ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHANNAL M ๐ d è ' A U D I T I O N

    ลำดับตอนที่ #3 : ลำดับตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 55








    CHAPTER I

     

     

        หลายครั้งหลายคราที่คำพูดของผมมันสะท้อนเข้าตัวผมเอง ราวกับกระจกและเงา ผมคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องไร้สาระก็จริงแต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น ...ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงต้องคอยดูแลเอาใจใส่คนนั้นทั้งๆที่เราก็ยังเอาตัวไม่รอด ซื้อของมากมายเพื่อเอาใจแฟนงั้นหรอ??

     

          

           ...พอมานั่งคิดทบทวนอีกที ความรักไม่ใช่เรื่องแปลก มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรือถูก แต่มันเหมือนเป็นการทำร้ายตัวเองชัดๆ อย่างไอ้ซีวอนนั้นผมเห็นมันอกหักตตั้งหลายครั้ง วันๆก็ดื่มเหล้า ตกดึกก็เมาแอ๋ เดินโซซัดโซเซกลับบ้าน

     

     

           ...เฮอะ อยากจะถาม กินเหล้าแล้วมันจะช่วยอะไรได้ขึ้นมารึยังไง แฟนมึงจะกลับมาง้อหรอ??...

     

     

     

           และที่ผมพูดอย่างนี้ก็ไม่ใช่อะไรถ้าผมไม่เจอมากับตัว ตอนนี้มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงจนผมแทบบ้า อยากร้องตะโกนออกมาดังๆเพื่อให้คนนอกได้รับรู้ความรู้สึกของผม

     

     

           ผมไม่ใช่คนหน้าตาดีเด่นอะไรถึงกับมีคนมาชอบเยอะแยะ แต่มันก็มีบ้างแหละนะ ผมรู้ว่าผมควรหยุดเรื่องพวกนี้แล้วหันมาตั้งใจเรียน แต่ยังไง...ผมก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการความรัก ต้องการคนที่รู้ใจและสรรหาความต้องการออกทางร่างกาย กิริยา และคำพูด

     

     

           "เฮ้ ไอ้คยู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันไปมอง.... คิบอม และ ฮันคยอง

     

          

           ผมอดดีใจไมได้นิดหน่อยเพื่อนตั้งแต่มัธยมต้นดันมาเจอกันที่นี่ โลกกลมจริงๆ บางทีไอ้ซีวอนน่าจะอยู่ด้วยนะ ปกติมันชอบสังสรรค์อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอไอ้พวกนี้มันก็คงจะเที่ยวไม่หยุดแน่ๆ

     

     

           "อ้าว มาไงวะ.."  ผมถามพวกมันอีกนิดหน่อย และสิ่งที่พวกมันตอบออกมาทำให้ผมอึ้ง

     

          

           "เฮ้ย จริงดิ อย่ามาล้อเล่นกันนะเว้ย !!!"

     

           "เรื่องแบบนี้ควรจะล้อเล่นรึไงวะ!! คิดดูนะ ถ้าสมมติเราได้เป็นหมอแล้วล่ะก็ เราก็จะได้เห็นนางพยาบาลสสาวสวยนุ่งกระโปร่งสั้นทุกวัน อ้อ เท่านั้นยังไม่พอ เราก็จะได้ทั้งขนมนมเนยจากพวกสาวน่ารักๆ ...มึงไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยนะ!! รู้มั๊ยช่วงเตรียมเอ็นทรานกูทรมานมากแค่ไหน...ตอนนี้อย่างน้อยน่าจะให้กูได้แอ้มสักนิดนึงก็ยังดี -,.-" ทั้งสองคนออกปากมาพร้อมกันแบบไม่มีปี่ขลุ่ย อดขนลุกไม่ได้ถ้าคนไข้หลงผิดดันให้ไอ้สองตัวนี้รักษา...

     

     

           ..พวกนี้มันเรียนแพทย์เหมือนผม แต่เหตุผลมันโครตควายเลย!!

     

     

           ประจำของกลุ่มผมตั้งแต่มัธยมต้นแล้วล่ะครับที่วันๆได้แอ้มสาวนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี ผมน่ะไม่หนักเท่าไอ้พวกมารหรอก วันๆแมร้งพาสาวเข้าโรงแรม ดีแค่ไหนที่มันไม่ทำสาวท้องน่ะ!!

