คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [EIGHT REDDY] CHAPTER {2} 100%
CHAPTER {2}
หึง(?)
<Boss-Tun Talk>
‘ชินธ์’ มันเป็นคู่อริของผมเองละ เมื่อ2-3ปีก่อนเราเคยเป็นเพื่อนรักกันแต่ด้วยบางอย่างทำให้ผมและมันกลายมาเป็นศัตรู
จู่ๆไอ้ชินธ์ก็โผล่พรวดเข้ามาในวงสนทนาแล้วยังมีทำลุ่มล่ามกับยัยเลขแปดอีก แล้วทำไมผมต้องมาหงุดหงิดด้วยว่ะ ผมไม่ชอบใจเลยที่เห็นมันเข้ามายุ่งกับยัยนั้น หรือมันตั้งใจจะใช่ยัยนั้นแก้แค้นผมหรอ…
เหอะๆ ไม่มีทาง!
ก็ผมไม่ได้ชอบยัยนั้นนี้...หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ
แล้วดูยัยนี้ดิ เห็นไอ้ชินธ์มันหล่อเข้าหน่อยทำหน้าแดงใส่ แม่งไม่ชอบใจเลยจริงๆ ผมเลื่อนมือไปดึงแขนยัยเลขแปดก่อนจะเดินไปที่รถโดยที่ไม่สนใจอีกสองบุคคลสนทนานั้น
“นี่นาย!” เลขแปดมองผมอย่างไม่สบอารมณ์
ชัดๆเลย ยัยนี้แม่งตกหลุมรักไอ้ชินธ์แล้วแน่ๆ
“ทำไม ไม่ชอบใจหรอ?” ผมจ้องหน้าเธอก่อนจะเปิดประตูรถของตัวเองแล้วโยนเธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่
“ใช่! นายจะอะไรกับฉันหนักหนาเนี่ย แต่แรกเราก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้วนายก็ปล่อยฉันไปเหอะ! ทำเหมือนตอนเรายังไม่เคยรู้จักกันไปเลย! โอ๊ะ! ลืมไปสิ ว่าคนอย่างนั้นแค่คำว่า ‘คนรู้จัก’ มันยังใช่ไม่ได้เลย”
ไอ้เด็กนี่! เป็นน้องรักไอ้สี่ซะเปล่าก็นึกว่าจะเงียบๆเหมือนมัน แต่ทำไมพูดปากแถมปากหมาแบบนี้ว่ะ มันน่าจะปล้ำบนรถซะเลยนี้
“นี้เธอ” ผมได้แต่ก่นด่ายัยเด็กบ้านี้อยู่ในใจ
ผมขับรถมาส่งเธอที่บ้าน บรรยากาศในรถมันช่างหน้าอึดอัดซะจริง... หลังจากที่ผมออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลคิลล์วินซ์ผมก็บึ่งตรงไปที่ผับ M คืนนี้ผมมีขึ้นเล่นที่นี้ ผมเลยต้องมาก่อนเวลาเปิดเป็นชั่วโมงเลยละ ไม่นานผมก็มาถึงผมเลี้ยวรถไปจอดที่ลานสำหรับ VIP โดยเฉพาะ ผมก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบแว่นแบรนเนมสีดำคู่ใจมาด้วย ผมเดินไปด้านหลังผับ M เผื่อไปแต่งตัว
ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสำหรับแต่งตัวที่เขียนข้างหน้าว่า
‘Violent’
Violent เป็นชื่อวงของผมเอง ซึ่งถ้าแปลออกมามันจะมีความหมายความ ‘ดุดันหรือรุนแรง’ ชื่อนี้เป็นชื่อที่เพื่อนในคณะชอบเรียกพวกผมอยู่บ่อยๆ เพราะพวกผมมักจะเป็นพวกหัวรุนแรง โดยเฉพาะสี่เนี่ยเจ้าแม่เลย เห็นมันแบบนี้มันรู้จักกับพวกแก๊งใหญ่ๆเยอะจะตาย
ผมผลักประตูเข้าไปก็เจอไอ้ซันคิวกับเคาท์นั่งคุยกันอยู่ก่อนแล้ว พวกผมหันมาทักทายผมไม่นานพี่ที่เป็นช่างทำตัวแต่งตัวก็เรียกพวกมันไป ผมจึงนั่งรอให้เขามาเรียก ไม่นานนักไอ้สี่ก็เปิดประตูเข้ามา วันนี้ไอ้ห้ามันไม่ได้มาด้วยคงไม่ว่างสินะ สี่เดินมานั่งเบาะตรงข้ามกับผม
“บอส...ถามไรหน่อยได้มั้ยว่ะ?” สี่มองหน้าผมแบบจริงจัง คิ้วเรียวสวยถูกขมวดให้ยุ่ง
“ว่ามา”
“เรื่องแปด...” สี่เว้นช่วง “ชอบมันหรอ?”
