คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ♥ เล่ห์รานใจ ♥ ตอนที่ 8 :: จังหวะพักหายใจ 100 %
เพราะการให้สัมภาษณ์ตอบทุกคำถามสื่อของวันวิวาห์
เลยทำให้วรรณิดาได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง
เพื่อนร่วมงานในสถานีโทรทัศน์ที่วรรณิดาทำงานอยู่ต่างเข้ามาปลอบใจ
น้อยคนที่จะเข้ามาขอโทษด้วยความเข้าใจผิด
แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตจะกลับมาปกติอีกครั้ง
มันอาจเป็นช่วงจังหวะของการพักหายใจ
วรรณิดารู้ว่าวันวิวาห์ไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้เธอหรือแค่อยากสยบข่าวฉาวที่เกิดขึ้น ทว่าน้องสาวคงทำไปเพราะอยากให้เธอกับคเณศต้องมีชีวิตรักอย่างหลบๆ
ซ่อนๆ ทรมานไปนานๆ มากกว่า
นี่มันคือการเปิดศึกทำสงครามอย่างแท้จริง
แม้จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบื้องหน้า แต่แท้จริงแล้วในใจของแต่ละคนกลับท่วมท้นไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด
คิดๆ
ไปแล้ววรรณิดารู้ว่าเธออาจวู่วามเกินไปที่อยากเอาชนะคะคานน้องสาวด้วยวิธีสกปรกแบบนี้
เลยพลอยทำให้คเณศต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย แม้เขาจะไม่เคยถือโทษโกรธกันอย่างที่ควรจะเป็น
มิหนำซ้ำยังคอยให้กำลังใจมาตลอด แต่เธอก็อดรู้สึกผิดไม่ได้จริงๆ ที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุของเพลิงแค้นที่กำลังลุกโหมไหม้ทุกคนอยู่ในตอนนี้
แต่ไม่ใช่เรื่องของคเณศที่เธอหนักอกหนักใจ
ทว่าเรื่องภายในครอบครัวตัวเอง...วรรณิดาก็ยังไม่กล้ากลับสู้หน้าพ่อกับแม่สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
ข่าวออกไปขนาดนี้
มีหรือคนเป็นพ่อแม่จะจำลูกตัวเองไม่ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้น
ต่อให้วันวิวาห์ออกมาทำเหมือนว่ามันคือเรื่องโกหกและไม่ได้เลิกรากับคเณศอย่างที่ทุกคนคาดเดากัน
แต่ใน Comments
ของเหล่าแฟนคลับและผู้ที่สนใจก็เทคะแนนไปในทางเดียวกันว่านางเอกสาวกำลังกลบเกลื่อนความเสียใจที่เกิดขึ้นจนไม่กล้ายอมรับความจริง
บ้างก็ว่าเพราะมือที่สามเป็นพี่สาวแท้ๆ คนเป็นน้องเลยพูดไม่ออก
นั่นเป็นความคิดเห็นที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าข่าวของเธอ คเณศ และวันวิวาห์นั้นจะเป็นกระแสน้อยลง เพราะมีข่าวของคนดังคนอื่นมากลบความร้อนแรง
แต่ ณ ปัจจุบันตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น...หญิงสาวก็ยังไม่กล้ากลับเข้าไปในบ้านเลย
ต่อให้ทั้งพ่อและแม่จะคอยโทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงก็ตาม
แต่หญิงสาวทำได้มากที่สุดคือการอ้างไปว่าช่วงนี้มีประเด็นข่าวร้อนให้เธอต้องทำมากมาย
งานยังยุ่งจนหาเวลาปลีกตัวกลับไปไม่ได้ เลยขอค้างที่คอนโดฯ จะดีกว่า
ส่วนทางด้านวันวิวาห์เอง
หลังจากกลับมาใช้ชีวิตปกติ หญิงสาวก็ถูกเจ้าสัวพิสุทธิ์เรียกเข้าไปหาเพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
แม้คนเป็นพ่อจะตัดสินใจไถ่ถามเรื่องนี้ช้าไปสักนิด
แต่วันวิวาห์รู้ดีว่าท่านคงอยากให้เธอมีเวลาพักทำใจกับอะไรหลายๆ
อย่างที่ถาโถมเข้ามาก่อน
นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครมาพูดอะไรไปก่อนหน้านี้มั้ย
หญิงสาวคิดในใจก่อนจะหอบเอาลมหายใจเข้าปอดหนักๆ
เรียกขวัญและกำลังใจของตัวเอง ตอนนี้เธอแทบจะตัดขาดกับพี่สาวและคเณศอย่างเป็นทางการแล้ว
เลยไม่รู้เรื่องเลยว่ามีใครเข้ามาพูดคุยกับพ่อกับแม่หรือยัง
เกิดโป๊ะแตกขึ้นมาล่ะซวยแน่ๆ
ทันทีที่วันวิวาห์เปิดเข้าไปในห้องทำงานของพ่อนั้น
เจ้าสัวพิสุทธิ์กับพิรมล มารดาก็นั่งรอเธออยู่พร้อมหน้าแล้ว
“โอ้โห
วันนี้พ่อกับแม่อยู่ติดบ้านแฮะ”
หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างทั้งสองคนก่อนจะโอบกอดเอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแกมทะเล้น
ผิดกับสีหน้าของมารดาที่ไม่ได้ยิ้มตามลูกสาวคนเล็กด้วย
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยเรา”
พิรมลดุทั้งน้ำเสียงและสายตา ทำเอาจอมทะเล้นของบ้านถึงกับต้องรีบหดตัวนั่งหลังตรงในแบบกุลสตรี
“รู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่เรียกมาเพราะเรื่องอะไร”
“ฟรานให้สัมภาษณ์ไปแล้วนี่นา”
“อะแฮ่ม..”