     

     

           คอยดูนะ ถ้ามันทำสาวท้องเมื่อไหร่กูจะตัดลูกชายมึงไม่ให้ไปแสบที่ไหนเลย!!

     

     

           "เออ ว่าแต่ไอ้ซีวอนแมร้งอยู่ด้วยเปล่าวะ กูล่ะคิดถึงมันจังเลย"

     

     

           ...คิดถึงเพราะพากันเมาน่ะสิ -_-^^...

     

     

     

           "อืม นั่นไง มาโน่นแล้ว" ว่าแล้วพวกมันก็โบกมือยิกๆ แต่ถ้าผมตาไม่ฝาดแล้วล่ะก็ ผมเห็นหางแมวกับหูแมวโผล่ออกมาด้วยล่ะ เหอะ อะไรมันจะดีใจโอเว่อร์ซะขนาดนั้น

     

     

          

     

           ผมปล่อยให้ไอ้สามตัวคุยถึงวันวานยังหวานอยู่กันต่อไป ผมหันไปมองรอบๆเพื่อสำรวจพื้นที่อื่นเพราะยังไงผมก็ต้องฝากตัวไว้กับมหา'ลัยแห่งนี้แล้ว

     

          

           ...ชีวิตที่ต้องฝากไว้ 4 ปี...

     

     

     

     

     

     

           ผมเดินขึ้นลิฟท์เพื่อหวังจะไปห้องพัก ในมือผมถือเศษกระดาษเล็กๆที่เขียนตัวเลขสี่ตัวกำกับ 139 เฮ้อ อะไรดลใจให้ผมได้ห้องเลขนี้มานะ ผมรู้สึกว่าผมจะไม่ถูกชะตากับเพื่อนร่วมห้องเสียแล้วสิ

     

     

           ผมเดินเลี้ยวซ้ายตามป้ายประกาศบอก ทางริมซ้ายสุดมีห้องอยู่ไม่กี่ห้อง ซึ่งก็คือห้องของผมและห้องที่ติดกัน 140

     

     

           ก๊อกๆ

     

           ผมเคาะประตูอย่างมีมารยาท เห็นรองเท้าผ้าใบที่วางอยู่หน้าห้องอย่างเป็นระเบียบก็พอจะรู้ได้แล้วว่าเพื่อนร่วมหอของผมนั้นได้มาถึงแล้ว

     

     

           .....บอกตรงๆว่าแอบกังวลนิดหน่อยว่าเราจะทักทายยังไงดีเพราะผมก็ไม่ใช่คนคุยเก่งอะไร

     

     

           ผมยืนรออยู่สักพักประมาณสอง สามนาทีได้ ประตูถึงจะเปิดออกพร้อมกับบุคคลคนหนึ่งที่ทำให้ผมนิ่งอึ้ง

     

     

           แอ๊ดดดด

     

     

           "นาย.."

     

           "....คยูฮยอน"

     

     

     

     

           ผม..ไม่รู้มาก่อนเลยว่ารูมเมทของผมคือ ลี ดงแฮ ดาวของคณะนิเทศศาสตร์ เราต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไรเพราะสถานการ์รตอนนี้มันบีบอัดแน่นเกินกว่าใครบางคนจะเอ่ยออกมาได้

     

     

           ...มันไม่ง่ายเลยที่ 'แฟนเก่า' อย่างผมจะมาคุยกันแบบเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้

     

     

           ติ๊ดๆ

     

           'นี่ มึงรู้รึยัง รูมเมทมึงน่ะคือ ดงแฮ ให้ตาย กูไม่คิดว่ามันจะโลกกลมขนาดนี้ ถ้านายไม่เชื่อ แกลองไปดูตรงบอร์ดก็ได้นะ

                   

                                                                            ซีวอน'

     

     

           'กูเชื่อมึงแบบไม่ต้องสงสัยเลย แต่ก็ขอบใจที่อุตส่าห์บอกนะ

     

                                                                          คยูฮยอน'

     

     

     

          ผมพับโทรศัพท์เก็บตามเดิม นึกเหล่มองคนข้างกายบ้าง ดงแฮยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิม นั่นทำให้ผมอดนึกถึงเมื่อก่อนไม่ได้

     

     

           วันนั้นเป็นวันฝนตก ผมพึ่งออกจากโรงเรียนเพราะอยู่ทำรายงานกับเพื่อน และระหว่างทางนั้นผมก็ได้เจอคนคนหนึ่ง คนที่ผมสาบานไว้ตลอดชีวิตว่าจะปกป้องเธอไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...

