คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 09 ตอน (เลิก)ทาสเสน่หา 100 %
|| บทที่เก้า ||
_____________________________________________________________________
(เลิก)ทาสเสน่หา
“แน่ใจนะนิลว่าไม่อยากให้นัทไปเป็นเพื่อนน่ะ”
นราธรถามแฟนสาวขณะที่ทั้งคู่นั่งดูหนังอยู่ที่โซฟาในห้องพักฝ่ายชาย
วันนี้เป็นวันศุกร์นราธรไม่มีเรียนช่วงบ่าย
ส่วนนิลเนตรมีเรียนแค่สองชั่วโมงเท่านั้น พอหญิงสาวเรียนเสร็จ...เธอก็มาหาแฟนหนุ่มตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้
นราธรรู้ดีว่านิลเนตรกำลังมุ่งมั่นตั้งใจทำงานตามความฝันของเธอ
ทำให้เวลาของทั้งสองคนไม่ค่อยว่างตรงกันเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่ทั้งคู่มีให้กันก็ไม่ได้จืดจางลงเลยสักนิด
นราธรเข้าใจนิลเนตร แม้บางครั้งจะอยากมีเวลาอยู่กับคนรักตามลำพังให้นานกว่านี้ มีช่วงเวลาดีๆ
แห่งความสุขด้วยกัน แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำมาหากินไปด้วย
เรียนไปด้วย จะมานั่งตัวติดกันทั้งวันก็ดูจะไร้สาระเกินไปหน่อย
อีกอย่างต่างคนต่างกำลังก้าวเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ฉะนั้นทั้งสองคนจึงคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
คบกันอย่างใส่ใจกันและกัน ไม่ได้เอาอารมณ์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาเป็นที่ตั้ง
สายตาคมกริบที่เจือประกายความเอ็นดูมองคนรักอย่างอ่อนโยน
คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและใส่ใจกันทำให้นิลเนตรยิ้มออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
นราธรน่ารักกับเธอเสมอ...ตั้งแต่วันแรกที่คบหากันจนถึงวันนี้
แค่เธอบอกเขาว่าในช่วงวันหยุดนี้เธอไม่ว่าง เพราะต้องไปคุยงานกับทางผู้ใหญ่ที่มอบโอกาสดีๆ
ให้เธอลงเล่นละครเรื่องใหม่ และบทค่อนข้างส่ง
เธอมีโอกาสเกิดเป็นดาวอีกดวงที่น่าจับตามองในวงการจากละครเรื่องนี้
มิหนำซ้ำยังมีถ่ายแบบกับนิตยสารวัยรุ่นเล่มหนึ่ง นราธรก็ไถ่ถามเธอด้วยความห่วงใยแล้ว
ทั้งที่ความจริง สิ่งที่นิลเนตรบอกกับแฟนหนุ่มออกไปจะเป็นเรื่องโกหกเกินครึ่งก็ตาม!
ใช่! นิลเนตรมีงานถ่ายแบบให้นิตยสารวัยรุ่นเล่มนึ่งก็จริงอยู่
แต่ว่าเรื่องคุยงานกับ ‘ผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส’ เธอจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...ทรงภพ
หญิงสาวมีนัดกับทรงภพด้วยเรื่องเดิมๆ
นั่นก็คือ...เขาต้องการให้เธอไปปรนเปรอความสุขบนเตียง
แม้ว่าครั้งนี้จะมีข้อแลกเปลี่ยนสูงมากมาหลอกล่อด้วยการที่ทรงภพเอาบทละครดีๆ
มาเสนอ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะเธอตกเป็นของเขามานานปีเหลือเกิน และระหว่างเธอกับทรงภพความสุขบนเตียงที่เธอสนองให้ก็มีเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ด้วยกันทั้งนั้น
“แน่ใจสิ”
นิลเนตรตอบแฟนหนุ่ม แม้ใบหน้าสวยเก๋จะประดับไปด้วยรอยยิ้มละมุน แต่แววตาของหญิงสาวกลับเจือไปด้วยความเศร้าลึกๆ
เอาไว้อย่างประหลาด
ทุกวันนี้นิลเนตรรู้สึกละอายแก่ใจมากที่คบหากับนราธร
แต่ตนเองกลับมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายคราวพ่ออย่างทรงภพไปด้วย
หญิงสาวรักนราธรมาก
ชายหนุ่มเป็นรักแรกของเธอ แต่เธอกลับโกหกเขามาตลอด เวลาที่นราธรกอดเธอ จูบเธอ
หรือมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกัน นิลเนตรก็อดเจ็บแปลบในใจไม่ได้ที่เธอใช้ความรักที่เขามีให้
ตอบแทนเขาด้วยคำโกหกหลอกลวง
นิลเนตรรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว
ผลประโยชน์ก็อยากได้ อีกทั้งยังเป็นบันไดสู่ความฝัน ความรักก็อยากมี แต่ชีวิตไม่ได้มีทางเลือกให้เธอเลือกมากมายนัก
และถ้าเป็นไปได้ เธอก็ไม่ได้อยากเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อผลประโยชน์จากทรงภพเลย
“แล้วจะกลับมาเรียนไหวเหรอ
ไปทำงานตากแดดตากลมอีกแล้ว นัทเป็นห่วงกลัวว่านิลจะไม่สบาย”
ชายหนุ่มเป็นห่วงเธอมาก ทุกครั้งที่นิลเนตรรับงานนอกสถานที่โดยเฉพาะต่างจังหวัด
