ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การจากลา
ฟ้าเบื้องบนเจิดจรัศพร่างพราวด้วยดวงดาวอันเหลือคณะนับ ไร้แสงจันทร์ซึ่งอาจจะบดบังเเสงระยิบเล็กๆเหล่านั้นให้เลือนหายไป สตรีในโลกหล้างดงามฉันใด ดาวหนึ่งดวงย่อมเจิดจรัศฉันรอยยิ้มแห่งสตรีโฉมสคราญ ทว่า ความงดงามเบื้องบนนั้น แทบไม่ได้อยูในสายตาของเธอผู้นี้เลย เธอผู้ซึ่งก้าวไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวเข้าไปในป่าลึกอันกว้างใหญ่ ตลอดเส้นทางมีใบไม้แห้งกรอบและหนามเล็กหนามน้อยที่คอยทิ่มตำเท้านาง แม้ความเจ็บจะบังเกิด แต่นางก็หาสนใจสิ่งใด นางเพียงมีความเจ็บในใจเท่านั้นที่คอยหลอกหลอนให้นางต้องตระหนักคิด และคอยสำนึกผิดทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตัวนางเอง หนึ่งคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจอย่างท่วมท้นและดูเหมือนจะมากมายก่ายกองจนทะลักทะล้นออกมาปกคลุมรอบกายและคอยตอกย้ำอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา คำถามนั้น คือ ...
"ฉันผิดอะไร"
นางแหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่ำร้องด้วยคำถามนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ฉันผิดอะไร...ฉันผิดอะไร นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะได้รับหรือ"
นางทรุดตัวลงกับพื้นเบาๆ ก้มหน้าลงแต่ไม่ใช่เพื่อร้องให้ ในมือนางมีห่อผ้าไม่ใหญ่นัก ภายในนั้นคือทารกเพศหญิงที่กำลังหลับไหล
"แม่ขอโทษนะลูก...แม่ขอโทษที่ต้องเป็นลูก แม่ขอโทษ"
นางไม่มีถ้อยคำใดจะเอื้อนเอ่ยแก่บุตรสาวนอกจาก คำขอโทษ
ห่างออกไปจากป่าแห่งความโศกเศร้า พิธีกรรมกำลังจะเริ่มขึ้น...
ชาวนครอีสเทิร์นวาลเลย์นั้นจงเกลียดจงชังสิ่งที่เรียกว่า 'ฝาแฝด' ยิ่งนัก เพราะพวกเขาเหล่านั้นถือว่า ฝาแฝด เป็นสิ่งอัปมงคล หากสตรีนางใดที่ให้กำเนิดบุตรฝาแฝด นางผู้นั้นจักต้องเลือกว่าจะไว้ชีวิตแฝดพี่ หรือแฝดน้อง ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงเซซิเลียที่ได้ให้กำเนิดทารกแฝดเพศหญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่โจษขันกับไปทั่วมหานครในขณะนี้
"รู้อะไรหรือไม่ ว่านางคือกาลีบ้านกาลีเมือง" ท่านผู้เฒ่าทเวนเดอร์เอ่ยขึ้นในโรงเตี้ยมที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งขาจรและขาประจำ
"นี่!! ตาเฒ่า พูดอะไรให้ดีหน่อย" ภรรยาของเขาเอ็ดพร้อมค้อนด้วยสาตา "หัวเจ้าจะหลุดจากบ่า หารู้ตัวไม่!!"
