ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงชิดใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 04 ตอน เจอกันโดยบังเอิญ 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 62


    เพียงชิดใจ
    (นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูดอกรักผลิบาน)



    || บทที่สี่ ||

    _____________________________________________________________________

    เจอกันโดยบังเอิญ



    หลังจากสอบกลางภาคเรียนเสร็จเรียบร้อย

    เพียงชิดจันทร์ มณิกา และมณิสรต่างก็พากันมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าฯ ใกล้มหาลัยฯ ประจวบเหมาะกับในช่วงต้นเดือนหน้านั้นจะเป็นวันเกิดของดาริณพอดี เพียงชิดจันทร์หลานสาวคนโปรดของท่านเลยตั้งใจมาเลือกขนมเพื่อจะใช้ในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าของเธอ

    “ร้านนี้น่ะเหรอ” มณิกาถามเพื่อนสาวหลังจากเพียงชิดจันทร์พาพวกเธอเข้ามาในร้านขนมโปรด ซึ่งเป็นหนึ่งในสามร้านขนมที่เพียงชิดจันทร์เลือกเอาไว้

    “หรือว่ามีร้านอื่นจะแนะนำฉัน” คนพามาหันไปถามความเห็นเพื่อนสนิททั้งสองคนที่เดินตามเข้ามาในร้าน เพียงชิดจันทร์มีร้านขนมร้านโปรดในใจไม่กี่ร้าน แต่ถ้าเป็นขนมจำพวกเค้ก...หญิงสาวคิดว่าร้านนี้น่าจะอร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาทั้งหมดแล้ว “ช่วยเลือก ช่วยชิมหน่อยสิ หน้าที่หาขนมใช้เลี้ยงแขกในงาน...คุณย่ายกให้ฉันจัดการ”

    “งั้นเราคิดไว้อีกคนละร้านดีมั้ยล่ะ แล้วค่อยคัดว่าชอบร้านไหนมากที่สุด” มณิสรเสนอความคิดเห็นขณะเปิดเมนูในร้านดูไปพลางๆ

    “ดีเหมือนกันนะเมี่ยง” เพียงชิดจันทร์ตอบรับเพื่อนอย่างเห็นด้วยกับข้อเสนออันชาญฉลาด ก่อนจะยิ้มขำในความคิดแสนตลกของเธอเอง “แต่กว่าเราจะเลือกได้ จะไม่พากันอ้วนจนตัวกลมกันแน่นะ”

    “พรุ่งนี้ค่อยลด!

    ฝาแฝดแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน แต่พอจบคำนั้นทั้งสามสาวก็หัวเราะร่วนออกมา เพราะพวกเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่า พรุ่งนี้ค่อยลดไม่เคยเกิดขึ้นจริงในชีวิตเลย



     

    ในขณะที่สามสาวกำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในร้านขนม ตอนนั้นเองก็เป็นจังหวะเดียวกับที่นิลเนตรและนราธรมาเดินเล่นผ่อนคลายสมองหลังจากสอบเสร็จเหมือนกัน

    นราธรตั้งใจพาแฟนสาวมาเดินเล่น อยากใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด นั่นเพราะเขากับแฟนสาวไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเลย พอสอบเสร็จไม่กี่วันนิลเนตรเองก็ต้องบินไปทำงานต่างจังหวัด นราธรเลยถือโอกาสนี้ตามใจหญิงสาวแทบทุกเรื่อง

    ทว่าขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินหาร้านอาหารประกอบการตัดสินใจว่าจะทานอะไรดีอยู่นั้น สายตาของนิลเนตรก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวสามคนที่เธอจำได้ขึ้นใจอยู่ในร้านขนมฝั่งตรงข้ามกับที่เธอและนราธรยืนอยู่

    สามสาวรุ่นน้องอยู่ในร้านขนมชื่อดัง ตัวร้านขนมตกแต่งด้วยโทนสีหวาน ดูสดใสเหมาะกับเป็นร้านขนมที่ได้รับความนิยม แต่เพราะตัวร้านไม่ได้มีกระจกใสกั้น ไม่ได้มีลูกค้าแน่นขนัดจึงทำให้นิลเนตรเห็นทั้งสามคนได้อย่างชัดเจนเต็มสองตา

    “เด็กนั่นนี่..” ดาวคณะฯ คนสวยชั่งใจอยู่พักใหญ่ ขณะที่ปากก็อุทานออกมาอย่างลืมตัว

    ตั้งแต่วันที่เธอปรับความเข้าใจกับคนรักและยอมรับปากว่าจะขอโทษเพียงชิดจันทร์อย่างตรงไปตรงมา จนถึงวันนี้นิลเนตรก็ยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่เธอให้ไว้กับชายหนุ่มเลย

     “มีอะไรเหรอนิล” นราธรที่กำลังมองหาร้านอาหารและกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะทานอาหารเกาหลีร้านโปรดของนิลเนตรหรือว่าจะทานอาหารญี่ปุ่นดี พอได้ยินแฟนสาวพูดจางืมงำ เขาเลยอดถามเธอไม่ได้ “เมื่อกี้นัทไม่ทันฟังนิล”

    “อ๋อ คือนิลแค่เจอเด็กนั่นน่ะ” หญิงสาวพยักพเยิดใบหน้าไปทางที่รุ่นน้องมหาลัยฯ เดียวกับเธอนั่งอยู่

    นราธรมองตามสายตาของคนรักไปก็พบกับเด็กสาวทั้งสามคน ชายหนุ่มจำเพียงชิดจันทร์กับมณิกาได้ทันที แต่อีกคนที่มีใบหน้าท่าทางละหม้ายคล้ายมณิกาจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันนี่สิ...เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่ก็เดาได้ไม่ยากนั่นเพราะเขาพอจะรู้ กิตติศัพท์อีกฝ่ายจากปากต้องชนะเพื่อนรักมาบ้างแล้ว