พิสุทธิ์แกล้งไอข่มไปก่อน บอกเป็นนัยๆ กับลูกตัวเองว่าท่านรู้ความจริงหมดแล้ว
“พูดกับพ่อกับแม่มาตรงๆ จะดีกว่านะฟราน มีอะไรเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาไงลูก”
“แล้วมีใครมาพูดอะไรไปก่อนหน้าฟรานหรือยังคะ?”
”พี่สาวเราน่ะ
แม่กับพ่อโทรไปหาก็อ้างว่างานยุ่งตลอดเชียว” พิรมลชักน้ำเสียง
“ก็เหลือแต่เรานี่แหละ พูดมาตามตรงจะดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกัน อย่าคิดว่าพ่อกับแม่จะเชื่อสัมภาษณ์ที่ลูกบอกกับพวกนักข่าวนะ
นั่นมันเพื่อความบันเทิง แต่พ่อกับแม่อยากฟังเรื่องจริง”
“ใจเย็นก่อนสิคุณ...”
พิสุทธิ์ปรามภรรยาเมื่อเห็นว่าพิรมลออกปากบ่นลูกสาวยาวเหยียดด้วยอารมณ์โทสะที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ฟราน ตาคินมาสารภาพกับพ่อหมดเปลือกแล้วนะลูก”
“พี่คินมาพูดว่าอะไรบ้างหรือคะ”
คำถามของวันวิวาห์สลดลงนิดหน่อย แต่ก็ไม่ทันกับที่พิรมลเอื้อมมือมาตีแขนลูกสาวไปหนึ่งทีข้อหาโยกโย้
พิรมลเป็นแม่ที่เข้มงวดกับลูกๆ
มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยความเป็นแม่ที่อยากให้ลูกได้ดี
ท่านจึงต้องเอาใจใส่ทุกอย่างในบ้าน ต้องเข้มงวดทั้งเรื่องเรียนและพฤติกรรมต่างๆ
รวมถึงมารยาทที่ผู้หญิงพึงจะมีติดตัว โตขึ้นมาจะได้มีระเบียบในการใช้ชีวิต
ไม่นอกลู่นอกทาง ไม่มีใครตามว่าต่อว่าถึงบุพการีได้ แต่ก็ไม่ได้รัดตึงจนลูกๆ รู้สึกอึดอัดใจ
ทุกอย่างตั้งอยู่บนความเหมาะสมทั้งนั้น
“เราน่ะพูดมา
คิดว่าพ่อกับแม่หูตาฝ้าฟางจนจำหน้าลูกตัวเองไม่ได้หรือไงกัน คนในคลิปน่ะชัดจะตายว่าเป็นพี่สาวเรากับตาคิน
บอกแม่มาฟราน..ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น! ยายฝ้ายทำเรื่องอะไรให้เราต้องเสียใจหรือเปล่า”
คำพูดคาดคั้นของแม่ทำเอาหญิงสาวสะดุดไปหน่อยนึง
ทำไมกันเธอถึงรู้สึกว่านับวันแม่จะยิ่งออกตัวปกป้องเธอ มากกว่าจะเข้าข้างพี่สาวอย่างวรรณิดา
“ค่ะ
ฟรานเลิกกับพี่คินแล้ว” หญิงสาวสารภาพออกไปในที่สุด
“ฟรานกับพี่คินไม่ได้มีปัญหากันเป็นการส่วนตัวอะไรทั้งนั้น แต่ที่เลิกกัน
เพราะที่จริงฟรานเป็นมือที่สามของพี่คินกับพี่ฝ้าย”
“อะไรนะ!” คราวนี้คนเป็นแม่ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
ทำไมเรื่องที่ท่านคาดคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าพี่น้องกำลังทะเลาะเพราะเหตุชอบผู้ชายคนเดียวกันนั้น
ถึงได้หลุดโผไปจากที่คาดการณ์ขนาดนี้
คงมีเพียงพิสุทธิ์เท่านั้นที่ไม่แสดงอาการตกใจอะไรออกมาเลย “นะ..นี่เราเป็นชู้อย่างนั้นเหรอ?”
