คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ชนเผ่ามายา(Maya)
ตอนที่6 ชนเผ่ามายา (Maya)
รุ่งอรุณก็มาเยือนวันนี้เป็นวันที่มืดครึมมีลมแรงแต่นี่ก็ไม่ใช้ฤดูพายุ นี้มันเหมันต์ฤดูต่างหาก เรเว็นลุกมาและเดินไปที่ชายป่าตามลำพัง แม้จะมีลมแรงและมืดครึมทำให้เขารู้สึก อึด อัด แต่นั้นไม่ใช้ปัญหาที่จะมาขัดขวางการกระทำของเขาซะทีเดียวแต่เพราะเขาหาได้ชอบอากาศแบบนี้ไม่ ถึงปากทางที่โล่งมีหมอกหนาทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าแต่เขาเขาสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเบื้องหลังหมอกนั้นมันทำให้เขารู้สึกไม่ดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมา มีเสียงกระพือปีกแต่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่เต็มที่จึงทำให้เห็นเงาเพียงเท่านั้น เขายืนค้างมองอยู่นานแต่เขาคงไม่คิดอะไรมากและเดินกลับไปยังที่พักกลางทางและก็เห็น ชิลเลนนอนบาดเจ็บอยู่บ้างโค่นหินไม่ไกลจากที่พักมากนัก
“ชิลเลน! ชิลเลน!”
“เกิดอะไรขึ้น” เรเว็นตะโกนเพื่อให้ชิลเลนรู้สึกตัวด้วยความเป็นห่วง และเธอก็ค่อยๆกระตุกและลืมตา ขึ้น
“เรเว็น
เรเว็น บราโก้เค้า
” ชิลเลนพูดเสียงอ่อนและสลบอีกครั้งแล้วเรเว็นก็อุ้มเธอมายังที่พักกลางทางเพื่อปฐมพยาบาลเธอ
“เร
เร
เรเว็น”
“ช่วยด้วย”
“เรเว็น!” ชิลเลนตะโกนออกมาแล้วรู้สึกตัว
“เป็นอะไรไปไม่เป็นไรแล้วนะ” เรเว็นพยายามกล่อมชิลเลนเหมือนพวกที่เสียสติไป
“พวกมันเอาตัวบราโก้ไป” ชิลเลนนึกขึ้นได้และบอกบราโก้ไป
“ใคร? ใครเอาบราโก้ไป” เรเว็นถามสาวชาวดาร์คด้วยวามสงสัย
“มายา
.ชนเผ่ามายา”
“พวกเผ่ามายา” ชิลเลนบอกเรเว็นไปด้วยความไม่แน่นใจว่าใช้รึเปล่า
“ตายล่ะ” เขาอุทานออกมาพร้อมใบหน้าที่หนักใจ
“แต่คนของเผ่ามายาได้สาบสูญไปแล้ว และถ้ามี มายาจะไม่ลักพาตัวรึว่าฆ่าใครโดยไร้เหตุผล" เขาพูดด้วยความเชื่อมันเพราะก่อนหน้านี้ท่านปู่ของเขาเคยเล่าให้ฟัง
“แต่อย่างน้อยชนเผ่ามายาก็เป็นครึ่งสัตว์คงมีสัญชาตญาณของเดียรัจฉานมั่งแหละน่า” เธอสวนกลับ
“เราควรจะไปที่พักของมัน”เรเว็นพูดขึ้น
“ไปยังไงล่ะ? เธอรู้เหรอว่าอยู่ไหน”ชิลเลนสวนกลับ
“ไม่รู้ ! แต่ก็ต้องไป” เรเว็นกล่าวเช่นนั้นก่อนจะถือสัมภาระติดตัวเดินไปยังปากทางที่เขาเดินมาสำรวจแล้ว มันเป็นเหมือนแอ่งกะทะที่มีภูเขาลอมรอบทุกด้าน
ฟิ้ว
.
