ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในอ้อมแขนคุณ อุ่นไปถึงหัวใจ ♥

    ลำดับตอนที่ #9 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทที่ 04 :: ทูตสื่อวิญญาณ 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 65


    ในอ้อมแขนคุณ...
    อุ่นไปถึงหัวใจ 

    บทที่ 4 - ทูตสื่อวิญญาณ

    ถึงด้ายแดงที่ปรากฏขึ้นจะเลือนลางมาก แต่มันก็เป็นสีแดงและเห็นได้ชัดว่ามันเชื่อมโยงจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง

    “หมายความว่า สองคนนั้นเป็นเนื้อคู่กันเหรอปู่” เด่นฤทธิ์เอียงคอมองภาพตรงหน้า “แต่ว่าดูเลือนลางพิกลนะ”

    “บางที เขาอาจเป็นคู่กัน แต่เพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่ไงไอหนู ความสัมพันธ์ก็เลยยังไงไม่คืบหน้าไปไหนไง” ปู่โมกข์เกาคาง พลางครุ่นคิด “แต่ว่านะ คนที่มีด้ายแดงพวกนี้ผูกเชื่อมโยงกันเอาไว้เนี่ย ส่วนใหญ่ความรักมันมักจะมาพร้อมอุปสรรคที่โคตรโหดหินเลยแหละ”

    “ยังไงเหรอปู่?”

    “แบบว่ามันต้องมีอะไรพิสูจน์ที่ค่อนข้างวัดใจเลย บางคู่ก็เข้าขั้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย” ผู้อาวุโสมองคนที่เดินไปด้วยกันด้วยสายตาที่ค่อนข้างหนักใจเอาการ ก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา “เห้อ...ดูเหมือนความรักของพี่ชายเอ็งกับแม่หนูนั่นน่ะ จะไม่ง่ายแล้วล่ะเจ้าดีนเอ้ย”

    “ปู่ทำหน้าเครียดแบบนี้ ทำให้ผมเครียดตามไปด้วยเลยนะเนี่ย” เด่นฤทธิ์มองตามคนทั้งคู่ ซึ่งภาพด้ายแดงที่เชื่อมสองคนเอาไว้นั้นก็ค่อยๆ จางและหายไปในที่สุด “เนี่ยทีแรกพูดเล่นๆ ว่าอยากได้วาฬเป็นพี่สะใภ้นะ ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว รู้สึกตะหงิดๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ เหมือนจะมีเรื่องเลย”

    “แล้วเอ็งจะเดือดร้อนทำไมฮะ” ปู่โมกข์ตบไหล่เด่นฤทธิ์ “อย่าลืมสิ เอ็งน่ะอยู่คนละภพคนละภูมิกับพี่ชายแล้ว เรื่องของเขาก็ให้เขาแก้กันเอง เข้าใจคำว่าพรหมลิขิตมั้ย เบื้องบนน่ะเขาขีดมาแล้ว เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก”

    “แหม แต่นั่นมันก็พี่ชายทั้งคนนี่นา”

    “แล้วไงวะ ปู่รู้ว่าเอ็งยังมีห่วงอยู่ แต่สักวันห่วงนั้นก็จะถูกตัดขาด ไอหนูเอ้ย...เอาเวลานี้ทำใจซะเถอะ เวลาไปจะได้ไม่เสียใจมากมายนัก ปู่ไม่อยากเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย ร้องไห้แงๆ นะบอกไว้ก่อน”

    “ไม่รู้แหละ ถ้าผมต้องไป ปู่ก็ต้องไปด้วย” คนพูดทำหน้าตูม

    “ดูพูดเข้า...ไอเด็กนี่! ข้าจะไปยังไงเล่า ข้าเป็นเจ้าที่ ยังต้องอยู่ดูสาวๆ ใส่บิกินีไปอีกนาน”

    ......................

    ส่วนทางด้านวารวารีและเด่นคุณ หญิงสาวเดินตามเจ้านายมาไกลพอสมควร เลียบริมหาดทางเดินไปยังบ้านพัก ซึ่งไม่มีทีท่าว่าเด่นคุณจะหยุดเดินสักนิด

    “คุณจะไล่ฉันออกหรือคะ?” หญิงสาวตัดสินใจหยุดเดินแล้วถามขึ้น นั่นเพราะเธอทนอึดอัดใจต่อไปไม่ไหวแล้ว “แค่เพราะฉันไม่เหมือนคนอื่น ฉันเห็นผีได้ เรื่องของฉันมันกระทบเรื่องงานมากเลยเหรอคะ?”