คนเป็นแม่แทบแผดเสียงให้ดังขึ้นไปจากเดิม
แต่วันวิวาห์กลับส่ายหน้าหวือ อาการก้มหน้า
พลางถอนหายใจทำให้พิรมลใจเย็นแล้วสงบสติอารมณ์เอาไว้
“ฟรานไม่ได้ตั้งใจเป็นชู้ค่ะแม่
ฟรานแค่ไม่รู้เรื่องว่าความจริงพี่คินกับพี่ฝ้ายคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน”
“แล้วตาคินมาทำกับเราแบบนี้ได้ยังไงกัน! คบกับยายฝ้าย
แล้วมาทำท่า..เห้ออ..ไม่ได้การแล้วแม่จะต้องจัดการตาคินให้เด็ดขาด
ทำตัวเป็นพญาเทครัวแบบนี้แม่ไม่ปล่อยไว้แน่!”
พิรมลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยไม่คิดว่าคนที่ท่านเอ็นดูและไว้ใจจนถึงขั้นให้เข้านอกออกใน...ภายในบ้านของตนนั้นจะทำตัวเลวทรามได้ถึงเพียงนี้
นี่..คเณศกล้าทำให้ลูกสาวท่านเจ็บช้ำน้ำใจจนคนเอาไปพูดเสียๆ
หายๆ เลยหรือ
แต่ความโกรธจนแทบจะงับไม่อยู่ของพิรมลก็มีอันต้องดับมอดลงราวกับโดนน้ำเย็นๆ
สาดลงมาเพราะคำพูดของพิสุทธิ์
“จะต่อว่าตาคินคงไม่ได้หรอกคุณ
เพราะเรื่องนี้คนที่ทำให้ตาคินยอมทำตามทุกอย่างก็คือยายฝ้าย” พิรมลแทบสำลักลมหายใจของตัวเอง
สีหน้าซีดลงในทันตา พลางหันไปมองหน้าสามี
“ลูกเราสองคนมีปัญหากันมาตลอดโดยที่เราสองคนไม่รู้เลย แล้วถ้าจะหาคนผิด...เรื่องนี้ยายฝ้ายผิดเต็มๆ”
“ยายฝ้ายน่ะเหรอคะ”
เสียงของคนเป็นแม่ติดขัด แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย “ยายฝ้ายทำแบบนี้กับเราจริงๆ
เหรอฟราน”
“ค่ะแม่”
หญิงสาวก้มหน้ายอมรับ “มันอาจเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมกันมาตั้งแต่เด็กๆ
พี่ฝ้ายเลยไม่ชอบฟราน”
“อืม..”
พิรมลรับคำลูกสาวสั้น แต่จู่ๆ ท่าทางที่ร้อนรนก็สงบเยือกเย็นลงมาในทันที
“แล้วตอนนี้ฟรานทำใจเรื่องตาคินได้แล้วใช่มั้ยลูก”
“ค่ะแม่
ฟรานไม่ได้เสียใจเรื่องพี่คินแล้ว ฟรานโอเค”
“แล้วโกรธยายฝ้ายอยู่หรือเปล่า?”
“โกรธสิคะพ่อ ดูเหมือนฟรานกับพี่ฝ้ายเราจะกลับไปสนิทกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
พิสุทธิ์ได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอก ดูเหมือนว่าปัญหาของลูกสาวทั้งสองคนจะแก้ยากกว่าที่คิดเอาไว้ เนื่องด้วยสีหน้าแววตาของวันวิวาห์ที่ปกตินั้นมักจะมีความสดใสเคลือบแฝงอยู่ แต่ตอนนี้พอพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมีพี่สาวของตนอยู่เบื้องหลัง แววตาที่เคยทอประกายของลูกสาวคนเล็กก็พลันดับแสงระยิบระยับลงไป
“เอาเถอะ พ่อขอบใจฟรานมากนะที่เห็นแก่ยายฝ้าย
ไม่เอาเรื่องเอาราวพี่เราน่ะ”
“ใครบอกกันคะว่าฟรานไม่เอาคืน
ฟรานไม่ใช่น้องที่ดีอย่างพี่พ่อคิดหรอก” นางเอกสาวปฏิเสธ แม้น้ำเสียงจะนิ่งสงบมากก็ตาม
“เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่มากกว่า”
พิรมลกับพิสุทธิ์ได้แต่นิ่งฟัง
ครั้นจะออกตัวเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะจะยิ่งช่วยให้ปัญหาและความรู้สึกที่กำลังร้าวรานอยู่ตอนนี้แย่ลงไปอีก
“ฟราน..” พิรมลเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
ถึงได้เอาแต่มองหน้าลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจไม่ต่างกัน
“ฟรานยอมรับว่าโกรธพี่ฝ้ายมาก
แล้ววันที่พี่ฝ้ายฉีกหน้าฟรานต่อหน้าพี่คิน ตอกย้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่เหนือกว่ามาตลอด
แววตาพี่ฝ้ายที่เยาะเย้ยถางถางนั่น ฟรานเห็นแล้วเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก”
วันวิวาห์พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบังบุพการีของตนเลย
“เรื่องของพี่คินในตอนนั้นมันจิ๊บๆ ไปเลยค่ะ
เรื่องที่พี่ฝ้ายเกลียดฟรานจนคิดทำร้ายกันขนาดนี้ แล้วยิ่งเป็นแผนการที่ถูกคิดและเตรียมการมาอย่างดี
ฟรานเสียใจยิ่งกว่าอกหักอีก โลกทั้งใบเหมือนถล่มลงมาตรงหน้าเลย”
“แต่ฟรานก็ให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้วนี่ว่า..”
