ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟูจิวาระ

    ลำดับตอนที่ #6 : เกียวโต

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      14
      8 พ.ค. 63


    หลังจากนั้นอีก 2-3 วันต่อมา คิคุนะก็เดินทางไปแข่ง international amateur Go Championship ที่ประเทศไต้หวัน

    สำหรับฮิคารุแล้ว คำตอบที่ได้นั้นยังคลี่คลายปริศนาในใจของเขาไม่หมด

    ทำไมคิคุนะถึงมีสไตลล์การเล่นที่คล้ายกับเขาและซาอิ

    แต่ฮิคารุก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก เวลาส่วนมากของเขาต้องใช้ไปกับการซ้อมโกะ เพราะรายการแข่งขันต่างๆ ก็เริ่มจะประดังเข้ามา สถิติชนะรวดทำให้รายการจับคู่แข่งในเดือนหน้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    แล้วอีก 3 วันต่อมา ทาคาสึคาสะ คิคุนะ แชมป์เยาวชนญี่ปุ่น ก็โด่งดังในชั่วข้ามคืน หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันรุ่นเยาวชนระดับนานาชาติ โดยเอาชนะตัวแทนเยาวชนจากเกาหลีได้อย่างยอดเยี่ยม โกะรายสัปดาห์พาดหัวข่าวใหญ่กว่าการประกาศผลการแข่งขันโอสะลีครอบจริงที่ทั้งเขาและโทยะติดโผเข้าไปซะอีก ทำเอาแฟนหมากล้อมญี่ปุ่นดีใจไปตามๆ กัน เพราะตั้งแต่โทยะ โคโย ลาออกจากวงการ ญี่ปุ่นก็ไม่เคยคว้าแชมป์ในระดับนานาชาติได้อีกเลย

    แล้วฮิคารุก็เลื่อนขึ้นสู่ดั้งที่สอง เทียบเท่า วายะ โยชิทากะ และโอจิ โคสึเกะ

    เมื่อคิคุนะกลับถึงญี่ปุ่น อากิระที่ได้แก้แค้นโคยงฮาทางอ้อมจากการเป็นติวเตอร์ให้เธอก็ชวนทั้งคิคุนะกับฮิคารุไปฉลองกันเป็นส่วนตัวที่ร้านอาหารไทยขึ้นชื่อย่านรปปงหงิ

    “โทยะ นายจ่ายนะ” ฮิคารุหัวเราะคิกคักกับคิคุนะ แล้วสุมหัวเลือกเมนูอาหารที่เผ็ดร้อนที่สุดให้โทยะกิน เอาให้มันสำลักตายไปเลย ทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าคำตอบต้องเหมือนทุกครั้งคือ ‘หารสาม’

    “ได้ เชิญพวกนายสั่งกันตามสบายเลย ชั้นเอา....ต้มยำกุ้งก็แล้วกัน” ดวงหน้าสำอางมีรอยยิ้มฉาบอยู่ตลอดเวลา

    ห๊ะ! ฮิคารุกะคิคุนะร้องออกมาพร้อมกัน “นายบอกว่าจะเลี้ยงเรา! ”

    “อืมม์ ใช่สิ” อากิระหยิบเมนูอาหารหน้าตาแปลกๆ มาดูอย่างเพลิดเพลิน ส่วนฮิคารุกับคิคุนะก็สุมหัวกระซิบกระซาบกันนินทา

    “สงสัยหัวมันจะไปชนอะไรมาแฮะ”

    “ไม่หรอก ชั้นว่าน่าจะดีใจที่ได้แข่งลีคโอสะรอบจริงมั้ง”

    "มันจะดีใจเรื่องนั้นทำไม ปีนี้ได้แข่งตั้งสามลีค ไม่นับที่ยังไม่เริ่มคัดตัวอีก"

    ตั้งแต่เป็นมืออาชีพมา อากิระเป็นนักทำลายสถิติ ทั้งสถิติชนะรวดประจำปี สถิตินักเล่นโกะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้แข่งลีค (แข่งฮงอินโบลีคตอนอายุ 15 ปี) และสถิตินักเล่นโกะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ชนะถ้วยรางวัล (ชนะรางวัลถ้วยริวเซย์ตอนอายุ 16) ที่ถึงแม้จะเป็นถ้วยเล็กแต่เงินรางวัลไม่เล็กตาม สถิติสุดอลังการเหล่านี้ทำให้ฮิคารุที่วิ่งไล่ตามมานั้นไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าไหร่นัก 

