ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รานใจ นิยายชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด

    ลำดับตอนที่ #10 : ♥ เล่ห์รานใจ ♥ ตอนที่ 8 :: จังหวะพักหายใจ 100 %

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 193
      9
      23 พ.ค. 64

     เล่ห์รานใจ 
    [นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด]




    ตอนที่ 8
    _____________________________________________________
    จังหวะพักหายใจ

    เพราะการให้สัมภาษณ์ตอบทุกคำถามสื่อของวันวิวาห์ เลยทำให้วรรณิดาได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง เพื่อนร่วมงานในสถานีโทรทัศน์ที่วรรณิดาทำงานอยู่ต่างเข้ามาปลอบใจ น้อยคนที่จะเข้ามาขอโทษด้วยความเข้าใจผิด

    แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตจะกลับมาปกติอีกครั้ง

    มันอาจเป็นช่วงจังหวะของการพักหายใจ วรรณิดารู้ว่าวันวิวาห์ไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้เธอหรือแค่อยากสยบข่าวฉาวที่เกิดขึ้น ทว่าน้องสาวคงทำไปเพราะอยากให้เธอกับคเณศต้องมีชีวิตรักอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ทรมานไปนานๆ มากกว่า

    นี่มันคือการเปิดศึกทำสงครามอย่างแท้จริง แม้จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบื้องหน้า แต่แท้จริงแล้วในใจของแต่ละคนกลับท่วมท้นไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด

    คิดๆ ไปแล้ววรรณิดารู้ว่าเธออาจวู่วามเกินไปที่อยากเอาชนะคะคานน้องสาวด้วยวิธีสกปรกแบบนี้ เลยพลอยทำให้คเณศต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย แม้เขาจะไม่เคยถือโทษโกรธกันอย่างที่ควรจะเป็น มิหนำซ้ำยังคอยให้กำลังใจมาตลอด แต่เธอก็อดรู้สึกผิดไม่ได้จริงๆ ที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุของเพลิงแค้นที่กำลังลุกโหมไหม้ทุกคนอยู่ในตอนนี้

    แต่ไม่ใช่เรื่องของคเณศที่เธอหนักอกหนักใจ ทว่าเรื่องภายในครอบครัวตัวเอง...วรรณิดาก็ยังไม่กล้ากลับสู้หน้าพ่อกับแม่สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย

    ข่าวออกไปขนาดนี้ มีหรือคนเป็นพ่อแม่จะจำลูกตัวเองไม่ได้

    ที่สำคัญไปกว่านั้น ต่อให้วันวิวาห์ออกมาทำเหมือนว่ามันคือเรื่องโกหกและไม่ได้เลิกรากับคเณศอย่างที่ทุกคนคาดเดากัน แต่ใน Comments ของเหล่าแฟนคลับและผู้ที่สนใจก็เทคะแนนไปในทางเดียวกันว่านางเอกสาวกำลังกลบเกลื่อนความเสียใจที่เกิดขึ้นจนไม่กล้ายอมรับความจริง บ้างก็ว่าเพราะมือที่สามเป็นพี่สาวแท้ๆ คนเป็นน้องเลยพูดไม่ออก

    นั่นเป็นความคิดเห็นที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าข่าวของเธอ คเณศ และวันวิวาห์นั้นจะเป็นกระแสน้อยลง เพราะมีข่าวของคนดังคนอื่นมากลบความร้อนแรง แต่ ณ ปัจจุบันตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น...หญิงสาวก็ยังไม่กล้ากลับเข้าไปในบ้านเลย

    ต่อให้ทั้งพ่อและแม่จะคอยโทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงก็ตาม แต่หญิงสาวทำได้มากที่สุดคือการอ้างไปว่าช่วงนี้มีประเด็นข่าวร้อนให้เธอต้องทำมากมาย งานยังยุ่งจนหาเวลาปลีกตัวกลับไปไม่ได้ เลยขอค้างที่คอนโดฯ จะดีกว่า

     


    ส่วนทางด้านวันวิวาห์เอง หลังจากกลับมาใช้ชีวิตปกติ หญิงสาวก็ถูกเจ้าสัวพิสุทธิ์เรียกเข้าไปหาเพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    แม้คนเป็นพ่อจะตัดสินใจไถ่ถามเรื่องนี้ช้าไปสักนิด แต่วันวิวาห์รู้ดีว่าท่านคงอยากให้เธอมีเวลาพักทำใจกับอะไรหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามาก่อน

    นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครมาพูดอะไรไปก่อนหน้านี้มั้ย

    หญิงสาวคิดในใจก่อนจะหอบเอาลมหายใจเข้าปอดหนักๆ เรียกขวัญและกำลังใจของตัวเอง ตอนนี้เธอแทบจะตัดขาดกับพี่สาวและคเณศอย่างเป็นทางการแล้ว เลยไม่รู้เรื่องเลยว่ามีใครเข้ามาพูดคุยกับพ่อกับแม่หรือยัง

