ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kingdom Of The Darkness

    ลำดับตอนที่ #6 : ชนเผ่ามายา(Maya)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 49


    ตอนที่6 ชนเผ่ามายา (Maya)

     

                รุ่งอรุณก็มาเยือนวันนี้เป็นวันที่มืดครึมมีลมแรงแต่นี่ก็ไม่ใช้ฤดูพายุ นี้มันเหมันต์ฤดูต่างหาก เรเว็นลุกมาและเดินไปที่ชายป่าตามลำพัง แม้จะมีลมแรงและมืดครึมทำให้เขารู้สึก อึด อัด แต่นั้นไม่ใช้ปัญหาที่จะมาขัดขวางการกระทำของเขาซะทีเดียวแต่เพราะเขาหาได้ชอบอากาศแบบนี้ไม่ ถึงปากทางที่โล่งมีหมอกหนาทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแต่เขาเขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเบื้องหลังหมอกนั้นมันทำให้เขารู้สึกไม่ดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมา มีเสียงกระพือปีกแต่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่เต็มที่จึงทำให้เห็นเงาเพียงเท่านั้น เขายืนค้างมองอยู่นานแต่เขาคงไม่คิดอะไรมากและเดินกลับไปยังที่พักกลางทางและก็เห็น ชิลเลนนอนบาดเจ็บอยู่บ้างโค่นหินไม่ไกลจากที่พักมากนัก

     

    “ชิลเลน! ชิลเลน!”

     

    “เกิดอะไรขึ้น” เรเว็นตะโกนเพื่อให้ชิลเลนรู้สึกตัวด้วยความเป็นห่วง และเธอก็ค่อยๆกระตุกและลืมตา ขึ้น

     

     “เรเว็น…เรเว็น บราโก้เค้า…” ชิลเลนพูดเสียงอ่อนและสลบอีกครั้งแล้วเรเว็นก็อุ้มเธอมายังที่พักกลางทางเพื่อปฐมพยาบาลเธอ

     

     “เร… เร…เรเว็น”

     

     “ช่วยด้วย”

     

    “เรเว็น!” ชิลเลนตะโกนออกมาแล้วรู้สึกตัว

     

    “เป็นอะไรไปไม่เป็นไรแล้วนะ” เรเว็นพยายามกล่อมชิลเลนเหมือนพวกที่เสียสติไป

     

     “พวกมันเอาตัวบราโก้ไป” ชิลเลนนึกขึ้นได้และบอกบราโก้ไป

     

     “ใคร? ใครเอาบราโก้ไป” เรเว็นถามสาวชาวดาร์คด้วยวามสงสัย

     

     “มายา.ชนเผ่ามายา”

     

     “พวกเผ่ามายา” ชิลเลนบอกเรเว็นไปด้วยความไม่แน่นใจว่าใช้รึเปล่า

     

     “ตายล่ะ” เขาอุทานออกมาพร้อมใบหน้าที่หนักใจ

     

    “แต่คนของเผ่ามายาได้สาบสูญไปแล้ว และถ้ามี  มายาจะไม่ลักพาตัวรึว่าฆ่าใครโดยไร้เหตุผล" เขาพูดด้วยความเชื่อมันเพราะก่อนหน้านี้ท่านปู่ของเขาเคยเล่าให้ฟัง

     

    “แต่อย่างน้อยชนเผ่ามายาก็เป็นครึ่งสัตว์คงมีสัญชาตญาณของเดียรัจฉานมั่งแหละน่า” เธอสวนกลับ

     

     “เราควรจะไปที่พักของมัน”เรเว็นพูดขึ้น

     

     “ไปยังไงล่ะ? เธอรู้เหรอว่าอยู่ไหน”ชิลเลนสวนกลับ

     

     “ไม่รู้ ! แต่ก็ต้องไป” เรเว็นกล่าวเช่นนั้นก่อนจะถือสัมภาระติดตัวเดินไปยังปากทางที่เขาเดินมาสำรวจแล้ว มันเป็นเหมือนแอ่งกะทะที่มีภูเขาลอมรอบทุกด้าน

     

    ฟิ้ว….

