NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Au KNB] Blackmail | Kise x Oc

    ลำดับตอนที่ #1 : :: Prologue ::

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 62







    - Prologue -





    อุ้ย! ใครนะหล่อจังเลย’


    ‘นี่ๆผู้ชายคนนั้นเป็นนายแบบไม่ใช่เหรอ’


    ‘กรี๊ดด!! เพิ่งเคยเห็นตัวจริงครั้งแรก หล่อสมคำล่ำลือจริงๆ’


      


           เสียงซุบซิบของบรรดาเด็กสาวนักเรียนที่อยู่บริเวณนั้นต่างดังแซ่ซ้องขึ้นมา  เมื่อคนที่กำลังถูกพูดถึงกำลังย่างเท้าผ่านกลุ่มของพวกเธอบนทางเดินบนตึกชั้นเรียนที่ตอนนี้พลุกพล่านไปด้วยนักเรียนชั้นมัธยมต้นปี2 ซึ่งในตอนนี้สายตาของคนส่วนใหญ่บนทางเดินกำลังจับจ้องมาที่ชายหนุ่มผมสีทองในชุดยูนิฟอร์มสีขาวที่เข้ากับรูปร่างของเขาทำให้อีกฝ่ายดูโดดเด่นขึ้นมา




             น่าเบื่อ



           เป็นคำสั้นๆที่บ่งบอกความรู้สึกของชายหนุ่มที่กำลังเป็นที่สนใจในตอนนี้ ดวงตาคมเหลือบมองผู้คนที่กำลังมองมาที่เขาในหลายรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็นสายตาชื่นชมและหลงใหลในตัวเขาจากเด็กผู้หญิงที่กำลังแอบมองหรือเขินอายในยามที่เขาเผลอสบตากับอีกฝ่ายหรือสายตาที่หมั่นไส้หรือไม่ก็เกลียดในตัวเขาจากกลุ่มเด็กผู้ชาย



           จริงอยู่ที่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าตัวเขานั้นต่างก็มีคนที่ทั้งชอบในรูปร่างและหน้าตาของเขาที่เป็นนายแบบโดยเฉพาะเหล่าผู้หญิง  และก็มีคนที่เกลียดเขาจากในสิ่งที่เขาเป็นก็เช่นกันโดยเฉพาะพวกผู้ชาย จึงทำให้เวลาที่เขาจะไปทางไหนต่างก็มีสายตาเหล่านั้นจับจ้องมาที่เขาเสมอจนนำสู่ความน่าเบื่อให้เขาเช่นนี้ตลอด   


          แต่ คิเสะ เรียวตะ ก็หาได้สนใจไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมองมาที่เขายังไงเพราะคนเหล่านี้ก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับชีวิตเขาอยู่แล้ว  พวกเด็กผู้ชายที่อิจฉาเขาสุดท้ายก็ทำได้แค่อิจฉาเขาไปอยู่วันยังค่ำไม่มีทางทำอะไรได้ ส่วนเด็กผู้หญิงเหล่านั้นก็ทำได้แค่แอบปลื้มแอบชอบเขาเท่านั้นแหละ  เพราะเขาไม่มีทางที่จะคิดสานสัมพันธ์จริงจังกับใครเด็ดขาด เพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงเหล่านั้นก็แค่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีของเขาเท่านั้น  ไม่มีทางที่จะชอบตัวตนที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้หน้ากากที่เขาสร้างขึ้นมาหลอก




         เพราะถ้าหากรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไรขึ้นมา พวกหล่อนจะไม่อกแตกตายไปเลยรึไง




           ก่อนที่ใบหน้าอันหล่อเหลาจะฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วโปรยไปให้สาวๆที่อยู่แถวนั้น จนทำให้เด็กผู้หญิงที่อยู่แถวนั้นต่างส่งเสียงวี๊ดว้ายพร้อมกับแสดงท่าทีเขินอายยามที่เขาส่งยิ้มให้   ถึงแม้ตัวเขาจะบอกว่าเบื่อกับสายตาของผู้หญิงเหล่านั้นที่มองเขามาอย่างหื่นกระหาย แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้เช่นกันยามที่พวกเธอเหล่านั้นต่างจับจ้องมาที่เขาผู้เดียว และถึงแม้จะบอกว่าไม่คิดจริงจังที่จะสานสัมพันธ์กับใครแต่ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธใครคนอื่น   โดยเฉพาะหากใครที่คิดอยากจะสานสัมพันธ์ทางกายกับเขา แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธพวกเธอ  ถ้าหากพวกเธอสนองความต้องการของเขาได้