เสียงอากาศที่ถูกตัดผ่านโดยอะไรบ้างอย่างทำให้เรเว็นชะงักฝีเท้าลงทันทีที่ได้ยินพวกเขาเดินมาถึงกลางทางซึ่งเป็นที่โล่งกว้างมีลมอ่อนๆ สลับกับลมแรงเป็นจังหวะและหมอกที่หนาทำให้มองไม่เห็นอะไรเรเว็นหันมามองหน้าชิลเลนทั้งสองสบตากันซักพักสีหน้าของเรเว็นก็เปลี่ยนไปราวกลับเห็นนรกอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรหรือเรเว็น” ชิลเลนถามด้วยความสงสัย สีหน้าของเรเว็นไม่สู้ดีนัก ทำให้ชิลเลนที่กำลังสงสัยหันกลับไปมองและเธอก็ได้พบกับเงาร่างยักษ์ใหญ่ทำเอาชิลเลนตกใจไปอีกคน เงานั้นเริ่มกางบางสิ่งที่ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นปีกใหญ่กว้างและสบัดโบกทำให้เกิดแรงลมมหาศาลทำให้เว็นยกมือมาบังหน้าตัวเองเงานั้นบินมาโฉบเอาตัวชิลเลนไปอย่างรวดเร็ว หายไปในม่านหมอก
“ชิลเลน.....ชิลเลน.....” เรเว็นตะโกนร้องดังลั่นอย่างคนเสียงสติ
อึก!!!! แปล้วเรเว็นก็รับรู้สึกถึงแรกระชากอย่างแรงเหมือนมีอะไรมาดึงตัวเขาสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ซักพักเมื่อเขาเริ่มมีสติกลับคืนมาก็เริ่มสังเกตรอบๆตัวเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะตอนนี้เขาได้อยู่กลางท้องนภาแ
ละชนเผ่ามายานั้นเองที่เป็นตัวการพาเรเว็นขึ้นมาเยี่ยงนี้ซึ่งเขาไม่ได้ชอบใจแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด
ภูผาสูงเสียดฟ้าไม่มีฝืนดินให้เห็นในยามนี้มีเพียงผาหินสองข้างทาง ภูผากินคน ที่ซึ่งชนเผ่ามายาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ไกลจากผู้คนจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงกล่าวถึงชนเผ่ามายาว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สาบสูญ มายา ชนเผ่าที่ทุกมีพลังพิเศษแตกต่างกัน ว่ากันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเผ่ามายาทุกคนจะมีพลังอย่างหนึ่งที่มีมาแต่เกิดและเหมือนกันนั้นคือ การสร้างโลกมายา เป็นการสร้างภาพลวงตา เพื่อให้คนอื่นหลงเข้าไป มีอย่างเดียวที่ไม่มีผลกับโลกมายา คือ โลกมายาด้วยกันเองซึ่งมันจะกลายเป็นพลังที่หักล้างกันเอง เหตุนี้เองที่ ชนเผ่ามายาจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติทั่วไปได้ ภูผากินคนก็เช่นกันเกิดจากพลังของชนเผ่ามายาทุกคนมารวมกันเลยกลายเป็นโลกมายาขนาดใหญ่คนทั่วไปจึงมองไม่เห็นคนของเผ่ามายา
เรเว็น ถูกปล่อยลงกลางถ้ำที่ดูเหมือนเป็นห้องโถงหินกลางใหญ่ เพดานสูงจนมองไม่เห็นมีเพียงแสงตะวันสลั่วๆที่ลอดผ่านมาทางช่องหินเพียงเท่านั้นที่นี่เอง ที่ทำให้เรเว็นได้พบกับชิลเลนอีกครั้ง
“ชิลเลน...เป็นไรรึปล่าว???” เรเว็นตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาและกอดเธอไว้แน่น และสำรวจร่างกายเธอเป็นการใหญ่
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจเล็กๆฮึฮึฮึ” ชิลเลนตอบก่อนจะกอดเรเว็นแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้หนีไปไหน
“รีบเข้ามาสิอย่างได้รอได้มั่ย?” เสียงของชายดังมาจากทางปากถ้ำอีกด้านหนึ่งก้องไปทั่วห้องจนเกิดเสียงดัง
“มา มา มาตามข้ามา” เสียงเดิมดังมาอีกระรอกจนทำให้ทั้งสองทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้พวกเขาเดินแนวสำรวจตามมาเรื่อยๆจนมาถึงถ้ำเล็กๆซึ่งนำไปสู่งทางเดินมากมายที่ตัดกันไปมาสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆและมองไปข้างล่างก็จะเจอทางเดินแบบเดียวกันมากมายและผู้คนมากมายล้วนแต่เป็นคนของเผ่ามายาทั้งสิ้น
“มากมายเหลือเกิน” ชิลเลนพืมพำเล็กๆและต่อมาก็มาถึงถ้ำอีกถ้ำหนึ่งซึ่งได้พาพวกเขามาถึงห้องใหญ่อีกห้อง
\\*************************************\\