    “ก็ดีน่ะสิ” นราธรยิ้ม แต่นิลเนตรกลับไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่ต้องมาเจอกับสามสาวเข้าโดยบังเอิญ “นิลเข้าไปขอโทษน้องหรือยัง”

    “ยังเลย” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วตอบเสียงอ่อย “นัทก็รู้ว่านิลยุ่งๆ ไหนจะงาน ไหนจะสอบอีก อีกอย่างไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อยด้วย”

    “นิล..” นราธรทำเสียงดุใส่แฟนสาว แต่ไม่ได้จริงจังมากเท่าไหร่ เขาแค่อยากให้นิลเนตรเป็นคนกล้าที่จะยอมรับกับการกระทำของตัวเอง “เราทำผิดก็ไปขอโทษน้องเขาสิ นิลสัญญากับนัทแล้วนะ”

    “ก็ได้” นิลเนตรยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนรัก อีกอย่างเธอรู้ว่าตัวเองก็ทำเกินกว่าเหตุไปมาก ไม่คุยกับนราธรให้เข้าใจดีก่อน แต่เพราะเธอกลัวเสียหน้าเลยรู้สึกลังเลใจอย่างบอกไม่ถูก “นัทไปเป็นเพื่อนนิลนะ”

    หญิงสาวเสนอข้อแม้กับคนรักทันที เพราะเธอคงไม่คิดจะเดินเข้าไปขอโทษอีกฝ่ายคนเดียวแน่ๆ

    ลำพังแค่เพียงชิดจันทร์กับเพื่อนอีกคน...นิลเนตรไม่นึกหวั่นเกรง แต่ในกลุ่มของแม่สาวอวบอ้วนจอมเฉิ่มนี่สิ ยังมี ตัวแม่จอมหาเรื่องนั่งอยู่ด้วยอีกคน ถ้าขืนเธอเดินดุ่มๆ เข้าไปล่ะก็...มีหวังจะต้องโดนดีกลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย

    นราธรยอมเดินเข้าไปหาสามสาวเป็นเพื่อนนิลเนตรอย่างไม่มีข้อแม้ เขาไม่ได้ไปเป็นแบ็คเพื่อคอยหนุนหลังแฟนตัวเอง แต่ตั้งใจจะไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเสียที

    “นี่เธอ!

    ทันทีที่นิลเนตรและแฟนหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะ มณิสรที่เห็นอีกฝ่ายก่อนใครก็เสียงแข็งใส่ทันทีราวกับพร้อมปะทะทุกเมื่อ

    “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเพื่อนเธอ” นิลเนตรก็พูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กระด้างไม่แพ้กัน

    “ถ้าจะมาหาเรื่องก็ออกไปดีกว่า”

    มณิสรออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้าด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะทำให้โต๊ะข้างๆ เริ่มหันมาสนใจ ขณะที่มณิกาต้องรีบจับแขนมณิสรแล้วปรามด้วยน้ำเสียงอันเบาเพื่อให้ฝาแฝดของเธอใจเย็นลงสักนิด อย่างน้อยก็รอดูเจตนาของอีกฝ่ายก่อน

    “ใจเย็นก่อนสิเมี่ยง”

    “ม่าน นี่เพื่อนไอพี่แต๊งค์ของแกใช่มั้ย” มณิสรถามมณิกาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นอีกหนึ่งระดับ อีกทั้งยังยื่นมือชี้ไปที่นราธรราวกับกำลังชี้ตัวผู้ร้ายที่กระทำความผิดร้ายแรง จากนั้นก็ลากสายตาขุ่นเขียวไปที่ร่างสูงก่อนจะเอ่ยว่าสั้นๆ ทำเอานราธรแอบอึ้งไปนิดๆ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของเพียงชิดจันทร์จะแสบเข็ดฟันขนาดนี้ “ตัวก่อปัญหา”

    “ไม่ใชเรื่องของแกไอเมี่ยง” มณิกาแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีกับความปากไวของฝาแฝดตัวเอง

    “พี่นิลมีอะไรกับจันทร์หรือเปล่าคะ?”

    หลังจากปล่อยให้เพื่อนสองคนออกรับหน้าแทนพักใหญ่ เพียงชิดจันทร์ก็เอ่ยถามการมาเยือนของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับซ่อนความเด็ดขาดเอาไว้อยู่ในที

    หญิงสาวผายมือให้นิลเนตรกับนราธรนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันเพื่อจะได้ไม่ตกเป็น เป้าสายตาของคนรอบข้างไปมากกว่านี้

    พอเห็นว่าเพียงชิดจันทร์เชื้อเชิญอย่างมีน้ำใจ นิลเนตรจึงทิ้งตัวนั่งลงข้างสาวแว่นอย่างเสียมิได้ ส่วนนราธรนั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับแฟนสาวของเขาข้างกับมณิกา

    “ฉันมาขอโทษเธอกับเรื่องทั้งหมดที่ฉันเป็นตัวต้นเหตุทำให้เรื่องราวบานปลาย” นิลเนตรเอ่ยเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาทันที เธอสบตากับเพียงชิดจันทร์ตรงๆ เพราะอยากให้เพียงชิดจันทร์เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าเธอรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ “เรื่องวันนั้นฉันอาจใจร้อนไปหน่อย และยังไม่ได้คุยกับนัทให้ดีก่อนเลยหึงหน้ามืดน่ะ”