“...”
ผมเงียบไม่ตอบ จู่ก็มาถามกันตรงแบบนี้ใครมันจะไปรู้ว่ะ
“ตอบดิ”
มันยังพยายามที่จะเค้นคำตอบจากผม
“กูไม่รู้”
“อืม...” นิ้วเรียวที่ถูกสวมด้วยแหวนรูปต่างๆกระชากเสื้อของผม “จะทำอะไรคิดให้ดี มึงไม่ใช่เด็กแล้ว”
“เออ!”
ผมบัดมือสี่ออกก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โชคดีที่คนดูแลเสื้อผ้าของผมเขามาตามพอดีไม่งั้นผมกับยัยนั้นได้มีปัญหากันอีกแน่ๆ ผมกับสี่เราเคยทะเลาะกันรุนแรงมาก จนถึงขั้นหัวแตกปากแตกกันไปเลยทีเดียว ยัยนี้มันตบไม่เป็นครับ...ต่อยกับเตะเป็นอย่างเดียว
ผมสวมเสื้อกล้ามแขนกุดคอวีลึกจนเห็น ‘รอยสัก’ ที่ตรงกลางอก กางเกงยีนขาเดฟมีรอยขาดๆตามแฟชั่นสีดำถูกสวมทับด้วยรองเท้าผ้าใบเท่ๆสีแดงจัดของผม จี้ห้อยคอเป็นรูปกะโหลกสีเงินใหญ่ๆเข้ากันได้ดีกับแหวะกะโหกสีเงินที่ถูกสวมอยู่บนนิ้วกลาง และรูปเพชรที่นิ้วนางกับรูปตัวอักษร B ที่นิ้วชี้ตัวใหญ่ๆ ต่างหูที่ผมใส่ไว้ก็เปลี่ยนเป็นโซ่คล้องต่อๆกันสี่รู ผมสีดำถูกเซตให้เป็นสีแดงสลับกับขาว
ผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัวไปหาไอ้พวกนั้นที่คาดว่าจะแต่งตัวเสร็จกันหมดแล้ว...
ไอ้ซันคิวนั่งเล่นไอโฟนของมัน มันใส่เสื้อสีดำแขนยาวสวมทับด้วยเสื้อโค้ดสีน้ำเงินเข้มจัด กางเกงยีนสีน้ำเงินและรองเท้าหุ้มข้อสีน้ำเงินตามด้วยเครื่องประดับต่างๆตามสไตล์เรียบๆของมัน
ข้างๆไอ้ซันคิวมีไอ้เคาท์นั่งเช็ดกีตาร์ตัวเก่งอยู่ เสื้อยืดธรรมดาๆสีดำ กางเกงสีดำเรียบๆและรองเท้าสีดำมีลายสีฟ้า เข้ากันได้ดีกับผมสีฟ้าอ่อนกับจี้ห้อยคอรูปตัวอะไรสักอย่างที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
และสี่นั่งอ่านหนังสือวารสารของนักร้องต่างประเทศอยู่ตรงมุมเบาะ วันนี้ยัยนั้นใส่เสื้อแขนยาวลายทางสีดำและแดงคู่กับกางเกงเอี๊ยมสีขาวขาสั้น ที่โชว์ขาเรียวเนียนของยัยนั้นและรองเท้าส้นเข็ม 4 นิ้ว (ประมาณนั้น) สีดำ ผมสีน้ำตาลถูกดัดลอนให้เป็นทรง มือ แขน และหู ของยัยนั้นถูกสวมด้วยเครื่องประดับต่างๆนาๆ ใบหน้าหวานๆถูกแต่งด้วยสีที่ไม่เข้มจนเกินไปและไม่อ่อนจนเกินไป
ตอนนี้พวกผมพร้อมแล้วกับการขึ้นไลฟ์ในวันนี้ ผู้คนที่นี้ยังแออัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมชอบมาเที่ยวสังสรรค์ที่นี้จนกลายเป็น VIP ระดับต้นของที่นี้ไปแล้ว ระหว่างที่พวกผมกำลังเช็กอุปกรณน์อยู่บนเวทีผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ชินธ์ แถมมันยังมากับ...