“ฉันไม่เคยเห็นตัวประหลาดอะไรอย่างนี่มาก่อน”รินดาเอ่ยขึ้น
“และฉันคาดว่ามันมาจากที่ไหนก็ตามแต่มันได้แวะไปทักวินดั้มมาแล้วอย่างแน่นอน” เทียพูดเป็นเชิงสันนิฐาน
“อยากรู้ใช่มั่ย งั้นก็ให้พวกฉันไปดูดิ”ซับเซนเอ่ยอาสาไปสำรวจตามเคย
“อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะฉันไม่ได้บังคับพวกนายตั้งแต่แรกแล้วหนิแต่ ต้องมาหาฉันนะ ถ้าไม่ล่ะก็ฉันจะไปล่าหาพวกนายเอง” รินดาพูด
ซับเซนพยักหน้ารับก็ใช้ฝีเท้าอันปราดเปรืองพาร่างตัวเองไปยังเมืองภูเขาลอยฟ้า วินดั้มพร้อมกับซารุและลูคัง
พอพ้นสายตาเทียก็เอ่ยขึ้น
“เธอไม่ตามไปดูหน่อยรึริน” เทียพูดอย่างห่วงๆถึงแม้จะไปกันสามคนก็เถอะแต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะที่เจอไปวันนี้ก็จับตาอยู่แล้วว่าคนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้แน่
“เชื่อสิเทียพวกนั้นจะกลับมาอย่างปล่อยภัย ฉันไว้ใจพวกนั้น” รินดาเปรยลอยๆก่อนจะเดินมานั่งที่ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนเดี่ยวกับที่ดาบยักษ์วินโธร์ตกลงมาปักลงไป
“เธอไม่พักกับพวกเราก่อนรึ คนแปลกหน้าพันธุ์หูตั้ง” เทียพูดเชื้อเชิญอย่างกวนๆเพราะตอนนี้เธอเริ่มอารมดีขึ้นมาแล้ว
“เออ...ถ้าไม่รังเกียจนะค่ะ” อิซาเบลตอบอย่างสุภาพ
“รินดาเมื่อเห็นเทียคุยกับอิซาเบลอย่างสนิดสนมก็ลุกเดินไปรอบๆเพื่อสำรวจความเสียหายแต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าเพราะที่พื้นมีแต่ทรายที่เป็นซากของสิ่งอัปลักษ์เหล่านั้น แต่ทรายทรายเหล่านั้นเริ่มที่จะกัดกร่อนผิวดิน และต้นไม้บริเวณนั้นเริ่มจะค่อยๆกลายเป็นสีเหลืองใบไม่ค่อยๆล่วงลงมา
“เทีย เราคงอยู่ทึ่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ” รินดาเดินมาหาเทียแล้วพูดขึ้น
“ทำไมล่ะ” เทียถามด้วยความอย่างรู้เพราะเธอไม่ได้สังเกตเลยว่ารอบๆตัวนั้นกำลังเกิดอะไรขึ้น
“เธอก็ดูสิ ว่าทรายนั้นมันกำลังกัดกร่อนผิวดินต้นไม้กำลังจะตาย และอีกอย่างเธอจะนอนทึ่ไหน บ้านต้นไม่ก็โดนไฟไหม้หมดแล้ว” รินดาพูดขึ้นทำให้เทียมองไปรอบๆตัวเองและเลิกสนใจอิซาเบล สีหน้าเธอเปลี่ยนไปราวกับใบไม้ทีกำลังเปลี่ยนสีอย่างฉับพลันและร่วงสู่พื่นพิภพอย่างรวดเร็ว
“แล้วเราจะไปไหน” เทียถามขึ้น เธอไม่ยินคำตอบจากรินดาแต่อย่างใด
“ แล้วเธอเป็นใครงั้นเหรอดูจากยูนิคอร์นที่เธอขี่มาคงไม่ธรรมดาแน่นอน” รินดาหันมาถามอิซาเบล
“ฉันชื่ออิซาเบล พี.เดเตอร์ (Isabel P.Dator) เป็นสามัญชนชาวเอเวนจากนครอิลันเต
“แล้วนั้นเธอกำลังจะไปไหน”รินดาถามด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นแค่สามัญชนธรรมดาเพราะยูนิคอร์นเป็นสัตว์ชั้นสูงคนธรรมดาถือเป็นเรื่งที่แปลกเลยทีเดียว
“แล้วเธอเป็นใครมาถึงก็ถามเอาๆฮึ??” อิซาเบลชิ่งถามบ้าง
“อ้อ..ฉันรินดา มาการ์เลต (Rinda makarlat) คนเร่รอน แล้วนี่เทีย ฟรีส อาดานา(Tear F.Adana)เป็นคนเร่รอนเช่นกัน แล้วนั้นเธอจะไปไหน”รินดาถามซ้ำเพราะยังไม่ได้คำตอบจากอิซาเบลเลย
“ฉันกำลังจะไป เซเรส” เธอตอบออกมา
“งั้นฉันขอติดตามเธอไปจะได้หรือไม่” รินดาถาม ออกมา
“ได้ซิ ถ้าเธอตามฉันทันนะ “อิซาเบล
“จะไปเลยมั้ย”เทียแทรกขึ้น
“ไม่ ฉันว่าเธอตามมันไม่ทันแน่”อิซาเบลพูดพร้อมกับหยิบลูกแก้วในกระเป๋าของเธอออกมาสองลูก ลูกหนึ่งมีสีเหลืองทองจนจะกลายเป็นสีส้ม ส่วนอีกลูก มีสีน้ำเงินเข้มใกล้เคียงกับสีดำ
“ว้าวววว นั้นอะไรอ่ะ ????” เทียถามอย่างสงสัยเพราะเธอไม่เคยเห็นอะไรสวยอย่างนี่มาก่อน
“นี่คือลูกแก้วกัภูตมายา ฉันจะให้ไว้กับเธอ”ว่าแล้วอิซาเบลก็โยนลูกแก้วทั้งสองลูกให้รินดากับเทียไว้แล้วลูกแก้วทั้งสองก็ส่องแสงสว่างจ้าจนแสบตา
To be continued
= >
*******************************
ความคิดเห็น