    “พี่เล่าให้นิลฟังแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่นิลเข้าใจ” นราธรช่วยแฟนสาวอธิบายอีกแรง และเขาหวังว่าเพียงชิดจันทร์จะยอมยกโทษให้นิลเนตร

    “แหม! นึกว่าจะเล่าให้แฟนตัวเองฟังชาติหน้าเสียอีก” มณิสรพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงห้วนกระด้างอย่างจงใจประชดประชันชายหนุ่มเต็มที่ สีหน้าก็บูดบึ้งไม่มีวี่แววเออออตามคำพูดของใครเลย

    “ไม่น่ารักเลยนะเมี่ยง” มณิกาเอ็ดฝาแฝดตัวเอง เธอชักเริ่มไม่พอใจนิดๆ เหมือนกันที่มณิสรไม่เคยฟังคำตักเตือนของเธอเลย

    ขณะเดียวกันนิลเนตรเองก็พยายามไม่ใส่ใจที่มณิสรคอยจิกกัดเธอกับแฟนหนุ่มด้วยคำพูด สายตา และท่าทางไม่ต้อนรับขับสู้ หญิงสาวเข้าใจดีและคิดว่าไม่แปลกเลยหากมณิสรและคนอื่นๆ จะไม่ชอบหน้าเธอ

    นิลเนตรรู้ตัวว่าตนเองก่อวีรกรรมเอาไว้อย่างไม่คิดไว้หน้าอีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องยอมรับผลที่ตามมา ไม่ว่าจะถูกมณิสรหรือคนอื่นพูดจากระทบกระเทียบอย่างไรก็ตาม

    “ฉันทำกับเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และเพื่อนของเธอก็เอาคืนฉันแล้ว” ถึงจะพูดจาขอโทษเพียงชิดจันทร์อย่างตรงไปตรงมา แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ หนำซ้ำศักดิ์ศรีของดาวคณะฯ ก็ค้ำคอ กอรปกับไม่อยากเสียหน้า คำขอโทษของนิลเนตรเลยอาจจะฟังดูไม่ค่อยเต็มใจอย่างที่ควรจะเป็น

    เพียงชิดจันทร์มองใบหน้าสวยจัดของรุ่นพี่คนสวย เธอตั้งใจฟังคำขอโทษของนิลเนตรและเข้าใจว่านิลเนตรเองก็คงไม่ได้ตั้งใจทำกับเธอแบบนั้น ทุกอย่างเกิดจากความเข้าใจผิดกัน ซึ่งเธอไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

    “จันทร์ไม่คิดอะไรแล้วล่ะค่ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว”

    “เราจะไม่คิดอะไรได้ยังไงกัน ในเมื่อมีคลิปว่อนมหาลัยฯ ขนาดนั้น แล้วป่านนี้คลิปก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้วนะ” นราธรแย้งหญิงสาว “เราเป็นฝ่ายเสียหายไม่ใช่เหรอไงจันทร์”

    ชายหนุ่มรู้ว่าเพียงชิดจันทร์เป็นคนใจอ่อน เธออาจคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น...แต่คงพยายามวางเฉยให้มากที่สุด และยิ่งพอนิลเนตรแฟนสาวของเขาเข้ามาขอโทษตรงๆ อย่างนี้ หนำซ้ำยังเป็นรุ่นพี่ร่วมมหาลัยฯ เดียวกัน เพียงชิดจันทร์ก็เลยยิ่งไม่คิดเอาเรื่องเอาราวเพราะคงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นจบๆ ไป

    แต่ด้วยชายหนุ่มเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่พอพูดขอโทษแล้วทุกอย่างจะจบลงสวยงาม ตอนนี้คลิปในเหตุการณ์แพร่กระจายไปทั่ว และเพียงชิดจันทร์นั่นแหละ...ที่เป็นฝ่ายถูกคนอื่นมองไม่ดีมาตลอด

    “งั้นม่านขอถามตรงๆ เลยนะคะ พี่นิลกับพี่นัทตั้งใจมาขอโทษจันทร์จริงๆ หรือว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝงกันแน่” มณิกาถามขึ้นอย่างสงสัย

    หญิงสาวเห็นว่าเพียงชิดจันทร์ไม่คิดเอาเรื่องเอาราวและเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้ว...จนกระทั่งสอบเสร็จ ถ้าคนทำผิดและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ ก็ควรมาขอโทษให้เร็วกว่านี้ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่รอเวลาให้ผ่านไปจนพวกเธอเกือบจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้

    “พี่นิลเป็นดาวคณะฯ คนสวย มีคนรู้จักมากมาย มีชื่อเสียง และกำลังดังจนเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย ที่พวกพี่มาขอโทษจันทร์แบบนี้เพราะกลัวเสียชื่อเสียง หรือว่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำจริงๆ คะ” มณิกาถามตามที่เธอคิด

    “ม่านแกถามทำไมเล่า ดูก็รู้ว่าห่วงตัวเองกันทั้งนั้น” มณิสรเหน็บด้วยคำพูดอีกครั้ง ก่อนจะเบะปากใส่นิลเนตรอย่างไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมาขอโทษเพื่อนของเธอด้วยความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ “ก็ภาพลักษณ์ตัวเองเสียหายนี่เนอะ ดาวคณะฯ คนสวย ที่แท้นิสัยร้ายกาจขนาดนางร้ายในละครยังอาย”