    เกิดโป๊ะแตกขึ้นมาล่ะซวยแน่ๆ

    ทันทีที่วันวิวาห์เปิดเข้าไปในห้องทำงานของพ่อนั้น เจ้าสัวพิสุทธิ์กับพิรมล มารดาก็นั่งรอเธออยู่พร้อมหน้าแล้ว

    “โอ้โห วันนี้พ่อกับแม่อยู่ติดบ้านแฮะ” หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างทั้งสองคนก่อนจะโอบกอดเอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแกมทะเล้น ผิดกับสีหน้าของมารดาที่ไม่ได้ยิ้มตามลูกสาวคนเล็กด้วย

    “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยเรา” พิรมลดุทั้งน้ำเสียงและสายตา ทำเอาจอมทะเล้นของบ้านถึงกับต้องรีบหดตัวนั่งหลังตรงในแบบกุลสตรี “รู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่เรียกมาเพราะเรื่องอะไร”

    “ฟรานให้สัมภาษณ์ไปแล้วนี่นา”

    “อะแฮ่ม..” พิสุทธิ์แกล้งไอข่มไปก่อน บอกเป็นนัยๆ กับลูกตัวเองว่าท่านรู้ความจริงหมดแล้ว “พูดกับพ่อกับแม่มาตรงๆ จะดีกว่านะฟราน มีอะไรเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาไงลูก”

    “แล้วมีใครมาพูดอะไรไปก่อนหน้าฟรานหรือยังคะ?”

    ”พี่สาวเราน่ะ แม่กับพ่อโทรไปหาก็อ้างว่างานยุ่งตลอดเชียว” พิรมลชักน้ำเสียง “ก็เหลือแต่เรานี่แหละ พูดมาตามตรงจะดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกัน อย่าคิดว่าพ่อกับแม่จะเชื่อสัมภาษณ์ที่ลูกบอกกับพวกนักข่าวนะ นั่นมันเพื่อความบันเทิง แต่พ่อกับแม่อยากฟังเรื่องจริง”

    “ใจเย็นก่อนสิคุณ...” พิสุทธิ์ปรามภรรยาเมื่อเห็นว่าพิรมลออกปากบ่นลูกสาวยาวเหยียดด้วยอารมณ์โทสะที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ “ฟราน ตาคินมาสารภาพกับพ่อหมดเปลือกแล้วนะลูก”

    “พี่คินมาพูดว่าอะไรบ้างหรือคะ” คำถามของวันวิวาห์สลดลงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ทันกับที่พิรมลเอื้อมมือมาตีแขนลูกสาวไปหนึ่งทีข้อหาโยกโย้

    พิรมลเป็นแม่ที่เข้มงวดกับลูกๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยความเป็นแม่ที่อยากให้ลูกได้ดี ท่านจึงต้องเอาใจใส่ทุกอย่างในบ้าน ต้องเข้มงวดทั้งเรื่องเรียนและพฤติกรรมต่างๆ รวมถึงมารยาทที่ผู้หญิงพึงจะมีติดตัว โตขึ้นมาจะได้มีระเบียบในการใช้ชีวิต ไม่นอกลู่นอกทาง ไม่มีใครตามว่าต่อว่าถึงบุพการีได้ แต่ก็ไม่ได้รัดตึงจนลูกๆ รู้สึกอึดอัดใจ

    ทุกอย่างตั้งอยู่บนความเหมาะสมทั้งนั้น

    “เราน่ะพูดมา คิดว่าพ่อกับแม่หูตาฝ้าฟางจนจำหน้าลูกตัวเองไม่ได้หรือไงกัน คนในคลิปน่ะชัดจะตายว่าเป็นพี่สาวเรากับตาคิน บอกแม่มาฟราน..ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น! ยายฝ้ายทำเรื่องอะไรให้เราต้องเสียใจหรือเปล่า”

    คำพูดคาดคั้นของแม่ทำเอาหญิงสาวสะดุดไปหน่อยนึง ทำไมกันเธอถึงรู้สึกว่านับวันแม่จะยิ่งออกตัวปกป้องเธอ มากกว่าจะเข้าข้างพี่สาวอย่างวรรณิดา

    “ค่ะ ฟรานเลิกกับพี่คินแล้ว” หญิงสาวสารภาพออกไปในที่สุด “ฟรานกับพี่คินไม่ได้มีปัญหากันเป็นการส่วนตัวอะไรทั้งนั้น แต่ที่เลิกกัน เพราะที่จริงฟรานเป็นมือที่สามของพี่คินกับพี่ฝ้าย”

    “อะไรนะ!” คราวนี้คนเป็นแม่ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ ทำไมเรื่องที่ท่านคาดคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าพี่น้องกำลังทะเลาะเพราะเหตุชอบผู้ชายคนเดียวกันนั้น ถึงได้หลุดโผไปจากที่คาดการณ์ขนาดนี้ คงมีเพียงพิสุทธิ์เท่านั้นที่ไม่แสดงอาการตกใจอะไรออกมาเลย “นะ..นี่เราเป็นชู้อย่างนั้นเหรอ?”