    “แล้วแข่งเป็นไงมั่ง?” ฮิคารุถามอย่างสนใจใคร่รู้

    “โอ๊ยย กว่าจะฟันฝ่าไปได้ เกือบประสาทตาย วันที่สองรอบแรกเจออเมริกา พักแค่แป๊ปเดียวก็ให้แข่งกับจีนต่อ บ้าชะมัด  กว่าจะเอาชนะมาได้ก็แทบรากเลือด แล้วรู้มั้ยกระดานสุดท้ายของวันได้เจอประเทศอะไร”

    “ประเทศไร?”

    “เจ้าภาพ ไต้หวัน! ”

    “หืมม์!! ” ฮิคารุอุทานเสียงดัง “แกล้งกันรึเปล่าเนี่ย?”

    “แต่ก็ชนะมาได้ไม่ใช่เหรอ” อากิระยิ้ม

    “ก็...นะ วันที่3 แข่งชิงตำแหน่งกับพัคเซจุนจากเกาหลีกระดานเดียว ได้เจอโคยงฮาด้วยนะ โหยยย ตัวจริงหล่อมาก ~~~ ยังกะนายแบบ พูดภาษาอังกฤษก็เก่ง ได้เล่นกันด้วย เก่งมากจริงๆ ฝีมือโกะระดับแนวหน้าของโลกเลยล่ะ มือต้นๆ ของโลกจริงๆ” คิคุนะชมไปเขินไปตามประสาเด็กสาวกรี๊ดผู้ชายรุ่นพี่ เธอไม่ได้บอกเพื่อนทั้งสองเรื่องที่ไปสัญญากับโคยงฮาว่าจะติดต่อกันทางอีเมลล์

    จู่ๆ อากิระหยุดยิ้ม

    “ชั้นคิดว่าจะสอบมืออาชีพปีนี้เลย” คิคุนะเอ่ยขึ้น “พวกนายสองคนว่าดีมั้ย?”

    ฮิคารุกับโทยะมองหน้ากันอย่างงเล็กๆ

    “แต่การสอบมืออาชีพรอบคัดตัวผ่านไปแล้วนี่นา?”

    “ก็...ทางสมาคมบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ให้ไปแข่งรอบจริงได้เลย” คิคุนะเอ่ยหน้าตาย

    “แล้วไม่มีคนทักท้วงบ้างเหรอ?” อากิระถาม

    “ก็มีพวกเด็กอินเซย์ แต่ทั้งอ.ชิโนดะ ทั้งคุณอามาโนะก็เส้นใหญ่คับฟ้าทั้งคู่เลยไม่มีใครกล้าหือ” คราวนี้คิคุนะทำสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    “ไม่พอใจเพราะรู้ว่าเธอจะสอบผ่านน่ะสิ” ฮิคารุพูด แต่ในใจก็อดสงสารเพื่อนอินเซย์ไม่ได้

    “เพราะฉะนั้นชั้นต้องสอบผ่านให้เป็นที่ 1 ให้ได้ ชั้นต้องชนะทุกกระดาน จะได้ไม่ถูกครหาว่ามาเบียดใครตกอันดับ” ดวงตาสีม่วงเป็นประกายกร้าว

    ฮิคารุกับอากิระมองหน้ากันอีกครั้ง

    คิคุนะจะกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของทั้งสองหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์

                                                                                                                                                                    

    ณ คฤหาสน์ตระกูลทาคาสึคาสะ

    ทาคาสึคาสะ นิชิโอะ บิดาของคิคุนะ กำลังนั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในห้องทำงานโอ่อ่าราวกับห้องทำงานของประธานาธิบดีในทำเนียบขาว เขาเป็นชายร่างสูงสง่า ดูภูมิฐาน ใบหน้าดุ ขรึม จริงจัง ผมสั้นหวีเรียบแปล้ ดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างผู้มีอำนาจ เป็นคนที่ไม่สมควรทำอะไรให้ขัดใจอย่างที่สุด

