คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ดินแดนซังอา ♥ ตอนที่ 02 เกิดใหม่ใต้สายฝน 80 %
Chapter 2
เกิดใหม่ใต้สายฝน
ซน จองมิลรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เธอทำงานหาเงินค่าเทอมสายตัวแทบขาด ชีวิตเธอไม่เคยสบายด้วยซ้ำ แต่ในช่วงหนึ่งที่ตนเผลอไว้ใจคนผิด จนพลาดไปยุ่งเกี่ยวกับพวกสวะสังคมอย่างแทคูทำให้ทุกอย่างมันแย่และวุ่นวายจนเธอไม่อยากมีลมหายใจอยู่ต่อไปแล้ว และยิ่งโดนแทคูเดินหน้าเล่นงานแบบนี้ จองมิลยิ่งรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมันต่ำตมเสียยิ่งกว่าคนข้างถนนซะอีก
ตอนนั้นที่เธอแค่รู้สึกท้อใจ แต่ตอนนี้หญิงสาวแน่ใจแล้วว่าโชคชะตาไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลก ถ้าอยู่ต่อเธอก็จะต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนด้วยซ้ำ
ถึงจะคิดน้อยเนื้อต่ำใจแบบนั้น แต่จองมิลก็พยายามเก็บความเศร้าเสียใจเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ก่อนจะหอบเอาของที่ซื้อมาเต็มสองไม้สองมือขึ้น พลางบอกตัวเองในใจว่า..เรื่องอื่นช่างมันก่อน เธอควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ค่อยว่ากันใหม่
ทว่า! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะข้ามถนน เสียแตรรถบรรทุกก็ดังขึ้นไปทั่วบริเวณ
ปริ้นนน!!!
จองมิลหันไปมอง แต่ไฟหน้ารถที่สว่างวาบส่องเข้าตาทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดตาฉับ ขาที่ก้าวมาจนอยู่กลางถนนแล้ว ทำให้เธอถอยกลับไม่ทัน
โครม!!
และความรู้สึกสุดท้ายของจองมิลก็คือ ร่างของเธอถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ก่อนจะลอยละลิ่วไปตกอยู่ที่ไหนสักหนแห่ง
อั่ก~
ทันทีที่ร่างของเธอตกสู่พื้น ภาพที่เห็นเลือนรางนัยน์ตาของหญิงสาวก็พลันดับวูบลง..
.....................................................................
หยาดฝนที่เริ่มจากหนึ่งหยด เป็นสอง และโปรยปรายลงมา กระหน่ำแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฝนเม็ดหนาที่ตกแบบมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นจัด อาจทำให้คนที่มีชีวิตอยู่พากันกอดเข่าผิงไฟเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บที่มาเยือน หรือเอาตัวซุกผ้าห่มและนอนหลับอย่างสบายใจ
แต่ ณ ที่ตรงนี้ น้ำฝนกลับช่วยชะล้างคราบเลือดที่ติดตัว ส่วนอากาศหนาวเย็นน่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอก คนที่นี่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกแล้ว
ทุกคนหลับสบายและไม่เจ็บไม่ปวดอีก..