ต้องถ่ายแบบริมทะเลท่ามกลางแดดร้อนๆ ต้องอวดร่างกายต่อสายตาใครต่อใคร
ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง หวง และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“นัทไม่ต้องห่วงนิลหรอกนะ
นิลทำงานแบบนี้จนชินแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงเย็น ยิ่งนราธรห่วงใยเธอมากเท่าไหร่
เธอก็ยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้น
“นัทไปเป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย
นัทไม่ไปเกะกะหรอกนะ หรือเผื่อทีมงานขาดเหลืออะไรนัทจะได้ช่วยไง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
หญิงสาวส่ายหน้า แม้จะอยากรับความหวังดีของแฟนหนุ่มมากขนาดไหน ทว่าหญิงสาวก็จำใจต้องปฏิเสธ
อีกทั้งวิธีพูดอย่างถนอมน้ำใจของเธอ กอปรกับความห่วงใยที่ส่งให้คนรักอย่างตรงไปตรงมา...ก็ทำให้นราธรจำยอมต้องจำนนต่อเหตุผลของแฟนสาวอย่างช่วยไม่ได้
“นิลอยากให้นัทไปนะ แต่อย่าลืมสิ นัทยังมีวิจัยที่ต้องทำส่งอาจารย์ไม่ใช่เหรอ
ปีนี้ปีจบนะนัท นิลไม่อยากให้นัทจบช้ากว่าคนอื่น นิลอยากให้เราเรียนจบพร้อมกัน”
เหตุผลของแฟนสาวทำให้นราธรยากที่จะปฏิเสธได้
เขามีทั้งทำวิจัย รายงาน ไหนจะงานที่อาจารย์มอบหมายอีกหลายชิ้น แต่ก็ยังไม่มีอะไรเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่างเลยสักอย่าง
หากเขาตามนิลเนตรไปทำงานที่ต่างจังหวัดด้วย งานที่ค้างอยู่ก็คงเสร็จไม่ทันเวลาที่กำหนดเอาไว้อย่างแน่นอน
“นัทไม่ชอบให้นิลไปทำงานไกลๆ
เลยรู้มั้ย”
ถึงจะอยากตามไปทำงานด้วยมากแค่ไหน
ทว่าคราวนี้นราธรคงทำได้แค่ส่งใจตามไปเพียงเท่านั้น นิลเนตรให้เหตุผลขนาดนี้แล้ว...เขาก็จำต้องตัดใจอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มจูบลงบนเรือนผมนุ่มของคนรัก ทั้งสองร่างนั่งแอบอิงคลอเคลียกันอยู่บนโซฟา หนังที่กำลังเล่นอยู่ในจอโทรทัศน์นั้นไร้ความหมายไปเสียสนิท
ถ้านิลเนตรไม่มาหาเขา
และถ้าทั้งสองคนมีเวลาว่างตรงกันเหมือนวันนี้ บางครั้งชายหนุ่มก็จะไปส่งนิลเนตรที่บ้าน
นั่งทานข้าวเป็นเพื่อนเธอแล้วค่อยกลับ หรือไม่ก็พาเธอไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า
ดูหนัง ฟังเพลง ทำอะไรก็ได้ที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานที่สุด
“นิลรู้
แต่งานก็คืองานนะนัท นิลไม่มีสิทธิ์เลือกรับงานได้ขนาดนั้นหรอก อีกอย่าง...นิลยังไม่ดัง”
หญิงสาวพูดปนยิ้มขันขณะสบตาเจ้าของร่างสูงที่โอบร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน
เธอก็พูดติดตลกไปอย่างนั้นเอง
ตอนนี้แม้ตนเองเริ่มมีบทบาทในวงการบันเทิงมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถึงจะยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนดาราคนอื่นๆ
ก็เลยไม่กล้าเลือกงาน ใครยื่นโอกาสดีๆ ให้เธอก็รับไว้อย่างไม่เกี่ยงงอน แต่นิลเนตรก็ตั้งใจแน่วแน่ว่า...หากเธอกลายเป็นดาราดังขึ้นมาจริงๆ
หญิงสาวคิดว่าตนเองก็คงจะไม่เลือกรับงานหรอก
เธอไม่อยากทำตัวเรื่องมากให้คนอื่นหมั่นไส้ และไม่อยากมีข่าวเสียหายให้โดนคนวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปากด้วย
หญิงสาวกระชับอ้อมแขนกอดคนรักคืนอย่างเอาใจบ้าง
เพื่อไม่ให้เขาต้องเป็นห่วงเธอมากจนเกินไป อย่างน้อยๆ อ้อมกอดของเธอก็เป็น ‘เครื่องยืนยัน’ ว่าเธอรับรู้ความห่วงใยจากเขาและเธอไม่มีวันทำตัวเป็นผู้หญิงเรื่องมาก
ให้เขาต้องห่วงเพิ่มด้วย
“นิลสัญญา
นิลจะทำตัวดีๆ ดูแลตัวเองดีๆ ไม่ให้นัทต้องเป็นห่วง โอเคมั้ยคะ” หญิงสาวถามแฟนหนุ่มเสียงหวาน
แต่นราธรกลับทำหน้ายุ่งใส่เธอแทน
“โถ่
อะไรกันนิล แค่พูดเอง นัทจะเชื่อนิลได้ยังไงล่ะ”
หญิงสาวเห็นคนรักทำหน้ายุ่งใส่(อย่างไม่จริงจัง)
เธอก็หลุดยิ้มขำเพราะรู้ดีว่านราธรแค่แกล้งทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจก็เพื่ออยากเรียกร้อง
‘ค่ามัดจำ’ จากเธอเสียมากกว่า
ที่ผ่านมา
นิลเนตรต้องไปทำงานนอกสถานที่จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นราธรก็บ่นเป็นห่วงเธออย่างนี้ทุกครั้งไม่มีเว้น
ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมให้เธอไปเพราะรู้ว่ามันคืองาน อีกอย่างนิลเนตรไม่เชื่อว่าเขาจะงอนเธอเพราะเรื่องแค่นี้แน่ๆ
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ”
หญิงสาวแสร้งทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนใบหน้าสวยเข้าไปใกล้ๆ
ใบหน้าหล่อเหลา จากนั้นเธอก็เป็นฝ่ายจุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากหยักเป็นการมัดจำคำพูดตัวเอง
“แบบนี้นัทก็พอไว้ใจได้”
เขายิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อคนรักผละถอยออกไปแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังอยู่ในอ้อมกอดเขาเหมือนเดิม
“ไว้ใจนิลเถอะ
อีกอย่างพี่ศราก็ไปเป็นเพื่อนนิลด้วย นัทนั่นแหละ...เลิกห่วงนิลเกินเหตุได้แล้ว”
“นัทเลิกเป็นห่วงนิลไม่ได้หรอก
เพราะยังไงนัทก็รักนิลมากที่สุด”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้ร่างบางขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิม
นราธรคิดว่าบางทีการอยู่ด้วยกันแบบนี้ ในช่วงเวลาที่แสนธรรมดาและเรียบง่ายก็อบอุ่นไปอีกแบบ
เขาชอบช่วงเวลานี้เหลือเกิน เพราะเพียงแค่มีคนที่เรารักและเข้าใจอยู่เคียงข้างกัน เท่านี้ก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ
ชายหนุ่มตั้งใจว่าหลังจากดูหนังกันจบ
เขาก็จะพาหญิงสาวไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ร้านอาหารที่เขาจะพาไปอาจไม่ใช่ร้านอาหารหรูหรา
หรือร้านดังติดรีวิว ทว่าร้านนี้ก็มีบรรยากาศดี ดนตรีไพเราะ อาหารอร่อย นิลเนตรเคยไปกับเขามาแล้วหลายครั้ง
และเธอก็ชอบร้านนั้นมาก และหลังจากทานอาหารเสร็จ นราธรก็จะพาคนรักไปส่งที่บ้านเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้ง
นราธรจีบนิลเนตรอย่างตรงไปตรงมา
และถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเลยเถิดอย่างไม่อาจห้ามได้แล้ว
ทว่าเขาก็เข้าตามตรอกออกตามประตู ไปลามาไหว้พี่ชายเธอเสมอ
ให้ความเคารพอีกฝ่ายประหนึ่งพี่ชายแท้ๆ ของตนเองมาตลอด
ศรากับนราธรสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง
แต่ถึงกระนั้นในฐานะคนรักของน้องสาว ศราจึงค่อนข้างไว้ใจนราธรให้ดูแลนิลเนตรแทนเขาอย่างเต็มที่
บางครั้งที่ศรากลับบ้านค่ำมืด พี่ชายของหญิงสาวก็มักจะไหว้วานให้นราธรไปอยู่เป็นเพื่อนนิลเนตรที่บ้านบ้าง
หรือบางครั้งบางคราว...ถ้าศราจะไม่กลับบ้านจริงๆ เขาก็มักไหว้วานให้นราธรไปนอนที่บ้านได้ตามสะดวก
ทั้งสองคนดูหนังกันไปอย่างเงียบๆ
อีกครั้ง จนกระทั่งหนังใกล้จบ ความกังวลใจของนราธรก็ยังไม่จางหายไปโดยง่าย
หรืออาจเป็นเพราะหลายครั้ง เขาแอบสงสารเธอที่ต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัว
และอาจเป็นเพราะเขารักนิลเนตรมากเกินไปเลยไม่อยากให้หญิงสาวต้องมาลำบากตรากตรำทำงานตัวเป็นเกลียวเช่นนี้
นราธรเคยคิดเล่นๆ
ในใจว่าถ้าหากความรักที่เขามีให้นิลเนตรไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งเรียนจบ
เธอก็คงเป็นคนที่ใช่ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
เขาอาจจะขอเธอแต่งงานหลังเรียนจบเลยก็ได้
ทว่าความคิดเล่นๆ
ไม่ได้จริงจังอะไรกลับเริ่มชัดเจนขึ้นในความรู้สึกของชายหนุ่ม และมันทวีความรุนแรง
มีพลังทำให้นราธรเริ่มจริงจังกับความคิดนั้นขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นวางแผนเงียบๆ
ในใจว่าหลังเรียนจบแล้วเขาจะขอเธอแต่งงานอย่างเป็นทางการ
ภาพนิลเนตรที่กลายเป็นภรรยาที่น่ารัก
เป็นแม่ของลูก ทำให้นราธรยิ้มตามทุกครั้งกับความคิดที่ยังมาไม่ถึง
ทว่าถึงอย่างนั้นภาพที่ชัดเจนก็ทำให้เขามีความสุขเสมอที่นึกถึงมัน
นิลจะต้องเป็นภรรยาและแม่ของลูกที่น่ารักที่สุดแน่ๆ
ชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง
ทั้งที่ตัวจริงอย่างนิลเนตรยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอน เอาหน้าสวยๆ ซบอยู่ตรงอกของเขา ร่างบางของหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขน
และสายตาของเธอก็กำลังจดจ่ออยู่กับหนังจนตาแทบไม่กระพริบ
แต่เพราะทั้งภาพ
ทั้งความรู้สึกค่อนข้างชัดเจนมากจนเหมือนเป็นเรื่องจริง พอได้จังหวะเหมาะๆ
กอปรกับบรรยากาศเงียบๆ ที่เหมาะจะสารภาพความรู้สึก ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว
หลุดปากเลียบๆ เคียงๆ ถามคนรักออกไป
“นิล
ถ้าอนาคตนัทขอนิลแต่งงาน นิลสัญญากับนัทนะว่าจะรับงานในวงการให้น้อยลง”
ชายหนุ่มตั้งใจแน่วแน่มากกับการเป็นสามีที่ดีของเธอ เขาอยากแน่ใจว่าหากแต่งงานกันไปแล้ว
หญิงสาวจะทำงานให้น้อยลงกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาหวงภรรยาจนไม่อยากให้เธอไปใกล้ชิดกับใคร
แต่เขาไม่อยากให้เธอต้องลำบากทำงานเหมือนเช่นตอนนี้ต่างหาก
ครอบครัวของนราธรไม่ได้ฐานะร่ำรวยอะไรมากมายนัก
แต่ก็มีอันจะกิน ไม่ลำบากขัดสน ไม่ได้เป็นหนี้ใคร มีกิจการของตัวเอง และมีที่ดินไม่น้อยหน้าลูกบ้านอื่น
และถึงชายหนุ่มจะไม่แน่ใจว่าเขาจะทำให้เธอสุขสบายเหมือนคนเมืองได้
แต่เขาก็ไม่พาเธอลำบากจนถึงขั้นกัดก้อนเกลืกินแน่ อีกอย่างอาชีพของครอบครัวเขาก็มั่นคงกว่าอาชีพในวงการบันเทิงตั้งมากมายหลายเท่า
หากรู้จักใช้จ่ายก็สุขสบายไปทั้งชีวิต
“แล้วถ้าถึงตอนนั้นนิลดังมากๆ
ล่ะนัท” หญิงสาวหันมาถามเขาตาใส “ใครๆ ก็บอกว่าช่วงที่เราดัง เราควรตักตวงผลประโยชน์เก็บเอาไว้ให้ได้มากที่สุด”
ชีวิตของคนทำงานในวงการบันเทิงไม่มีอะไรแน่นอนเลย
คนนอกวงการมักให้คำนิยามว่า ‘พวกขายเงา
สุดท้ายก็เหลือแต่เงา’
นั่นเพราะชื่อเสียงประกอบกับรูปทรัพย์เป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน
มาเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็หายไป หากเราไม่รีบตักตวง
ทำมาหาเก็บตอนที่กำลังมีชื่อเสียง ไม่รีบสร้างเนื้อสร้างตัวตอนที่เป็นรู้จัก
วันที่ล้มลงหรือโดนคลื่นลูกใหม่มากลบจนเหมือนคนไร้ตัวตนจะได้ยังมีชีวิตที่สุขสบาย
ไม่ลำบาก จนเหลือแต่เงาอย่างคำที่เขาพูดๆ กัน
“นัทรู้
วงการบันเทิงคือความฝันของนิล” ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมา
เขารู้ว่ามันคือความฝันของเธอ แล้วเขาจะไปว่าอะไรได้ “เอาเถอะ ถ้างานคือความสุขของนิล
นัทจะยอม เพราะนัทอยากเห็นนิลมีความสุข”
“นิลรักนัทนะ”
หญิงสาวยิ้มให้กับคนรัก นราธรเข้าใจเธอเสมอ และเขาเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้เธอตลอด
ในเมื่อเขาเข้าใจเธอมากขนาดนี้
มีหรือนิลเนตรจะใจร้ายไม่ให้รางวัลตอบแทนความน่ารักของคนรักสักหน่อย
หญิงสาวยืดตัวแล้วหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ
ในขณะที่นราธรก็จุมพิตคืนที่หน้าผากมน หญิงสาวหลับตาพริ้มยอมรับสัมผัสจากเขาอย่างว่าง่ายเหมือนลูกแมวตัวน้อยแสนเชื่องที่จงรักภักดีต่อเจ้าของ
“นัทก็รักนิล
รักมากเลย” ชายหนุ่มบอกรักกลับคืน แต่มันเป็นคำพูดที่ตรงกับความรู้สึกของเขามากที่สุดในเวลานี้
“นิล ถ้านิลลำบากหรือโดนใครแกล้ง นิลต้องบอกนัทนะ นัทได้ยินมาว่าทำงานในวงการพวกนี้การแข่งขันค่อนข้างสูง”
“นัทจะปกป้องนิลเหรอ?”
หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองเขาด้วยรอยยิ้มทะเล้น
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงผู้เปราะบางที่มีองครักษ์หนุ่มคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“ไม่ดีเหรอ?”
นราธรไม่ตอบคำถามเธอ แต่กลับเลิกคิ้วใส่แทน
“ดีสิ
แต่ไม่มีใครแกล้งนิลหรอก ตอนนี้นิลเป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ เองนะ”
เวลาทำงาน
นิลเนตรค่อนข้างตั้งใจ หญิงสาวทำงานจริงจัง เพราะไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสียเวลากับตัวเธอเอง
ทีมงานหลายๆ คนจึงค่อนข้างเอ็นดูเธอมากกว่าหมั่นไส้
แต่ถึงอย่างนั้นเวลานี้ก็เป็นโอกาสที่ดี
ในเมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสพูดคุยกับเธอในหลายเรื่อง และเธอเองก็มี ‘ชนัก’ ติดหลัง หากลองเลียบๆ
เคียงๆ ถามนราธรออกไป บางทีเธออาจจะพอทำใจกับคำตอบที่จะได้รับจากคนรักอย่างเขา
“นัท”
นิลเนตรเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“มีอะไร?”