    คนเป็นแม่แทบแผดเสียงให้ดังขึ้นไปจากเดิม แต่วันวิวาห์กลับส่ายหน้าหวือ อาการก้มหน้า พลางถอนหายใจทำให้พิรมลใจเย็นแล้วสงบสติอารมณ์เอาไว้

    “ฟรานไม่ได้ตั้งใจเป็นชู้ค่ะแม่ ฟรานแค่ไม่รู้เรื่องว่าความจริงพี่คินกับพี่ฝ้ายคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน”

    “แล้วตาคินมาทำกับเราแบบนี้ได้ยังไงกัน! คบกับยายฝ้าย แล้วมาทำท่า..เห้ออ..ไม่ได้การแล้วแม่จะต้องจัดการตาคินให้เด็ดขาด ทำตัวเป็นพญาเทครัวแบบนี้แม่ไม่ปล่อยไว้แน่!

    พิรมลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยไม่คิดว่าคนที่ท่านเอ็นดูและไว้ใจจนถึงขั้นให้เข้านอกออกใน...ภายในบ้านของตนนั้นจะทำตัวเลวทรามได้ถึงเพียงนี้

    นี่..คเณศกล้าทำให้ลูกสาวท่านเจ็บช้ำน้ำใจจนคนเอาไปพูดเสียๆ หายๆ เลยหรือ

    แต่ความโกรธจนแทบจะงับไม่อยู่ของพิรมลก็มีอันต้องดับมอดลงราวกับโดนน้ำเย็นๆ สาดลงมาเพราะคำพูดของพิสุทธิ์

    “จะต่อว่าตาคินคงไม่ได้หรอกคุณ เพราะเรื่องนี้คนที่ทำให้ตาคินยอมทำตามทุกอย่างก็คือยายฝ้าย” พิรมลแทบสำลักลมหายใจของตัวเอง สีหน้าซีดลงในทันตา พลางหันไปมองหน้าสามี “ลูกเราสองคนมีปัญหากันมาตลอดโดยที่เราสองคนไม่รู้เลย แล้วถ้าจะหาคนผิด...เรื่องนี้ยายฝ้ายผิดเต็มๆ”

    “ยายฝ้ายน่ะเหรอคะ” เสียงของคนเป็นแม่ติดขัด แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย “ยายฝ้ายทำแบบนี้กับเราจริงๆ เหรอฟราน”

    “ค่ะแม่” หญิงสาวก้มหน้ายอมรับ “มันอาจเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมกันมาตั้งแต่เด็กๆ พี่ฝ้ายเลยไม่ชอบฟราน”

    “อืม..” พิรมลรับคำลูกสาวสั้น แต่จู่ๆ ท่าทางที่ร้อนรนก็สงบเยือกเย็นลงมาในทันที “แล้วตอนนี้ฟรานทำใจเรื่องตาคินได้แล้วใช่มั้ยลูก”

    “ค่ะแม่ ฟรานไม่ได้เสียใจเรื่องพี่คินแล้ว ฟรานโอเค”

    “แล้วโกรธยายฝ้ายอยู่หรือเปล่า?”

    “โกรธสิคะพ่อ ดูเหมือนฟรานกับพี่ฝ้ายเราจะกลับไปสนิทกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

    พิสุทธิ์ได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอก ดูเหมือนว่าปัญหาของลูกสาวทั้งสองคนจะแก้ยากกว่าที่คิดเอาไว้ เนื่องด้วยสีหน้าแววตาของวันวิวาห์ที่ปกตินั้นมักจะมีความสดใสเคลือบแฝงอยู่ แต่ตอนนี้พอพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมีพี่สาวของตนอยู่เบื้องหลัง แววตาที่เคยทอประกายของลูกสาวคนเล็กก็พลันดับแสงระยิบระยับลงไป

    “เอาเถอะ พ่อขอบใจฟรานมากนะที่เห็นแก่ยายฝ้าย ไม่เอาเรื่องเอาราวพี่เราน่ะ”

    “ใครบอกกันคะว่าฟรานไม่เอาคืน ฟรานไม่ใช่น้องที่ดีอย่างพี่พ่อคิดหรอก” นางเอกสาวปฏิเสธ แม้น้ำเสียงจะนิ่งสงบมากก็ตาม “เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่มากกว่า”

    พิรมลกับพิสุทธิ์ได้แต่นิ่งฟัง ครั้นจะออกตัวเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะจะยิ่งช่วยให้ปัญหาและความรู้สึกที่กำลังร้าวรานอยู่ตอนนี้แย่ลงไปอีก

    “ฟราน..” พิรมลเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ถึงได้เอาแต่มองหน้าลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างกัน

    “ฟรานยอมรับว่าโกรธพี่ฝ้ายมาก แล้ววันที่พี่ฝ้ายฉีกหน้าฟรานต่อหน้าพี่คิน ตอกย้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่เหนือกว่ามาตลอด แววตาพี่ฝ้ายที่เยาะเย้ยถางถางนั่น ฟรานเห็นแล้วเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก” วันวิวาห์พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบังบุพการีของตนเลย “เรื่องของพี่คินในตอนนั้นมันจิ๊บๆ ไปเลยค่ะ เรื่องที่พี่ฝ้ายเกลียดฟรานจนคิดทำร้ายกันขนาดนี้ แล้วยิ่งเป็นแผนการที่ถูกคิดและเตรียมการมาอย่างดี ฟรานเสียใจยิ่งกว่าอกหักอีก โลกทั้งใบเหมือนถล่มลงมาตรงหน้าเลย”

    “แต่ฟรานก็ให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้วนี่ว่า..”