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ และผ่านไปกี่วัน แต่เป็นเวลาที่ฝนเริ่มซาลง มีแสงแดดมาเยือนบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนี้แดดเริ่มออก เหมือนวันก่อนที่อากาศแปรปรวนเป็นเพียงการผลัดเปลี่ยนฤดูกาลใหม่ก็เท่านั้น
ฟ้าหลังฝนของคนอื่นย่อมสดใสเหลือเกิน แต่สำหรับ ซน จองมิล นั้น ชีวิตของเธอต่อจากนี้ไป คงยากขึ้นกว่าเดิมสักร้อยเท่าเห็นจะได้
เสียงใบไม้เสียดสีกันเพราะสายลมพัดผ่าน จองมิลค่อยๆ ขยับเปลือกตาที่ปิดสนิทออกอย่างลำบาก ภาพที่พร่ามัวเห็นแต่สีขาวนัยน์ตาค่อยๆ ชัดขึ้นทีละนิดจากการกระพริบตาหลายครั้ง สายตาเริ่มปรับภาพให้ชัดขึ้น แต่สิ่งที่จู่โจมหญิงสาวทันทีก็คือความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วร่างกายเธอ เพียงแค่กลืนน้ำลายลงคอ เธอยังรู้สึกว่าคอแห้งผากจนสากเหมือนกระดาษทรายหยาบ ปากที่ค่อยๆ ขยับนั้น เจ็บเพราะแห้งกร้านจากการขาดน้ำ
หญิงสาวงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง แต่เมื่อประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงานใหม่ กลิ่นที่เน่าเหม็นก็เล่นงานเธอเข้าอย่างจัง
กลิ่นเน่าชวนสะอิดสะเอียนทำให้หญิงสาวรู้สึกคลื่นไส้ ที่นี่ที่ไหน? ทำไมเหม็นเหมือนเธอกำลังนอนอยู่บนกองขยะยังไงอย่างงั้น พอพินิจสิ่งที่ตาเห็นดีๆ ภาพตรงหน้าของจองมิลคือใบไม้ที่มีน้ำหยดลงมากระทบหน้าเธอเล็กน้อย บางหยดก็หล่นมาแตะลงบนริมฝีปากพอให้ชุ่มชื้น แต่ไม่สิ...เวลานี้เธอควรนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
หรือว่า..เธอตายแล้ว!
“อ้าว เจ้ายังไม่ตายหรอกรึ!”
หน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาในครรลองสายตาหญิงสาว อีกฝ่ายชะโงกมาดูเธอ พร้อมกระพริบตาถี่ๆ หน้าตาอีกฝ่ายมอมแมมเลอะเทอะทีเดียว และการแต่งตัวก็ประหลาดดูย้อนยุคพิกล
อะไรกัน หรือว่าเธอแค่ฝันไป..
ตื่นสิตื่น! ซน จองมิล ตื่นเดี๋ยวนี้!
จองมิลพยายามเรียกสติตัวเอง(ในใจ) แต่พอเริ่มขยับร่างกาย...หญิงสาวก็รู้ได้ว่าตนเองตื่นเต็มตาแล้ว เพราะเจ็บปวดมาก พอขยับอีกนิดเธอก็ดันกลิ้งหลายตลบ จนสุดท้ายร่างก็ไปชนเข้ากับโคนต้นไม้ใหญ่
“โอ้ย! เจ็บ..” หญิงสาวร้องโอดโอย หน้าตานิ่วยับยุ่ง ก่อนที่เด็กชายคนนั้นจะวิ่งเข้ามาหา
“แล้วจะกลิ้งลงมาทำไมกัน แค่บอกข้าก็ช่วยได้” พออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้เธอก็ถึงกับยกมือปิดปาก “ตายจริง! เจ้าบาดเจ็บนี่นา แล้วบาดแผลตรงอื่นเล่า เจ็บตรงไหนอีกหรือไม่!”
จองมิลมองตามสายตาของเด็กชายที่พูดจาแสนประหลาดหู ถึงเห็นว่าที่แขนของเธอมีรอยโดนฟันจากของมีคมเป็นทางยาวทีเดียว
ดะ..เดี๋ยวนะ!
เสื้อผ้าของเธอ นี่มันอย่างกับชุดนักโทษโบราณไม่ผิด ฮันบกผ้าดิบสีขาวทั้งตัว
ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เธอก็ต้องตกใจจนดวงตาสองข้างเบิกโพลงเท่าไข่ห่าน เมื่อเหลือบไปเห็นซากคนที่นอนกองอยู่เป็นพะเนิน
จองมิล ตกใจแทบช็อก!
นะ..นี่มัน...หญิงสาวมองออกไปสุดลูกหูลูกตา ที่นี่เป็นทุ่งกว้าง รายล้อมด้วยป่าทึบ เธอแน่ใจในวินาทีนั้นเลยว่าที่นี่น่ะไม่ใช่สุสาน และก็ไม่ใช่เกาหลีที่เธอเคยอยู่แน่ๆ
ศพคนตายเรียงรายเกลื่อนกลาดขนาดนี้ มีเป็นร้อยคนพันคน เท่าที่เห็นไม่มีใครตายดีเลย ล้วนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมราวกับที่นี่คือบ้านป่าเมืองเถื่อน แถมคนตายก็มีหลากหลายอายุด้วย
จองมิล หน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม ก่อนจะอาเจียนออกมาจนไม่มีอะไรจะให้ออกจากท้อง โลกของเธอหมุนจนตาลาย ก่อนจะสลบไป
................................