“ถ้าวันนึงนิลทำผิด
ทำผิดกับนัทมากๆ นิลทำให้นัทเสียใจ” หญิงสาวพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น “นัทให้อภัยนิลได้มั้ย”
“นิลไปทำความผิดอะไรมารึเปล่าเนี่ย
ทำไมถามนัทแบบนี้ล่ะ” ชายหนุ่มจ้องหน้าคนรักด้วยความงุนงงที่จู่ๆ
เธอก็ถามคำถามแปลกๆ ขึ้นกับเขา
“เปล่าซะหน่อย”
นิลเนตรเก็บแววตาที่วูบไหว เปลี่ยนสีหน้าแห่งความกังวลกลับมายิ้มแป้นให้คนรักเหมือนเธอแค่ถามคำถามนั้นเล่นๆ
ไม่ได้มีอะไรปิดบังซ่อนเร้นเลย “แค่ถามเฉยๆ นิลก็แค่อยากรู้”
“ถามแบบนี้หรือว่านิลแอบรับงาน
แล้วเล่นบทจูบจริงกับใครมา แล้วไม่กล้าบอกนัทใช่มั้ย”
นราธรกระเช้าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะกึ่งเอ็นดูคนรักของตนเอง
ความจริงแล้วเขากับนิลเนตรตกลงกันไว้ว่า
หากหญิงสาวรับงานใดๆ
ก็ตามที่ต้องมีบทถึงเนื้อถึงตัวหรือต้องเข้าใกล้กับผู้ชายคนอื่นจนถึงขั้นแนบชิด
เธอจะต้องบอกเขาก่อน โดยเฉพาะบทจูบ ซึ่งสมัยนี้นักแสดงส่วนใหญ่ชอบเล่นตบจริง
จูบจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทนหรือมุมกล้องกันแล้ว เนื่องจากผู้จัดละครหรือผู้กำกับการแสดงอยากได้ฉาก
ได้อารมณ์ที่สมจริง เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งนราธรเข้าใจขอบเขตของงานแสดงดี
อีกอย่างเขาไม่อยากเป็นผู้ชาย ‘ใจแคบ’
จนทำให้คนรักเสียงาน เสียโอกาสเพราะความขี้หวงของตัวเองด้วย
งานก็ส่วนงาน
นราธรไม่อยากเอาเรื่องหยุมหยิมมาใส่ใจจนเป็นเหตุให้ต้องทะเลาะกับคนรัก แต่ทุกครั้งที่นิลเนตรมีฉากแบบนี้
หญิงสาวก็จะบอกกับเขาก่อนเสมอ
“ไม่มีหรอก”
หญิงสาวส่ายหน้าหวือ เพราะเพิ่งผ่านช่วงสอบมาได้ไม่เท่าไหร่ และปกติแล้วเธอก็จะไม่รับงานในช่วงที่ต้องใช้สมาธิกับการเรียนมากๆ
ด้วย “พักนี้นิลแทบไม่รับงานเลย มีแต่ถ่ายนิตยสารวัยรุ่น จะจูบกับใครได้เล่า”
หญิงสาวทำหน้ายุ่งใส่คนรักของตัวเองอย่างหมั่นไส้
ทว่าเธออยากรู้คำตอบของเขาจริงๆ ว่าหากวันหนึ่ง ‘ความลับ’ ที่เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้แตกขึ้นมา นราธรจะยังสามารถให้อภัยและมองเธอด้วยสายตาแบบเดิมอยู่หรือเปล่า
หรือเขาจะเกลียดเธอจนตัดรอนความสัมพันธ์กันไปเลย
นี่เธอถามคำถามจริงจังกับเขา
แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่พูดเล่นราวกับว่าเขาเชื่อใจว่าเธอจะไม่ทำให้เขาเสียใจอย่างแน่นอน
โดยชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า...ยิ่งเขาไว้ใจเธอ มองเธอด้วยสายตาที่รักใคร่และไว้วางใจมากเท่าไหร่
คนที่รอการให้อภัยจากเขาอย่างนิลเนตรก็ยิ่งเจ็บปวดและเกลียดชังตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
“โธ่..นัท
อย่ายียวนสิ” หญิงสาวเอ็ดคนรัก “นิลถามนัทจริงๆ นะ”
นราธรมองใบหน้าสวยด้วยสายตานิ่งๆ
ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนิลเนตรถึงถามคำถามนี้ อีกทั้งสายตา น้ำเสียง และสีหน้าของเธอก็ค่อนข้างจริงจังมาก...มากชนิดที่ว่าถึงเธอจะบอกว่าถามไปเฉยๆ
ไม่มีอะไร แต่เขาทำใจให้เชื่อไม่ลง
ชายหนุ่มคิดว่าบางทีคนรักของเขาอาจมีเรื่องลำบากใจที่อยากจะบอก
แต่ตอนนี้เธออาจไม่พร้อมที่จะพูดกับเขาตามตรงก็ได้
ทว่าถึงอย่างนั้น
ด้วยความรักที่เขามีต่อนิลเนตรก็มากมายถึงขั้นคิด ‘ลงหลักปักฐาน’ สร้างครอบครัวกับเธอในอนาคต
นราธรคิดว่าความผิดใหญ่หลวงแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาสามารถให้ภัยเธอได้ในทุกเรื่อง
ชายหนุ่มเชื่อว่าคนเราทำผิดพลาดกันได้ และเขาจะไม่มีวันปล่อยมือไปจากเธอเพราะเรื่องที่เธอทำพลาดพลั้งไม่ได้ตั้งใจแน่นอน
“นิล
ฟังนัทนะ” ชายหนุ่มยิ้มละมุน สายตาอ่อนโยนทอดมองใบหน้าคนรัก “ไม่ว่านิลจะทำผิดอะไรมาก็ตาม
นัทก็ให้อภัยนิลได้เสมอแหละ ถ้าไม่ถึงขั้นเข้าคุก นัทจะไม่มีวันปล่อยมือนิล
เข้าใจมั้ย”
ชายหนุ่มพูดแค่นั้น
เพราะเขาไม่อยากคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอถึงสาเหตุของชนวนคำถาม เขาแค่รอวันที่เธอพร้อมจะเปิดปากพูดเองจริงๆ
ไม่อยากบังคับฝืนใจกัน
แฟนสาวของเขาอาจเครียดกับเรื่องที่ต้องเจอมากพออยู่แล้ว
ชายหนุ่มไม่อยากเป็นอีกหนึ่งคนที่ไปกดดันเธอ
เขาเป็นฝ่ายปลอบโยนและให้กำลังใจเธอน่าจะดีกว่า
“ขอบคุณนะ”
“ฉันเป็นพี่ชายประเภทไหนวะเนี่ย
ทุเรศตัวเองชะมัด!” ศราบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะทุบพวงมาลัยรถตัวเองเพื่อระบายความอึดอัดไม่ได้ดั่งใจ