“เรื่องนั้นฟรานตั้งใจค่ะพ่อ
ฟรานพูดไปแบบนั้นเพราะไม่ต้องการให้พี่ฝ้ายเปิดตัวกับพี่คิน
ฟรานจะพลิกเกมที่พี่ฝ้ายคิดว่าชนะฟรานแล้ว...ทำให้พี่ฝ้ายนั่นแหละที่จะต้องอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร”
หญิงสาวยิ้มขื่น “พี่ฝ้ายใช้พี่คินมาทำให้ฟรานเจ็บ ถ้าไม่นับรวมพ่อกับแม่
ฟรานก็แทบไม่มีใครอยู่ข้างฟรานเลย นอกจากพี่ปัด
ถ้าฟรานจะเอาคืนให้พี่ฝ้ายเจ็บเหมือนอย่างที่ฟรานเจ็บบ้าง พ่อกับแม่ก็อย่าว่าฟรานเลยนะคะ”
“แม้ว่าพ่อกับแม่จะขอร้องน่ะเหรอ พ่ออยากให้ทั้งสองคนเลิกแล้วต่อกันโดยดี”
พิสุทธิ์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงละมุนละไม ซึ่งมันน่าจะพอดับไฟในใจของลูกสาวคนเล็กลงได้บ้าง
แต่พิรมลกลับเงียบเพราะเห็นด้วยกับวันวิวาห์
“ค่ะ” หญิงสาวรวบรวมลมหายใจเฮือกใหญ่
“นี่คือสิ่งที่ฟรานไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ฟรานยอมบอกความจริงจากใจ
และใครก็คงห้ามฟรานไม่ได้ด้วย
ฟรานเข้าใจที่พ่อกับแม่อยากให้เรื่องนี้เลิกแล้วต่อกันนะคะ แต่..ใครไม่ยืนอยู่ในวันที่ฟรานโดนทำร้ายก็คงไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้นหรอกค่ะ
ถ้าฟรานยอมอีก...ฟรานก็จะยิ่งกลายเป็นคนที่ยอมให้พี่ฝ้ายทำอะไรกับฟรานก็ได้
จะบงการชีวิตฟรานให้ขึ้นหรือลงก็ได้ ถึงฟรานจะเป็นนางเอกของคนอื่น
แต่ในชีวิตจริงฟรานขอเป็นนางร้ายสักครั้งนะคะ”
พิรมลกับพิสุทธิ์ได้แต่นั่งอึ้ง
มองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกจุกในอก กระทั่งลูกสาวของตนไหว้ลาแล้วออกจากห้องไป
พิสุทธิ์ถึงลุกออกจากโซฟามายืนมองหน้าห้องจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าวันวิวาห์ไม่อยู่ในรัศมีแถวนั้น
จึงกลับเข้าไปคุยกับภรรยาในเรื่องที่มีคนรู้เห็นไม่กี่คน
แววตาของวันวิวาห์ที่แสดงออกว่าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเป็นเสมือนคมมีดที่กรีดแทงลงบนหัวใจของคนเป็นแม่เข้าอย่างจัง
เหมือนกับว่าเมื่อราวสามสิบปีที่แล้ว
การตัดสินใจในครั้งนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์!
หากย้อนเวลากลับในช่วงที่พิรมลตั้งท้องลูกคนแรกก็ร่วมยี่สิบเกือบสามสิบปีเห็นจะเห็นได้
ซึ่งก็ใกล้เคียงกับอายุของวรรณิดาลูกสาวคนโตของบ้าน แต่การตั้งท้องในครานั้นลูกในท้องพิรมลไม่ใช่วรรณิดา!
พิรมลตั้งท้องลูกคนแรกก็จริง แต่ว่าช่วงนั้นร่างกายของเธอค่อนข้างอ่อนแอ เลยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอไปด้วย การตั้งท้องในช่วงนั้นเลยดำเนินไปได้แค่ไม่กี่เดือน แล้วลูกคนแรกของบ้านก็จากไปด้วยการหลุดออกมา
ด้วยอายุครรภ์เพียงห้าเดือนเศษ มันยากเหลือเกินที่จะยื้อชีวิตเล็กๆ เอาไว้ได้ ทำให้พิรมลต้องยอมรับความจริงว่าลูกสาวคนโตของเธอจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ..