    “เรื่องนั้นฟรานตั้งใจค่ะพ่อ ฟรานพูดไปแบบนั้นเพราะไม่ต้องการให้พี่ฝ้ายเปิดตัวกับพี่คิน ฟรานจะพลิกเกมที่พี่ฝ้ายคิดว่าชนะฟรานแล้ว...ทำให้พี่ฝ้ายนั่นแหละที่จะต้องอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร” หญิงสาวยิ้มขื่น “พี่ฝ้ายใช้พี่คินมาทำให้ฟรานเจ็บ ถ้าไม่นับรวมพ่อกับแม่ ฟรานก็แทบไม่มีใครอยู่ข้างฟรานเลย นอกจากพี่ปัด ถ้าฟรานจะเอาคืนให้พี่ฝ้ายเจ็บเหมือนอย่างที่ฟรานเจ็บบ้าง พ่อกับแม่ก็อย่าว่าฟรานเลยนะคะ”

    “แม้ว่าพ่อกับแม่จะขอร้องน่ะเหรอ พ่ออยากให้ทั้งสองคนเลิกแล้วต่อกันโดยดี” พิสุทธิ์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงละมุนละไม ซึ่งมันน่าจะพอดับไฟในใจของลูกสาวคนเล็กลงได้บ้าง แต่พิรมลกลับเงียบเพราะเห็นด้วยกับวันวิวาห์

    “ค่ะ” หญิงสาวรวบรวมลมหายใจเฮือกใหญ่ “นี่คือสิ่งที่ฟรานไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ฟรานยอมบอกความจริงจากใจ และใครก็คงห้ามฟรานไม่ได้ด้วย ฟรานเข้าใจที่พ่อกับแม่อยากให้เรื่องนี้เลิกแล้วต่อกันนะคะ แต่..ใครไม่ยืนอยู่ในวันที่ฟรานโดนทำร้ายก็คงไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้นหรอกค่ะ ถ้าฟรานยอมอีก...ฟรานก็จะยิ่งกลายเป็นคนที่ยอมให้พี่ฝ้ายทำอะไรกับฟรานก็ได้ จะบงการชีวิตฟรานให้ขึ้นหรือลงก็ได้ ถึงฟรานจะเป็นนางเอกของคนอื่น แต่ในชีวิตจริงฟรานขอเป็นนางร้ายสักครั้งนะคะ”

    พิรมลกับพิสุทธิ์ได้แต่นั่งอึ้ง มองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกจุกในอก กระทั่งลูกสาวของตนไหว้ลาแล้วออกจากห้องไป พิสุทธิ์ถึงลุกออกจากโซฟามายืนมองหน้าห้องจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าวันวิวาห์ไม่อยู่ในรัศมีแถวนั้น จึงกลับเข้าไปคุยกับภรรยาในเรื่องที่มีคนรู้เห็นไม่กี่คน

    แววตาของวันวิวาห์ที่แสดงออกว่าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเป็นเสมือนคมมีดที่กรีดแทงลงบนหัวใจของคนเป็นแม่เข้าอย่างจัง

    เหมือนกับว่าเมื่อราวสามสิบปีที่แล้ว การตัดสินใจในครั้งนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์!

    หากย้อนเวลากลับในช่วงที่พิรมลตั้งท้องลูกคนแรกก็ร่วมยี่สิบเกือบสามสิบปีเห็นจะเห็นได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับอายุของวรรณิดาลูกสาวคนโตของบ้าน แต่การตั้งท้องในครานั้นลูกในท้องพิรมลไม่ใช่วรรณิดา!

    พิรมลตั้งท้องลูกคนแรกก็จริง แต่ว่าช่วงนั้นร่างกายของเธอค่อนข้างอ่อนแอ เลยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอไปด้วย การตั้งท้องในช่วงนั้นเลยดำเนินไปได้แค่ไม่กี่เดือน แล้วลูกคนแรกของบ้านก็จากไปด้วยการหลุดออกมา

    ด้วยอายุครรภ์เพียงห้าเดือนเศษ มันยากเหลือเกินที่จะยื้อชีวิตเล็กๆ เอาไว้ได้ ทำให้พิรมลต้องยอมรับความจริงว่าลูกสาวคนโตของเธอจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ..