     

    เสียงอากาศที่ถูกตัดผ่านโดยอะไรบ้างอย่างทำให้เรเว็นชะงักฝีเท้าลงทันทีที่ได้ยินพวกเขาเดินมาถึงกลางทางซึ่งเป็นที่โล่งกว้างมีลมอ่อนๆ สลับกับลมแรงเป็นจังหวะและหมอกที่หนาทำให้มองไม่เห็นอะไรเรเว็นหันมามองหน้าชิลเลนทั้งสองสบตากันซักพักสีหน้าของเรเว็นก็เปลี่ยนไปราวกลับเห็นนรกอยู่ตรงหน้า

     

    “มีอะไรหรือเรเว็น” ชิลเลนถามด้วยความสงสัย สีหน้าของเรเว็นไม่สู้ดีนัก ทำให้ชิลเลนที่กำลังสงสัยหันกลับไปมองและเธอก็ได้พบกับเงาร่างยักษ์ใหญ่ทำเอาชิลเลนตกใจไปอีกคน เงานั้นเริ่มกางบางสิ่งที่ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นปีกใหญ่กว้างและสบัดโบกทำให้เกิดแรงลมมหาศาลทำให้เว็นยกมือมาบังหน้าตัวเองเงานั้นบินมาโฉบเอาตัวชิลเลนไปอย่างรวดเร็ว หายไปในม่านหมอก

     

      ชิลเลน.....ชิลเลน..... เรเว็นตะโกนร้องดังลั่นอย่างคนเสียงสติ

    อึก!!!!  แปล้วเรเว็นก็รับรู้สึกถึงแรกระชากอย่างแรงเหมือนมีอะไรมาดึงตัวเขาสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ซักพักเมื่อเขาเริ่มมีสติกลับคืนมาก็เริ่มสังเกตรอบๆตัวเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะตอนนี้เขาได้อยู่กลางท้องนภาแ

    ละชนเผ่ามายานั้นเองที่เป็นตัวการพาเรเว็นขึ้นมาเยี่ยงนี้ซึ่งเขาไม่ได้ชอบใจแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

     

                ภูผาสูงเสียดฟ้าไม่มีฝืนดินให้เห็นในยามนี้มีเพียงผาหินสองข้างทาง    ภูผากินคน ที่ซึ่งชนเผ่ามายาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ไกลจากผู้คนจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงกล่าวถึงชนเผ่ามายาว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สาบสูญ มายา ชนเผ่าที่ทุกมีพลังพิเศษแตกต่างกัน ว่ากันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเผ่ามายาทุกคนจะมีพลังอย่างหนึ่งที่มีมาแต่เกิดและเหมือนกันนั้นคือ  การสร้างโลกมายา เป็นการสร้างภาพลวงตา เพื่อให้คนอื่นหลงเข้าไป  มีอย่างเดียวที่ไม่มีผลกับโลกมายา คือ โลกมายาด้วยกันเองซึ่งมันจะกลายเป็นพลังที่หักล้างกันเอง เหตุนี้เองที่ ชนเผ่ามายาจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติทั่วไปได้  ภูผากินคนก็เช่นกันเกิดจากพลังของชนเผ่ามายาทุกคนมารวมกันเลยกลายเป็นโลกมายาขนาดใหญ่คนทั่วไปจึงมองไม่เห็นคนของเผ่ามายา

     

                เรเว็น ถูกปล่อยลงกลางถ้ำที่ดูเหมือนเป็นห้องโถงหินกลางใหญ่ เพดานสูงจนมองไม่เห็นมีเพียงแสงตะวันสลั่วๆที่ลอดผ่านมาทางช่องหินเพียงเท่านั้นที่นี่เอง ที่ทำให้เรเว็นได้พบกับชิลเลนอีกครั้ง