     

     

          ดวงตากลมโตเหม่อลอยออกไปไกลอย่างไร้จุดหมาย เส้นผมสีน้ำตาลแนบลู่ไปกัพบื้นผมเพราะฝนที่เปียกแฉะ ในมือของเธอถือกระดาษอะไรสักอย่าง มันยับยู่ยี่ตามแรงขยำของเธอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลปนเปไปกับน้ำใสๆของเบื้องบน..

     

     

          "สวัสดี ชื่ออะไรหรอ เราชื่อคยูฮยอน" ตอนนั้นผมเหมือนคนที่ไม่เคยเจอรัก แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอมาอยู่ใกล้คนตรงหน้านี้แล้ว ใจมันก็เต้นเป็นจังหวะโครมครามจนผมแทบควบคุมไม่อยู่ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมนิดหน่อย ริมฝีปากบางเฉียบขยับพึมพำเปล่งเสียงบางเบาออกมา

     

          "ดงแฮ ...ลี ดงแฮ"

     

          "อืม แล้วมาทำอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะ นี่น่ะ ฝนตกหนักมากเลยนะ ถ้าขืนมัวแต่นั่งตากฝนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก" และวันนั้นเองที่ผมเห็นรอยยิ้มของเขาซึ่งมอบให้ผม

     

          ..เป็นรอยยิ้มที่น่าเอ็นดูเหลือเกิน..

     

     

     

          และนั่นก็คือจุดเริ่มความสัมพันธ์ของผมและดงแฮจากเพื่อน...กลายเป็นคนรัก

     

     

           "คยู" ดงแฮเปล่งเสียงออกมาหลังจากที่เงียบเป็นเป่าสากภายในห้องสี่เหลี่ยมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ...ไม่รู้สิ เราคงมองหน้ากันไม่ติดล่ะมั้ง ถึงได้ไม่มีใครยอมเอ่ยปากก่อนอย่างนี้

     

     

           "หะ..หือ?"

     

           "สบายดีมั๊ย"

     

           "อืม นายล่ะ"

     

           "สบายดีเหมือนกัน" และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ผมรู้สึกว่าทั้งตัวผมและดงแฮเองก็เกร็งไปหมด สังเกตได้จากผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จากทั้งสองฝั่ง

     

     

           "ไม่นึกเลยนะว่าเราจะได้เจอกันที่นี่"

     

           "อืม นั่นสินะ "                                                                                                                            

     

           "นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว ถ้าคยูไม่ว่าอะไร...อยากไประลึกความหลังมั๊ย"

     

     

     

     

     

     

           เสียงผู้คนมากมายประดังประเดเข้ามาจนผมต้องอุดหูหนี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะแอบปีนนอกรั้วออกมาเพื่อทักทายตามประสาคนที่พึ่งเจอกัน มันเป็นร้านสไตล์ของคนฝรั่งเศสคือโทนสีจะหนักแน่น เน้นไปทางสีจากธรรมชาติเสียมากกว่า

     

           ดงแฮสั่งเบียร์มาเหยือกนึง ใบหน้าของเขาดูมีความสุขมากกับการได้หนีรั้วออกมาแบบนี้ ซึ่ง..ต่างจากผมที่ไม่มีความสุขเลยสักนิด อ้อ! ผมยังไม่ได้เล่าสินะ ผมกับดงแฮน่ะต่างกันราวกับฟ้ากับเหว เขาเป็นคนประเภทที่ว่าอยู่นิ่งไม่ได้ ชอบเฮฮา ชอบดื่มเหล้า ชอบเที่ยวตอนกลางคืน ชอบสูบบุหรี่ ในขณะที่ผม ไม่ดื่มเหล้า(แต่ถ้าเครียดๆบางครั้งมันก็เป็นเพื่อนยามเหงาได้เหมือนกัน - -;;;;)  ไม่เที่ยวตอนกลางคืน (เอ่อ..อันนี้ก็มีข้อยกเว้นเหมือนกัน) ไม่ชอบสูบบุหรี่

     