    “พ่อไม่เห็นด้วยเรื่องไปสอบมืออาชีพ ลูกแน่ใจดีแล้วหรือ?” เสียงทุ้มต่ำดังสะท้อนก้อง

    “แน่ใจค่ะ หนูคิดว่าตัวเองพอไปได้กับวงการนี้ ถึงจะยังไง...หนูก็ชอบโกะมากที่สุด” ใบหน้าขาวเรียวสวยหรุบลงต่ำเมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาที่แสนเข้มงวด

    “ลูกรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับวงการหมากล้อม สำหรับวงการนี้ คำว่า ‘พอไปได้’ น่ะ ไม่พอที่จะประสบความสำเร็จหรอก” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ประสานมือกันข้างหน้า ดวงตาแข็งกร้าว แสดงออกทันทีว่า ‘คัดค้าน’

    “แต่หนูก็ทำได้ดีมาตลอด เรื่องพรสวรรค์ หนูแน่ใจว่าตัวเองไม่เป็นรองใคร” ปากก็พูดอีกอย่าง แต่ในหัวมีภาพของฮิคารุกับอากิระลอยเด่นออกมา สองคนนั้นต่างหากที่คู่ควรกับคำว่า born to be เธอไม่ได้มีพรสวรรค์มากมายอย่างที่ใครๆ คิดหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างสร้างจากความเพียรพยายาม ฝีมือที่มีอยู่เกิดจากการฝึกซ้อมวันละหลายๆ ชั่วโมงไม่มีวันหยุด

    “วงการโกะไม่เคยให้อะไรปู่ของลูก คิคุนะ นอกจากความผิดหวัง” ผู้เป็นพ่อรู้ดี แม่ของคิคุนะเสียตั้งแต่ยังเล็ก เขาเองก็มัวแต่ยุ่งกับงาน ลูกสาวคนเดียวจึงเติบโตมากับคุณปู่..พ่อของเขา นักเล่นโกะที่ล้มเหลวในอาชีพและตัดสินใจลาออก หลายปีที่ผ่านมาพ่อของเขาสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคิคุนะ แล้วตอนนี้ลูกสาวคนเดียวกำลังจะเดินไปบนเส้นทางที่พ่อของเขาเคยเดินไปและเดินกลับมาอย่างพ่ายแพ้

    “หนูไม่เชื่อหรอก” เด็กสาวน้ำเสียงหนักแน่นดื้อดึง จนผู้เป็นพ่อต้องถอนหายใจ

    “พ่อรู้ดี” นิชิโอะกล่าวช้าๆ “ก้าวเข้าไป แต่อย่าก้าวออกมาอย่างอัปยศเหมือนปู่ของลูก ลูกไปสอบได้ แต่อย่าหวังว่าพ่อจะปลดภาระที่ลูกต้องแบกรับในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลเรา”

    “ค่ะ” เธอรับคำ “หนูก็เกลียดความพ่ายแพ้เหมือนกัน! ”


    เดือนกรกฎาคม

    สอบมืออาชีพรอบจริงกระดานที่ 1

    “งาย ทุกคน” สองหนุ่มอดีตอินเซย์ วายะ โยชิทากะ สองดั้ง และ อิสึมิ ชินจิอิโร่ โผล่มาทักทายเหล่าเพื่อนฝูงหน้าห้องแข่ง

    วายะ! นาเสะ อาสึมิ อินเซย์สาวหน้าหวานร้องออกมาอย่างดีใจ “เป็นไงบ้าง? เดือนที่แล้วไม่ได้ติดต่อกันเลย”

    “ก็เห็นพวกเธอกำลังยุ่งกับเตรียมสอบมืออาชีพ” คุณอิสึมิตอบแทน ตบไหล่ฟุคุที่ทำหน้าซึมๆ บรรยากาศของพวกอินเซย์วันนี้เครียดจนแทบเดือด

    “เฮ้อ.....ปีนี้” โคมิยะถอนหายใจ “ไม่ถึงกับแย่แต่ก็ไม่ถึงกับดี”