    ชิลเลน...เป็นไรรึปล่าว??? เรเว็นตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาและกอดเธอไว้แน่น และสำรวจร่างกายเธอเป็นการใหญ่

    ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจเล็กๆฮึฮึฮึ ชิลเลนตอบก่อนจะกอดเรเว็นแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้หนีไปไหน

     

    รีบเข้ามาสิอย่างได้รอได้มั่ย?เสียงของชายดังมาจากทางปากถ้ำอีกด้านหนึ่งก้องไปทั่วห้องจนเกิดเสียงดัง

     

    มา มา มาตามข้ามา เสียงเดิมดังมาอีกระรอกจนทำให้ทั้งสองทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้พวกเขาเดินแนวสำรวจตามมาเรื่อยๆจนมาถึงถ้ำเล็กๆซึ่งนำไปสู่งทางเดินมากมายที่ตัดกันไปมาสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆและมองไปข้างล่างก็จะเจอทางเดินแบบเดียวกันมากมายและผู้คนมากมายล้วนแต่เป็นคนของเผ่ามายาทั้งสิ้น

     

    มากมายเหลือเกิน ชิลเลนพืมพำเล็กๆและต่อมาก็มาถึงถ้ำอีกถ้ำหนึ่งซึ่งได้พาพวกเขามาถึงห้องใหญ่อีกห้อง

     

     

    \\*************************************\\

     

    ฉันไม่เคยเห็นตัวประหลาดอะไรอย่างนี่มาก่อนรินดาเอ่ยขึ้น

     

    และฉันคาดว่ามันมาจากที่ไหนก็ตามแต่มันได้แวะไปทักวินดั้มมาแล้วอย่างแน่นอน เทียพูดเป็นเชิงสันนิฐาน

     

    อยากรู้ใช่มั่ย  งั้นก็ให้พวกฉันไปดูดิซับเซนเอ่ยอาสาไปสำรวจตามเคย

     

    อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะฉันไม่ได้บังคับพวกนายตั้งแต่แรกแล้วหนิแต่  ต้องมาหาฉันนะ ถ้าไม่ล่ะก็ฉันจะไปล่าหาพวกนายเอง รินดาพูด

     

    ซับเซนพยักหน้ารับก็ใช้ฝีเท้าอันปราดเปรืองพาร่างตัวเองไปยังเมืองภูเขาลอยฟ้า วินดั้มพร้อมกับซารุและลูคัง

     

    พอพ้นสายตาเทียก็เอ่ยขึ้น

     

    เธอไม่ตามไปดูหน่อยรึริน เทียพูดอย่างห่วงๆถึงแม้จะไปกันสามคนก็เถอะแต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะที่เจอไปวันนี้ก็จับตาอยู่แล้วว่าคนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้แน่

     

    เชื่อสิเทียพวกนั้นจะกลับมาอย่างปล่อยภัย ฉันไว้ใจพวกนั้น รินดาเปรยลอยๆก่อนจะเดินมานั่งที่ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนเดี่ยวกับที่ดาบยักษ์วินโธร์ตกลงมาปักลงไป

     

    เธอไม่พักกับพวกเราก่อนรึ คนแปลกหน้าพันธุ์หูตั้ง เทียพูดเชื้อเชิญอย่างกวนๆเพราะตอนนี้เธอเริ่มอารมดีขึ้นมาแล้ว

     

    เออ...ถ้าไม่รังเกียจนะค่ะ อิซาเบลตอบอย่างสุภาพ

     

    รินดาเมื่อเห็นเทียคุยกับอิซาเบลอย่างสนิดสนมก็ลุกเดินไปรอบๆเพื่อสำรวจความเสียหายแต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าเพราะที่พื้นมีแต่ทรายที่เป็นซากของสิ่งอัปลักษ์เหล่านั้น  แต่ทรายทรายเหล่านั้นเริ่มที่จะกัดกร่อนผิวดิน และต้นไม้บริเวณนั้นเริ่มจะค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองใบไม่ค่อยๆล่วงลงมา