          แต่ในท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์แบบนี้หากเริ่มวันนี้มันจะต้องจบในวันนี้เช่นกัน  เพราะเขาไม่มีทางปล่อยให้มันยืดเยื้อออกไปแน่นอน เพราะเขาเคยบอกแล้วไงว่าเขาไม่คิดที่จะจริงจังกับใครให้นานโดยเฉพาะผู้หญิงพวกนี้   ผู้หญิงที่คิดจะอยากได้ประโยชน์จากเขา หลงระเริงไปกับรูปลักษณ์ภายนอกอันสวยหรูของผู้ชาย

     


            และสุดท้ายพวกผู้หญิงเหล่านั้นก็มีค่าเป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราวให้เขาเท่านั้น


      

       


           “โอ๊ย!”


     

         ในระหว่างที่เขากำลังเดินไปยังห้องเรียนของตนเอง  จู่ๆร่างโปร่งของเขาก็ได้ไปชนเข้ากับใครอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับข้าวของมากมายที่กำลังกระจัดกระจายตามพื้นทางเดินอยู่


     “เอ่อ..เธอเป็นอะไรมากรึเปล่า”ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกฝ่ายตามมารยาทพลางกับมองหญิงสาวที่กำลังนั่งกุมหน้าผากตนเอง  แม้จะแอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่ดันมาเดินชนใครก็ไม่รู้ก็ตาม แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องสวมหน้ากากและแสดงละครเป็นพระเอกต่อหน้าคนอื่นๆ


     “ไม่เป็นไรๆๆ ฉันโอเค”เสียงหวานจากอีกฝ่ายเอ่ยบอกกับตัวชายหนุ่ม  ก่อนที่จะตั้งหลักได้แล้วรีบเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่เข้าไปในกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่  เมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลก้มมองหญิงสาวที่กำลังเก็บของอยู่นั้น เขาจึงแอบถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะย่อตัวลงแล้วช่วยอีกฝ่ายอย่างฝืนใจ


      “ให้ฉันช่วยเธอเก็บของนะ”


     “ไม่ต้องๆ! ของของฉันเดี๋ยวฉันเก็บเองก็ได้” แม้จะพยายามช่วยหญิงสาวก็ตาม  แต่เจ้าหล่อนก็ปฏิเสธเขาและยังรีบเก็บของต่างๆยัดเข้าไปในกล่องอย่างรีบๆ จึงทำให้ชายหนุ่มผมสีทองแอบชำเลืองตามองบนอย่างรำคาญ  


          ตัวเขาอุตส่าห์พยายามจะช่วยอีกฝ่ายแล้วนะ ไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา ได้แต่เสียดายเล็กน้อยที่เผลอไปช่วยหญิงสาวเข้า



         ในระหว่างที่กำลังแอบบ่นหญิงสาวตรงหน้าอยู่ในใจอยู่นั้น  ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ได้เงยขึ้นมามองหน้าเขา คำก่นด่าอีกฝ่ายที่กำลังผุดขึ้นมาอยู่ในหัวก็ได้มลายหายสิ้นไปทันทีที่ชายหนุ่มได้สบตากับเธอเข้า  ใบหน้าหวานที่ประดับด้วยดวงตากลมโตสีมรกตที่ล้อมด้วยแพขนตายาว และจมูกเชิดรั้นเล็กๆที่เข้ากับโครงหน้าเรียวพร้อมด้วยริมฝีปากบางสีชมพูของอีกฝ่ายทำให้องค์ประกอบที่อยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายออกมาดูดีและใบหน้าของเธอก็ล้อมไปด้วยเรือนผมสีส้มยาว  จึงทำให้ภาพองค์ประกอบรวมทั้งหมดออกมาดูสมบูรณ์แบบอย่างที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน




          สวย




          มีแต่คำนี้คำเดียวเท่านั้นที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาหลังจากที่สบตากับหญิงสาวตรงหน้าตอนนี้.  ถึงแม้ว่าในชีวิตเขาจะเจอผู้หญิงที่สวยมามากหน้าหลายตาแล้วก็ตามแต่พวกเธอเหล่านั้นหากไม่มีเครื่องสำอางประทินโฉมให้พวกเธอขึ้นมาล่ะก็  ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆบ้านๆทั่วไป


           แต่คนตรงหน้ากับแตกต่างออกไปถึงแม้จะไม่มีเครื่องสำอางตกแต่งอยู่บนใบหน้าเธอเหมือนในตอนนี้ก็ตาม  แต่เธอก็ยังดูงดงามอยู่ตลอดเวลาเผลอๆเธอยังดูสวยกว่าคนที่แต่งหน้าแล้ว. เขากล้ายอมรับได้เลยทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาตะลึงในความสวยของอีกฝ่ายได้



     “เอ๋! คิเสะคุงเองเหรอเนี่ยที่ฉันเดินชน” ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลุดออกจากภวังค์ของตนเองเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเสียงดังออกมาด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าเธอเดินชนเขา


    “อ๋า!!!  ฉันขอโทษนะคิเสะคุง เธอเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”หญิงสาวผมสีส้มได้แต่พนมมือไหว้เขาขึ้นหัวซ้ำๆและเอ่ยขอโทษเขา และท้ายที่สุดเธอก็ได้ถือวิสาสะจับเนื้อตัวเขาเพื่อสำรวจหาร่องรอยบาดแผลจากตัวของชายหนุ่ม


    “ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ ว่าแต่เธอน่ะโอเคเหรอ” ถึงแม้ว่าคิเสะจะไม่ชอบให้ใครมาจับเนื้อจับตัวเขาง่ายๆแบบนี้ก็ตาม  แต่เมื่อโดนมือนุ่มของอีกฝ่ายที่จับตัวเขาไปทั่วเพื่อดูว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่ เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไรเธอและอีกอย่างก็รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มจากมือของอีกฝ่าย

     



        อยากจะรู้เหมือนกันว่าส่วนอื่นของเธอจะนุ่มนิ่มเหมือนกับมือของเธอมั้ย



     “หายห่วงได้เลยล่ะ แต่โชคดีมากน่ะเนี่ยที่ไม่โดนหน้าของเธอเข้า ขืนเป็นอย่างนั้นฉันคงโดนแฟนคลับเธอว่าแน่ๆ” หญิงสาวเอ่ยจบก็หัวเราะเบาๆออกมา ก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามยกกล่องสัมภาระของตนลุกขึ้นยืนได้ด้วยตนเอง แม้ว่านายแบบหนุ่มจะพยายามเข้าไปประคองช่วยเธอไว้แต่เธอก็กลับบ่ายเบี่ยงความช่วยเหลือของเขาอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจให้แก่ชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง




           เพิ่งจะเป็นครั้งแรกอีกครั้งล่ะมั้งที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ2ครั้งติดกัน



       “ว่าแต่ว่าเธอรู้จักฉันด้วยเหรอ” ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัย  แม้ว่าเขาจะเป็นนายแบบที่กำลังเป็นที่นิยมก็ตามแต่ก็ใช่ว่าคนทุกคนจะรู้จักเขาไปซะหมด จึงแอบแปลกใจเล็กน้อยที่คนตรงหน้าก็ยังรู้จักเขาอยู่


      “ก็จะไม่ให้รู้จักได้ยังไงล่ะ เพื่อนๆในห้องฉันต่างก็พูดถึงเธอกันบ่อยจะตาย อีกอย่างตอนนี้เธอก็ถูกพูดถึงบ่อยด้วยช่วงนี้”เสียงหวานจึงเอ่ยเฉลยพลางกลั้วหัวเราะไปด้วชชย เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความใคร่รู้


     

    “อ๋อ ว่าแต่ว่าเธอน่ะชะ--”




           ตึ่งตึงตึ้ง~~


     ยังไม่ทันที่ซุ่มเสียงของชายหนุ่มจะเอ่ยถามชื่อของอีกฝ่ายจบ  จู่ๆฟ้าก็เล่นตลกให้เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นมาขัดจังหวะของพวกเขา  ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะแอบสาปส่งออดของโรงเรียนที่มาขัดผิดเวลาของเขาไม่ได้  