แต่เหมือนหัวใจที่บอบช้ำจากรักแรกของผู้เป็นพ่อแม่มือใหม่จะถูกชะตาฟ้าเห็นใจ เพราะไม่กี่เดือนถัดมาคนงานในโรงงานของพิสุทธิ์ก็คลอดลูกสาวหน้าตาน่าเกลียดน่าชังทีเดียว
พ่อของเด็กนั้นเป็นพนักงานขนส่งสินค้าให้โรงงาน
ซึ่งพิสุทธิ์เคยชักชวนอีกฝ่ายมาทำงานด้วยตัวเอง เขาเจออีกฝ่ายตอนลำบากพอดี ตอนนั้น ‘ยิ่งยศ’ เพิ่งถูกไล่ออกจากงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
พิสุทธิ์ทั้งสงสารและเห็นใจเลยชวนอีกฝ่ายเข้ามาทำงานกับตน
และยิ่งยศก็เป็นพนักงานที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ขยันขันแข็งทีเดียว
ภรรยาของยิ่งยศเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งอยู่ตรงข้ามโรงงาน
ทั้งสองคนช่วยกันทำมาหากิน ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่ในช่วงระยะหลังตอนที่ ‘แก้วกมล’ ตั้งท้องลูกคนแรกนั้นร่างกายที่แข็งแรงก็อ่อนแอลง
หมอเตือนแล้วว่าหากฝืนตั้งครรภ์ต่อไป แก้วกมลสามารถเกิดอาการครรภ์เป็นพิษได้
และอาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูก
แต่เมื่อท้องแล้วแก้วกลมก็ไม่อยากเป็นแม่ใจร้ายที่ทำลายลูกทิ้งเพื่อตัวเองเลยตัดสินใจอุ้มท้องจนครบกำหนด
ทว่าความโชคร้ายก็ไม่เคยคิดจะปราณีใครเลย
ภาวะของครรภ์เป็นพิษค่อนข้างนักหนาเอาการ จนถึงขั้นหมอต้องช่วยกันยื้อชีวิตแก้วกมลและลูกของเธอ
แต่ในตอนนั้นมันไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าทีมแพทย์จะสามารถช่วยชีวิตแม่และลูกให้ปลอดภัยทั้งสองคนได้
สุดท้ายแล้ว หมอยื้อชีวิตของเด็กเอาไว้สำเร็จ
แต่สำหรับแก้วกมลนั้น...หญิงสาวได้จากไปอย่างสงบราวกับว่าเธอยอมแลกชีวิตของตัวเอง เพื่อให้ลูกที่รักได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกก็ไม่ปาน
หลังจากวันที่แก้วกลมจากไป
ยิ่งยศก็หยุดงานอย่างต่อเนื่องจนผิดปกติ ทันทีที่หัวหน้างานรายงานพฤติกรรมในแผนกของตนให้เจ้านายใหญ่อย่างพิสุทธิ์รับรู้
พิสุทธิ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเลยสักนิดเดียว
พิสุทธิ์สืบหาที่อยู่ของยิ่งยศ จนพบว่ายิ่งยศอยู่ในบ้านเช่าห้องหนึ่งไม่ไกลจากโรงงานนัก
พอไปถึงเห็นอีกฝ่ายกำลังอุ้มลูกน้อยในอ้อมแขน พิสุทธิ์ก็สอบถามจนได้ความ ถึงได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ชะตาชีวิตเรื่องลูกนั้นทั้งสองคนไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ทางพิรมล...ตอนนั้นเธอเองก็เพิ่งเสียลูกสาวไปราวสองเดือน ความเสียใจยังสดใหม่มาก ดังนั้นพอพิสุทธิ์เล่าเรื่องที่พนักงานคนที่ตนเคยช่วยเหลือไว้ต้องเสียภรรยาและต้องเลี้ยงลูกน้อยตามลำพัง พิรมลก็เสนอความช่วยเหลือทันที
คราแรกพิรมลอาสาช่วยดูแลลูกสาวของยิ่งยศให้ก่อน แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาด้วยความผูกพัน กอปรกับถูกชะตาต้องใจในความเลี้ยงง่าย และเด็กน้อยก็เหมือนเข้ามาเติมเต็มความรู้สึก เลยทำให้พิรมลปรึกษาสามีตัวเองว่าอยากเลี้ยงดูอุปการะเด็กคนนี้อย่างเต็มตัว อยากได้เข้ามาแทนที่ลูกสาวที่เพิ่งเสียไป เพราะทั้งคู่ก็มีอายุที่ไล่เลี่ยกัน อีกอย่างยิ่งยศเองก็จะได้ทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องมากังวลเรื่องลูก