    แต่เหมือนหัวใจที่บอบช้ำจากรักแรกของผู้เป็นพ่อแม่มือใหม่จะถูกชะตาฟ้าเห็นใจ เพราะไม่กี่เดือนถัดมาคนงานในโรงงานของพิสุทธิ์ก็คลอดลูกสาวหน้าตาน่าเกลียดน่าชังทีเดียว

    พ่อของเด็กนั้นเป็นพนักงานขนส่งสินค้าให้โรงงาน ซึ่งพิสุทธิ์เคยชักชวนอีกฝ่ายมาทำงานด้วยตัวเอง เขาเจออีกฝ่ายตอนลำบากพอดี ตอนนั้น ‘ยิ่งยศ’ เพิ่งถูกไล่ออกจากงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พิสุทธิ์ทั้งสงสารและเห็นใจเลยชวนอีกฝ่ายเข้ามาทำงานกับตน และยิ่งยศก็เป็นพนักงานที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขยันขันแข็งทีเดียว

    ภรรยาของยิ่งยศเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งอยู่ตรงข้ามโรงงาน ทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากิน ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่ในช่วงระยะหลังตอนที่ ‘แก้วกมล’ ตั้งท้องลูกคนแรกนั้นร่างกายที่แข็งแรงก็อ่อนแอลง

    หมอเตือนแล้วว่าหากฝืนตั้งครรภ์ต่อไป แก้วกมลสามารถเกิดอาการครรภ์เป็นพิษได้ และอาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูก แต่เมื่อท้องแล้วแก้วกลมก็ไม่อยากเป็นแม่ใจร้ายที่ทำลายลูกทิ้งเพื่อตัวเองเลยตัดสินใจอุ้มท้องจนครบกำหนด

    ทว่าความโชคร้ายก็ไม่เคยคิดจะปราณีใครเลย ภาวะของครรภ์เป็นพิษค่อนข้างนักหนาเอาการ จนถึงขั้นหมอต้องช่วยกันยื้อชีวิตแก้วกมลและลูกของเธอ แต่ในตอนนั้นมันไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าทีมแพทย์จะสามารถช่วยชีวิตแม่และลูกให้ปลอดภัยทั้งสองคนได้

    สุดท้ายแล้ว หมอยื้อชีวิตของเด็กเอาไว้สำเร็จ แต่สำหรับแก้วกมลนั้น...หญิงสาวได้จากไปอย่างสงบราวกับว่าเธอยอมแลกชีวิตของตัวเอง เพื่อให้ลูกที่รักได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกก็ไม่ปาน

    หลังจากวันที่แก้วกลมจากไป ยิ่งยศก็หยุดงานอย่างต่อเนื่องจนผิดปกติ ทันทีที่หัวหน้างานรายงานพฤติกรรมในแผนกของตนให้เจ้านายใหญ่อย่างพิสุทธิ์รับรู้ พิสุทธิ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเลยสักนิดเดียว

    พิสุทธิ์สืบหาที่อยู่ของยิ่งยศ จนพบว่ายิ่งยศอยู่ในบ้านเช่าห้องหนึ่งไม่ไกลจากโรงงานนัก พอไปถึงเห็นอีกฝ่ายกำลังอุ้มลูกน้อยในอ้อมแขน พิสุทธิ์ก็สอบถามจนได้ความ ถึงได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

    ชะตาชีวิตเรื่องลูกนั้นทั้งสองคนไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ทางพิรมล...ตอนนั้นเธอเองก็เพิ่งเสียลูกสาวไปราวสองเดือน ความเสียใจยังสดใหม่มาก ดังนั้นพอพิสุทธิ์เล่าเรื่องที่พนักงานคนที่ตนเคยช่วยเหลือไว้ต้องเสียภรรยาและต้องเลี้ยงลูกน้อยตามลำพัง พิรมลก็เสนอความช่วยเหลือทันที

    คราแรกพิรมลอาสาช่วยดูแลลูกสาวของยิ่งยศให้ก่อน แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาด้วยความผูกพัน กอปรกับถูกชะตาต้องใจในความเลี้ยงง่าย และเด็กน้อยก็เหมือนเข้ามาเติมเต็มความรู้สึก เลยทำให้พิรมลปรึกษาสามีตัวเองว่าอยากเลี้ยงดูอุปการะเด็กคนนี้อย่างเต็มตัว อยากได้เข้ามาแทนที่ลูกสาวที่เพิ่งเสียไป เพราะทั้งคู่ก็มีอายุที่ไล่เลี่ยกัน อีกอย่างยิ่งยศเองก็จะได้ทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องมากังวลเรื่องลูก

    พอคิดได้แบบนั้น ทั้งสองจึงใช้เวลาตัดสินใจเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ร่วมเดือน ก่อนจะเรียกยิ่งยศมาคุย