    คำถามนั้นทำให้เด่นคุณชะงักฝีเท้า แล้วหันไปมองหญิงสาวหน้ากลมที่กำลังยืนรอฟังคำตอบจากเขา

    “เธอนี่ตรงไปตรงมาดีจังนะ” คนร่างสูงยกมุมปากยิ้ม กอดอก แล้วหรี่ตาลงเพราะแสงแดดเริ่มจัดขึ้น

    “ถ้าจะไล่ฉันออกเพราะเรื่องนั้น คุณคุณก็บอกมาเถอะค่ะ” วารวารีถอนหายใจ “ไม่เห็นต้องเดินมาไกลขนาดนี้เลย ถ้าจะไล่ออกก็บอกมาเถอะค่ะ ฉันน่ะ...ทำใจได้แล้ว”

    “แต่ฉันยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะ ว่าจะไล่เธอออก”

    “อ้าว!” หญิงสาวถึงกับทำหน้าเหวอเพราะคาดไม่ถึงกับคำตอบของอีกฝ่าย

    “จะบอกให้นะ หลานสาวฉันน่ะก็เห็นอะไรพวกนี้ได้เหมือนกัน สองคนนั้นเป็นเหมือนเธอเลย” เด่นคุณพูด ขณะก้าวเท้าเดินต่ออย่างไม่รีบร้อน

    “คนที่เป็นฝาแฝดน่ะหรือคะ” วารวารีถาม “คือฉันเห็นวันที่บ้านคุณคุณมีการทำบุญใหญ่ เห็นเด็กผู้หญิงสองคน ประมาณ 3 ขวบ”

    “ใช่ เจ้าสองคนนั้นแหละ แต่ก็เด็กน่ะ เลยพูดจายังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่” เด่นคุณเอี้ยวหน้ามามองคนที่เดินตามหลัง “ฉันเลยตั้งใจจะให้เธอคุยกับไอดีนให้หน่อย คุยกันแบบมีข้อตกลงที่ชัดเจน”

    “คุยกับคุณดีน..?” วารวารีหยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปทางโรงแรมที่เพิ่งเดินมา “เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับคุณดีนนะคะ คุณคุณน่าจะถามฉันก่อน”

    “แล้วตอนนี้ล่ะ..” เด่นคุณมองไปรอบตัว “มันยังอยู่แถวนี้มั้ย เดินตามเธอมาหรือเปล่า?”

    “ไม่นะคะ” หญิงสาวส่ายหน้า “คุณดีนอยู่ที่โรงแรม”

    “แล้วอะไรแบบอื่นล่ะ” ชายหนุ่มยังอดระแวงไม่ได้ “เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือนไรงี้”

    “ถ้าเป็นแถวนี้ ฉันยังมองไม่เห็นอะไรเลย” วารวารีมองไปรอบตัวเองอีกที

    “โอเค ดีเลย” คนเป็นเจ้านายทำหน้าระรื่นขึ้น “งั้นเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ ฉันไม่อยากให้คนที่โรงแรมหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาสงสัย เพราะเรื่องนี้มีแค่ฉัน พี่มิรินทร์ และอีกคนสองคนที่รู้”

    ตอนนี้วารวารีพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเด่นคุณถึงได้ชวนเธอออกมาคุยไกลจนเกือบจะลับสายตาคนอื่นแบบนี้ เขาคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นและเอาไปพูดต่อๆ กันจนเกิดความเสียหายและเข้าใจผิดได้

    กระทั่งถึงบ้านพัก เด่นคุณก็เปิดประตูบ้านต้อนรับวารวารี ปกติแล้วถ้าไม่มีคนในครอบครัวมาหา เขาก็พักที่นี่คนเดียวเพราะต้องการความสงบ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นนอนในช่วงตอนกลางวันมากกว่ากลางคืน เพราะยังหวั่นใจกับเรื่องลี้ลับในบ้านไม่หาย