วงสนทนาประกอบไปด้วยสองเฒ่าและชายวัยกลางคนที่มีภรรยาเป็นเด็กหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ชายขาจรผู้หนึ่งซึ้งนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะอีกตัวค่อยๆหันมายังวงน้ำชา เขาลุกจากเก้าอี้ และสาวเท้ามายังพวกเขา
"จะรังเกียจไหมหากข้าจะขอร่วมโต๊ะน้ำชากับพวกท่าน" เขาถอดหมวกฮูดลงและโค้งคำนับหนึ่งครั้ง " นามข้า บ็องดาริ ข้าเป็นพ่อค้าสมุนไพรเดินทางไกลจากแซนด์ไชน์นคร ระหว่างทางพอทราบเรื่องราวบ้าง แต่ก้ยังไม่กระจ่างใจ ขอความกรุณาพวกท่านด้วย ข้าขอแค่รับฟังต่างๆเท่านั้นเท่านั้น จะปริปากก็ต่อเมื่อท่านคนใดเอ่ยถาม"
สีหน้าแต่ละคนที่โดนฉาบฉายด้วยแสงตะเกียงสีเหลืองนวลนั้นไม่อาจปิดบังความประหวั่นพรั่นพรึงไว้ได้ คุณนายทเวนเดอร์ชักสีหน้าไม่พอใจ หล่อนทำทีจะคัดค้าน กลับต้องถูกชะงัก มื่อสามีนางเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจเสียเอง
"ได้สิ พ่อหนุมนักเดินทาง"น้ำเสียงนั้นจริงใจอย่างไม่มีอะไรเจือปน"เชิญๆ นั่งตรงนั้นได้เลย"
ชายหนุ่มก้มตัวลงอีกครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณ เขานั่งลง เบาๆตรงที่นั่งที่ว่างอยู่ และการสนธนาก็เริ่มต้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มหานครอีสเทิร์นวาลเลย์
"ฉันผิดอะไร"
นางแหงนหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่ำร้องด้วยคำถามนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ฉันผิดอะไร...ฉันผิดอะไร นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะได้รับหรือ"
นางทรุดตัวลงกับพื้นเบาๆ ก้มหน้าลงแต่ไม่ใช่เพื่อร้องให้ ในมือนางมีห่อผ้าไม่ใหญ่นัก ภายในนั้นคือทารกเพศหญิงที่กำลังหลับไหล
"แม่ขอโทษนะลูก...แม่ขอโทษที่ต้องเป็นลูก แม่ขอโทษ"
นางไม่มีถ้อยคำใดจะเอื้อนเอ่ยแก่บุตรสาวนอกจาก คำขอโทษ
ห่างออกไปจากป่าแห่งความโศกเศร้า พิธีกรรมกำลังจะเริ่มขึ้น...
ชาวนครอีสเทิร์นวาลเลย์นั้นจงเกลียดจงชังสิ่งที่เรียกว่า 'ฝาแฝด' ยิ่งนัก เพราะพวกเขาเหล่านั้นถือว่า ฝาแฝด เป็นสิ่งอัปมงคล หากสตรีนางใดที่ให้กำเนิดบุตรฝาแฝด นางผู้นั้นจักต้องเลือกว่าจะไว้ชีวิตแฝดพี่ หรือแฝดน้อง ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงเซซิเลียที่ได้ให้กำเนิดทารกแฝดเพศหญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่โจษขันกับไปทั่วมหานครในขณะนี้
"รู้อะไรหรือไม่ ว่านางคือกาลีบ้านกาลีเมือง" ท่านผู้เฒ่าทเวนเดอร์เอ่ยขึ้นในโรงเตี้ยมที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งขาจรและขาประจำ
"นี่!! ตาเฒ่า พูดอะไรให้ดีหน่อย" ภรรยาของเขาเอ็ดพร้อมค้อนด้วยสาตา "หัวเจ้าจะหลุดจากบ่า หารู้ตัวไม่!!"
วงสนทนาประกอบไปด้วยสองเฒ่าและชายวัยกลางคนที่มีภรรยาเป็นเด็กหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ชายขาจรผู้หนึ่งซึ้งนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะอีกตัวค่อยๆหันมายังวงน้ำชา เขาลุกจากเก้าอี้ และสาวเท้ามายังพวกเขา
"จะรังเกียจไหมหากข้าจะขอร่วมโต๊ะน้ำชากับพวกท่าน" เขาถอดหมวกฮูดลงและโค้งคำนับหนึ่งครั้ง " นามข้า บ็องดาริ ข้าเป็นพ่อค้าสมุนไพรเดินทางไกลจากแซนด์ไชน์นคร ระหว่างทางพอทราบเรื่องราวบ้าง แต่ก้ยังไม่กระจ่างใจ ขอความกรุณาพวกท่านด้วย ข้าขอแค่รับฟังต่างๆเท่านั้นเท่านั้น จะปริปากก็ต่อเมื่อท่านคนใดเอ่ยถาม"
สีหน้าแต่ละคนที่โดนฉาบฉายด้วยแสงตะเกียงสีเหลืองนวลนั้นไม่อาจปิดบังความประหวั่นพรั่นพรึงไว้ได้ คุณนายทเวนเดอร์ชักสีหน้าไม่พอใจ หล่อนทำทีจะคัดค้าน กลับต้องถูกชะงัก มื่อสามีนางเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจเสียเอง
"ได้สิ พ่อหนุมนักเดินทาง"น้ำเสียงนั้นจริงใจอย่างไม่มีอะไรเจือปน"เชิญๆ นั่งตรงนั้นได้เลย"
ชายหนุ่มก้มตัวลงอีกครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณ เขานั่งลง เบาๆตรงที่นั่งที่ว่างอยู่ และการสนธนาก็เริ่มต้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มหานครอีสเทิร์นวาลเลย์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น