ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาระต่างๆ

    ลำดับตอนที่ #3 : เกาหลีกับการเป็นชาตินิยม Nationalism of Korean [ตอนจบ]

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 53


    เกาหลีกับการเป็นชาตินิยม Nationalism of Korean [ตอนจบ]

    การสนับสนุนของรัฐบาลในความเป็นชาตินิยม
    แดจังกึมก็เป็นแค่ละครชีวประวัติที่น่าติดตามเรื่องหนึ่งแต่ในมิติของการค้าแล้วแดจังกึมไม่ใช่แค่ละครแต่มันคือหนึ่งในสินค้าทางวัฒนธรรมของเกาหลี เป็นสินค้าที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจและมีกระบวนการวางแผนเป็นอย่างดีของรัฐบาลและภาคเอกชนเกาหลีให้ละครหรือหนังเป็นผู้บุกเบิกใช้พลังทางศิลปะที่ทำให้คนเกิดจินตนาการคล้อยตาม
                             อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเกาหลีก็เฟื่องฟูขึ้นเพราะเกิดจุดขายใหม่ก็คือสถานที่ในฉากละครนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นเช่นCine/Studio เป็นสถานที่บรรจุเรื่องราวของหนังและละครเกาหลีที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง
    เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้วัฒนธรรมประเพณีได้กลายเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้กับเกาหลีถึง10% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมดของเกาหลีแค่ในปี47 ก็ฟันรายได้ไป3 แสนกว่าล้านบาท ยังไม่นับรวมธุรกิจอื่นๆที่พลอยเฟื่องฟูไปด้วย สินค้าวัฒนธรรมประเพณีของเกาหลีก็พวกหนังละครเกมออนไลน์การ์ตูนนิยายฯลฯ
            การบุกตลาดสินค้าวัฒนธรรมของเกาหลี
    ไม่ได้เกิดจากเอกชนอย่างเดียวแต่เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศเกาหลีมีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวในกระทรวงนี้จะมีหน่วยงานหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลสินค้าด้านวัฒนธรรมเหล่านี้โดยเฉพาะมีหน้าที่สนับสนุนการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีไปยังต่างประเทศโดยแปร วัฒนธรรม ให้เป็น ธุรกิจ
     
    เหตุผลที่เกาหลีกลายเป็นที่รู้จักของโลก
    1. คนเกาหลีเป็นคนทะเยอทะยานมากๆ ซึ่งข้อนี้อาจจะต้องยกความดีให้กับพวกแม่ๆ เกาหลี เพราะปลูกฝังในเรื่องความขยัน ความสำเร็จ และการเอาชนะอุปสรรคให้กับลูก แม่ๆ ชาวเกาหลีจะเข้มต่อการศึกษาของลูกๆ มาก จะดันลูกตนเองแข่งขันกับคนอื่นตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ลูกขี้เกียจ
    2. คนเกาหลีไม่เป็น "กบในกะลา" นอกจากใจของเขามุ่งไปที่การแข่งขันระดับโลกแล้ว เขาไปสืบเสาะมาว่าคนเก่งๆ ในโลกเขาต้องทำอย่างไรกันบ้าง เขาเข้าใจว่าคนเก่งในโลกมีมากมาย เขาไม่มาหลอกตนเองว่าตนเองเก่งแล้ว พึงพอใจแล้ว ความทะเยอทะยานของเขา ดูที่โลกแห่งความจริง
    3. คนเกาหลีไม่บูชาคนต่างชาติ แม้กระทั่งฝรั่ง อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศเขาเคยถูกข่มเหงเป็นอย่างมากจาก ประเทศญี่ปุ่น และจีน จึงไม่ค่อยเชื่อใจคนต่างชาติ แม้ฝรั่งที่มาทำงานอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เป็นฝรั่งประเภทที่หางานทำในประเทศตนเองไม่ได้ เลยมาอยู่ที่เกาหลี ถ้าคุณภาพไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิอยู่ หรือไม่ก้าวหน้า คนต่างชาติที่มาทำงานต้องพิสูจน์ตนเองทุกวัน ไม่ใช่ว่าได้เปรียบคนท้องถิ่น
    ข้อนี้ถึงมีส่วนในการพัฒนาประเทศ เพราะงานจะไม่ตกไปอยู่ในมือคนต่างชาติ ถ้าคนสองคน สมัครงานเดียวกัน คุณภาพไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งเป็นคนเกาหลี อีกคนหนึ่งเป็นฝรั่ง แน่นอนคนเกาหลีต้องได้แน่ (ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทย) ทำให้คนของเขาได้มีโอกาสพัฒนาตนเอง และคนต่างชาติไม่มีความควบคุมมากเกินไปในประเทศของเขา
    4. เขาคิดว่ามันเป็นไปได้ ที่เขาจะเก่งเหนือคนตะวันตกได้ เขาเริ่มพัฒนาตนเอง และอุตสาหกรรม ไปสู้กับต่างชาติได้ เช่น LG, Samsung ซึ่งตอนนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทัดเทียมหรือแซงหน้าแม้กระทั่ง Sony
    5. รัฐบาลเกาหลีสามารถปราบคอรัปชั่นได้สำเร็จ จึงสามารถขจัดกลุ่มที่เป็นตัวถ่วงในการพัฒนาประเทศได้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กาหลีสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว
    สรุป
    ยุคที่เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ช่วงปี 2453-2488 ทหารของญี่ปุ่นได้สร้างความบอบช้ำทางด้านร่างกาย และจิตใจแก่   ชาวเกาหลีอย่างมาก จึงทำให้ชาวเกาหลีเกลียดชังญี่ปุ่นอย่างมาก
            เหตุนี้เองจึงทำให้ชาวเกาหลีมีความเป็นคิดเป็นชาตินิยม มีความรักชาติ และรักศักดิ์ศรีของตนเองอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลเกาหลีในช่วงนั้นได้สร้างนโยบาย “ผลิตทุกอย่างขึ้นมาใช้เอง” จึงทำให้คนเกาหลีนิยมใช้แต่สิ่งที่เป็นของชาวเกาหลีผลิต ไม่นิยมสิ่งของที่มาจากต่างประเทศโดยเฉพาะสิ่งของที่มาจากประเทศญี่ปุ่น
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×