           ผมแทบจะกราบแทบเท้าดงแฮทันทีถ้าวันไหนผมเห็นเขาสูบน่ะ ..เห็นติ๋มๆแบบนี้นะ ภายในดูร้ายไม่หยอก

     

     

           "ยังไม่เลิกสินะ เหล้าเนี่ย" แค่เห็นเขากระดกเหยือกนั่นผมก็ลมจะจับแล้วละครับ

     

           "มันไม่มีทางเลิกง่ายๆหรอก อีกอย่างคยูก็กินไม่ใช่หรอ"

     

           ผมถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า รู้อยู่แล้วว่าเถียงคนตรงหน้าไม่ได้เลย

     

           "...ตอนที่ฉันไม่อยู่ มีผู้หญิงผ่านตาบ้างรึเปล่า" อยู่ดีๆดงแฮก็ยกคำถามเรื่องผู้หญิงมาให้ผมตอบซะหน้าตาเฉย ...งานนี้ผมก็สะดุ้งสิครับ!!!

     

           "ว่าไงนะ??" แกล้งแอ๊บหน่อยดีกว่ากู

     

           "โอ๊ะ ..เปล่านี่" ...ให้ตาย อย่าทำหน้าเฉไฉอย่างนั้นได้มั๊ย!!

     

     

     

           ...อย่าทำให้ฉันต้องคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้เลยนะ ดงแฮ

     

     

          "แล้วนาย ได้ข่าวว่าไปเรียนอเมริกามาใช่มั๊ย เป็นยังไงบ้างล่ะ ..เอ่อ.. หมายถึงสังคมที่นู่นน่ะ" ถามไปเรื่อยเปื่อย =_= ผมไม่คิดอยากจะถามอะไรแล้วต่างหาก

     

           "ก็ดี อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่มากเท่าที่นี่หรอก แต่ก็.......ปรับตัวยากอยู่เหมือนกัน"

     

           "งั้นหรอ..."

     

     

           ...ทำไมบรรยากาศน่าอึดอัดมาอีกแล้ววะ = =;;;;

     

           ระหว่างที่ความเงียบเข้ามาแทนที่ผมแอบสำรวจไปใบหน้าของดงแฮซึ่งมันไม่ต่างอะไรไปจากเดิมเลย ถึงแม้ว่าเขาจะดูน่ารักขึ้นก็เถอะ

     

           "แอบจ้องหน้าคนอื่นแบบนี้ เสียมารยาทนะ" ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อดงแฮหันมาพร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่เอาเข้าจริงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็จ้องผมไม่กระพริบ

     

           ..ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ..

     

           "ฮะๆ โทษที"

     

           "อืม ก็ไม่ได้ว่าอะไร" ดงแฮจ้องผมมากเกินไปแน่ๆผมถึงต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนแบบนี้

     

           ...สายตาเหมือนคาดคั้นจะเอาคำตอบจากผม แต่

     

           คำตอบอะไรล่ะ...

     

           "น้องครับ ขอไวน์กาเบเน่ โซวิญอง (cabernet sauvignon)ที่นึง" สักพักก็มีบ๋อยเดินเข้ามาพร้อมกับขวดไวน์ที่ดูน่ารับประทาน ดงแฮไม่รอช้าที่จะรินใส่แก้วสวัลก้า (แก้วสำหรับดื่มไวน์แดง) แล้วกระดกรวดเดียวหมดจนผมอึ้ง..

     

           "นาย กินเก่งขนาดนี้เมื่อไรเนี่ย" ผมถามอย่างหวาดระแวง มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆจากดงแฮเป็นคำตอบให้

     

     

           ...รอยยิ้มที่ขมขื่นเหลือเกิน...

     

           "ก็ตั้งแต่...ตอนที่เราเลิกกันนั่นแหละ" ผมเงียบลงถนัดตา

     

           ทำไมนะ...ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนั้น

     

           เราต่างคนต่างอยู่อย่างนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ

     

           "ฮะๆ โทษที ตกใจหรอ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กลับไปให้นายลำบากใจหรอก..เพียงแต่ว่าฉัน อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้างอะไรบ้างนี่" ผมว่าดงแฮเริ่มเมาแล้วล่ะ ดูได้จากใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ...มีลางสังหรณ์ว่าผมจะไม่อยู่สุขในคืนนี้แน่ๆ

     

           "นายเริ่มเมาแล้วนะ กลับกันเถอะ"

     