    ต่อให้คนอื่นไม่กลัว แต่เขากลัว...กลัวมาก ไม่ว่าจะเป็นน้องชายหรือจะเป็นอะไรที่มองไม่เห็นก็ตาม

    “เข้ามาก่อนสิ”

    หญิงสาวไม่พูดอะไรและเดินเข้าไปในบ้านพักของเจ้านายเงียบๆ ภายในบ้านวารวารีเห็นว่าด้านในตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลโดยส่วนใหญ่ ของใช้ก็เป็นแบบเครื่องไม้ มีภาพครอบครัวประดับในตู้โชว์ บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน

    “เธอรอแป๊บนึงนะ” เด่นคุณบอกก่อนจะหายเข้าไปด้านใน เธอจึงเดินดูอะไรไปเรื่อยๆ อยู่ตรงโถงนั่งเล่น แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม มองแล้วไม่เหมือนเจ้านายคนที่เธอเคยเห็นจนชินตาเลย

    “ฉันคิดว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า ก็เลยโทรไปสั่งอาหารมาให้น่ะ”

    “ขอบคุณนะคะ” วารวารีบอก ทว่าขณะที่เธอกำลังหันซ้ายหันขวา สายตาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่มีรังสีของสิ่งเลวร้ายล้อมอยู่รอบตัว ทำให้เธอยืนนิ่ง แล้วก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวมาก่อน

    แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือจากใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มรับแขกของเจ้านายหนุ่ม กลับกลายเป็นการที่เด่นคุณกระโดดผิว เกาะหลังวารวารีแล้วทำท่ากล้าๆ กลัวๆ

    “เป็นอะไร” มือที่จับเสื้อของวารวารีถูกเขย่าแรงๆ หลายที “ทะ..เธอเห็นอะไรน่ะ เมื่อกี้นี้ เห็นอะไรใช่มั้ย?”

    วารวารีตั้งสติ ถอนหายใจออกมา เธอต่างหากที่ควรจะเอ่ยถามชายชาตรีอย่างเขาว่า...เขาเป็นอะไร

    พนักงานสาวเอี้ยวหน้าไปมองคนที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังเธอ พลางคิดนินทาในใจ ไม่รู้ว่าเด่นคุณเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงดูท่าว่าจะพึ่งพาอะไรเขาไม่ได้เลย

    “คุณคุณมาหลบหลังฉันทำไมคะ?” วารวารีขยับตัว ดึงมือที่กำแน่นจับเสื้อของเธอขยุ้มจนยับยู่ยี่ออก แล้วหันไปดูเขาเต็มตา “ฉันแค่ก้าวถอยหลัง ยังไม่ทันพูดอะไรสักหน่อยเดียว”

    “อ้าว ก็เธอชอบเห็น..ผะ..ผีไม่ใช่หรือไง?” เด่นคุณพูดปากคอสั่น สายตามองไปยังจุดที่วารวารีเห็นอะไรบางอย่างเมื่อครู่นี้ “ไอดีนใช่มั้ย?”

    “ไม่ใช่คุณดีนค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า “ถ้าคุณดีนฉันคงไม่กลัวเพราะเราสนิทกันแล้ว แต่นี่ฉันเห็นเป็นผู้หญิงค่ะ ผีผู้หญิง ชุดดำ ผมยาว มีแต่ควันสีดำๆ ลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมด”

    “โอ้ย! อะไรอีกวะเนี่ย!” จังหวะนี้เด่นคุณแทบทึ้งหัวตัวเอง เพราะนึกอยากจะบ้าตาย แค่ผีน้องชายตัวดี เขาก็รับมือแทบไม่ไหวแล้ว กว่าจะทำใจนอนบ้านพักได้ก็ใช้เวลานานหลายเดือน แล้วยังจะมีผีตัวอื่นโผล่มาอยู่ร่วมบ้านอีก

    เวรแล้วมั้ยล่ะ!