“โอ้ย เจ้าหนูตัวกะเปี๊ยกนี่หนักชะมัดเลยแฮะ”
จองมิลฟื้นอีกทีก็ตอนที่ตัวเองรู้สึกถึงแรงสะเทือนเบาๆ
ภาพตรงหน้าเธอคือต้นไม้ เท้าของเธอไม่ได้ติดพื้น ตัวอยู่บนหลังของเด็กชายที่เธอเห็นตั้งแต่ทีแรก ซ้ำยังช่วยลูบหลังให้ตอนเธออาเจียน เจ้านี่แบกเราเดินงั้นเหรอ?
“นี่ๆ เจ้าหนูตื่นได้แล้ว ตัวเจ้าน่ะหนักพอๆ กับวัวเห็นจะได้”
ไอบ้านี่! ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่เสียเลย
“นายเรียกใครว่าเจ้าหนูกันฮะ..” จองมิลขมวดคิ้วไม่ชอบใจ ตั้งแต่ได้ยินเจ้าเด็กบ้านี่บ่นว่าเธอหนักพอๆ กับวัว แม้ตนจะยังเกาะไหล่แด็กชายแน่นเพราะกลัวตกลงไปนั่งกองกับพื้น
“อ้าว ตื่นแล้วนี่” เด็กชายหยุดเดิน ก่อนจะวางเธอลง “เป็นไงบ้างฮึ เรายังต้องเดินต่อไปอีกไกลกว่าจะหาถ้ำพอหลบฝนได้ เห้อ..เห็นตัวกะเปี๊ยกแบบนี้ แต่หนักเท่าวัวอย่างเจ้า จะเดินไหวมั้ยนะ”
“นี่! พูดจากับผู้หลักผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงหน่อยสิ ไร้มารยาทชะมัด!” คำตวาดลั่นของเธอทำเอาอีกฝ่ายขำก๊ากออกมา ก่อนจะยืนเท้าเอว แล้วโน้มตัวลงมามองหน้าใกล้ๆ
“เจ้าน่ะหรือ..ผู้หลักพูดใหญ่” เด็กชายยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเอามือวางบนศีรษะอย่างแผ่วเบา “เจ้าตัวเล็กกว่าข้าอีก เห็นทีคงจะเป็นน้องข้าหลายปีอยู่นะ”
จองมิลกำลังจะอ้าปากด่าไอเด็กนิสัยเสียคนนี้ แต่อีกฝ่ายกลับโยนถุงบางอย่างมาให้ก่อน
“ข้าว่านี่อาจเป็นของเจ้า ลองดูของในหอบย่ามนี่สิ ใช่ของเจ้าหรือไม่ ข้าเห็นว่ามันตกอยู่ข้างเจ้าน่ะ” ชายหนุ่มสอดส่อง “ข้าวของดูแปลกตานัก พอๆ กับคำพูดของเจ้า ของส่วนใหญ่ข้าไม่เคยเห็น”
หญิงสาวรับหอบผ้าใบใหญ่มาเปิดดู สิ่งแรกที่สะดุดตา คือกองผ้าที่ถูกยัดมาแบบลวกๆ พอคลี่ออกถึงเห็นว่าคือเสื้อผ้าของผู้ชาย
“เสื้อผ้าผู้ชายคงไม่ใช่ของฉันหรอก” ทุกอย่างในหอบผ้านี้ก็คงไม่ใช่ของเธอ เพราะเธอคงมาแต่ตัว วิญญาณที่ถูกรถชนคงลอยมาไกลโพ้น เอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง
จองมิลคิดแบบนี้ แน่นอนว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายคือแสงไฟสว่างวาบหน้ารถที่สาดเข้าดวงตาของเธอจนมองไม่เห็นอะไร ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกแรงกระแทกอย่างแรงจากรถ และภาพพวกนั้นก็ดับวูบ นั่นคือความทรงจำครั้งสุดท้ายที่เธอจำได้ ก่อนจะลืมตามาโผล่ในที่แปลกประหลาดแบบนี้ เห้อ..ชีวิตในเวลาปัจจุบันของเธอก็นะ...รันทดยิ่งกว่าละครอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ล่ะมันคืออะไรกัน ใครก็ได้ช่วยบอกทีเถอะว่าเธอไม่ได้ทะลุมิติมาอีกโลกหนึ่ง
“ดูให้ดีก่อนเถอะ ของด้านในหอบอาจเป็นของเจ้า แต่ชุดบุรุษนี่ข้าหยิบมาจากศพที่ดูแล้วว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เจ้าน่าจะพอใส่ได้” คำพูดของเด็กชายตรงหน้าทำให้จองมิลรีบโยนหอบผ้าลงพื้นทันที
ศพงั้นเหรอ! คนบ้าที่ไหนจะกล้าใส่เสื้อผ้าคนตายกัน!