    ยิ่งยศเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเลย ด้วยเห็นว่าคนที่อยากเลี้ยงดูปูเสื่อลูกของเขาคือเจ้านายตัวเอง ฐานะทางบ้านของพิสุทธิ์กับพิรมลนั้นก็น่าจะช่วยให้ลูกสาวของเขาที่อาภัพแม่ได้สบาย มีกินมีใช้ไม่อดอยาก ได้เล่าเรียนสูงๆ ไม่ต้องมานั่งฟันฝ่าอุปสรรคใดๆ อีกอย่างเขาไม่มีญาติให้พึ่งพา ยิ่งยศจึงตอบตกลง โดยที่ทางพิสุทธิ์กับพิรมลก็ไม่ได้ใจร้าย ให้เงินทุนตอบแทนจำนวนหนึ่ง ซึ่งพิสุทธิ์เอาไปใช้หนี้สินที่มี แล้วเอาไปตั้งตัวใหม่

    “ฉันไม่ได้คิดผิดใช่มั้ยคะคุณ” พิรมลก้มหน้าซุกมือตัวเอง ร้องไห้โฮออกมา ราวกับว่าเรื่องในตอนนั้นเธอตัดสินใจผิดไปและทำให้ลูกที่แท้จริงอย่างวันวิวาห์ตกที่นั่งลำบากมาโดยตลอด

    “ไม่หรอกคุณ ยายฝ้ายอาจหลงผิดไปบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็เชื่อว่ายายฝ้ายไม่ได้ร้ายขนาดนั้น พ่อแม่เขาก็เป็นคนดี แล้วยายฝ้ายก็เข้ามาเติมเต็มครอบครัวเรา อย่าคิดไปในแง่ร้ายนักเลยนะ”

    เจ้าสัวพิสุทธิ์พยายามปลอบใจภรรยาของตน ทว่าพิรมลกลับเห็นต่าง

    “ถ้าฉันไม่โลภมากในตอนนั้น ลูกของเราก็คงไม่เจ็บอย่างตอนนี้ คุณเห็นใช่มั้ยคะ แววตายายฟรานตอนเล่า ลูกเสียใจแค่ไหน แล้วนี่ก็แสดงว่ายายฝ้ายร้ายกับน้องจริงๆ ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”

    ใจหนึ่งพิรมลเอนเอียงเข้าข้างลูกสาวแท้ๆ ของตนไปแล้ว แต่อีกใจนั้นก็อดเป็นห่วงวรรณิดาไม่ได้ แม้จะนึกโกรธเคือง แต่ด้วยความผูกพันที่คล้องใจเอาไว้นั้น เธอก็ไม่สามารถตัดวรรณิดาออกไปจากชีวิตได้อย่างเด็ดขาดในทีเดียว

    แล้วถ้าจะหาคนผิด คนที่ผิดสุดคงเป็นพ่อแม่นี่แหละ ดังนั้นเธอกับพิสุทธิ์ก็ควรจะหันหน้าจับเข่าคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้

    “เอาเป็นว่าเราไปตามยายฝ้ายที่คอนโดฯ แล้วกัน แล้วค่อยมาคิดกันต่อว่าจะเอายังกับเรื่องนี้ต่อไปดี จะเข้าข้างยายฟรานเลยก็ไม่ได้หรอก เพราะรายนั้นเขาก็ปักใจเอาคืนพี่สาวไม่แพ้ตอนที่ยายฝ้ายแกล้งน้อง สู้ยิบตาเหมือนกัน”



    ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

    วันวิวาห์เริ่มกลับมาถ่ายละครอีกครั้งหนึ่งหลังเรื่องราวข่าวฉาวซึ่งมีคนเพ่งเล็งเริ่มสงบลง เธอถ่ายละครกับคู่จิ้นอย่างลภัสธรณ์เป็นเรื่องล่าสุด ซึ่งแน่นอนว่ามีกระแสดีตั้งแต่มีข่าวว่ารับงานคู่กันอีกครั้ง

    ทั้งกระแสของทางแฟนคลับเอง และคนที่ดูละครต่างลงความเห็นเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่าละครที่ทั้งคู่เล่นด้วยกันนั้น นอกจากเคมีของพระนางจะดีมากแล้ว ทั้งเนื้อเรื่องและบทก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้อยากติดตามอีกด้วย

    ส่วนใหญ่วันวิวาห์จะรับงานละครที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยเนื้อหาที่สะท้อนสังคมและสอดแทรกข้อคิดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่ละครที่หญิงสาวแสดงนำกับพระเอกคู่จิ้นของเธอจะออกมามีคุณภาพแทบทุกเรื่อง

    “อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ ตามสบาย” พระเอกหนุ่มนั่งฝั่งตรงข้ามนางเอกคู่ขวัญของตัวเองด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ทั้งคู่มีเมนูของทางร้านอยู่ในมือ ขณะที่สายตาจับจ้องรายการอาหาร