         “อ๊ะ! ตายจริงออดดังแล้ว ถ้าเธอไม่เป็นอะไรมากแล้วยังไงก็ขอตัวก่อนนะ ฉันต้องไปแล้วล่ะ” ก่อนที่ร่างบางจะพยายามยกกล่องสัมภาระอันหนักรีบหันหลังเดินจากชายหนุ่มไป  ปล่อยให้ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งจ้องมองแผ่นหลังบางของเธอจากเขาไปไกลเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว




            เอ๋~~ เห็นทีเขาคงได้เจอคนที่น่าสนใจเข้าแล้วล่ะสิ














    “คิเสะ เรียวตะคุงใช่มั้ย?”เสียงแหลมของใครบางคนเอ่ยถามนายแบบหนุ่มผมสีทองที่ตอนนี้กำลังถูพื้นสนามบาสในยิมหลังใหญ่ร่วมกับเพื่อนๆในชมรมของเขาที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นช่วยกันทำความสะอาดโรงยิมในตอนนี้  ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยขึ้นมาจากพื้นแล้วพบว่าเป็นหญิงสาวเรือนผมสีชมพูมัดรวบที่กำลังจ้องมองมาที่เขา


    “ใช่ ฉันเอง ว่าแต่ว่ามีอะไรกับฉันเหรอ” แม้จะสงสัยว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นใครแต่ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยตอบอีกฝ่าย


    “นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอได้เลื่อนขั้นไปอยู่กับพวกกลุ่มหนึ่งแล้วนะ”หญิงสาวผมสีชมพูได้ป่าวประกาศในสิ่งที่ตนเองเอ่ยเมื่อสักครู่  จึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในโรงยิมได้ยินกันหมดและต่างแสดงอาการตกใจกัน


    ‘ห๊ะ!! หมอนี่ได้เลื่อนขั้นแล้วเหรอ ทั้งๆที่เพิ่งเข้าชมรมมาไม่กี่อาทิตย์เองนะ’


    ‘หมอนี่เก่งชะมัด ได้เลื่อนไปอยู่กลุ่มหนึ่งกับพวกตัวจริงซะด้วย’


    ‘เฮ้ๆๆ! ชักจะเกินหน้าเกินตาพวกเราซะแล้ว’



        สมาชิกชมรมบาสเก็ตบอลทุกคนต่างพูดถึงหัวข้อสนทนาที่เพิ่งสดร้อนเมื่อสักครู่อย่างออกรส บ้างก็ตะลึงในความสามารถของนายแบบหนุ่มที่เพิ่งจะเข้าชมรมมาไม่นาน  บ้างก็แสดงความยินดีกับเขาและบ้างก็ต่างหมั่นไส้ในตัวของเขาที่มีศักยภาพเกินหน้าเกินตาใครบางคนที่อยู่ที่นี่มานานกว่าชายหนุ่ม


          แต่เรื่องที่ได้ยินก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจอะไรมากนักเพราะเขารู้ดีว่ายังไงก็ต้องมีวันที่เขาได้เลื่อนขั้นแน่นอน  แม้ในคราแรกที่เข้ามาในชมรมนี้จะมั่นใจว่าอย่างไรความสามารถของเขาก็ต้องอยู่ในเกณฑ์ของกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ด้วยกฎของชมรมที่เขาเพิ่งเข้ามาในปี2ก็ต้องถูกจับให้ไปฝึกกับพวกกลุ่มสองซะก่อน  แม้จะแอบขัดใจที่เพิ่งจะมาเลื่อนขั้นให้เขาป่านนี้แต่ก็ดีกว่ายังอยู่ที่เดิม


         แม้ว่าเพิ่งจะเข้ามาแล้วได้เลื่อนขั้นเร็วขนาดนี้. ย่อมมีคนที่แอบอิจฉาและหมั่นไส้ใยตัวเขาอย่างแน่นอน  แต่ก็อย่างที่เคยพูดไว้นั้นแหละว่าเขาไม่แคร์อะไรกับสายตาเหล่านั้นหรอก ออกจะรู้สึกดีปนสะใจเล็กน้อยซะด้วยซ้ำที่พวกคนเหล่านั้นมองเขามาอย่างนั้น



          เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะยังไงล่ะ



    “ว่าแต่ว่าเธอเป็นใครเหรอ?”คิเสะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าเขา เมื่อเจ้าหล่อนได้ยินที่เขาถามนั้นริมฝีปากบางก็แย้มยิ้มเบาๆ


    “ฉันโมโมอิ ซัทสึกิ เป็นผู้จัดการชมรมบาสเทย์โควจ้ะ” เสียงแหลมเอ่ยแนะนำตัวเองเสร็จก็ได้ฉีกยิ้มเป็นมิตรให้กับเขา เมื่อคิเสะได้ยินดังนั้นจึงทำการส่งยิ้มบางๆให้เป็นมารยาท


    “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ตามฉันมาแล้วกัน ฉันจะได้พาเธอไปโรงยิมของพวกกลุ่มหนึ่งกัน จะได้พาไปเจอกับผู้ช่วยของเธอกัน” โมโมอิเอ่ยให้คิเสะตามเธอมา ก่อนที่จะออกตัวเดินออกจากโรงยิมแห่งนี้ไปยังโรงยิมอีกที่


    “เอ๋! นี่ฉันต้องมีผู้ช่วยด้วยเหรอ”นายแบบหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างเสียงดังด้วยความตกใจ ทำให้หญิงสาวที่เดินนำหน้าเขาจะหันมามองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ


    “ก็เธอเพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นมานี่ ยังไงก็ต้องมีคนมาช่วยเทรนเธอในช่วงนี้และอีกอย่างนี่ก็เป็นคำสั่งของอาคาชิคุงด้วย”


    “แล้วอาคาชิคุงนี่เป็นใครกันเหรอ”แม้จะได้รับคำตอบจากโมโมอิแล้วแต่คิเสะก็อดที่จะสงสัยอีกไม่ได้ว่าคนที่ชื่ออาคาชิที่หญิงสาวเอ่ยพาดพิงถึงเป็นใคร ทำไมถึงได้มีอภิสิทธิ์ที่จะสั่งให้เขาต้องมีผู้ช่วยด้วย


    “เดี๋ยวเธอก็ได้เจอเขาเองแหละน่า”หญิงสาวเรือนผมสีชมพูไม่ได้ตอบคำถามชายหนุ่มตรงๆ แต่ก็ได้แค่บอกกับอีกฝ่ายว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้เจอคนที่ถามถึงอยู่แล้ว และได้ปล่อยให้เขาเดินตามหลังหล่อนโดยที่ชายหนุ่มยังไม่ลดความสงสัยในหัวของตนลง



         

           เมื่อชายหญิงทั้งสองได้เดินมาถึงหน้าโรงยิมที่คาดว่าน่าจะเป็นที่ฝึกซ้อมของสมาชิกกลุ่มหนึ่งแล้วนั้น  ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในตัวโรงยิมนั้น จู่ๆสายตาของนายแบบหนุ่มก็ได้ไปเห็นภาพของเด็กผู้ชายผิวเข้มคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังซ้อมแข่งบาสเกตบอลกับคนอื่นๆข้างใน  ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นจะฝ่าวงป้องกันของคนอื่นๆมายังห่วงของฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่คนๆนั้นจะสร้างความตกใจต่อหน้าคิเสะขึ้นมา



        

             เฮ้ย!! นี่ดั้งค์ลูกบาสลงห่วงได้ด้วย!!



        “นี่!! ไดจังเห็นเท็ตสึคุงบ้างมั้ย!?”เสียงแหลมของผู้จัดการสาวเอ่ยถามชายหนุ่มผิวเข้มตรงหน้าที่เพิ่งจะซ้อมแข่งเสร็จ ก่อนที่คนๆนั้นจะหันมามองที่พวกเขา


      “ไม่เห็นน่ะสิ  ว่าแต่คิเสะ เรียวตะมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มผิวเรือนผมสีน้ำเงินเดินเข้ามาหาชายหญิงทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาและได้เอ่ยตอบพร้อมกับถามโต้กลับมาพลางจ้องมองมาที่ชายหนุ่มผมสีทองที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องมองกลับเช่นกัน


       “อ๋อ! คิเสะคุงตอนนี้ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาอยู่กลุ่มหนึ่งกับพวกเราแล้วล่ะ”