หญิงสาวขนลุกไปหมด แต่ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็ก้มลงเก็บหอบผ้าขึ้นมา แล้วยัดใส่มือเธออีกหน ก่อนจะถอนหายใจ
“นี่แถวนี้น่ะป่าทึบเชียว โจรป่าก็เยอะแยะชุกชุม ไหนจะพวกทหารต่างบ้านเมืองอีก ขืนมีใครรู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ถ้าไม่โดนจับไปเป็นเมียโจร ก็คงได้เป็นเมียทหารนับร้อย เป็นทาสโดนใช้งานจนตาย หรือไม่ก็โดนเกณฑ์ไปเป็นทาสต่างเมือง”
ทางเลือกไหนก็ไม่ดีสักอย่าง
คำพูดพวกนั้นฟังแล้วทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญ ไม่ต่างจากในยุคโครยอหรือโชซอน แบบว่าเกาหลียังมีพวกชาวจีนมากดขี่ เรียกพวกเครื่องราชบรรณาการเป็นอาหารจำนวนมาก แรงงาน และผู้หญิง
เท่าที่เห็นในละครพวกต่างเมืองมักเกณฑ์เหล่าหญิงสาวไปเป็นนางบำเรอบ้าง หญิงรับใช้บ้าง แต่เอ๊ะ..ก็อาจเป็นไปได้ ในเมื่อตอนนี้เธอก็อยู่ในชุดที่ดูโบราณออกจะตายไป
เกิดเป็นจองมิลไม่เคยมีตอนไหนที่ชีวิตจะสบายเลยอย่างนั้นสิ..
หญิงสาวกลอกตามองบน อย่างน้อยชีวิตที่อยู่ในโลกใบใหม่เธอ ก็ควรมีชีวิตที่พรั่งพร้อมทุกอย่าง เงินทอง และครอบครัว คนที่เธอรัก และคนที่รักเธอ แต่มันก็คงเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ
ถึงสมองจะคิดแบบนั้น แต่เธอก็เข้าใจเหตุผลที่เด็กชายตรงหน้าบอกด้วยหน้าตาใสซื่อจริงใจ จะว่าไปแล้วโครงหน้าไอเด็กนี่ก็เหมือนกับใครบางคนที่เธอเคยรู้จักมาก่อน แต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร โครงหน้าชัดเจน โตขึ้นคงหล่อเหลาไม่น้อย
หญิงสาวเปิดห่อผ้าออกมาดูอีกครั้ง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นของคนอื่น คงจะมาจากซากศพที่กองพะเนินอยู่กับเธอ ทำให้เด็กตรงหน้าเข้าใจผิด แต่พอเปิดออกมา...จองมิลก็ต้องตกใจจนหน้าเกือบถอดสี เมื่อของที่เธอตั้งใจซื้อตามที่ชเว นายอน บอกก่อนเกิดอุบัติเหตุเพื่อเอาไปที่บ้านพักผู้สูงอายุ อยู่ในหอบผ้าพวกนี้เกือบครบทุกอย่าง ทั้งยาสามัญประเภทยาแก้ปวดเอย อุปกรณ์ทำแผลเอย และพวกของประทังชีวิต
ซน จองมิล ควานมือเพื่อสำรวจของในหอบผ้าทั้งหมด แต่ว่านอกจากของที่มาจากโลกอนาคตแล้ว เธอยังเจอป้ายหยกสลักภาษาจีนเอาไว้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ดูดี มีราคา ดูเป็นของแพงหูฉี่ แต่แย่แล้วที่เธออ่านภาษาจีนไม่ออกเลยสักตัวเดียว
