คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : สายฝนที่หนึ่ง : ตอนที่ 6
"มึงพูดว่าอะไรนะ" เหมือนชายหัวโลเนรู้สึกว่าหูตัวเองจะเพี้ยน จึงถามกลับไปใหม่
"สอนผมที" เด็กหนุ่มย้ำคำ
"สอนอะไร กูไม่ใช่ครู กูเป็นช่าง.."
"ก็นั่นแหละ! สอนการเป็นช่างอาชีพให้ผม ผมต้องการเรียน"
เหมือนเวลารอบตัวทั้งคู่หยุดลง ลุงโชคขยับตัวพร้อมทำหน้าประหลาดใจครู่นึง ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าไอ้แก่กวนประสาทในสายตาภูริเช่นเดิม
"คือ กูหูฝาดรึป่าว เด็กสุดเก่งอย่างมึงเนี่ยนะจะต้องการให้กูสอน" ลุงโชคแอบแซะก่อนจะเบือนหน้าหนีไป ภได้แต่ข่มอารมณ์จนหมัดที่กำอยู่สั่นไปหมด
"ลุง ผมมาพูดดีๆนะ"
"กูก็ยินดีด้วยที่คนแบบมึงพูดดีกับเขาได้"
จากนั้นความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง ลุงโชคคิดว่าภูรินนั้นคงกลับไปแล้วจึงเหลือบมอง แต่ผิดคาด เด็กหนุ่มในเสื้อช็อปสีเทายังคงยืนหัวโด่อยู่ ใบหน้าบ่งบอกว่าสุดจะทนกับไอ้ลุงพุงโตคนนี้แล้ว
"สรุปว่าจะไม่สอน?"
"ไม่" เจ้าของอู่ตอบแบบไม่ต้องคิดนาน "คนนิสัยเสียแบบมึง กูไม่อยากสอนอะไรทั้งนั้นแหละ"
สิ้นคำพูด ใบหน้าภูรินก็แดงก่ำไปหมด จิตใต้สำนึกของเขาคอยกระซิบว่านายจะโดนอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้"
"ลุง ไม่พูดกวนตีนผมซักวันจะได้ไหม"
"นั่น เด็กสันดารเสียแบบมึงจะพูดดีได้สักเท่าไหร่กันเชียว นี่ถ้ากูสอนมึง เผลอแปบๆ ก็คงพูดหมาๆใส่กู"
และแล้วเส้นความอดทนของเด็กหนุ่มก็ได้ขาดลง
"ทนมานานแล้วนะไอ้โล้น! พูดดีก็แล้วอะไรก็แล้ว นี่ถ้าไม่มีคนแนะนำมาให้เรียนกับมึง กูไม่ทนให้มึงกวนตีนทั้งๆที่รู้ว่ามึงจะไม่สอนอะไรกูอยู่แล้วหรอก!"
ภูรินระบายอารมณ์ที่เขาอดกลั้นกับความหมั่นไส้ส่วนตัวออกไป สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าภูรินเป็นพวกที่ความอดทนต่ำ อะไรนิดอะไรหน่อยก็โวยวายแล้ว
แต่เชื่อเหอะ สำหรับภูริน การคุยดีๆกับคนที่ตนเองเหม็นขี้หน้ามานานแล้ว มันเต็มกลืนสำหรับเขามากแล้ว
แต่แทนที่ชายกลางคนจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟกับคำพูดที่ดูไม่มีกาลเทษะ แต่ดูเหมือนลุงโชคจะตกใจในสิ่งภูรินพูดจนต้องเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินออกจากอู่ของเขา
"เดี๋ยว ใครให้มึงมาเรียนกับกูนะ?"
"ปอยฝ้าย?" ภูรินตอบเสียงห้วน "ลุงไม่รู้จักหรอก"
"ปอยฝ้าย ลูกสาวไอ้เรืองที่ทำนาอยู่ตรงซอยสองใช่ไหม"
"ไม่รู้ แต่ถ้าบอกว่าทำนาอยู่ตรงนั้นก็น่าจะใช่แหละ" ภูรินตอบแบบปัดๆไป ความจริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเรืองคือใคร หรือปอยฝ้ายเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
เขาคิดว่านั่นเป็นประโยคจบสนทนาแล้ว ขณะที่เด็กหนุ่มแว่นหน้าจะก้าวขาออกจากอู่ แต่ก็ถูกลุงโชคลากตัวเขาให้นั่งอยู่ตรงหน้าซากรถจักรยานยนต์ที่ชายร่างอ้วนลงพุงงัวเงียนั่งซ่อมอยู่ทีแรก สร้างความความงุนงงให้กับภูรินเป็นอย่างมาก
และความงุนงงก็ถูกแทนทีด้วยความยุ่งยากแทน
"ซ่อมมัน" ลุงโชคกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับยื่นประแจให้กับเด็กหนุ่มที่นั่งมองตาโตมาที่เขา "ถ้าซ่อมได้ กูจะรับสอนมึง"
“บ้า สภาพอย่างกับขยะ..” ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดด้วยประแจเหล็กที่มาฟาดที่หัวเด็กหนุ่ม แม้จะเป็นการฟาดเบาๆ แต่เหล็กที่มาเคาะกับหัวนั้น เจ็บใช้ได้
“อย่างแรกที่กูจะสอนเลย อย่าพูดใส่งานที่ตัวเองจะทำว่าเป็นขยะ ตอนให้มึงจะซ่อมขยะจริงๆก็เถอะ”
“แต่สภาพแบบนี้มันซ่อมไม่ได้!"