แปด!
พวกนั้นไปนัดกันตอนไหนว่ะ! ไม่นานเสียงดนตรีก็เริ่มขึ้นเสียงบีบอัดของกลองและเบสดังกระหึ่ม ผมยังคงมองพวกนั้นจากบนเวทีเป็นระยะๆ ตอนนี้ผมยังจะไม่บอกสี่ไม่อย่างนั้นการแสดงคงไม่จบแน่นอน
รอให้ผมลงจากเวทีก่อนเถอะ...
...
<Boss-Tun End talk>
ฉันดื่มน้ำสีอำพันเข้าคอ ความขมของมันทำฉันถึงกับเบียนหน้าหนี คนตรงหน้าฉันหัวเราะอย่าเอ็นดู ตอนนี้ฉันอยู่ที่โซน VIP ของผับ M ตรงโซนนี้อยู่ตรงชั้นลอยที่มองออกไปจะเห็นเวทีข้างล่าง ซึ่งวันนี้มีวงชื่อดังมาเล่นที่นี้ซะด้วย เห็นใครๆเขาก็พูดแบบนั้นกันนะ วันนี้เลยมีผู้คนค่อยข้างจะเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เสียงบีบอัดหนักๆของกลองดังเป็นจังหวะ เสียงหวานๆของนักร้องสาวเริ่ม ฉันว่าฉันคุ้นกับเสียงนี้นะ ถึงจะได้ยินมันไม่บ่อยแต่ไม่ผิดแน่ๆ!
ฉันมองลงไปที่เวทีอย่างลุ้นละทึก ขอให้มันไม่ใช่ทีเถอะ!
แต่แล้วมันก็ไม่เป็นไปตามที่ฉันต้องการ วงดนตรีที่ใครๆก็พูดถึงก็คือวง Violent ซึ่งเป็นวงของพี่สี่ ถ้าพี่สี่มาแสดงว่าหมอนั้นก็ต้องมาด้วยใช่มั้ยเนี่ย! ไม่พูดเปล่าฉันควานสายตาหาหมอนั้น จนไปสะดุดกับผมสีแดงสลับกับขาวสุดเท่ เสียงกลองที่ถูกตีอย่างกระหน่ำรุนแรงคือผีมือหมอนั้น
วันนี้ฉันไม่อยากจะเถียงเลยว่าบอสตันดูดีมาก...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
มาก...จนฉันใจเต้น
ฉันเอามือทาบหน้าอกตัวเอง หัวใจของฉันกำลังเต้นอย่างรุนแรงเหมือนจังหวะกลองที่ถูกตีอย่างกระหน่ำ มันเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอก
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับแปด ทำไมอยู่ๆถึงเงียบละ” เสียงทุ้มต่ำของคนตรงหน้าทำให้ฉันละสายตาจากบอสตันไปมองเขา
“เปล่าค่ะพี่ชินธ์” ฉันยิ้มให้เหมือนกับไม่มีอะไร
พี่ชินธ์ หรือก็คือคนที่เจอกันเมื่อตอนกลางวันที่ห้างนั้นละ เขานัดฉันให้มาที่ผับ M หลังจากที่เขาโทรศัพท์มาหาฉันเมื่อตอนเย็น (เอาเบอร์มือถือฉันมาจากไหนยังไม่รู้เลย) เราก็คุยอะไรกันนิดหน่อย
พี่ชินธ์อายุ 23 ปีแล้วละ เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของยัยป้าวีนแตกนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับบอสตันแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง (ซึ่งเขาไม่บอก) ทำให้พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์กัน แถมพี่ชินธ์ยังทำงานอยู่ใกล้ๆกับมหา’ลัยฉันเรียนอยู่ด้วยละ >< และเราก็ยังคุยกันถึงยัยป้าขี้วีนนั้น พี่ชินธ์บอกว่าดูเหมือนยัยนั้นจะคบหาดูใจอยู่กับบอสตัน ยัยนั้นเลยไม่ชอบมากๆที่จะมีผู้หญิงไปเกะกะวุ่นวายกับบอสตัน