“อิม ฮายัง” เด็กชายยื่นหน้าเข้ามาอ่านป้ายหยกสลักที่เธอถืออยู่ในมืออย่างพวกชอบสอดรู้ แต่ก็ดีแล้วที่เขาพอจะอ่านออก ทว่าไม่ทันจะได้ถามอะไรออกไป ไอเจ้าเด็กนี่ก็แสดงอาการตกอกตกใจออกมา ตาแทบถลน ขณะจ้องหน้าเธอตาปริบๆ “จะ..เจ้า นี่เจ้าเป็น..คุณหนูตระกูลอิมอย่างนั้นหรือ? จะ..เจ้าน่ะนะ”
“มะ..ไม่รู้สิ” จองมิลได้แต่ส่ายหน้าไปมา ก็เธอจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเธอมาจากที่อื่น ไม่ใช่คนของที่นี่ ยุคนี้ “ว่าแต่เจ้าอ่านตัวอักษรพวกนี้ออกด้วยเหรอ?”
แหม..ก็ในเมื่อพอจะรู้ตัวแล้วว่าตนอาจจะหลงมาอยู่ในยุคที่โบราณบานตะเกียง อาจจะย้อนกลับมาในรัชสมัยหนึ่งของกษัตริย์พระองค์ใดสักพระองค์ จองมิลก็เลยถือคติที่ว่า ‘เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็หลิ่วตาตาม’ อย่างน้อยละครพีเรียดก็ช่วยเธอเรื่องภาษาโบราณได้มากโขอยู่
“ขอรับ..!” ท่าทางที่นอบน้อมผิดกับเด็กชายแสนซน ขยันพูดเมื่อครู่นั้นแปรเปลี่ยนไป จนหญิงสาวตกใจ อะไรกันตระกูลอิมนี่ยิ่งใหญ่มากเลยงั้นหรือ แถมอีกฝ่ายยังเรียกขานเธอว่า ‘คุณหนู’ อีก
ให้ตายเถอะ! ถ้าเธอเป็นคนในตระกูลที่เรืองอำนาจจนคนต้องก้มหัวให้ แล้วทำไมถึงถูกทำร้ายราวกับไม่ใช่คน ไม่สิ..หรือพวกนั้นตั้งใจฆ่าเธอให้ตาย แล้วเอาไปโยนกองแบบพวกศพไม่มีญาติ เรื่องในยุคนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ข้าก็พอจะลักจำมาบ้างจากหอบัณฑิต คือว่าข้าเป็นลูกร้านสมุนไพร เคยเข้าป่าเก็บสมุนไพรเอาเข้าไปให้พวกขุนนางในวังบ่อยๆ ก็เลยได้รับความเมตตาให้ไปช่วยงานปัดกวาดเช็ดถูเรือนบัณฑิตอยู่บ้าง”
ฟังแล้วหมอนี่ก็ดูมีโชค มีหนทางอยู่บ้าง
“ว่าแต่รู้จักคุณหนู เอ่อ..ไม่สิ รู้จักตระกูลข้างั้นรึ?” ในเมื่อดูท่าว่าอีกฝ่ายน่าจะพอรู้ต้นสายปลายเหตุอะไรบางอย่างมาบ้าง เธอก็แสร้งเป็นวางมาดนิ่งสงบ
“มะ..ไม่ขอรับ ข้าไม่รู้จักคุณหนูมาก่อน”
“อ้าว เมื่อครู่เจ้าพูดเหมือนรู้จักข้า”
“ไม่มีใครรู้จักตัวคุณหนูดีกว่าคุณหนูเองหรอกขอรับ”
จองมิลมองคนตรงหน้าแล้วเธอก็ต้องยกมุมปากขึ้นแสยะยิ้มเหนื่อยใจ หมอนี่มันช่างเล่นลิ้นเหลือเกิน ท่าทางดูเจียมเนื้อตัว แต่ก็คงหัวหมอ เอาตัวรอดเก่งใช่เล่นสิท่า
“คือว่าข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
“ห๊า?”
