่เธอไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ เขาจึงต้องทิ้งโน๊ตบอกเธอไว้ว่าเขาต้องไปโรงเรียนและทำอาหารไว้ให้แล้ว
ฮารุอากิสงสัยว่าเธอยังหลับอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้านี้เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าฟูกที่เขาห่มนอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย และเมื่อเขาเข้าไปในห้องของเฟียร์ เขาก็พบว่าเธอกำลังห่มฟูกของเขาอยู่ ส่วนฟูกที่เขาให้เธอในตอนแรกกลับถูกทิ้งไว้ที่มุมห้อง เขาเองก็สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น
“เฮ้ ฮารุอากิ! เป็นอะไรไปน่ะ? พอเปิดกล่องข้าวแล้วก็ตัวแข็งไปเลย...บางทีนายควรจะหาอะไรทำบ้างนะ ไม่ใช่แค่ทำกับข้าว แล้วก็ทำงานบ้านแบบนี้ เบสบอลก็เจ๋งนะ ไม่ลองเล่นดูหน่อยล่ะ”
ฮาคุโตะ ไทโซอุ เพื่อนร่วมห้องที่มักจะกินข้าวกลางวันกับฮารุอากิเสมอพูดขึ้น
“ไอ้ท่าทางห่อเหี่ยวแบบนี้มันเป็นปกติของเขาน่า แต่ว่าคราวนี้มันมีอะไรแปลกไปจากทุกทีนะ หรือว่า----หมอนี่จะเผลอไปจิ้มสาวที่ไหนจนท้อง? ฮ่าๆๆๆ”
“คานะ! เลิกพล่ามมุกหยาบคายแบบนั้นได้แล้ว!”
มิยามาะ คานะ เด็กสาวผู้มีผิวสีน้ำผึ้งแบบคนสุขภาพดีกล่าวหยอกฮารุอากิ ก่อนจะถูกหัวหน้าห้อง ยูเอะโนะ คิริกะต่อว่าเกี่ยวกับคำพูดอันล่อแหลมของเธอ
“ลืมเรื่องที่คานะพูดไม่คิดไปซะเถอะนะ แต่ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอดูใจลอยไม่เหมือนทุกที มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอกังวลหรือเปล่า?”
“หือ? เปล่า...ไม่นี่ ฉันไม่มีปัญหาอะไรสักหน่อย สงสัยคงเป็นเพราะฉันเป็นหวัดจากเมื่อคืนละมั้ง”
“เห็นรึเปล่า ไทโซอุซัง? คิริกะจังพูดประมาณว่า: ฉันคอยเฝ้าดูเขามาตลอด เพราะฉะนั้นฉันจึงรู้ว่าเขามีบางอย่างแปลกไป! โอ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะทำได้เพื่อช่วยเขาละก็...”
“นายนี่มันตัวร้ายชัดๆ ฮารุอากิ! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่นายขโมยหัวใจอันใสซื่อบริสุทธิ์ของหัวหน้าห้องไป?นายได้ช่วยเจ้าหญิงไว้รึเปล่า? นายได้เผาโรงงานพิมพ์แบงค์ปลอมรึยัง? นายได้ฆ่าคนในหอนาฬิกาด้วยกรรไกรคู่รึเปล่า?”