    “ฉันไม่ได้จะทำให้คุณกลัวนะคะ แต่เมื่อกี้ฉันเห็นจริงๆ ยังตกใจเลย”

    “งั้นเธอก็เจรจากับผีผู้หญิงให้หน่อยสิ บอกว่าให้ออกไปจากบ้านฉัน ไปอยู่ไหนก็ไป ที่ชอบที่ชอบ” เด่นคุณดันหลังวารวารีไปยังหน้าประตูบ้าน

    “แล้วถ้าผีชอบที่นี่ล่ะคะ” วารวารีย้อน แต่คนกลัวผีจับใจกลับทำหน้าตึง

    “งั้นเธอก็ทำพิธีสวดส่งวิญญาณ จับยัดลงหม้อ หรืออะไรก็ได้ ทำยังไงก็ได้ให้บ้านนี้ไม่มีผีน่ะ” เด่นคุณโวยวายกลับ “ถ้าเธอทำสำเร็จ ฉันจะให้โบนัสปีนึงเลย”

    “ฉันไม่ใช่หมอผีนะคะ ถึงจะทำอะไรแบบนั้นได้” วารวารีโต้ เธอเริ่มแผดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดกลัวเจ้านายตัวโตตรงหน้าสักนิด “แล้วอีกอย่างผีแบบคุณดีน ฉันพอพูดได้รู้เรื่อง เข้าใจ แต่นี่...นี่มัน”

    พนักงานสาวชี้ไปยังที่ผีผู้หญิงปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอเองก็ไม่อยากพูดเพื่อทำให้เจ้านายประสาทเสียไปมากกว่าเดิมหรอก แต่มันคือเรื่องจริง..ผีที่เจอมันไม่ธรรมดาเลย

    “มัน..อะไร?”

    “นี่มันผีจากการทำคุณไสย” วารวารีทำหน้าจริงจังขึ้น หัวคิ้วเขยิบเข้าหากัน “มีคนจงใจเล่นงานคุณแล้วล่ะ”

    “โอ๊ย จะบ้าตาย!” เด่นคุณทิ้งตัวนั่งลงแรงๆ บนเบาะนุ่มนิ่มของโซฟาตัวยาว ชายหนุ่มก้มหน้า มือสองข้างกุมศีรษะตัวเอง ขณะที่ปลายนิ้วสอดแทรกเข้าไปในเรือนผมสีดำกดคลึงบรรเทาอาการปวดตุบๆ ที่กำเริบขึ้น

    งั้นก็แสดงว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่ฝีมือไอดีน..

    ความคิดนี้ผุดขึ้นในสมองราวกับแสงสว่าง ท่ามกลางความหวาดกลัวอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

    ที่ผ่านมาเด่นคุณเอาแต่โทษน้องชายคนเล็กที่จากไป กล่าวหาว่าเด่นฤทธิ์คอยทำตัวเป็น ก้างคอยขัดขวางความรักและความสุขตามประสาผู้ชายของเขาจนหมดสิ้น แต่ความจริงมันมาเฉลยวันนี้ ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของใครก็ไม่รู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อเขาเลย

    ที่สำคัญ วารวารีอธิบายลักษณะของ ผีบ้าตนนี้ได้ตรงราวกับเป็นผู้หญิงที่เขาเคยควงมาหวังสนุกชั่วครั้งชั่วคราว พูดเหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่เคยเจอมา

    “คุณคุณเคยมีเรื่องผิดใจกับใครมาก่อนหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เงียบกันไปเกือบสองนาทีเห็นจะได้

    “ไม่มีนะ” ชายหนุ่มรีบส่ายหน้าหวือ “ฉันเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เลยล่ะ” คนถูกถามยิ้มกลบเกลื่อน แต่คำพูดส่อพิรุธของเขาทำให้คนฟังสะดุดใจ

    พูดแบบนี้แสดงว่า...ต้องเป็นเรื่องผู้หญิงสินะ

    “ฉันคิดว่าคุณน่าจะรู้คำตอบในใจอยู่แล้ว” วารวารียิ้มบาง ขณะมองสบตาเจ้านายที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก เด่นคุณคงไม่ใช่คนโกหกเก่งอะไร “มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องแน่ๆ”

    “ไม่ใช่นะ..”

    “ฉันไม่บอกใครหรอกค่ะ” หญิงสาวเห็นว่านี่มันเลยเวลาทำงานของเธอมามากแล้ว ในเมื่อไม่ถูกไล่ออก เธอก็ควรกลับไปทำงานตามปกติจะดีกว่า “อีกอย่างฉันขอบคุณ...คุณคุณนะคะที่ไม่ไล่ออก ยังไงก็ขอตัวก่อน”









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×