    “ตอนนั้นฉันยอมรับว่าฉันโกรธจนหน้ามืด ขาดสติ แต่พอนัทเล่าให้ฟังฉันก็รู้ว่าฉันทำผิดไป” นิลเนตรทนให้มณิสรจิกกัดต่อไปไม่ไหว พอโดนว่าแรงขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวก็อดที่จะโต้กลับไม่ได้เหมือนกัน “ฉันมาขอโทษเพื่อนเธอตรงๆ แต่ก็อยู่ที่ว่าเพื่อนของพวกเธอจะยอมให้อภัยฉันหรือเปล่า ส่วนเรื่องคลิปที่หลุดออกมาแล้ว ฉันเองก็คงกู้หน้าอะไรกลับมาไม่ได้หรอก”

    “แต่เรื่องคลิปยายจันทร์เสียหายเต็มๆ” มณิสรโต้กลับอย่างเหลืออด น้ำเสียงใส่อารมณ์ไม่แพ้กัน “เธอเป็นดาวคณะฯ นี่ ขนาดทำผิดคนอื่นยังมองว่าถูกเลย แค่โดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์นิดหน่อยทำเป็นสะเทือน หน้าบาง ส่วนเพื่อนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวน่ะ...โดนตราหน้าว่าแย่งแฟนคนอื่นไปแล้ว ดูเลวขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ”

    ยิ่งพูด มณิสรก็ยิ่งเดือดดาลแทนเพียงชิดจันทร์ คลิปที่ถูกส่งต่อๆ กัน...แม้เพียงชิดจันทร์จะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่กระแสส่วนใหญ่ก็กล่าวหากันไปต่างๆ นานา แล้วว่าเพื่อนของเธอแย่งผู้ชายของนิลเนตร ใจกล้าหน้าด้าน ทั้งที่ไม่มีอะไรดีเทียบกับดาวคณะฯ คนสวยได้เลย

    “เมี่ยง ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เพียงชิดจันทร์หันไปบอกเพื่อนของเธอทั้งสองคน

    เพียงชิดจันทร์เห็นคลิปและได้อ่านความคิดเห็นมาบ้าง ส่วนใหญ่กระแสต่างพากันกล่าวหาว่าเธอนั้นแย่งนราธรไปจากนิลเนตร แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่คนอื่นกล่าวหาไม่ใช่ความจริงเลย และเธอก็ไม่สามารถห้ามความคิดคนอื่นได้ เลยปล่อยให้เรื่องราวผ่านไป

    “ฉันจะเขียนชี้แจงที่เฟสบุ๊คของฉัน เขียนชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเขียนขอโทษเธอ พร้อมอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากความวู่วามของฉันเอง” นิลเนตรบอกพร้อมกับมองสามสาวสลับกันไปมา “แบบนี้พวกเธอพอใจหรือยัง”

    “จันทร์แล้วแต่พวกพี่เลยค่ะ จันทร์ไม่ติดอะไร” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ ความจริงเรื่องก็เกือบจะเงียบไปแล้ว แม้จะยังมีคนอื่นมองเธอด้วยสายแปลกๆ อยู่บ้าง แต่เพียงชิดจันทร์เชื่อว่าอีกไม่นานทุกคนก็จะลืมเรื่องเกิดขึ้นและคงไม่มีใครสนใจมันอีก

    “ม่านว่าก็ดีเหมือนกันนะคะ เขียนชี้แจงเหตุผล คนอื่นจะได้เข้าใจจันทร์อย่างถูกต้องด้วย” มณิกาเห็นด้วยที่ทางนิลเนตรจะเขียนชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นมองเพียงชิดจันทร์ไปในทางที่เสียหาย นั่นเพราะเพื่อนสาวของเธอมีประวัติดีมาโดยตลอด

    “อยากให้พวกพี่ทำอะไรเพิ่มเติมมั้ย” นราธรถามความเห็นของสาวๆ เพิ่มเติม และหากพวกเธอยื่นข้อเสนออื่นๆ มา ทางเขากับนิลเนตรก็ยินดีจะทำตามเพื่อชดเชยความรู้สึกของเพียงชิดจันทร์

    “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” เพียงชิดจันทร์รีบบอกอย่างเกรงใจ เพราะแค่นิลเนตรเดินเข้ามาขอโทษด้วยตัวเองเธอก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วจริงๆ

    “นายคงภูมิใจเลยสิ มีผู้หญิงแย่งกันออกสื่อ คงรู้สึกหล่อขึ้นมาเลย” มณิสรไม่วายหันไปจิกกัดพ่อตัวการ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจและปรายตามองอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “แต่ความจริงหน้าตานายก็งั้นๆ แหละ ดูบ้านๆ ด้วยซ้ำ แค่พอไปวัดไปวาได้น่ะ ไม่ได้หล่ออะไรมากมาย”

    นราธรอึ้งกับคำพูดของ ตัวแสบประจำกลุ่มเพราะเขาไม่คิดว่าจะโดนมณิสรว่ากันตรงๆ แบบนี้

    แม้จะรู้สึกเจ็บๆ คันๆ กับคำพูดของมณิสรหญิงสาวหน้าหวานที่ปากกับบุคลิกออกจะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แต่เขาก็เข้าใจในความโกรธเคืองของเธอดี และไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมต้องชนะที่เพียรจีบมณิกานั้นถึงได้มาเรียนในสภาพที่เหมือนร่างไร้วิญญาณ สภาพจิตใจก็หดหู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุคงเป็นเพราะมณิสรนั่นเอง

    นราธรเดาว่ามณิสรคงต้องแสบได้พ่อมาแน่ เพราะหญิงสาวมีท่าทีไม่กลัวใครเลย มิหนำซ้ำยังตั้งท่าพร้อมจะเอาเรื่องตลอดเวลาอีกด้วย ชายหนุ่มคิดในใจเอาเองว่ามณิสรคงร่วมมือกับบิดาของเธอแกล้งเพื่อนเขาจนยับเยิน และมณิกาก็ขัดใจอะไรไม่ได้เลย