           "อืม ไม่เมา ไม่กลับ คยูก็ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ นะ" มาโหมดแมวขี้อ้อนแบบนี้ไม่เมาก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ

     

           "ดงแฮเมาแล้ว จริงๆนะ กลับเถอะ" ผมดึงแขนดงแฮพึ่งหวังจะให้กลับไปหอ นี่มันหกโมงครึ่งแล้ว ประตูหอก็จวนจะปิดแล้วด้วย

     

           เราชุดกระชากลากถูกันอยู่นาน ดงแฮถึงจะยอมกลับแต่โดยดีแต่ก็ยังมีการส่งสายตาจิกให้อีกต่างหาก คนทั้งร้านต่างมองกันเป็นตาเดียวจนผมต้องยอมแบกดงแฮกลับทั้งที่ผมก็ทรงตัวแทบจะไม่อยู่

     

           "เดินดีๆหน่อยสิ เฮ้อ บอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าดื่มเยอะ เป็นไงล่ะ"

     

           "ฮิๆ คยูห่วงเราหรอ" เอาแล้วไง เสียงหัวเราะแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ เมาจนกู่ไม่กลับแล้ว ไอ้คยูเอ๊ย!!!

     

     

     

           กว่าผมจะถึงหอเล่นเอาผมแทบบ้า ประคองตัวไว้แทบไม่อยู่ แถมเผลอไม่ได้กะจะเข้ามากอดผมลูกเดียว

     

           "อืออ คยูอา มึนหัวจัง" ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ระหว่างรอเขาตื่น ผมชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดไปตามไรผม บนหน้าผาก และต้นคออย่างแผ่วเบา

     

           ...นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนี้กับใครที่ไหน...

     

           ผมมองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆโดยที่ไม่กลัวว่าดงแฮจะตื่นอย่างเงียบๆ มองใบหน้าเพียงเสี้ยวเดียวที่บ้างครั้งก็ฉายแววซุกซนจนผมต้องตามเก็บกับสิ่งที่เขาก่อไว้ บ้างก็เห็นสายตาที่ท้อแท้ หรือน้อยใจที่ผมไม่ตามใจ บ้างก็เห็นแววตาเหงาหงอยขอดงแฮเวลาที่ผมไม่เล่นด้วย บ้างก็เห็นแววตาอันเศร้าโสกของดงแฮที่ไม่คิดจะบอกผมว่าเรื่องอะไร

     

          'ดงแฮน่ะ ชอบเก็บเอาไปคิดคนเดียวโดยไม่บอกใคร ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะสนิทกับเขามากแค่ไหนก็ตาม'

     

          ฮยอกแจ เพื่อนสนิทของดงแฮเคยบอกผมอย่างนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็เข้าใจความหมายของมัน

     

          'เจ้าปลาน้อยถึงได้ทำตัวร่าเริงอยู่เสมอเวลาอยู่กับเพื่อนๆ แต่เอาเข้าจริง มันขี้เหงามากนะ และไหนจะปัญหาทางครอบครัวของมันอีก นายน่ะ...เป็นรักแรกของมันนะ อย่าทิ้งดงแฮเด็ดขาด'

     

          ใช่ ผมไม่เคยรู้อะไรเลยนั่นก็เพราะดงแฮไม่เคยบอกผม ผมถามเขาก็เฉไฉไม่ยอมตอบ ดงแฮไม่เคยพาผมไปบ้านเขา ไม่เล่าประวัติครอบครัว พี่ชาย พี่สาว พ่อ แม่ บางวันผมก็เห็นเขานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว แต่พอสักพักเขาก็ร่าเริงเหมือนเดิมเมื่ออยู่กับผมหรือคนอื่นๆ

     

           แต่เป็นเพราะอย่างนี้ผมกับดงแฮถึงไปกันไม่ได้ ไม่ใช่เราไม่เข้าใจกันและกันเพียงแต่ว่าเรา..ไม่รู้อะไรเลย

     

     

          

           "อือออ ..คยูอา หิวน้ำจัง" ผมสะดุ้งตื่นหลังจากที่ดงแฮเริ่มรู้สึกตัวและเปล่งเสียงออกมา ผมคิดว่าแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้ลำคอแหกผากและกระหายน้ำอย่างรุนแรงหลังจากแฮงค์ทั้งวันและตื่นขึ้นมา..