“แล้วมึงลองซ่อมแล้วรึยังละ”
คำพูดของลุงโชคทำให้ภูรินรู้สึกอะไรบางอย่าง ใช่ เขายังไม่ได้ลองซ่อมมันดูเลยก็จริง แต่ด้วยฝีมือของเขาเอง ทำยังไงเด็กหนุ่มก็คิดไม่ออกเลยว่าจะชุบชีวิตให้กับโครงรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ได้อย่างไร
ไม่ลองก็ไม่รู้
เด็กหนุ่มคว้าประแจจากมือของลุงโชคไว้ ก่อนเริ่มทำการสำรวจโครงรถที่อยู่ตรงหน้า โดยทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ ผลก็คือเครื่องยนต์ก็สามารถทำงานได้อย่างปกติ จนตัวภูรินเกิดความสงสัยว่าอะไรคือปัญหาที่เขาควรแก้ไข
แต่ไม่นาน เขาก็พบปัญหา เมื่อเขาสตาร์ทแล้ว เครื่องยนต์ที่ติดนั้นก็ดับไป ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกสามครั้งที่เขาทำการสตาร์ท และปัญหาต่อไปคือเสียงเครื่องยนต์ดังมาก เสียงมันดังเหมือนคนแก่กำลังสำลักอะไรสักอย่าง และเครื่องยนต์ก็ร้อนจี๋มาก ทั้งๆที่เขาสตาร์ทเครื่องแค่สามรอบเอง
มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแก้ไขปัญหาทั้งสามนี้ให้หมดไป เขาต้องค่อยๆ แก้ปัญหาทีละอย่าง อยากแรกเลยเขากะจะดูตรงลูกสูบเครื่องยนต์ว่ามีปัญหาไหม ภูรินค่อยๆใช้ประแจเปิดเครื่องอยู่อย่างช้าๆ จนแอบดูทุลักทุเลในบางครั้ง จนสุดท้ายลุงโชคก็คว้ามือไว้
“จะทำอะไร” ลุงโชคถามเสียงเรียบ
“จะเปิดดูลูกสูบ” ภูรินตอบตามความจริง
“จะเปิดดูทำไม?”
“ก็จะซ่อมไง” ภูรินตอบพร้อมกับไปลงมือกับงานตัวเองต่อ แต่ก็ถูกดึงมือจนเด็กหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
“ถ้าซ่อมแบบไม่มีจุดหมาย มึงก็ซ่อมอะไรไม่ได้หรอก”
“ก็เครื่องมันสตาร์ทติดแล้วก็ดับ เลยจะดูตรงลูกสูบ” เด็กหนุ่มตอบทั้งหมดเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับชายตรงหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดเลย ชายร่างอ้วนลงพุงหยิบประแจจากมือภูรินก่อนจะเปิดจุดๆนึงในตัวเครื่อง มันเป็นคล้ายๆก่องเล็กๆที่มีท่อยาวๆต่อจากตรงทั้งน้ำมัน โดยตรงนั้นมันมีคราบสกปรกมากมาย น้ำดำๆค่อยๆไหลออกมาจากตรงนั้น โดยที่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตรงมันคืออะไร
“หัวฉีดจ่ายน้ำมัน” ลุงโชคอธิบาย “ทั้งเก่า และสกปรก มันเลยทำให้ตัวเครื่องยนต์ไม่ได้รับน้ำมันที่มากพอ เลยทำให้ดับกลางคันเหมือนเครื่องน้ำมันหมด"
ภูรินอ้าปากเหวออยู่พักใหญ่ ที่เขาจำได้ว่าที่เรียนล่าสุดก็สอนเกี่ยวกับลูกสูบเองนิ หากเครื่องเป็นไรก็ให้คิดว่าเป็นที่ลูกสูบก่อน แต่พอเป็นแบบนี้ทำให้เขาพูดไม่ออกพักอยู่ใหญ่
“ก็ดีที่ยังคิดว่าเป็นที่ตัวลูกสูบ แต่บางที มึงก็ควรที่จะคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อยนะ”
เจอคำพูดสั่งสอนแบบนั้นจากปากคนที่เขาไม่ชอบหน้าเป็นทุนเดิม ทำให้เขารู้สึกแย่ไปใหญ่ กับการแค่ซ่อมรถที่เขาดูถูกนักว่าเป็นอาชีพหาเช้ากินค่ำ ไม่คิดว่ามันจะซับซ้อนขนาดนี้
ลุงโชคที่เหลือบมองเห็นภูรินทำหน้าแบบนั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับเกาหัวที่ไม่ค่อยมีเส้นผมประดับบนหัวของเขา
“มันไม่ผิดที่มึงหรอก ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา” เขาถอนหายใจอย่างรำคาญสามสี่รอบ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“เออๆ มา เดี๋ยวกูสอนให้”
ความคิดเห็น