       “เหห~ อย่างนั้นเหรอ เก่งจังเลยนะ”เมื่อได้ยินเหตุผลที่นายแบบหนุ่มมาอยู่ตรงนี้ เด็กหนุ่มผิวเข้มก็อดที่จะแสดงความแปลกใจไม่ได้เพราะทุกคนในชมรมต่างก็รู้ว่านายแบบคนนี้เพิ่งจะเข้าชมรมมาไม่นาน




           ไอ้คนที่เก่งเนี่ยมันควรจะเป็นนายมากกว่านะ



         ถึงแม้เขาจะถูกเอ่ยชมก็ตามแต่เขาก็เลือกที่จะค้านขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ชมเขาไปเมื่อสักครู่นั้น เป็นคนที่เก่งกว่าเขาก็ตาม  ถึงแม้จะไม่กล้ายอมรับในข้อนี้เถอะว่ามีคนเก่งกว่าเขา


       “อาโอมิเนะ ไดกิ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มผิวเข้มเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ ก่อนจะยักคิ้วให้ชายหนุ่มอีกฝ่ายเป็นการทำความรู้จัก  โดยที่คิเสะเองก็ได้แต่พยักหน้าเป็นการรับรู้แล้ว


      “ว่าแต่ไม่มีใครเห็นเท็ตสึคุงบ้างเลยเหรอห๊า~~” หญิงสาวผมสีชมพูโอดครวญขึ้นมา  ก่อนจะกวาดสายตามองหาคนที่ถามถึงทั่วโรงยิม


     “แล้วเท็ตสึคุงเนี่ยใครกันเหรอ?”คิเสะเอ่ยถามถึงใครอีกคนกับอาโอมิเนะที่กำลังยืนอยู่ข้างกัน


     “อ๋อ~  หมอนั้นน่ะจะมาเป็นผู้ช่วยฝึกสอนให้นายไง เดี๋ยวนายก็จะเจอเองแหละ” อาโอมิเนะเอ่ยตอบก่อนพลางยักไหล่ขึ้นมาหลังจากเอ่ยจบ


    “อย่างนั้นหรอกเหรอ ว่าแต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนกันล่ะ”


     “กำลังถามหาถึงผมอยู่เหรอครับ” หลังจากที่เพิ่งถามหาอีกคนที่กำลังมองหาไม่นาน  จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังถามเขาอยู่ ก่อนที่สายตาจะกวาดมองหาต้นตอของเสียงว่ามาจากไหน  แต่เมื่อกวาดสายตามองไปทั่วๆแล้วก็ยังไม่พบว่าเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่อยู่ที่ไหน


            


            เอ๊ะ! หรือเมื่อกี้จะหูแว่วไปเอง




      “ผมอยู่นี่ครับ”ก่อนที่หูของเขาจะได้ยินเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ดังอีกครั้งก่อนที่สายตาของชายหนุ่มจะเลื่อนมามองลงจนเห็นชายหนุ่มผมสีฟ้าที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเขาในทันที


       “เฮ้ย!!” คิเสะหลุดอุทานดังด้วยความตกใจเมื่อเพิ่งเห็นใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ต่อหน้าเขาโดยที่เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นคนตรงหน้าเมื่อสักครู่


      “ว่าแต่ว่านายมาอยู่ตรงนี้ตอนไหนกันเนี่ย”


      “ผมก็มาอยู่ตรงนี้สักพักได้แล้วล่ะครับ”ทันทีที่น้ำเสียงนิ่งเย็นของอีกฝ่ายเอ่ยจบ ก็ทำให้ชายหนุ่มผมสีทองอดที่จะประหลาดใจกับความจืดจางของคนตรงหน้าไม่หาย


      “อ๋าา! เท็ตสึคุงอยู่นี้นี่เอง คิเสะคุงนี่คือผู้ช่วยฝึกสอนของเธอนะ” เมื่อผู้จัดการสาวเห็นว่าคนที่กำลังตามหามาอยู่ที่นี่แล้ว หล่อนจึงจัดการแนะนำตัวอีกฝ่ายให้ชายหนุ่มร่างโปร่งได้รู้จักกับว่าที่ผู้ช่วยฝึกสอนของเขา