“ข้าคงโดนทำร้ายอะไรมาสักอย่าง มันคงหนักหนามากจนหัวของข้าจำอะไรไม่ได้เลย รู้แค่ว่าข้าตื่นขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังสุดหัวใจ ถ้าไม่เจอเจ้าที่ช่วยข้าเอาไว้ ต่อให้ยังมีชีวิตรอด ข้าก็คงยอมกลั้นใจตายอยู่ดี บางทีการที่ข้าจำอะไรไม่ได้มันอาจจะดีกว่า แต่ก็นะ..ข้าอยากรู้ว่าข้ามาจากที่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร เป็นลูกสาวตระกูลใด เผื่อการที่ข้าโดนทำร้ายนั้น มันจะเกิดจากความอยุติธรรม”
คำพูดที่ราบเรียบและแววตาที่ดูจะแข็งกร้าวเจือน้ำตาเล็กน้อย ขอบตาแดงก่ำของหญิงสาว ก่อนที่จองมิลจะยกหลังมือปาดน้ำตาอย่างมีมาดนั้น เป็นการแสดงที่เธอจงใจทำขึ้น เธอไม่ได้ต้องการให้ดูเว่อร์เกินไป แต่ทำเพื่อจงใจหลอกล่อให้คนตรงหน้าเชื่อ
“คือว่า..ข้าได้ยินเพียงข่าวลือหนาหู จากพวกชาวบ้านและเหล่าพวกบัณฑิตมาขอรับ.” เด็กชายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเหลือบมองเธอ พูดอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก.”เกี่ยวกับราชสกุลของพระมเหสี ตระกูลอิม..”
จองมิลถึงกับเงียบกริบ รู้ตัวเองเลยว่าสีหน้าคงจะซีดลงไปอีกไม่น้อย อาจไม่มีสีเลือดแล้ว อีกทั้งหัวใจในอกก็เริ่มเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก
ไม่จริงใช่มั้ยเนี่ย เธอไม่ได้ฝันไปหรอกใช่มั้ย เจ้าของร่างนี้กับพระมเหสีคงไม่ใช่.อย่างที่คิด คงไม่ได้แบบว่าเธอเป็นลูกของกษัตริย์แล้วโดนกบฏโค่นบัลลังก์
“หมายความว่าอย่างไรกัน..”
“คือ..” เด็กชายไม่ยอมตอบออกมาเสียที ท่าทีก็ดูว่าจะกลัวเสียจนไม่กล้าสบตาเธอด้วยซ้ำ จองมิลคิดเอาเองในใจว่ามันต้องเป็นเรื่องร้ายแรง หรือไม่ก็เรื่องต้องห้ามที่กระซิบกันดังมากจากในวังจนชาวบ้านรู้กันถ้วนทั่ว
“ข้าถามว่าหมายความว่าอย่างไร ราชสกุลของพระมเหสีที่เจ้าว่ามา..” จองมิลเผลอลืมตัวเข้าไปจับแขนเสื้อเอาไว้ แผดเสียงดังกร้าว หน้าตาเคร่งเครียดจริงจังทำเอาคนตรงหน้าตัวหด ก่อนจะละล่ำละลักบอก
“มีข่าวว่าพระมเหสียอนจู ที่มาจากตระกูลอิม เคยมีบุตรสาวกับนายทหารคนหนึ่งขอรับ ว่ากันว่านายทหารอยู่ในกองทัพ ข้ารู้เพียงเท่านี้ ข่าวลือแพร่ไม่นานพระมเหสียอนจูก็โดนลอบสังหาร ขณะที่กลับไปเยี่ยมครอบครัว มิหนำซ้ำพอองค์ราชาทราบข่าว ก็มีราชโองการให้ตามฆ่าครอบครัวของพระมเหสี นายทหารคนนั้น รวมถึงบุตรสาวลับๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ข้าว่าอาจจะคือ..คุณหนู”
ความคิดเห็น