     

           "น้ำหรอ อ่า รอแปปนะ" ผมรีบลุกขึ้นไปหยิบเหยือกน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ จัดการเทใส่แก้วและยืนให้คนตรงหน้า

     

           "คยูอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรอ"

     

           "...."

     

           "ว่าไง??"

     

           นั่นสิ.. ผมจะตอบว่าอะไรดีนะ

     

           "อืม เปล่าหรอก ฉันพึ่งมาเฝ้านายเมื่อเช้าแล้วก็เผลอหลับไปน่ะ" แค่ชั่วแวบเดียวนะ..แค่ชั่วแวบเดียวจริงๆที่ผมเห็นเขาทำสีหน้าเศร้าสลดก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดังเดิม

     

     

     

     

           '...นี่ผม หวังอะไรอยู่หรอ...

           นี่ผม..หวังว่าจะมีใครสักคนมาห่วงใยผมอยู่งั้นหรอ

           ถ้าเป็นอย่างนั้น..ผมก็ขอความรักจากใครสักคนได้มั๊ย

     

           อย่าให้ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวเลยนะ...'

     

     

           "นี่ ดงแฮ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ตอนนี้เรานั่งหาหลังชนกันเลยไม่รู้สีหน้าของแต่ละคนเป็นยังไง

     

           "อืม ถ้าฉันตอบได้น่ะนะ"

     

           "เกี่ยวกับครอบครัวของนาย"

     

           "......"

     

           ..ผมถือซะว่าความเงียบคือคำตอบตกลงนะ..

     

           "ทำไมนาย..ถึงไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้คนอื่นๆฟังเลย ทำไมล่ะ? มัน...แย่ขนาดนั้นเลยหรอ"

          

           "......."

     

           ..แค่คำตอบเดียวที่ผมต้องการ ช่วยพูดมาสักนิดเถอะนะ ดงแฮ แล้วเราจะเข้าใจกันยิ่งขึ้น..

     

           "ทำไมนายถึงอยากรู้ขนาดนั้นเลยล่ะ มันไม่มีอะไรให้นายสนใจหรอกนะ"

     

           ..เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาผมต้องยอมแพ้แต่ทว่าตอนนี้ผม..ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด..

     

           "บางครั้ง....เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังเสมอไปหรอกนะ" ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ดงแฮทำสีหน้าอย่างไร แต่ผมรู้สิ่งเดียวในตอนนี้คือ...ความกลัว

     

           มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าตอนนี้ดงแฮกลัวในสิ่งที่ตนกำลังพูด

     

           แต่บางครั้ง เราก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะดงแฮเงยหน้าขึ้นมามองผมประมาณว่า นี่นายกำลังพูดอะไร ผมว่าดงแฮเข้าใจผมถูกแล้ว เป็นเพราะผมอยากให้ดงแฮได้ระบายออกมา ไม่ใช่ปกปิดเป็นความลับแบบนี้

     

           นายหมายความว่ายังไง

     

           ก็ตามที่พูด ฉันไม่คิดจะคาดเอาคำตอบนายตอนนี้ แต่..เปิดใจยอมรับบ้าง แล้วมันจะดีขึ้นผมทิ้งคำถามให้ชวนคิดไว้ ก่อนจะขอตัวไปหาไอ้พวกเพื่อนเกลอที่ป่านนี้มันคงรอผมอยู่แน่ๆ ดูจากขอความและมิสคอลที่พวกมันยิงมาอ่ะนะ

     

          

     

     

     

           ไอ้คยู เป็นไงมั่งวะ ไม่ต้องคิดมากนะโว้ย มันลำบากพวกฉัน =_=’

     

           ลำบากเฮี้ยไรวะ??’

     

          เอ้า ก็ไอ้เรื่องแฟนเก่ามึงไง ที่มึงเป็นรูมเมทเดียวกันอ่ะ เชี่ย พรมลิขิต!!’

         

          มึงอย่าเพ้อเจ้อ พรมลิขิตอะไรวะ แค่แฟนเก่า

     

          แต่แฟนเก่าก็กลับมาเป็นแฟนใหม่ได้นะโว้ย

     

           พอเหอะ เดี๋ยวกูกำลังไปหาพวกมึง อยู่ห้องไหนนะ

     

           ห้อง VIP เจ็ด-ศูนย์-สอง ชัดมั๊ยคร้าบ คุณเพื่อน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×