พอคิดได้แบบนั้น ทั้งสองจึงใช้เวลาตัดสินใจเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ร่วมเดือน ก่อนจะเรียกยิ่งยศมาคุย
ยิ่งยศเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเลย
ด้วยเห็นว่าคนที่อยากเลี้ยงดูปูเสื่อลูกของเขาคือเจ้านายตัวเอง
ฐานะทางบ้านของพิสุทธิ์กับพิรมลนั้นก็น่าจะช่วยให้ลูกสาวของเขาที่อาภัพแม่ได้สบาย
มีกินมีใช้ไม่อดอยาก ได้เล่าเรียนสูงๆ ไม่ต้องมานั่งฟันฝ่าอุปสรรคใดๆ อีกอย่างเขาไม่มีญาติให้พึ่งพา
ยิ่งยศจึงตอบตกลง โดยที่ทางพิสุทธิ์กับพิรมลก็ไม่ได้ใจร้าย
ให้เงินทุนตอบแทนจำนวนหนึ่ง ซึ่งพิสุทธิ์เอาไปใช้หนี้สินที่มี
แล้วเอาไปตั้งตัวใหม่
“ฉันไม่ได้คิดผิดใช่มั้ยคะคุณ”
พิรมลก้มหน้าซุกมือตัวเอง ร้องไห้โฮออกมา
ราวกับว่าเรื่องในตอนนั้นเธอตัดสินใจผิดไปและทำให้ลูกที่แท้จริงอย่างวันวิวาห์ตกที่นั่งลำบากมาโดยตลอด
“ไม่หรอกคุณ ยายฝ้ายอาจหลงผิดไปบ้าง
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็เชื่อว่ายายฝ้ายไม่ได้ร้ายขนาดนั้น พ่อแม่เขาก็เป็นคนดี
แล้วยายฝ้ายก็เข้ามาเติมเต็มครอบครัวเรา อย่าคิดไปในแง่ร้ายนักเลยนะ”
เจ้าสัวพิสุทธิ์พยายามปลอบใจภรรยาของตน
ทว่าพิรมลกลับเห็นต่าง
“ถ้าฉันไม่โลภมากในตอนนั้น
ลูกของเราก็คงไม่เจ็บอย่างตอนนี้ คุณเห็นใช่มั้ยคะ แววตายายฟรานตอนเล่า
ลูกเสียใจแค่ไหน แล้วนี่ก็แสดงว่ายายฝ้ายร้ายกับน้องจริงๆ
ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”
ใจหนึ่งพิรมลเอนเอียงเข้าข้างลูกสาวแท้ๆ ของตนไปแล้ว
แต่อีกใจนั้นก็อดเป็นห่วงวรรณิดาไม่ได้ แม้จะนึกโกรธเคือง
แต่ด้วยความผูกพันที่คล้องใจเอาไว้นั้น เธอก็ไม่สามารถตัดวรรณิดาออกไปจากชีวิตได้อย่างเด็ดขาดในทีเดียว
แล้วถ้าจะหาคนผิด คนที่ผิดสุดคงเป็นพ่อแม่นี่แหละ ดังนั้นเธอกับพิสุทธิ์ก็ควรจะหันหน้าจับเข่าคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้
“เอาเป็นว่าเราไปตามยายฝ้ายที่คอนโดฯ แล้วกัน แล้วค่อยมาคิดกันต่อว่าจะเอายังกับเรื่องนี้ต่อไปดี จะเข้าข้างยายฟรานเลยก็ไม่ได้หรอก เพราะรายนั้นเขาก็ปักใจเอาคืนพี่สาวไม่แพ้ตอนที่ยายฝ้ายแกล้งน้อง สู้ยิบตาเหมือนกัน”
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
วันวิวาห์เริ่มกลับมาถ่ายละครอีกครั้งหนึ่งหลังเรื่องราวข่าวฉาวซึ่งมีคนเพ่งเล็งเริ่มสงบลง
เธอถ่ายละครกับคู่จิ้นอย่างลภัสธรณ์เป็นเรื่องล่าสุด
ซึ่งแน่นอนว่ามีกระแสดีตั้งแต่มีข่าวว่ารับงานคู่กันอีกครั้ง
ทั้งกระแสของทางแฟนคลับเอง
และคนที่ดูละครต่างลงความเห็นเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่าละครที่ทั้งคู่เล่นด้วยกันนั้น
นอกจากเคมีของพระนางจะดีมากแล้ว ทั้งเนื้อเรื่องและบทก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้อยากติดตามอีกด้วย