“พวกเธอทั้งคู่เลย! หยะ-หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! งี่เง่าที่สุดเลย”
ทั้งไทโซอุและคานะเป็นเพื่อนกับฮารุอากิตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ส่วนคิริกะเพิ่งจะรู้จักเขาเมื่อตอนมัธยมปลาย
คิริกะเป็นหัวหน้าห้องที่มีนิสัยน่าเกรงขาม เธอเป็นคนเงียบๆและสำรวมกริยาอยู่ตลอดเวลา
ในด้านการเรียน เธอก็เป็นระดับหัวกะทิของโรงเรียน เธอสวมกระโปรงยาวถึงเข่าเสมอ ชวนให้เกิดความคิดว่าเธอควรจะเกิดเมื่อสักสองทศวรรษก่อนหน้านี้ขึ้นมา เธอดูรังเกียจการเปิดเผยเนื้อหนังของตัวเอง เธอจึงสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลาที่เรียนวิชาพละ แม้แต่ในหน้าร้อน เธอก็ยังใส่กางเกงวอร์มขายาว ด้วยเหตุต่างๆเหล่านี้ ทำให้มีคนไม่กี่คนที่กล้าเข้ามาทำความรู้จักเธอ เธอมักจะไม่มีเพื่อนในช่วงแรกของการเปิดเรียน มีเพียงคานะผู้ที่เป็นมิตรได้กับทุกๆคนเท่านั้น ที่พยายามดึงคิริกะมาอยู่ในกลุ่มพวกเขา อย่างไรก็ตาม มันมีเหตุผลบางอย่างที่คิริกะเริ่มมากินข้าวกลางวันกับพวกเขา
“ช่างเรื่องไร้สาระพวกนั้นเถอะ มาเริ่มการแข่งขันของพวกเราต่อดีกว่า ฉันมั่นใจมากกับไข่เจียวของฉันในวันนี้ คราวนี้แหละ ฉันจะเอาคืนกับการพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้! ฉันเชื่อใจให้พวกเธอสองคนเป็นกรรมการนะ”
คิริกะเปิดกล่องอาหารกลางวันของเธอแล้วส่งให้ไทโซอุและคานะ
“คิริกะจัง เธอคิดว่าวันนี้เธอจะมีโอกาสชนะเหรอ?”
“ฉันลองชิมมันตั้งหลายครั้ง แล้วอีกอย่าง วันนี้ยาจิก็เป็นหวัดด้วย...หมายความว่าการรับรู้รสชาติของเขาอาจเพี้ยนไป วันนี้แหละ ฉันชนะแน่”
สายตาอันมุ่งมั่นของเธอทิ่มแทงฮารุอากิ
“โอ้ เธอไปเอาความตั้งใจมาจากไหนนักเนี่ย...?”
“ดีละ ถึงพวกเขาจะบอกว่าเป้าหมายของการแข่งนี่ก็เพื่อรักษาสุขภาพ แต่ฉันสนใจแค่รสชาติเท่านั้นแหละ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ยังไงซะพวกเราก็เป็นกรรมการนี่นา เอาละนะ---!”
“”ฉันจะลองชิมไอ้นี่ก่อนแล้วกัน! ----ว้าว คิริกะจัง! ไข่เจียวนี่มันสุดยอดมาก! ฉันชอบเบคอนกรอบชิ้นเล็กๆพวกนี้มากๆเลย!
“จริงเหรอ? มันอร่อยสินะ? ฮิฮิฮิฮิ....!”
คิริกะยิ้มหยันเมื่อกรรมการทั้งสองชื่นชมอาหารของเธอ แต่รอยยิ้มนั้นหายไปทันที
ในเมื่อการแข่งขันยังไม่ยุติ กรรมการก็เริ่มชิมอาหารของฮารุอากิและ----
“ไข่เจียวของอากิก็สุดยอดเหมือนกัน! สุดยอดจริงๆ!...อืม ฉันสงสัยจังว่ารสชาติแปลกๆนี่มันคืออะไร”
“ฮารุอากิ นายใส่อะไรลงไปในไข่เจียวน่ะ?”
“ฉันใส่อะโวกาโดลงไปนิดหน่อย ตามการ์ตูนทำอาหารเก่าๆเล่มนึงน่ะ”
ไทโซอุและคานะมองหน้ากัน พยักหน้า ก่อนจะหยิบกล่องอาหารของผู้ชนะยกขึ้นเหนือหัว ดูแล้วเหมือนรูปปั้นสมมาตรตลกๆกำลังชูกล่องอาหาร
“อืม รสชาติยอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่เราตัดสินใจให้ฮารุอากิชนะจากความคิดสร้างสรรค์ของเขา!”