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกับนัทขอตัวก่อนแล้วกัน”

    พอเคลียร์และปรับความเข้าใจจนหาข้อสรุปกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้เรียบร้อยแล้ว นิลเนตรก็หันไปสบตากับคนรักของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นเพราะเธอกับนราธรตั้งใจมาหาอะไรทานและใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน

    “เดี๋ยวก่อน ฉันยังมีเรื่องที่ค้างคาใจ อยากจะถาม” มณิสรรั้งดาวคณะฯ คนสวยเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกออกไป ใบหน้าสวยทะเล้นจริงจังขึ้นจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน “เธอเอาภาพกับคลิปนั่นมาจากไหน ใครเป็นคนถ่าย”

    “เธอไม่จำเป็นต้องรู้” นิลเนตรตอบอย่างตัดบท

    นิลเนตรรู้ฤทธิ์เดชของมณิสรดีเลยไม่อยากให้จรัสทิวาต้องพลอยเดือดร้อนโดนลูกหลงไปด้วย ถ้ามณิสรรู้ว่าจรัสทิวาเป็นคนส่งทั้งคลิปและภาพทั้งหมดมาให้เธอเอง มีหวังมณิสรคงตามไปเล่นงานเพื่อนเธออีกคนแน่

    “เพื่อนล่ะสิ ท่าทางจะขี้อิจฉาเธอน่าดูเลยนะ ถึงได้เป่าหูคนอย่างเธอจนสำเร็จ” มณิสรพูดพลางจิบน้ำ ก่อนจะมองหน้ารุ่นพี่ต่างคณะฯ แล้วออกปากเตือนอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา “ระวังตัวไว้เหอะ เขารู้จุดอ่อนเธอแล้ว มัวแต่ระวังคนไกลตัว คนใกล้ตัวนั่นแหละร้ายที่สุด”

    นิลเนตรรับฟัง เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะคิดว่าที่มณิสรพูดมานั้นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ มณิสรคงอยากให้เธอระแวงเพื่อนตัวเองมากกว่า

    นิลเนตรไม่คิดใส่ใจกับคำพูดนั้นเลย เธอกับจรัสทิวาคบกันมานานจนทั้งคู่จะเรียนจบกันแล้ว ไม่มีทางเลยที่จรัสทิวาจะอิจฉาเธอ จรัสทิวามีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งฐานะทางบ้าน ทั้งหน้าตา ซึ่งทุกอย่างที่จรัสทิวามีนั้น...นิลเนตรเทียบไม่ติดเลยก็ว่าได้



     

    “แกหมายความว่ายังไงน่ะเมี่ยง คนไม่หวังดีเหรอ เพื่อนพี่นิลอ่ะนะ”

    เมื่อนิลเนตรกับนราธรลุกออกไปแล้ว เพียงชิดจันทร์ก็ยิงคำถามใส่เพื่อนสาวทันทีด้วยความอยากรู้ หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีเงื่อนงำแปลกๆ อยู่เบื้องหลัง

    “อ้าวก็ใช่สิ” มณิสรวางช้อนที่เพิ่งตักขนมเข้าปาก เธอยืดตัวนั่งหลังตรง ทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเล่าไปตามที่คิดเอาไว้ “แกคิดดูนะจันทร์ คนหวังดีที่ไหนจะสาระแนเรื่องชาวบ้าน สอดรู้สอดเห็นจนยุให้คนรักเขาทะเลาะกันบ้านแตกขนาดนี้ อย่าอ้างว่าตัวเองเป็นผู้หวังดีเลย ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าที่ทำเป็นหวังดีเอาหน้า ลึกๆ แล้วเพราะอิจฉาแม่ดาวคณะฯ ยอมยั่วนั่นชัดๆ ไม่อย่างนั้นไม่ยุยงส่งเสริมเพื่อนให้มาระรานคนอื่นด้วยวิธีหยาบคายแบบนี้หรอก ถ้าจิตใจไม่สกปรกจริงคงทำไม่ได้...จริงมะ?”

    “โห แกฉลาดจังเมี่ยง” มณิกาเอ่ยชมฝาแฝดตัวเองเป็นครั้งแรก เพราะเธอเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน “ต้องเป็นเพื่อนคนนั้นแหละที่มากับพี่นิลวันนั้น ที่ชื่อ...น้ำตาล มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด”

    สองสาวฝาแฝดจำได้ว่าจรัสทิวาเป็นคนพานิลเนตรมาหาเรื่องเพียงชิดจันทร์ถึงที่ อีกฝ่ายทำตัวเหมือนผู้หวังดีทั้งที่จิตใจคงประสงค์ร้ายกับเพื่อนตัวเอง อีกทั้งจรัสทิวาก็มีหลักฐานอยู่ในมือถือของตัวเอง แบบนี้แล้วสองสาวคงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

    “แล้วพี่น้ำตาลอะไรนี่เขาจะอิจฉาพี่นิลทำไม” เพียงชิดจันทร์ถามอย่างสงสัย

    “ไม่รู้สิ อาจเพราะแม่นั่นสวย เก่ง และดังก็ได้” มณิสรออกความเห็น

    “จะเป็นไปได้มั้ยที่พี่น้ำตาลจะแอบชอบพี่นัท เลยยุยงให้พี่นิลมีปัญหากับแฟนตัวเอง แล้วรอจังหวะเสียบ” มณิกาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ “โห ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่นัทก็ฮอตใช่เล่นนะเนี่ย”