คนเป็นพี่ชายทำหน้าตาเคร่งเครียด
หน้าดำหน้าแดงหลังจากที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่บ้านพักริมทะเลแห่งหนึ่ง บ้านหลังนี้ออกแบบมาอย่างสวยงาม
สงบ และค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก ใช่! บ้านพักสวยหรู อลังการขนาดนี้จะเป็นบ้านพักของใครไปไม่ได้เลยนอกจากทรงภพ
คนที่คอยบำรุงบำเรอครอบครัวของเขามาตลอดหลายปี
เมื่อเช้าศราตื่นเร็วกว่าปกติเพราะต้องการทำงานนอกที่เพิ่งรับมาจากลูกค้า
ถึงจะเป็นโปรเจ็กต์เล็กๆ แต่ก็ได้ค่าตอบแทนไม่น้อย ทว่าพอคนตั้งใจทำงานเห็นน้องสาวขนกระเป๋าเดินทางใบเล็กเหมือนจะไปต่างจังหวัด
คนเป็นพี่เลยอดสงสัยไม่ได้ และพอคาดคั้นจนได้คำตอบว่าทรงภพโทรมานัดให้น้องสาวเขาไปหา
ซึ่งผลก็คือศราหอบทั้งงานและเสื้อผ้าใส่รถและอาสามาส่งน้องสาวอย่างที่เห็น
ศราขับรถมาส่งน้องสาวให้ทรงภพด้วยความร้อนรุ่มในอก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...แต่เป็นหลายครั้งที่เขาอาสามาส่งน้องด้วยตัวเอง อีกทั้งเมื่อก่อนเขายังอยู่ดื่มกินกับทรงภพเหมือนอีกฝ่ายเป็นญาติสนิท
แต่เพราะตอนนั้นความต้องการให้ครอบครัวสุขสบายมีกินมีใช้อย่างไม่ขัดสนครอบงำจนหน้ามืดตามัว
การส่งน้องสาวให้คนคราวพ่อนอนกกเป็นนางบำเรอจึงแทบไม่ระคายใจพี่ชายอย่างเขาเลยสักนิดเดียว
ทว่าหลังจากกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่แล้ว
คุณธรรมในใจที่แทบลดน้อยถอยลงก็กลับมาแรงกล้าขึ้นอีกครั้ง
ถ้าจะถามว่าเขาอยากเป็นคนใหม่เพราะใคร
ศราคงตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า...เขาอยากเป็นคนดีเพราะน้องสาวตัวเอง
หลายครั้งที่เขาเห็นนิลเนตรต้องร้องไห้แทบขาดใจเพราะเธอจำต้องเอาเงินที่ตัวเองทำงานเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดมาใช้หนี้พนันให้เขา
ไหนจะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย น้องสาวของเขาไม่เคยมีชีวิตที่สุขสบายจริงๆ เลยด้วยซ้ำ
และวันที่เขาตั้งใจอยากเป็นคนใหม่ อยากเป็นผู้นำครอบครัวจริงๆ ก็คือวันที่น้องสาวยื่นคำขาดกับเขาว่า
เธอจะให้เงินใช้หนี้เขาเป็นก้อนสุดท้าย
เรื่องเงินน่ะไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับว่าสายตาของน้องสาวในวันนั้นดูเหนื่อยอ่อนคล้ายจะหมดแรงกับปัญหาในชีวิตจริงๆ
แล้ว พี่ชายอย่างศรารู้มาตลอดว่านิลเนตรไม่อยากไปนอนกับทรงภพเลย แต่ที่ทำเพราะเธอยอมเสียสละตัวเองเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวล้วนๆ
ศราละอายใจมากที่เขาปล่อยให้น้องสาวต้องเอาเนื้อตัวเข้าแลกเพื่อเงินทองและชื่อเสียง
ตอนนี้เขาตั้งใจทำงานและกำลังรวบรวมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านก้อนหนึ่ง คิดว่าถ้าเก็บได้เยอะกว่านี้อีกสักหน่อย
เขาจะยื่นคำขาดให้นิลเนตรไม่ต้องไปเป็นนางบำเรอให้กับทรงภพอีก
“ครั้งก่อนๆ
ก็ไม่เห็นบ่นอะไรนี่” นิลเนตรหันไปมองพี่ชายที่ไม่ยอมดับเครื่องแล้วลงจากรถสักที
แต่เธอเข้าใจความรู้สึกของศราพอๆ กับที่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทุกครั้งที่ต้องมาหลับนอนกับทรงภพ
เธอไม่เคยมีความสุขเลย
ถึงอย่างนั้น
หญิงสาวก็พยายามทำความเข้าใจและยอมรับในโชคชะตาของตัวเอง
เธอเลือกทางนี้ไปแล้วจะกลับลำก็ดูจะสายไปหน่อย
สิ่งที่หญิงสาวทำได้ดีที่สุดคือทำหน้าที่ของตัวเอง
ทำให้ทรงภพมีความสุขทุกครั้งที่เขาอยู่กับเธอ ทะเยอทะยานให้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองฝัน
ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งก่อนจะโบยบินอย่างเป็นอิสระ ไม่ต้องทนเป็นทาสบำเรอสวาทของใครเพื่อแลกเงินทองอีก
“แกก็รู้ว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว”
“ไม่เหมือนยังไง
นิลมาหาเขาก็เพราะต้องมาทำเรื่องทำนองนั้นเพื่อแลกความสุขสบายและโอกาสอยู่แล้ว”
นิลเนตรแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกของพี่ชายตัวเอง
หญิงสาวอดคิดในใจไม่ได้ว่าพี่ชายของเธอก็แปลกคนใช่เล่น ตอนจะเลวก็เลวจนเธอปวดหัว
ต้องมานั่งตามแก้ปัญหาให้สารพัดสารพัน แต่พอจะดีขึ้นมา ก็ดีมีคุณธรรมจนเธออยากจะเชิญให้ไปบวช
“พูดตรงๆ
นะ ถึงเมื่อก่อนฉันจะเห็นแก่ตัวมากและเคยสนับสนุนให้แกมานอนกับไอแก่นี่เพราะความสุขสบายของพวกเราก็เหอะ
แต่ฉันไม่เคยชอบใจตัวเองเลยที่ต้องส่งน้องสาวมาขายเพื่อบำรุงบำเรอมันแบบนี้