หัวของคิริกะตกห้อย มือทั้งคู่สั่นกึกๆ
“อุก...! ความสร้างสรรค์...พวกเขาพูดถูก ฉันมัวแต่สนใจเรื่องรสชาติ ฉันจึงล้มเหลวในการคิดสูตรใหม่ๆ...! ฉันได้เรียนรู้แล้วในวันนี้ว่าความคิดอนุรักษ์นิยมอย่างเดียวไม่สามารถจะต้านทานความคิดสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในทุกวันนี้ได้”
“...เฮ้ คุณหัวหน้าห้อง ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ต้องจริงจังกับการแข่งขันขนาดนั้น”
ฮารุอากิพยายามพูดให้เธอหายเศร้า คิริกะเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพูดว่า;
“ฉันจะไม่แพ้ให้กับผู้ชายตลอดไปหรอก โดยเฉพาะกับเรื่องทำอาหาร! คราวหน้าฉันชนะแน่นอน!”
แน่นอนว่าเธอพูดแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่การแสดงความเห็นออกไปแบบนั้นก็เป็นการฆ่าตัวตายเปล่าๆ เขาจึงพยายามกล้ำกลืนคำโต้ตอบเอาไว้และส่งรอยยิ้มอันขมขื่นกลับไปให้เธอแทน
หลังจากนั้น ทุกคนก็จัดการกับข้าวกลางวันของตัวเอง ฮารุอากิได้ยินเพื่อนร่วมชั้นบอกว่าเขามีคนมาหา เมื่อเขามองไปที่ประตูก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย
“นั่นโคโนฮะซังนี่! เธอ...ช่าง เอ่อ นายก็รู้ เหมือนทุกทีไง! บ้าฉิบ! ฮารุอากิ บอกเธอด้วยว่าฉัน,ไทโซอุ, ส่งความปลาบปลื้มไปให้กับเธอผู้งดงามราวกับดอกเบลลาดอนนา*”
“แล้วทำไมเจ้าฮาคุโตะต้องเปรียบเทียบเธอกับดอกไม้มีพิษด้วย ซื่อบื้อจริงๆ”
ฮารุอากิทิ้งบทสนทนาอันหาสาระไม่ได้ไว้ข้างหลัง ก่อนจะเดินไปที่ประตู นี่เป็นครั้งแรกชองวันที่เขาได้เจอกับโคโนฮะ
“ว่าไง?”
“ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก จริงๆแล้ว...ฉันก็แค่กังวลเกี่ยวกับเด็กคนนั้น...”
“ฉันพยายามปลุกเธอแล้วแต่เธอไม่ยอมลุกน่ะ ฉันเลยต้องปล่อยเธอไว้ที่บ้านคนเดียว”
“อะไรนะ?”
เธอนิ่งอึ้ง
“ปล่อยเธอไว้คนเดียวมันจะไม่เป็นอะไรเหรอ? จากที่ฉันดูเมื่อคืน ฉันก็คิดว่าเธอไม่ได้เป็นอันตรายมากมายอะไร แต่ว่า อืม... พอฮารุอากิคุงพูดแล้วฉันก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับเธอขึ้นมา ”
“ฮารุอากิคุงได้เห็น...รูปร่างดั้งเดิมของเธอหรือยัง?”
“ก็นิดหน่อย เมื่อฉันเห็นเธอครั้งแรก เธอดูเหมือนเป็นกล่องปริศนาขนาดใหญ่”
เขาเริ่มคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงยอมแพ้ เขายังคงไม่รู้อยู่ดีว่าเธอคืออะไร
“เอาเถอะ ถ้าฮารุอากิคุงบอกว่าเธอจะไม่เป็นไร ฉันคิดว่ามันก็คงเป็นแบบนั้นแหละ คงไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก”
โคโนฮะโค้งตัวเป็นเชิงลา ก่อนจะกลับไปที่ห้องเรียนของเธอ
(ถึงเธอจะบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ว่า...)
เมื่อคนเราเริ่มจะกังวล ความกังวลจะไม่หายไปจนกว่าจะได้ตรวจดูสิ่งที่ก่อความกังวลชัดๆ ก็เหมือนกับเวลาทำข้อสอบแล้วเกิดไม่มั่นใจในคำตอบขึ้นมา จนต้องเสียเวลากลับไปทวน ฮารุอากิเองไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งจ้องเข็มนาฬิกาที่หมุนอย่างเชื่องช้าในห้องเรียน และรอจนกว่าจะถึงเวลากลับบ้าน
ความคิดเห็น