    “ใช่ นี่ รู้รึเปล่า...ว่า ทาคาสึคาสะ คิคุนะ ก็มาสอบด้วยน่ะ” นาเสะเอามือป้องปากพูดเบาๆ “อาดาจิโกรธขนาดไปอาละวาดใส่อาจารย์เลยแหละ”

    “เฮ้ย! จิงง่ะ!! เอาเปรียบกันนี่หว่า ทำไมไม่ประท้วงไปเลยล่ะ?? ธ่อ....นึกว่าเป็นแชมป์โลกแล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นเรอะ!” วายะเอามือตบโต๊ะเสียงดัง คนแถวนั้นได้ยินกันทั่วหมด

    แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ของเพื่อนๆ กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ นาเสะ ฟุคุ โคมิยะ หน้าตาเลิ่กลั่ก แกล้งทำเป็นมองไปทางอื่น

    “ทาคาสึคาสะ คิคุนะ อยู่ข้างหลังนาย” คุณอิสึมิกระซิบเร็วๆ

    วายะรีบเหลียวหลังไปมอง โต๊ะยาวข้างหลังมีคนนั่งอยู่คนเดียว เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาดีผมยาวดำขลับทอประกายสีม่วง ดวงตาทรงเมล็ดข้าวเหล่มาที่วายะด้วยสายตากวนประสาท เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก รีบหันกลับมา ทำหน้าเหมือนเห็นผี

    ซวยแล้ว......

    เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้น คิคุนะเดินตรงมาหาวายะ

    “นายนี่เอง Zelda แห่งเวิลด์โกะออนไลน์” 

    “อ๊ะ....อ๋อ ใช่”

    “นี่ชั้นเอง KKN จำได้มั้ย?” คิคุนะยิ้มร่าอย่างเป็นมิตร

    “อ้อ” วายะเลิ่กลั่ก “อ้อ ชั้นจำได้”

    “อื้อ แล้วเจอกันในวงการมืออาชีพนะ” เธอยิ้มเยือก รัศมีฆ่าฟันแผ่ออกมา พอดีกับที่เสียงออดดัง คิคุนะเดินเข้าไปในห้องแข่งขัน

    “น่ากลัว” ทุกคนออกความเห็นตรงกัน

                                            

    ในเดือนนี้ ทางฝั่งมืออาชีพ การแข่งคัดตัวรอบรองรอบที่สองชิงตำแหน่ง จูดัง คิเซย์ เท็นเง็นกำลังจะเริ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน การแข่งคัดตัวชิงตำแหน่ง เมย์จิน ฮงอินโบ ถ้วยฟูจิTV และอีกหลายตำแหน่งก็กำลังจะเริ่มขึ้น เรียกได้ว่าถ้าชนะรวดจากเดือนที่แล้ว เดือนนี้มีแข่งทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 2 กระดานเป็นอย่างน้อย

    ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน พวกมืออาชีพที่สอนเก่งๆ ต่างมีงานยุ่งกับการสอนพิเศษตามบ้าน วายะเองที่รับจ๊อบตระเวนสอนนั้นเหนื่อยจนต้องบ่นกับฮิคารุ

    “ก็ไปสอนทำไมเล่า ชั้นว่าแค่ซ้อมโกะอย่างเดียวเวลามันก็จะไม่ค่อยมีแล้ว” ฮิคารุพูด

    “ก็เงินเดือนนักเล่นโกะมันพอกินที่ไหนเล่า ชั้นไม่ได้เงินจากค่าแข่งลีคแบบนายนา แล้วอีกอย่างชั้นก็ย้ายมาอยู่คนเดียวแล้วตอนนี้” วายะบ่น “เอ๊ะ ว่าแต่ ชินโด”

    “หือ?”

    “ตระกูลทาคาสึคาสะนี่รวยไม่ใช่เหรอ แล้วสอนยัยคุณหนูทาคาสึคาสะนั่นนายได้เงินเท่าไหร่?”