     

    เทีย เราคงอยู่ทึ่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ รินดาเดินมาหาเทียแล้วพูดขึ้น

     

    ทำไมล่ะ  เทียถามด้วยความอย่างรู้เพราะเธอไม่ได้สังเกตเลยว่ารอบๆตัวนั้นกำลังเกิดอะไรขึ้น

     

    เธอก็ดูสิ ว่าทรายนั้นมันกำลังกัดกร่อนผิวดินต้นไม้กำลังจะตาย  และอีกอย่างเธอจะนอนทึ่ไหน บ้านต้นไม่ก็โดนไฟไหม้หมดแล้ว รินดาพูดขึ้นทำให้เทียมองไปรอบๆตัวเองและเลิกสนใจอิซาเบล สีหน้าเธอเปลี่ยนไปราวกับใบไม้ทีกำลังเปลี่ยนสีอย่างฉับพลันและร่วงสู่พื่นพิภพอย่างรวดเร็ว

     

    แล้วเราจะไปไหน เทียถามขึ้น  เธอไม่ยินคำตอบจากรินดาแต่อย่างใด

     

    แล้วเธอเป็นใครงั้นเหรอดูจากยูนิคอร์นที่เธอขี่มาคงไม่ธรรมดาแน่นอน รินดาหันมาถามอิซาเบล

     

    ฉันชื่ออิซาเบล พี.เดเตอร์ (Isabel P.Dator)  เป็นสามัญชนชาวเอเวนจากนครอิลันเต

     

    แล้วนั้นเธอกำลังจะไปไหนรินดาถามด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นแค่สามัญชนธรรมดาเพราะยูนิคอร์นเป็นสัตว์ชั้นสูงคนธรรมดาถือเป็นเรื่งที่แปลกเลยทีเดียว

     

    แล้วเธอเป็นใครมาถึงก็ถามเอาๆฮึ??  อิซาเบลชิ่งถามบ้าง

     

    อ้อ..ฉันรินดา มาการ์เลต (Rinda makarlat) คนเร่รอน  แล้วนี่เทีย ฟรีส อาดานา(Tear F.Adana)เป็นคนเร่รอนเช่นกัน แล้วนั้นเธอจะไปไหนรินดาถามซ้ำเพราะยังไม่ได้คำตอบจากอิซาเบลเลย

     

    ฉันกำลังจะไป เซเรส เธอตอบออกมา

    งั้นฉันขอติดตามเธอไปจะได้หรือไม่ รินดาถาม ออกมา

     

    ได้ซิ ถ้าเธอตามฉันทันนะ อิซาเบล

     

    จะไปเลยมั้ยเทียแทรกขึ้น

    ไม่ ฉันว่าเธอตามมันไม่ทันแน่อิซาเบลพูดพร้อมกับหยิบลูกแก้วในกระเป๋าของเธอออกมาสองลูก ลูกหนึ่งมีสีเหลืองทองจนจะกลายเป็นสีส้ม ส่วนอีกลูก มีสีน้ำเงินเข้มใกล้เคียงกับสีดำ 

     

    ว้าวววว นั้นอะไรอ่ะ ???? เทียถามอย่างสงสัยเพราะเธอไม่เคยเห็นอะไรสวยอย่างนี่มาก่อน 

     

    นี่คือลูกแก้วกัภูตมายา ฉันจะให้ไว้กับเธอว่าแล้วอิซาเบลก็โยนลูกแก้วทั้งสองลูกให้รินดากับเทียไว้แล้วลูกแก้วทั้งสองก็ส่องแสงสว่างจ้าจนแสบตา

     

                                                                To be continued……= >

    *******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×