    “แหวะ! หล่อไม่เท่าพี่ทานต์เลย” มณิสรออกอาการ ยี้นราธรเต็มขั้น เธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับแฟนหนุ่มของแม่ดาวคณะฯ นั่นเลยสักนิด ผิดกับคนที่เธอชอบและคอยติดตามผลงานมาตลอด “แกห้ามไปยุ่งกับอีตานั่นเด็ดขาดเลยนะจันทร์ ดูท่าจะเจ้าชู้ เชื่อใจไม่ได้ไม่ใช่เล่น นี่ขนาดเจอกันแค่ครั้งเดียวก็นำพาความหายนะมาให้แล้ว”

    “ฉันไม่มีธุระกงการอะไรที่จะต้องไปยุ่งกับพี่นัทเขาเสียหน่อย” เพียงชิดจันทร์คิดว่าระหว่างเธอกับนราธรคงไม่ได้พบเจอกันได้บ่อยๆ อย่างที่เพื่อนกังวล “พวกแกสบายใจได้ ถ้าฉันเจอพี่นัทฉันจะเลี่ยงไปไกลๆ เลย”



     

    “อาแดนฝากมาให้ค่ะ อ่อ...นี่อาอรรถเลขาฯ อาแดน น้านุดีคงจำอาอรรถได้นะคะ”

    เพียงชิดจันทร์แนะนำ อรรถการเลขานุการส่วนตัวและพ่วงตำแหน่งคนสนิทของดรัณคุณอาสุดหล่อของเธอให้ นุดีได้รู้จัก

    อรรถการค้อมศีรษะให้หญิงสาวเล็กน้อยอย่างให้เกียรติ ก่อนจะยื่นซองเอกสารสำคัญให้นุดี

    นุดีเป็นเพื่อนร่วมชั้นของดรัณ พอเรียนจบหญิงสาวก็ได้งานทำอยู่ที่มหาลัยฯ เดียวกับที่ต้องชนะและนราธรเรียนอยู่ นุดีเป็นหัวหน้าแผนกจัดหางานระหว่างเรียนให้นักศึกษาที่อยากมีรายได้ หรือบางทีหญิงสาวก็ส่งงานไปให้คณะฯ ต่างๆ ในมหาลัยฯ เพื่อให้เหล่าอาจารย์ช่วยคัดเลือกนักศึกษาของตัวเองมาทำงานอีกชั้นหนึ่ง ที่ทำอย่างนี้นั่นเพราะงานบางอย่างต้องอาศัยความสามารถเฉพาะทาง ซึ่งเด็กที่เรียนมาตรงสาขาเท่านั้นที่จะสามารถทำงานเฉพาะทางได้

    “จำได้จ้ะ น้าเคยเจอคุณอรรถแล้ว” นุดีบอกพร้อมรับซองเอกสารมาถือไว้ในมือ “รอบนี้ที่โรงแรมรับเด็กทำงานกี่คนหรือคะ”

    “ห้าสิบคนครับ แต่แบ่งให้ไปช่วยในแต่ละส่วนต่างกัน ช่วงนี้ที่โรงแรมมีทั้งงานแต่ง งานสัมมนาวุ่นวายเต็มไปหมด พนักงานก็ทำงานกันเหนื่อยมาก คุณแดนเลยฝากให้คุณนุดีช่วยคัดเด็กที่จะส่งมาทำงานให้หน่อย” อรรถการอธิบายรายละเอียดที่เขาได้รับคำสั่งจากเจ้านายมาอีกที “คุณแดนกำชับมาว่าขอเด็กที่ได้ภาษาอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง เพราะคนร่วมงานต่างๆ ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ และขอคัดคนที่ความประพฤติดี มีความรับผิดชอบ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทางเราระบุไว้ให้หมดแล้วครับ”

    อรรถการคุยกับนุดีต่ออีกนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนักศึกษาฝึกงานของภาคเรียนนี้ แต่ยังไม่ได้ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมมาให้เพราะยังไม่ถึงเวลา

    หลังจากคุยธุระเสร็จ อรรถการก็ทำหน้าที่ผู้ดูแลหลานสาวของเจ้านายด้วยการพาเพียงชิดจันทร์กลับไปที่โรงแรม ซึ่งดาริณรอหลานสาวคนโปรดอยู่ที่นั่น

    บ่ายวันนี้อรรถการทำหน้าที่คนขับรถมารับเพียงชิดจันทร์ที่มหาลัยฯ ด้วยตัวเอง เขารายงานหญิงสาวว่าทำตามคำสั่งของดรัณผู้เป็นเจ้านาย นั่นเพราะมีธุระจำเป็นต้องแวะเวียนมาแถวนี้พอดี เลยแวะมารับหญิงสาวก่อน

    พออรรถการบอกว่าจะต้องเอาเอกสารมาส่งให้ที่มหาลัยฯ ใกล้เคียง...มณิกาจึงขอติดรถมาด้วย พอถึงที่แล้วเพื่อนสาวของเธอก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย

    ขณะเดินทางกลับไปที่โรงแรม เพียงชิดจันทร์อดไม่ได้ที่จะถามถึงเรื่องงานพิเศษ เธอเองอยากทำงานบ้าง และหากได้ทำงานที่โรงแรมก็คงจะดีไม่น้อย อีกทั้งวันเกิดของดาริณผู้เป็นย่าก็กระชั้นเข้ามาแล้ว...หญิงสาวจึงอยากทำงาน เก็บเงิน เพื่อซื้อของขวัญสักชิ้นให้ย่าผู้อุปการะเธอ ยิ่งถ้าเป้นเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงที่เธอตั้งใจทำงาน ดาริณคงจะภูมิใจกับของขวัญที่เธอให้ไม่น้อย

    “จันทร์ขอพ่วงไปทำงานด้วยอีกคนได้มั้ยคะอาอรรถ” หญิงสาวถามขึ้น แต่อรรถการเพียงมองเธอผ่านกระจกมายังหลานสาวของเจ้านายตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้