     “สวัสดีครับ ผมคุโรโกะ เท็ตสึยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ว่าที่ผู้ช่วยฝึกสอนได้เอ่ยแนะนำตัวเสร็จก็ได้โค้งตัวลงเป็นการแนะนำตัว สร้างความตกใจปนประหลาดใจให้กับผู้เป็นลูกศิษย์ไม่น้อย


     “ห๊ะ!!  หมอนี้น่ะเหรอที่จะมาเป็นผู้ช่วยฝึกสอนฉันน่ะ  ไม่คิดว่าจะจืดจางไปหน่อยเหรอ” นายแบบหนุ่มอดที่จะโวยวายออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มตัวเล็กผู้จืดจาง


     “ถึงหมอนี่จะแตกต่างจากพวกเรา แต่ฉันก็รับประกันได้นะว่าหมอนี่ช่วยเหลือพวกเราได้เยอะเลยล่ะ” ชายหนุ่มผิวเข้มที่เงียบมาได้สักพักก็เอ่ยแก้ตัวให้ชายหนุ่มตัวเล็กที่เป็นคู่หูของตน  ที่ตอนนี้กำลังถูกคิเสะไม่เชื่อใจในตัวของอีกฝ่าย



           แม้จะแอบไม่เชื่อว่าคนที่มีลักษณะแบบคุโรโกะจะสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่เขาได้ก็ตาม  แต่ในเมื่อคนที่เก่งกว่าเขาอย่างอาโอมิเนะกลับเป็นคนที่กล้ายอมรับกับเขาว่าคนจืดจางนั้นสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่พวกเขาได้แน่ๆ  จึงทำให้ชายหนุ่มยอมจำนนเชื่อตามอีกฝ่ายอย่างมีข้อกังขาก็ตาม



      “ว่าแต่เท็ตสึคุง  เห็นซายุจังบ้างมั้ยจ๊ะ”หลังจากที่บทสนทนาเมื่อสักครู่จบลงไปหมาดๆ  โมโมอิก็ได้เอ่ยถามใครอีกคนจากคุโรโกะ


     “ฮิราโนะซังเหรอครับ  เห็นว่าเอาผลประเมินสมรรถภาพนักกีฬากลุ่มหนึ่งไปให้อาคาชิคุงน่ะครับ”คุโรโกะเอ่ยตอบโมโมอิไป เมื่ออีกฝ่ายถามถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วยกัน


        สร้างความสนใจให้แก่คิเสะอีกครั้งเมื่อได้ยินรายชื่อของคนที่ไม่คุ้นมาก่อน ไม่รู้ว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงเอ่ยถามถึงใครอีกก็ไม่รู้และก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดตัวของเขาถึงได้อยากรู้อยากเห็นไปหมดว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงเมื่อสักครู่จะเป็นใคร  จะโดดเด่นเหมือนอาโอมิเนะหรือจะจืดจางไม่มีอะไรเหมือนคุโรโกะกัน ชักอยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นคนแบบไหน



      “อ๊ะ! พูดถึงก็มาพอดีเลย ซายุจังทางนี้!!” ทันทีที่ผู้จัดการสาวเหลือไปมองเห็นคนที่กำลังถามหาถึงอยู่  เจ้าตัวก็หันไปตะโกนโบกไม้โบกมือเรียกอีกคนที่คาดว่ากำลังเดินมาหาพวกเขาจากข้างหลังของเขาอยู่ ณ ตอนนี้


          ทันทีที่ร่างโปร่งของนายแบบหนุ่มหันไปเผชิญหน้ากับคนที่อยากเจอเข้า  ทำให้ดวงตาคมของเขาเบิกกว้างขึ้นมาหลังจากที่พบกับร่างบางที่พร้อมไปด้วยใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยและเรือนผมสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของอีกคนที่เป็นตัวยืนยันว่าเขาจำคนไม่ผิดอย่างแน่นอน


      “เอ๊ะ! คิเสะคุง”


     “เธอ…”


         ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฟ้าจะเล่นตลกกับเขาไปเมื่อตอนเช้าแล้ว  ไม่คิดว่าฟ้าจะกลับมาเมตตาให้เขาได้เจอเธออีกครั้งหนึ่ง