ส่วนใหญ่วันวิวาห์จะรับงานละครที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยเนื้อหาที่สะท้อนสังคมและสอดแทรกข้อคิดอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่ละครที่หญิงสาวแสดงนำกับพระเอกคู่จิ้นของเธอจะออกมามีคุณภาพแทบทุกเรื่อง
“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ
ตามสบาย” พระเอกหนุ่มนั่งฝั่งตรงข้ามนางเอกคู่ขวัญของตัวเองด้วยท่าทางสบายอารมณ์
ทั้งคู่มีเมนูของทางร้านอยู่ในมือ ขณะที่สายตาจับจ้องรายการอาหาร
วันนี้ถ่ายละครเสร็จค่อนข้างดึกแล้ว
และเพราะคิวงานของแต่ละคนไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไหร่ ทางกองถ่ายเลยมีการเร่งถ่ายทำฉากสำคัญเก็บเอาไว้
ทำให้การทำงานตั้งแต่เช้าจรดมืดนั้นเต็มไปด้วยความเมื่อยล้าพอตัว และถึงทางกองถ่ายละครจะมีอาหารเลี้ยงมากมาย
แต่ด้วยความตึงเครียดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นสะสม กอปรกับอยากให้งานออกดี...วันวิวาห์เลยเกิดอาการกดดันตัวเอง
พลอยทำให้เธอทานอะไรไม่ค่อยลง
“ชวนฉันออกมาด้วยแบบนี้คิดจะเรียกกระแสคู่จิ้นให้ดังเป็นพลุแตกหรือไง”
หญิงสาวยิ้มขำ ก่อนจะสั่งเมนูที่ตนเองอยากทานกับพนักงานของทางร้านอาหารไปสองอย่าง
แม้จะต้องควบคุมเรื่องน้ำหนักตัว ทว่าตอนนี้มันก็ยากที่จะต้านทานความหิวโหยไหว
“ไม่ต้องเรียกกระแส
เราสองคนก็ดังอยู่แล้วนี่”
“จ้า~” หญิงสาวขานรับด้วยความหมั่นไส้เต็มประดา คู่เธอกับเขามันขึ้นหิ้งเป็นคู่จิ้นระดับประเทศไปแล้วนี่นา แค่ขยับตัวทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวที่มีผู้คนให้ความสนใจมากมาย แล้วจะต้องมามัวนั่งปั่นกระแสเพื่ออะไรอีก
“เออนี่ สรุปแล้วแกเลิกกับคินจริงป่ะ” เพราะอายุใกล้เคียงกัน ลภัสธรณ์ถึงได้ใช้คำพูดอย่างเป็นกันเองและสนิทสนมกับวันวิวาห์ได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน อีกอย่างชายหนุ่มอายุมากกว่าวันวิวาห์ปีกว่าเอง ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนได้เข้าวงการบันเทิงมาพร้อมกัน ได้ร่วมงานด้วยกันบ่อยเข้า ความสนิมสนมก็ยิ่งทบทวี
“แกอยากรู้ไปทำไม ฉันก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้วไงว่าพี่คินกับฉัน ไม่ได้เลิกรากัน” วันวิวาห์ปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ลภัสธรณ์ก็สวนกลับมาทันควัน
“ไม่เชื่อ!” ชายหนุ่มโต้กลับมาทันที
ทำเอาคนที่ถูกถามถึงกับเบ้ปากใส่
วันวิวาห์อาจตบตาคนอื่นได้ แต่ในฐานะนักแสดงที่เรียนมาด้วยกัน
ทำงานด้วยกันมาหลายเรื่อง มองแค่แวบเดียวลภัสธรณ์ก็อ่านท่าทางอีกฝ่ายออกแล้วว่าเรื่องที่หญิงสาวบอกเขามันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“อ้าว! ไม่เชื่อกัน
แล้วจะถามหาสวรรค์อะไรมิทราบ”
“ถามเผื่อไว้ไง”
พระเอกหนุ่มไหวไหล่ “แววตาแกมันฟ้องว่ามีเรื่องทุกข์ใจน่ะรู้มั้ย
อีกอย่างเราสนิทกันจะตายไป อย่าคิดโกหกเพื่อน ฉันมองแกก็อ่านออกแล้ว
ไม่ต้องมาเล่นละครหลอกกันหรอกน่า ไลน์การแสดงแกมันหลอกฉันได้ซะที่ไหนกัน”
“หึ!”