    นั่นสิ! เขาลืมคิดเรื่องเงินไปเลย ตั้งแต่สอนคิคุนะมา แต่ก็ช่างเถอะ...สมาคมไม่จ่ายให้ก็ไม่เป็นไร ถือว่าสอนไถ่โทษที่ญี่ปุ่นได้บ๊วยตอนแข่งถ้วยโฮคุโตะละกัน

    “ชินโด เท่าที่นายรู้จักยัยทาคาสึคาสะคนนี้นี่เป็นยังไง?” วายะถามขึ้น คำถามที่ทำเอาฮิคารุหน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ

    “ก็...ไม่รู้นะ....นิสัยก็โอเค หน้าตาก็ใช้ได้ แบบ...เวลาอยู่ด้วยอะไรๆ มันก็โอเคไปหมด”

    “เฮ่ย ไม่ได้ถามเรื่องน้าน ชั้นถามว่าเป็นยังไงทางโกะตะหากเล่า ฝีมือขนาดไหน ระดับเป็นคู่แข่งพวกเรารึเปล่า?”

    “ก็เก่งดิ” ฮิคารุพูดได้คำเดียว “เก่งอ่ะ เก่งเร็วชิบหายเลย หัวไวสุดๆ สอนอะไรจำหมด ไม่เชื่อถามโทยะ ขนาดหมอนั่นยังไม่กล้าเมินเลย ชั้นว่า...สอบผ่าน”

    “คนที่โทยะไม่กล้ามองข้าม หึหึ ชั้นก็เห็นนั่งตรงนี้อยู่คน” หนุ่มหัวชี้นั่งจ้องหน้าเพื่อนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า

    “ว่าแต่นายชอบผู้หญิงพรรค์นี้เรอะชินโด” วายะยิ้มเจ้าเล่ห์ 

    จะบ้าเรอะ!!!

    ___________________________

    เดือนสิงหาคม

    ในที่สุดฮิคารุก็อดแข่งคิเซย์ลีก ต้องมาจอดอยู่ที่รอบคัดตัวรอบสองที่เป็นการจับคู่แข่งระหว่างดั้งสูงกับดั้งต่ำ

    “บ้าป่าว ชินโด คิดจะชนะชั้นน่ะ บ้าป่าว” คุณคุราตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เสนอตัวเลี้ยงราเมนปลอบใจ 2 ดั้งหมาดๆ แก้แค้นด้วยการสั่งชามที่แพงที่สุดในร้าน

    แล้วที่หงุดหงิดใจยิ่งกว่าคือเจ้าโทยะมันดันชนะ

    “ไม่เป็นไรหรอก ชั้นก็ไม่เคยชนะคุณคุราตะ” อากิระพูดปลอบใจ สองหนุ่มที่เป็นทั้งมิตรทั้งศัตรูยังคงมาซุ่มฝึกซ้อมด้วยกันด้วยข้อตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันต่อสู้ในการแข่งลีคที่มีแต่พวกเขี้ยวลากดิน

    ร้านโกะซาลอนยังคงเหมือนเดิม แต่ก็มีเสียงบ่นคิดถึงคิคุนะจากลูกค้าในร้านเสมอ ทุกคนมักจะถามไถ่ถึงคิคุนะนัยว่าไม่มีเด็กสาวๆ แล้วที่นี้แห้งแล้งเหลือเกิน

    “แหม! ร้านนี้ก็มีชั้นอยู่ทั้งคนนะ! ” คุณอิจิคาว่าทำท่าน้อยใจ

    “สวยแต่ยังโสดสนิท” ฮิคารุแอบกัด

    ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘เอ่ยถึงโจโฉ โจโฉก็มา’ ทาคาสึคาสะ คิคุนะ ปรากฎกายขึ้นราวกับลมหอบมา เจ้าของร่างแบบบางแต่งตัวไม่เหมือนทุกวัน เธอสวมชุดกระโปรงยาวเรียบร้อยผิดวิสัย

    “ชนะรวดมา 14 กระดานแล้วนี่! ” นี่คือประโยคทักทายหลังจากไม่ได้เจอกันแรมเดือนของฮิคารุ

    “ของตายย่ะ” เธอยิ้มกว้าง โค้งงามๆ ให้ท่านอาจารย์โทยะ แล้วทิ้งกายลงนั่งข้างๆ ฮิคารุ