     “คิเสะคุง  นี่คือผู้จัดการชมรมอีกคนหนึ่งของพวกเราและจะมาช่วยเหลือเธอด้วยน่ะ” โมโมอิเอ่ยแนะนำหญิงสาวที่คุ้นหน้าตรงหน้าของชายหนุ่มให้เขารู้จัก


     “ฮิราโนะ ซายูริ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคิเสะคุง” เสียงหวานของหญิงสาวผมสีส้มเอ่ยแนะนำตัวให้กับอีกฝ่ายได้รู้จัก  พร้อมกับฉีกยิ้มขี้เล่นส่งมาให้นายแบบหนุ่ม


     “ยินดีที่ได้รู้จัก”


     “ถึงจะเคยได้ยินชื่อเสียงมาจากคนอื่นๆในชมรมมาแล้วก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าจะเลื่อนขั้นเร็วมากในตอนนี้ ยินดีด้วยนะ”ฮิราโนะเอ่ยแสดงความยินดีกับอีกฝ่าย


     “ขอบคุณนะ” ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า  


          เคยได้ยินประโยคที่ว่าโลกมันกลม มักจะเหวี่ยงให้คนสองคนได้มาเจอกันบ่อย ไม่คิดว่าประโยคที่เคยได้ยินมาจะมากลายเป็นความจริงในตอนนี้  ไม่คิดว่าชื่อของอีกฝ่ายที่อยากรู้ใจจะขาดจะมาได้ยินจากปากเธอในตอนนี้. คงต้องขอบคุณฟ้าแล้วล่ะตอนนี้


     “ยังไงเราก็ต้องอยู่ร่วมกันแล้วนับจากนี้  ขากเนื้อฝากตัวด้วยนะคิเสะคุง” เสียงหวานเอ่ยฝากเนื้อฝากตัวกับอีกฝ่ายเสร็จก็โค้งตัวเล็กน้อยให้กับเขาพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้


     “อื้อ!  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮิราโนะจัง”นายแบบหนุ่มเอ่ยฝากเนื้อฝากตัวอีกคนด้วยน้ำเสียงร่าเริง  ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้อีกคนเป็นการตบตาอีกฝ่าย ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับ


           เมื่อร่างบางที่คุ้นตาได้เดินออกห่างจากตัวนายแบบหนุ่มไปแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแอบเหยียดยิ้มมุมปากขึ้นมาโดยที่คนอื่นๆไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน ก่อนที่ดวงตาคมสีน้ำตาลจะแวววับไปด้วยความเจ้าเล่ห์ในยามที่ดวงตาเขาจับจ้องไปยังร่างบางของหญิงสาว



        ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะ คนสวย:)











    :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::









          แฮร่!!! ในที่สุดโอสิเรียก็  Comeback แล้วค่าาาา!!  ไรท์รู้ตัวดีค่ะว่ามีรีดเดอร์บางท่านที่กำลังรออ่านฟิคเรื่องนี้อยู่ -..-  

    ไม่มีคำแก้ตัวและไม่พูดอะไรเยอะค่ะ นอกจากขอโทษรีดเดอร์ทุกๆท่านจริงๆที่ปล่อยให้รอตั้งนาน นี่แน่ะ! /ตีตัวเอง   แต่

    ในท้ายที่สุดไรท์เตอร์คนนี้ก็จะไม่ยอมทิ้งรีดเดอร์ที่รอติดตามฟิคเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ   ส่วนในบทของตอนนี้นั้นไรท์ขอชี้แจง

    ตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะว่าในตั้งแต่บทนี้เป็นต้นไปของฟิคเรื่องนี้จะเป็นการเล่าย้อนอดีตของพระนางกันเล็กน้อยภายในไม่

    กี่ตอน  ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องปัจจุบันกันในภายหลัง  ซึ่งแน่นอนค่ะว่าก็เป็นการปูพื้นฐานความร้ายกาจของพระเอกเรา

    เช่นกัน /ยิ้มอ่อน    ยังไงถ้าอ่านจบบทแล้วสามารถติชมได้นะคะหรือจะไปเวิ่นฟิคกับไรท์ก็ได้ค่ะที่ #ฟิคแอบถ่ายKNB 

    ที่Twitter ก็ได้ค่ะไรท์เพิ่งจะมีแอคทวิตเอาไว้ส่องความเคลื่อนไหวต่างๆเช่นกัน








    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×