    “ไม่ได้ครับ เรื่องนี้คุณจันทร์ต้องไปคุยกับคุณพ่อ หรือคุยกับคุณแดนเอง” อรรถการตอบแบบไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก หากเพียงชิดจันทร์จะทำงานที่โรงแรม เขาเห็นว่าทั้งดลภาคี ดรัณ และดาริณคงไม่ยอมให้หญิงสาวไปตกระกำลำบากตรากตรำทำงานอะไรแบบนั้นเป็นแน่

    “อาอรรถช่วยจันทร์หน่อยไม่ได้หรือคะ” เพียงชิดจันทร์อ้อนวอน เธอไม่มีภาระ ไม่ได้เรียนพิเศษกวดวิชา มีเวลาเหลือจากการเรียนก็อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์บ้าง “จันทร์อยากหาเงินไปซื้อของขวัญให้คุณย่าด้วย”

    “อาเองก็อยากช่วยคุณจันทร์นะครับ แต่อาต้องยอมรับว่ากลัวและคิดว่าทั้งคุณพ่อของคุณจันทร์ คุณแดนคงไม่มีใครยอมอนุญาตให้คุณจันทร์ทำงานแน่ๆ ลำบากนะครับงานโรงแรมเนี่ย” อรรถการบอกไปตามตรง และเขาเชื่อว่าตนเองเดาความคิดเจ้านายไม่ผิด

    “อาอรรถกลัวพ่อกับอาแดนทำไมคะ”

    “อาไม่ได้กลัวคุณพ่อของคุณจันทร์กับคุณแดนหรอกครับ กลัวแม่คุณแดนมากกว่า” เลขาส่วนตัวของดรัณบอกพร้อมน้ำเสียงที่ปะปนมากับความขบขัน ใครที่ใกล้ชิดกับครอบครัวนี้เป็นอันรู้กันว่าคนที่ใหญ่กว่าดลภาคีและดรัณคงหนีไม่พ้นดาริณ และดาริณก็รักเพียงชิดจันทร์มากยิ่งกว่าลูกในไส้ หวงหญิงสาวมากจนใครแตะต้องแทบไม่ได้เลย

    “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้จันทร์ขอคุณย่าเองก็ได้” หญิงสาวแสดงความตั้งใจออกมาผ่านแววตาคู่กลมใส เธอรู้ว่าถ้าอรรถการพูดให้แล้วทั้งคุณพ่อ คุณอา และคุณย่าของเธอไม่อนุญาต อรรถการก็คงไม่กล้าขัดคำสั่งพวกท่านอย่างแน่นอน

    “คุณจันทร์จะลงไปทำงานที่โรงแรมทำไมครับ งานเหนื่อยนะ แค่ยกน้ำเสิร์ฟมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” เขารู้ว่าเพียงชิดจันทร์ไม่เคยทำงานหนักมาก่อนในชีวิต แค่เห็นหญิงสาวมีความมุ่งมั่นอยากทำงานจริงๆ ก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้ อีกอย่างเพียงชิดจันทร์ก็มีกิจการที่ร่วมกันทำกับชิชานันท์อยู่แล้ว หญิงสาวไม่จำเป็นต้องทำงานพิเศษเพิ่มเลย “คุณจันทร์ก็มีร้านรองเท้าเป็นของตัวเองที่ทำร่วมกับคุณช้องนี่ครับ คุณจันทร์จะทำงานเก็บเงินเพิ่มอีกทำไม”

    เพียงชิดจันทร์มีแบรนด์รองเท้าของตัวเองชื่อว่า Chic & Chill ตอนนั้นในช่วงปิดเทอมและกำลังจะเข้าเรียนมหาลัยฯ ปีแรก หญิงสาวอยากหาอะไรทำแก้เบื่อ ด้วยความที่เป็นคนชอบรองเท้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กอรปกับมีบิดาและอาหนุ่มเป็น ที่ปรึกษาทางธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง แบรนด์รองเท้าที่ตั้งใจทำเล่นๆ ก็กลับเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ จนตอนนี้แบรนด์ติดตลาดและมี Shop ในห้างสรรพสินค้าฯ ดังหลายสาขา

    “แหม จันทร์ก็อยากทำงานแบบที่คนอื่นทำบ้างนี่คะ แค่เสิร์ฟน้ำ คอยบริการคนอื่นเอง ไม่เห็นจะยากเลย จันทร์ไม่ท้อง่ายๆ หรอกค่ะ” หญิงสาวคิดว่าเธออยากมีประสบการณ์การทำงานหลายด้านๆ อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน อยากออกจากกรอบที่กั้นขีดความสามารถของตัวเองเอาไว้ และมันก็น่าสนุกดี “อาอรรถจะต้องเห็นจันทร์ทำงานในไม่ช้านี้ค่ะ ยังไงจันทร์ก็จะอ้อนขอคุณย่าให้ได้”

    “เอาจริงหรือครับ”

    “จันทร์ไม่พูดเล่นค่ะ”

    อรรถการจำต้องยอมแพ้ให้กับความมุ่งมั่นตั้งใจของเพียงชิดจันทร์ในที่สุด หากมีใครถามว่าเพียงชิดจันทร์เหมือนคนในบ้านตรงไหน...เขาคงจะตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเหมือนกันที่ความมุ่งมั่น ทำอะไรทำจริง และแอบมีความเด็ดขาดอยู่ในตัวเอง แม้ว่าภายนอกเด็กสาวเหมือนแก้วบางใสที่พร้อมจะแตกได้เสมอก็ตาม