สมแล้วที่เธอกับเขาเป็นคู่จิ้นกัน เพราะแค่มองตา...อีกฝ่ายก็รู้ไปถึงไหนๆ
เพราะแบบนี้แหละการแสดงระหว่างเธอกับเขาถึงได้ออกมาดีจนไม่มีที่ติ
ทว่าถึงอย่างนั้นก็ตาม
ความจิ้นฟินกระจายและเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนคลับก็ดูจะยุไม่ขึ้น
เพราะทั้งวันวิวาห์และลภัสธรณ์เองไม่เคยคิดต่อกันเป็นอื่นเลย นอกเสียจากมองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
“แล้วสรุปยังไงล่ะ”
พระเอกหนุ่มถามอีกครั้ง เมื่อพนักงานเสิร์ฟเอาอาหารมาวางตรงหน้าและออกไปแล้ว
“เรื่องมันแย่กว่าที่แกคิดแล้วกัน”
วันวิวาห์พูดเสียงอ่อย ก่อนจะเริ่มลงมือตักอาหารมาไว้ในจานตัวเอง
ขณะที่เพื่อนชายของตนยังคงจ้องไม่วางตา
“แบบที่ข่าวออกหรือเปล่าล่ะ
พี่สาวแกเป็นมือที่สามไรงี้”
“ไม่ใช่” หญิงสาวส่ายหน้า
พ่อแม่ของเธอก็ดูออกว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจให้ต้องคิดมาก
พอเวลานี้ยังถูกเพื่อนคาดคั้นหาความจริงอีก ดูเหมือนสงครามระหว่างเธอกับวรรณิดาคงจะต้องทรมานใจกันไปอีกนาน
แม้ว่าตนเองจะสามารถพลิกเกมมาเป็นฝ่ายไล่ล่าพี่สาวได้แล้วก็ตาม
วันวิวาห์ถอนหายใจแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆ
ให้เพื่อนสนิทฟัง ด้วยรู้ว่าลภัสธรณ์ไม่ใช่คนปากมากที่จะเก็บความลับเอาไว้ไม่อยู่เลยยอมเล่าเรื่องทั้งหมด
อย่างน้อยก็ระบายความหนักอกหนักใจออกไป
“แกอกหักแล้วนี่หว่า สนใจพี่ชายฉันมั้ยล่ะฟราน
นายนั่นยังชอบแกอยู่นะ” ตั้งแต่หญิงสาวยังโสด ไม่ได้ตัดสินใจคบกับคเณศ
พี่ชายของเขาซึ่งเป็นนักบินก็ให้ความสนใจวันวิวาห์เป็นพิเศษอยู่แล้ว
ยิ่งน้องชายเป็นนักแสดงที่ถูกดันให้เล่นละครกับนางเอกสาว
พี่ชายของลภัสธรณ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสเข้าหาวันวิวาห์มากขึ้น
เขาอยากใช้ลภัสธรณ์เป็นพ่อสื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับวันวิวาห์
แต่พอรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีชอบพอด้วย พี่ชายของลภัสธรณ์ก็เลิกล้มความตั้งใจนั้นไป
ทว่าความชื่นชอบ ปลื้มในนิสัยใจคอในตัวตนของวันวิวาห์นั้นไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย
“ถ้าฉันชอบพี่ชายแกนะลุค
ฉันคงคบไปนานแล้วล่ะ” วันวิวาห์ปฏิเสธทีเล่นทีจริง “จริงๆ พี่แกดีทุกอย่าง
ติดอย่างเดียวหน้าตาคล้ายแกเกินไปหน่อย เห็นก็สยองแล้ว บอกเป็นฝาแฝดก็เชื่อ”
“เว่อร์!” ลภัสธรณ์หัวเราะร่วน
“ฉันออกจะหล่อกว่าไอนั่นตั้งเยอะ หน้าจะเหมือนกันได้ยังไง”
“ในสายตาฉันแกเหมือนกับพี่ตัวเองนี่หว่า ให้นอนกับเพื่อนฉันคงทำใจไม่ได้” จากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันเรื่องอื่น แต่ใบหน้าและแววตาที่เศร้าหมองของนางเอกสาวนั้นก็ดูมีความสุขขึ้นมาก
“เออ เรื่องที่ฉันบอกแก แกอย่าไปบอกใครนะลุค” วันวิวาห์กำชับอีกฝ่าย
“ฉันไม่ใช่คนปากโป้งซะหน่อย กับพี่ตัวเองก็ไม่บอกมันหรอก เกิดมันมีหวังขึ้นมา ฉันได้ปวดหัวกันพอดี”
“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงกล้าระบายกับแก
นอกจากพี่ปัดกับครอบครัว ฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครเลย”
“แล้วจะเอายังไงต่อ
สักวันก็ต้องมีมือขุดเรื่องนี้ แกคงไม่ประกาศเลิกกับพี่คินในเดือนสองเดือนนี้หรอกใช่มั้ย”
ลภัสธรณ์ถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ไม่หรอก
ฉันวางเกมเอาไว้แล้ว แกอย่าเพิ่งกระโตกกระตากก็พอ”
“เหมือนไม่ใช่ฟรานคนที่ฉันรู้จักเลยว่ะ”
ลภัสธรณ์รู้ดีว่าปกติวันวิวาห์จะเป็นนางเอกสายวางตัวดีมาตลอด หากมีข่าวเสียหาย...วันวิวาห์จะกลุ้มใจมาก
เพราะไม่อยากให้ภาพลักษณ์ตัวเองถูกฉุดให้ตกต่ำ
ทว่าคราวนี้สายตาของวันวิวาห์ที่เคลือบแฝงไปด้วยความเศร้าก็ดูเอาจริง จนคู่ขวัญอย่างเขาต้องลุ้นตามไปด้วย
เอาเถอะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลภัสธรณ์ก็เชื่อว่าวันวิวาห์ไตร่ตรองและตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้หรอก
...Loading 100 %...
ความคิดเห็น