ที่ผ่านมามันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ”
“จ้า
พ่อคนดีศรีสยาม” หญิงสาวอดประชดประชันพ่อคนดีมีคุณธรรมประจำใจไม่ได้ “พี่ก็ทนหน่อยเถอะน่า
ถ้าเราดีขึ้นกว่านี้อีกนิด นิลคงเลิกเป็นนางบำเรอของเขาเหมือนกัน”
คนเป็นน้องสาวตบบ่าพี่ชายอย่างอยากให้อีกฝ่ายทำใจ
มันไม่ใช่ว่าเขาบังคับขู่เข็นเธอให้ทำเรื่องแบบนี้เสียเมื่อไหร่
แต่เป็นเธอเองต่างหากที่ยอมตกลงรับข้อเสนอบ้าๆ นั่น
ทว่าศราไม่ได้คิดแบบนั้น
เขาอาจไม่ใช่คนผิดเต็มร้อยก็จริง แต่แทนที่จะห้ามหรือตักเตือนน้องสาวให้รู้จักผิดชอบชั่วดี
ตรงกันข้ามเขากลับเห็นด้วยกับการตัดสินใจของนิลเนตรในตอนนั้น ไม่ได้คัดค้านอะไรเลยเพราะข้อเสนอของทรงภพทำให้เขาตาโต
ใจพอง แต่เวลานี้ศรากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจาก ‘พ่อเล้า’ เลย
เขาทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้ยังไง
ศราเงียบไปก่อนจะระบายลมหายใจออกมา
เรื่องของทรงภพยังคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะสร้างรากฐานให้ครอบครัวมั่นคงมากพอก่อน
หรือไม่นิลเนตรก็ดังเปรี้ยงเป็นพลุแตกถึงจะเลิกรากับทรงภพอย่างเด็ดขาดได้
แต่ที่เขาเป็นห่วงอีกเรื่องก็ไม่พ้นเรื่องของน้องสาวคนสวยอยู่ดี
“นิล
แกรักนายนัทมากใช่มั้ย” คนเป็นพี่ชายถามน้องสาวขึ้นมานิ่งๆ ก่อนจะมองใบหน้าสวยหวานที่เรียบสนิท
ไร้รอยยิ้มหวานชวนมอง แววตาที่นิ่งเฉยอย่างคนไร้ความรู้สึก
ศรารู้ว่าน้องสาวของตนกำลังเจ็บปวดมาก แต่ไม่ยอมแสดงออกให้เขาได้รับรู้
ทว่ามีหรือคนเป็นพี่จะดูไม่ออก หรือไม่รู้ว่าน้องสาวของเขากำลังรู้สึกอย่างไร
“พี่ถามถึงนัททำไม”
นิลเนตรสบตาพี่ชาย เธอย้อนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบไร้ความรู้สึก สีหน้าที่วางเฉย
ทำเอาศรารู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“ฉันรู้ว่าแกรักหมอนั่น
ฉันเป็นพี่แกนะ แกรู้สึกอะไร ทำไมพี่ชายอย่างฉันจะดูไม่ออกล่ะ” ศราพูดออกไปตามตรงตามที่เห็น
ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจว่านิลเนตรรักนราธรมาก จึงเลือกเก็บความเจ็บปวดเอาไว้กับตัวเองเพียงฝ่ายเดียว
“แกคิดจะจริงจังกับนายนัทหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ”
หญิงสาวตอบอย่างคนมองไม่เห็นทางออก
ความรักระหว่างเธอกับนราธรมันอาจสวยงามเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
แต่ถ้าวันหนึ่งนราธรรู้ความจริงว่าเธอเป็นเด็กเสี่ย
เขาจะรับเธอได้หรือเปล่า...อันนี้เธอเองก็ไม่กล้าเดาใจเขาเหมือนกัน “ถึงเขาจะรับเรื่องที่นิลผ่านผู้ชายมาได้
แต่ถ้านัทรู้ว่านิลคบทั้งเขาและนอนกับผู้ชายอีกคนเพื่อแลกเงิน ชื่อเสียง และงาน
บางทีนัทอาจจะรับนิลไม่ได้ก็ได้”
น้ำเสียงที่หญิงสาวอธิบายให้พี่ชายเข้าใจนั้นเจือไปด้วยความเศร้าแฝงอยู่ลึกๆ
นิลเนตรปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอคาดหวังกับความรักครั้งนี้เอาไว้มากเหลือเกิน แต่นราธรก็ทำให้เธอรู้สึกว่าความรักที่เขามอบให้นั้น
ช่างสูงส่งจนเธอไม่กล้าอาจเอื้อมคว้ามันเอาไว้ในครอบครอง
แค่การที่เธอได้รักเขา
และเขาก็รักเธอตอบ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีงามที่สุดในชีวิตแล้ว
“บอกตามตรงเลยนะ
ฉันชอบนายนัทนั่น นายนัทดูแลแกดี เอาใจใส่ คอยไปรับไปส่ง
ดูแกแทนฉันเวลาฉันไม่อยู่ด้วย แถมยังไม่นอกลู่นอกทางอีก และประเด็นสำคัญเลยคือ...ฉันดูออกหรอกว่านายนัทอยากจริงจังกับแก
ไม่ได้คบแกแค่เล่นๆ”
“นิลก็อยากจริงจังกับเขาแหละ
แต่ลึกๆ แล้วนิลก็ละอายใจเหมือนกัน” ความเลวของเธอไม่ได้คู่ควรกับความรักที่นราธรมอบให้เลยสักนิด
นิลเนตรคิดอย่างปลงตก
อีกอย่างเธอเองไม่เห็นแก่ตัวพอที่จะทำร้ายนราธรด้วยการครอบครองเขาทั้งตัวและหัวใจ
เขาเหมาะสมกับผู้หญิงที่มีค่ากว่านี้...ไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างเธอ “บางครั้งนิลก็รู้สึกสงสารนัทและขยะแขยงตัวเองไปพร้อมๆ
กันด้วย นิลไม่รู้หรอกนะว่าสุดท้ายนิลกับนัทเราจะไปได้ถึงแค่ไหน
แต่นิลคิดเอาไว้แล้วว่าระหว่างนิลกับนัทคงไม่ไปถึงขั้นแต่งงาน”
ทำไมนิลเนตรจะไม่รู้ว่าวันก่อนนั้นชายหนุ่มเลียบๆ
เคียงๆ ถามเธอเรื่องแต่งงาน หญิงสาวคิดว่าเขาอาจอยากจะถามความเห็นเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบ
และตอบคำถามเขาได้เท่าที่ตอบได้เท่านั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากลงเอยกับนราธร แต่เพราะทุกวันนี้เธอมีชนักติดหลังต่างหาก
สิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้นั้นไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว
แล้วเธอก็ไม่กล้าออกความคิดเห็นมากด้วย
นิลเนตรไม่กล้าคาดหวังความรักจากนราธรมากนัก
เธอไม่อยากเอาตัวเองไม่ผูกกับนราธรจนเกินไป หญิงสาวกลัวว่าถ้าวันหนึ่งเธอเจ็บเพราะความลับถูกเปิดเผย
เธอจะได้ทำใจเรื่องนราธรได้เร็วและง่ายขึ้น
“ทำไมแกไม่ให้โอกาสเขาและให้โอกาสตัวเองวะ”
ศราบอกอย่างเป็นห่วง เขากลัวว่าความรักของทั้งสองจะล่มกลางทางเพราะนิลเนตรไม่กล้าเปิดใจและให้โอกาสตัวเอง
ซึ่งนั่นจะทำให้น้องสาวของเขาเสียผู้ชายดีๆ ไปจากชีวิต “คนเรามันผิดพลาดกันได้นะเว้ย
แกดูแบบฉันสิ ฉันยังอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อแกเลย”
นิลเนตรได้แต่เถียงพี่ชายตัวเองในใจว่ากรณีของเธอไม่ได้เหมือนกับเคสของพี่ชายเลย
ศราผิดแค่ติดการพนันงอมแงม และละเลยชีวิตตัวเองก็เท่านั้น
ส่วนเธอผ่านอะไรมามากกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะยอมรับได้
หญิงสาวจะไม่คิดมากเลย
ถ้าหากว่าเรื่องของเธอนั้นเกิดขึ้นจากพิษรักเหมือนเด็กสาวทั่วไป
ที่ชอบพอกับชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกัน จึงยอมเปลืองตัวให้ผู้ชายคนนั้นก่อนจะเลิกรากันแล้วมีคนรักใหม่
แต่นี่! เธอกำลังเป็น ‘อีหนู’ ของผู้ชายแก่ๆ ที่มีหน้ามีตาในวงสังคมบันเทิง เธอยอมรับว่าตัวเองใช้ ‘เต้าไต่’ เพื่อให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ
แล้วแบบนี้น่ะเหรอ...สิ่งที่นราธรจะยอมรับเธอได้
แค่เขายอมให้อภัยเธอหลังรู้ความจริง
เขาก็เป็นผู้ชายที่ประเสริฐมากแล้ว!
“นัทน่ะดีเกินไป”
หญิงสาวพูดออกมาตามความรู้สึก “และนิลก็เลวเกินไปสำหรับเขา”
สองพี่น้องคุยกันได้สักพักหนึ่งก่อนจะลงจากรถยนต์
ถึงอย่างนั้นสีหน้าของศราก็ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ใคร่จะสบายใจสักเท่าไหร่
ส่วนนิลเนตร...หญิงสาวลงจากรถด้วยรอยยิ้มหวาน ทว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่ไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน
สองพี่น้องช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านพัก
จากนั้นคนดูแลบ้านที่ทรงภพจ้างเอาไว้ก็มาคอยยืนรอต้อนรับพวกเธอ และช่วยขนกระเป๋าของหญิงสาวเอาไปไว้ในห้องพักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
คนสนิทของทรงภพค้อมศีรษะให้นิลเนตร
ก่อนจะบอกหญิงสาวด้วยกิริยานอบน้อมและเชิญเธอเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งทรงภพรอพบเธออยู่
ส่วนศรามีคนที่ทรงภพส่งมาคอยดูแลเป็นพิเศษต่างหาก
นิลเนตรโทรบอกทรงภพก่อนจะมาว่าพี่ชายของเธอขอติดสอยห้อยตามมาด้วย
ทรงภพไม่ได้ว่าอะไร และยังสั่งให้คนของตนจัดห้องพักรับรองเอาไว้ให้ศราด้วยอีกหนึ่งห้อง
“เชิญคุณศราเข้าไปรอด้านในก่อนครับ
หรือจะเข้าไปรอที่ห้องพักของคุณก่อนก็ได้” คนดูแลบ้านของทรงภพผายมือไปยังห้องนั่งรอของบ้าน
ซึ่งถูกจัดเอาไว้แบบเปิด มีเก้าอี้หวายเอาไว้รับรองแขกหลายตัว มีโต๊ะรับรองตัวยาว
ด้านหน้าเป็นวิวทะเลงดงาม และเพราะตัวบ้านพักสูงพอสมควรจึงมองเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดตาเบื้องล่าง
ห้องรับรองมีลมพัดผ่านให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ศราไม่คิดจะนั่งรอน้องสาวตัวเอง
เขาคิดว่าขึ้นห้องพักก่อนน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็นั่งทำงานรอน่าจะได้ประโยชน์
“ผมขอเอาของเข้าไปเก็บที่ห้องพักก่อนดีกว่าครับ”
ศราบอกแค่นั้น คนดูแลบ้านจึงช่วยเขาหิ้วกระเป๋าเดินทาง
ทั้งสองคนกำลังจะเดินขึ้นชั้นบนซึ่งเป็นห้องพักที่เจ้าของบ้านจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว
ทว่าคนสนิทของทรงภพก็รีบเข้ามายืนขวางไว้ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญให้ศราเข้าไปในห้องตามน้องสาว
“เดี๋ยวก่อนครับคุณศรา
คุณทรงภพเชิญคุณไปพบที่ห้องด้วย”
ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ
ศราพยักหน้ารับคำเชิญนั้น
ก่อนจะเดินตามหลังคนสนิทของทรงภพเข้าไปในห้องนั่งเล่น และเขาสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูกเลย
ความคิดเห็น