    และด้วยความที่ทำงานร่วมกับคนของครอบครัวนี้มานาน อรรถการจึงรู้จักนิสัยใจคอคนในบ้านดี ราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เขาเองเห็นเพียงชิดจันทร์ตั้งแต่เด็กสาวเรียนอยู่ชั้นประถมเสียด้วยซ้ำ แม้ตอนนั้นเพียงชิดจันทร์จะไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความรัก ความเอาใจใส่ และความทะนุถนอมที่คนในครอบครัวพยายามฟูมฟักเธอราวกับไข่ในหิน

    ความจริงเพียงชิดจันทร์จะให้ชีวิตแบบ ลูกคุณหนูในละครก็ยังได้ เนื่องจากชีวิตของหญิงสาวมีเพียบพร้อมทุกอย่าง เส้นทางชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบสวยงามเหมือนฝัน แต่เพียงชิดจันทร์กลับใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่ทำตัวเว่อร์อวดรวย ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ หรือตามกระแสสังคมเลย มิหนำซ้ำเธอยังทำตัวติดดิน กินง่ายอยู่ง่าย อยู่ในโอวาทของผู้ใหญ่ เครื่องประดับสักชิ้นก็ไม่ใส่ติดตัวนอกจากนาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนมสักใบก็ไม่มีถือเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่น อีกทั้งยังเรียนเก่ง ขยันทำงาน อรรถการจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนในครอบครัวถึงรักและหวงหญิงสาวมากขนาดนี้

    “ที่มหาลัยฯ เป็นยังไงบ้างครับ” เลขาส่วนตัวของคุณอาเธอถามขึ้น หลังจากบทสนทนาเรื่องการทำงานจบลง

    “ถามจันทร์เพราะจะรายงานคุณย่ากับอาแดนใช่มั้ยคะ” หญิงสาวเหล่มองสารถีชั่วคราวอย่างรู้ทัน เพราะไม่มีเรื่องไหนที่เธอคุยกับคนของคุณอาตัวเองแล้วเรื่องจะไม่ไปถึงหูคนในบ้าน แม้แต่คนขับรถประจำของเธอยังต้องรายงานทุกเรื่องที่เธอคุยด้วยให้ดาริณฟังเลย

    “อาทำตามหน้าที่ครับ” อรรถการยอมรับตามตรง แม้มุมปากทั้งสองข้างจะยกยิ้มขึ้นน้อยๆ เพราะขบขันในความรู้ทันของเธอ

    “ก็เรื่อยๆ ค่ะ ช่วงนี้เพิ่งผ่านสอบกลางภาคมาหมาดๆ ข้อสอบก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย จันทร์คิดว่าน่าจะสอบผ่าน”

    “หืม ระดับคุณจันทร์แล้วคิดแค่ว่าสอบผ่านเองหรือครับ อาคิดว่าคุณจันทร์จะต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้คะแนนสูงสุดหรือเปล่าซะอีก” คนเป็นเลขาอดแซวเด็กสาวไม่ได้ เขาไม่คิดเลยว่าเพียงชิดจันทร์จะคิดน้อยหวังน้อยขนาดนี้

    “จันทร์ไม่อยากกดดันตัวเองค่ะ” หญิงสาวไม่อยากตั้งความหวังเอาไว้สูง ส่วนหนึ่งเพราะเธอไม่ต้องการกดดันตัวเองมากเกินไปจนรู้สึกเครียด และอีกส่วนหนึ่งคือเธอไม่อยากผิดหวัง ไม่อยากเสียใจจนสุขภาพจิตเสีย “อาอรรถคะ จันทร์ถามอะไรอาอรรถหน่อยได้มั้ย”

    เพียงชิดจันทร์เอ่ยถามสารถีชั่วคราวของเธอ น้ำเสียงก็จริงจังขึ้น และเธอคิดว่าเรื่องนี้เธออยากพูดกับใครสักคนที่สามารถให้คำแนะนำเธอได้จริงๆ และอรรถการก็คือคนที่เธอเลือก เนื่องจากเลขาคนสนิทของคุณอาเธอแต่งงานแล้ว เขาจะต้องเป็นที่ปรึกษาให้เธอได้แน่ๆ

    “ได้ครับ” อรรถการรับปาก ขณะที่เพียงชิดจันทร์เงียบไปสักพัก คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากัน และอรรถการเดาว่าหญิงสาวจะต้องมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่เป็นแน่ แต่เธอคงไม่กล้าปรึกษาคนใกล้คนตัว โดยเฉพาะคนในบ้าน

    “เราตกหลุมรักใครสักคนเพราะอะไรหรือคะ หน้าตา รูปร่าง หรือฐานะชาติตระกูล” เพียงชิดจันทร์กลั้นใจถามออกไป เป็นคำถามที่ค้างคาใจเธอมานานตั้งแต่เกิดเรื่องกับนิลเนตรที่มหาลัยฯ เลยก็ว่าได้

    ทว่าเรื่องที่เธอกำลังคิดมากไม่ใช่เรื่องของนิลเนตรเลย แต่เป็นความคิดเห็นของคนอื่นที่มีต่อเธอต่างหาก

    ใครๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า...เธอไม่มีอะไรเทียบดาวคณะฯ คนสวยได้เลย




    ...Loading 100 %...




    พี่นัทนี่โดนหนูเมี่ยงสวน จิกกัด ไปหลายดอกแล้ว เหตุเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ
    ตอนหน้าเรามาพบพี่ทานต์คนดีกันเนอะ อยากเจอพี่ทานต์ใจจะขาดแล้ว
    ชีวิตต้องการน้ำตาลมาก อยากให้พี่ทานต์มาเติมความหวานให้












    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×