    วันนี้ถ่ายละครเสร็จค่อนข้างดึกแล้ว และเพราะคิวงานของแต่ละคนไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ ทางกองถ่ายเลยมีการเร่งถ่ายทำฉากสำคัญเก็บเอาไว้ ทำให้การทำงานตั้งแต่เช้าจรดมืดนั้นเต็มไปด้วยความเมื่อยล้าพอตัว และถึงทางกองถ่ายละครจะมีอาหารเลี้ยงมากมาย แต่ด้วยความตึงเครียดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นสะสม กอปรกับอยากให้งานออกดี...วันวิวาห์เลยเกิดอาการกดดันตัวเอง พลอยทำให้เธอทานอะไรไม่ค่อยลง

    “ชวนฉันออกมาด้วยแบบนี้คิดจะเรียกกระแสคู่จิ้นให้ดังเป็นพลุแตกหรือไง” หญิงสาวยิ้มขำ ก่อนจะสั่งเมนูที่ตนเองอยากทานกับพนักงานของทางร้านอาหารไปสองอย่าง แม้จะต้องควบคุมเรื่องน้ำหนักตัว ทว่าตอนนี้มันก็ยากที่จะต้านทานความหิวโหยไหว

    “ไม่ต้องเรียกกระแส เราสองคนก็ดังอยู่แล้วนี่”

    “จ้า~” หญิงสาวขานรับด้วยความหมั่นไส้เต็มประดา คู่เธอกับเขามันขึ้นหิ้งเป็นคู่จิ้นระดับประเทศไปแล้วนี่นา แค่ขยับตัวทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวที่มีผู้คนให้ความสนใจมากมาย แล้วจะต้องมามัวนั่งปั่นกระแสเพื่ออะไรอีก

    “เออนี่ สรุปแล้วแกเลิกกับคินจริงป่ะ” เพราะอายุใกล้เคียงกัน ลภัสธรณ์ถึงได้ใช้คำพูดอย่างเป็นกันเองและสนิทสนมกับวันวิวาห์ได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน อีกอย่างชายหนุ่มอายุมากกว่าวันวิวาห์ปีกว่าเอง ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนได้เข้าวงการบันเทิงมาพร้อมกัน ได้ร่วมงานด้วยกันบ่อยเข้า ความสนิมสนมก็ยิ่งทบทวี

    “แกอยากรู้ไปทำไม ฉันก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้วไงว่าพี่คินกับฉัน ไม่ได้เลิกรากัน” วันวิวาห์ปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ลภัสธรณ์ก็สวนกลับมาทันควัน

    “ไม่เชื่อ!” ชายหนุ่มโต้กลับมาทันที ทำเอาคนที่ถูกถามถึงกับเบ้ปากใส่

    วันวิวาห์อาจตบตาคนอื่นได้ แต่ในฐานะนักแสดงที่เรียนมาด้วยกัน ทำงานด้วยกันมาหลายเรื่อง มองแค่แวบเดียวลภัสธรณ์ก็อ่านท่าทางอีกฝ่ายออกแล้วว่าเรื่องที่หญิงสาวบอกเขามันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

    “อ้าวไม่เชื่อกัน แล้วจะถามหาสวรรค์อะไรมิทราบ”

    “ถามเผื่อไว้ไง” พระเอกหนุ่มไหวไหล่ “แววตาแกมันฟ้องว่ามีเรื่องทุกข์ใจน่ะรู้มั้ย อีกอย่างเราสนิทกันจะตายไป อย่าคิดโกหกเพื่อน ฉันมองแกก็อ่านออกแล้ว ไม่ต้องมาเล่นละครหลอกกันหรอกน่า ไลน์การแสดงแกมันหลอกฉันได้ซะที่ไหนกัน”

    “หึ!” สมแล้วที่เธอกับเขาเป็นคู่จิ้นกัน เพราะแค่มองตา...อีกฝ่ายก็รู้ไปถึงไหนๆ เพราะแบบนี้แหละการแสดงระหว่างเธอกับเขาถึงได้ออกมาดีจนไม่มีที่ติ

    ทว่าถึงอย่างนั้นก็ตาม ความจิ้นฟินกระจายและเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนคลับก็ดูจะยุไม่ขึ้น เพราะทั้งวันวิวาห์และลภัสธรณ์เองไม่เคยคิดต่อกันเป็นอื่นเลย นอกเสียจากมองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

    “แล้วสรุปยังไงล่ะ” พระเอกหนุ่มถามอีกครั้ง เมื่อพนักงานเสิร์ฟเอาอาหารมาวางตรงหน้าและออกไปแล้ว

    “เรื่องมันแย่กว่าที่แกคิดแล้วกัน” วันวิวาห์พูดเสียงอ่อย ก่อนจะเริ่มลงมือตักอาหารมาไว้ในจานตัวเอง ขณะที่เพื่อนชายของตนยังคงจ้องไม่วางตา

    “แบบที่ข่าวออกหรือเปล่าล่ะ พี่สาวแกเป็นมือที่สามไรงี้”