    “วันนี้ชั้นมาหาเพราะว่าคุณพ่อให้มาชวนนายสองคนไปเที่ยวบ้านที่เกียวโต ท่านอยากจะเลี้ยงขอบคุณที่นายสองคนช่วยเป็นติวเตอร์ให้ชั้น แล้วก็เดี๋ยวจะมีมอบเงินให้ด้วยนะ” ทันทีที่มีคำว่าเงิน ฮิคารุก็หูผึ่ง

    “เท่าไหร่ๆ”

    “เอ่อ ไม่รู้สิ....แต่ชั้นว่าไม่น่าต่ำกว่าคนละสี่แสนเยน”

    “ไปสิ! ไปแน่ๆ โทยะก็ไปด้วย” ฮิคารุตกลงแทนคู่แข่งตลอดกาลซะเสร็จสรรพ

    “ดีจัง ชั้นไม่เคยพาเพื่อนไปเที่ยวบ้านที่เกียวโตมาก่อนเลย” เธอกล่าวเสียงใสอย่างลิงโลดใจ

                                              

    ซาอิไม่เคยพูดถึงอดีตสมัยที่เป็นมนุษย์บ่อยนัก เวลาเล่าเรื่องราวที่เป็นอดีต ซาอิมักจะเอ่ยถึงโทราจิโร่ ฮิคารุเดาว่าซาอิคงเจ็บปวดจนไม่อยากพูดถึง

    วันรุ่งขึ้น ฮิคารุกับอากิระต้องขึ้นชินคันเซนไปสถานีเกียวโต จากนั้นตระกูลทาคาสึคาสะจะส่งรถมารับ ฮิคารุรู้สึกตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้ไปเยือนตระกูลเจ้าพ่อ เพราะแค่รถยุโรปสีดำเป็นมันปลาบที่มารับก็บอกถึงความไฮโซของตระกูลนี้ได้เป็นอย่างดี

    รถวิ่งผ่านตัวเมืองเกียวโต ยอดปราสาทเอโดะโผล่ให้เห็นมาแต่ไกล อาคารรายรอบส่วนใหญ่ยังคงสร้างด้วยไม้รักษาเอกลักษณ์ความเป็นนครหลวงเก่า

    “ชั้นอยากไปดูปราสาทหรืออะไรก็ได้ที่เป็นของสมัยเฮย์อัน! ” ฮิคารุดวงตาเป็นประกายด้วยความกระตือรือร้น นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำของซาอิ เกียวโต....

    “เฮย์อันเป็นนครที่สร้างด้วยไม้ พันปีมาแล้ว ไม่มีอะไรเหลือหรอก ชินโด” อากิระถอนหายใจ “ชั้นแนะนำว่าถ้าอยากดูอะไรๆ ที่เป็นยุคเฮย์อันให้ไปที่พิพิธภัณฑ์”

    รถแล่นออกมาห่างจากตัวเมือง บ้านเรือนเบาบางจนเหลือเพียงทุ่งนากว้าง แล้วก็มาถึงบ้านตระกูลทาคาสึคาสะ เป็นบ้านไม้แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ทางเดินภายในยาวเหยียดเป็นรูปสี่เหลี่ยมรายล้อมด้วยห้องหับนับสิบราวกับปราสาทของท่านโชกุน ตรงกลางเป็น สวนหินญี่ปุ่นตกแต่งอย่างดี

    คนรับใช้ในชุดกิโมโนเรียบๆ ออกมาต้อนรับ ฮิคารุรู้สึกยังกับหลงเข้าในยุคเอโดะ โดยเฉพาะเมื่อคิคุนะปรากฏกายขึ้นในชุดกิโมโนสีดอกซากุระปักลวดลายสวยงาม ผมยาวสลวยเกล้าขึ้นประดับด้วยปิ่นปักผมรูปดอกเบญจมาศ เธอทักทายเพื่อนทั้งสองด้วยรอยยิ้มสำรวมเขินอายเล็กน้อยราวกับสตรีชั้นสูง