“มองพวก Violent อยู่ละสิ” เขาแซว
“เปล่าค่ะพี่ชินธ์ แปดมองพี่สาวนะคะ พี่สาวแปดเป็นนักร้องนำวง Violent” ฉันอธิบาย พี่ชินธ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะมองลงไปที่เวที
“สวยดีนะพี่เธอนะ”
“ค่ะ ไว้ฉันจะแนะนำให้รู้จัก”
“…”
“…”
หลังจากนั้นก็เกินความเงียบ ฉันและพี่ชินธ์ต่างไม่รู้จะพูดอะไร เราทั้งคู่เอาแต่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง...
ปัง!
“มึงมาทำไมครับไอ้คุณชินธ์” ฉันสะดุ้ง เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือหัวฉัน ข้อมือและนิ้วที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับต่างๆถูกวางลงบนโต๊ะด้วยความแรงในระดับหนึ่ง ฉันจำเสียงนี้ได้ ทำไมหมอนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ละ
“ผับมึง?” พี่ชินธ์มองหน้าคนตรงที่อยู่เหนือหัวฉันก่อนจะแสยะยิ้มให้
“…” หมอนั้นเงียบ
“ที่นี้ไม่ใช่ของมึงครับไอ้คุณบอสตัน ฉะนั้นกูมีสิทธิที่จะมา J”
“ไอ้!”
ฉันหมอหน้าบอสตันที่ตอนนี้เป็นสีแดงจัด เขากำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน ฉันมั่นใจว่าหมอนี้ต้องหมดความอดทนกับพี่ชินธ์แล้วแน่ๆ เขาอาจะพุ่งเข้าไปต่อยหน้าพี่ชินธ์ได้ทุกเมื่อ
แต่มันกลับผิดคลาด...
แทนที่หมอนั้นจะเข้าไปต่อยพี่ชินธ์กับลากฉันให้ออกมาจากตรงนั้น แล้วตรงดิ่งไปที่ด้านหลังเวที
“นายจะพาฉันไปไหน ปล่อย!” ฉันพยายามที่จะแกะมือหมอนี้ออก แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งฉันดื้อรั้นกับหมอนี้มากเท่าไหร่ บอสตันก็ยิ่งกำมือฉันแน่นขึ้นๆ จนฉันต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“หุบปาก!”
“-*-”
แค่นี้ก็ต้องดุกันด้วย ฉันไปทำอะไรให้นายว่ะไอ้หน้ากรวก!
บอสตันมายืนหยุดอยู่ที่ห้องอะไรสักอย่าง ก่อนที่ฉันจะดันอ่านชื่อด้านหน้าประตูหมอนั้นก็เหวี่ยงฉันเข้าไปในห้อง ก่อนจะชี้หน้าฉันอย่างเหลืออด
“คิดว่าเธอเจ๋งมากเลยหรอว่ะ ถึงได้กล้ามากับมัน”
“ใช่!”
“ไม่ได้ขอให้เถียง หุบปากแล้วนั่งฟังเฉยๆไปเหอะ” หมอนั้นตวาดขัดทันที “อ่อนต่อโลกแบบเธอนะหรอ เหอะๆถ้าฉันไม่ไปขัดอย่าหวังเลยว่าวันนี้เธอจะยังเก็บรักษาเวอร์จิ้นเอาไว้ได้!”
อะ...ไอ้เหี้ยบอส! มันกล้าดียังไง...
มันจะไม่ตายดีถ้ามาดูถูกฉันแบบนี้!!!
ความคิดเห็น