    “ไม่ใช่” หญิงสาวส่ายหน้า พ่อแม่ของเธอก็ดูออกว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจให้ต้องคิดมาก พอเวลานี้ยังถูกเพื่อนคาดคั้นหาความจริงอีก ดูเหมือนสงครามระหว่างเธอกับวรรณิดาคงจะต้องทรมานใจกันไปอีกนาน แม้ว่าตนเองจะสามารถพลิกเกมมาเป็นฝ่ายไล่ล่าพี่สาวได้แล้วก็ตาม

    วันวิวาห์ถอนหายใจแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ ให้เพื่อนสนิทฟัง ด้วยรู้ว่าลภัสธรณ์ไม่ใช่คนปากมากที่จะเก็บความลับเอาไว้ไม่อยู่เลยยอมเล่าเรื่องทั้งหมด อย่างน้อยก็ระบายความหนักอกหนักใจออกไป

    “แกอกหักแล้วนี่หว่า สนใจพี่ชายฉันมั้ยล่ะฟราน นายนั่นยังชอบแกอยู่นะ” ตั้งแต่หญิงสาวยังโสด ไม่ได้ตัดสินใจคบกับคเณศ พี่ชายของเขาซึ่งเป็นนักบินก็ให้ความสนใจวันวิวาห์เป็นพิเศษอยู่แล้ว

    ยิ่งน้องชายเป็นนักแสดงที่ถูกดันให้เล่นละครกับนางเอกสาว พี่ชายของลภัสธรณ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสเข้าหาวันวิวาห์มากขึ้น เขาอยากใช้ลภัสธรณ์เป็นพ่อสื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับวันวิวาห์ แต่พอรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีชอบพอด้วย พี่ชายของลภัสธรณ์ก็เลิกล้มความตั้งใจนั้นไป ทว่าความชื่นชอบ ปลื้มในนิสัยใจคอในตัวตนของวันวิวาห์นั้นไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย

    “ถ้าฉันชอบพี่ชายแกนะลุค ฉันคงคบไปนานแล้วล่ะ” วันวิวาห์ปฏิเสธทีเล่นทีจริง “จริงๆ พี่แกดีทุกอย่าง ติดอย่างเดียวหน้าตาคล้ายแกเกินไปหน่อย เห็นก็สยองแล้ว บอกเป็นฝาแฝดก็เชื่อ”

    “เว่อร์!” ลภัสธรณ์หัวเราะร่วน “ฉันออกจะหล่อกว่าไอนั่นตั้งเยอะ หน้าจะเหมือนกันได้ยังไง”

    “ในสายตาฉันแกเหมือนกับพี่ตัวเองนี่หว่า ให้นอนกับเพื่อนฉันคงทำใจไม่ได้” จากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันเรื่องอื่น แต่ใบหน้าและแววตาที่เศร้าหมองของนางเอกสาวนั้นก็ดูมีความสุขขึ้นมาก

    “เออ เรื่องที่ฉันบอกแก แกอย่าไปบอกใครนะลุค” วันวิวาห์กำชับอีกฝ่าย

    “ฉันไม่ใช่คนปากโป้งซะหน่อย กับพี่ตัวเองก็ไม่บอกมันหรอก เกิดมันมีหวังขึ้นมา ฉันได้ปวดหัวกันพอดี”

    “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงกล้าระบายกับแก นอกจากพี่ปัดกับครอบครัว ฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครเลย”

    “แล้วจะเอายังไงต่อ สักวันก็ต้องมีมือขุดเรื่องนี้ แกคงไม่ประกาศเลิกกับพี่คินในเดือนสองเดือนนี้หรอกใช่มั้ย” ลภัสธรณ์ถามอย่างอดห่วงไม่ได้

    “ไม่หรอก ฉันวางเกมเอาไว้แล้ว แกอย่าเพิ่งกระโตกกระตากก็พอ”

    “เหมือนไม่ใช่ฟรานคนที่ฉันรู้จักเลยว่ะ” ลภัสธรณ์รู้ดีว่าปกติวันวิวาห์จะเป็นนางเอกสายวางตัวดีมาตลอด หากมีข่าวเสียหาย...วันวิวาห์จะกลุ้มใจมาก เพราะไม่อยากให้ภาพลักษณ์ตัวเองถูกฉุดให้ตกต่ำ

    ทว่าคราวนี้สายตาของวันวิวาห์ที่เคลือบแฝงไปด้วยความเศร้าก็ดูเอาจริง จนคู่ขวัญอย่างเขาต้องลุ้นตามไปด้วย

    เอาเถอะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลภัสธรณ์ก็เชื่อว่าวันวิวาห์ไตร่ตรองและตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้หรอก



    ...Loading 100 %...

    ไม่ได้อัพเรื่องนี้เกือบอาทิตย์เพราะไปเคลียร์งานมานะคะ
    แต่มาอัพทีหนูฟรานก็แรงโต้ตอบพี่สาวไม่เบา เห็นน้องใสๆ ใช่ว่าจะมาข่มเหงกันได้
    ฝ้ายคิดผิดแล้วที่เริ่มเกมก่อน เพราะงานนี้ฟรานไม่อ่อนข้อให้แน่ 

    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×