    โปรโกะทั้งสองถูกสะกดด้วยความงามราวกับนางเอกที่หลุดออกมาจากละครย้อนยุคของช่อง NHK โดยเฉพาะฮิคารุถึงกับอ้าปากค้าง ก็รู้อยู่แล้วว่ายัยนี่เป็นคนสวย แต่นี่มันอัพเกรดขึ้นไปอีก ทำเอาเคลิ้มเลย ยัยบ้า

    “นี่โรงน้ำชาหรือบ่อน้ำแร่รึไงเนี่ย?” ฮิคารุเอ่ยติดตลกกลบเกลื่อนความรู้สึก คิคุนะหัวเราะกิ๊ก

    “เปล่าหรอก คุณพ่อชั้นมีงานสังสรรค์กะพวกชนชั้นสูงอนุรักษนิยมน่ะก็เลยต้องแต่งตัวแบบนี้ นายลองมาใส่ดูมั่งสิแล้วจะรู้ว่านรกมีจริง” ไม่ว่าจะแต่งตัวอย่างไรคำพูดคำจาแสบสันเหมือนเดิม คิคุนะคุยกับฮิคารุสรวลเสเฮฮาไปตลอดทาง ไม่รู้ตัวเลยว่าอากิระยังคงแอบมองเธอด้วยความรู้สึกหวั่นไหวยากอธิบาย

    ตอนนี้ทั้งสามอยู่ในสวนด้านหน้าของบ้าน มองออกไปนอกประตูบานสูงที่เปิดอ้าอยู่เห็นทุ่งนาโดยรอบ ทั้งด้านหน้าและด้านข้างของบ้านหลังนี้ล้อมรอบด้วยทุ่งนาเหมือนอยู่กลางทะเลสีเขียวอ่อน

    “ชั้นไม่อยากจะถามหรอกนะ แต่ตระกูลเธออยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว?” ฮิคารุเอ่ยถาม

    “พันปี”

    “บ้าน่า!!! บ้านหลังนี้เนี่ยนะ”

    “ไม่ใช่! ชั้นหมายถึงที่ดินตะหาก ที่ดินที่นายเหยียบอยู่นี่ไง”

    “อ่ะนะ สรุปว่าตระกูลเธอไม่เหลืออะไรเกี่ยวกับซาอินอกจากบันทึกนั่นแล้วใช่มะ” ฮิคารุทำหน้าหมดแรง จริงดิ...พันปีมาแล้วนี่ อะไรจะเหลือ

    “จะพูดไป...ก็ยังมีอยู่” คิคุนะครุ่นคิดก่อนชี้มือไปที่ภูเขาข้างหลัง

    “บนภูเขานี่มีวัดอยู่ วัดที่ซาอิไปไหว้พระก่อนฆ่าตัวตาย”

                                                     

    Writer's talk: ว่าด้วยคาแรกเตอร์คิคุนะ-เราออกแบบเธอมาให้ภายนอกสวยจิ้มลิ้มแบบผู้หญิงญี่ปุ่นโบราณ (คือจินตนาการว่าคนงามระดับซาอิถ้ามีลูกสาวหรือน้องสาวฝาแฝดจะงามขนาดไหน) 

    ช่วงต้นๆ แต่เดิมเราเขียนให้เธอดูนิสัยเสียเกินงามจนดูเป็นคนไม่มีมารยาท ฉบับรีไรท์นี้เราเลยปรับรายละเอียดบทพูดกับกิริยาของเธอให้ดูมีมิตินุ่มนวลขึ้น ทำให้ออกมารวมๆ แล้วมีสเน่ห์อย่างที่เด็กผู้ชายบอยๆ อย่างฮิคารุให้การยอมรับในความแมน และคนหยิ่งแบบอากิระยอมให้เธอพูดล้อเล่นด้วย เรียกว่าจุดเริ่มต้นคือสองหนุ่มถูกคุณหนูอารมณ์ร้อนที่แก่นๆ แสบๆ อย่างคิคุนะ break the ice จนรู้สึกสบายใจที่แสดงความเป็นตัวเองออกมาก่อน ส่วนชอตชุดกิโมโนที่โดนตกจริงๆ ของเดิมไม่มีค่ะ เราเพิ่มเข้ามาในฉบับรีไรท์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×