คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : (หมอ) = บทที่ 02 ชีวิตที่แตกต่างกัน 30 %
บทที่ 2
ชีวิตที่แตกต่างกัน
“นี่แกจะไปเรียนต่อเมื่อไหร่”
เตชสิทธิ์ถามเพื่อนสนิทที่เรียนมัธยมด้วยกันมา จนกระทั่งทั้งคู่เลือกเรียนแพทย์ที่มหาลัยฯ เดียวกัน แต่ตอนนี้ทั้งคู่ทำงานกันคนละโรงพยาบาล และที่สำคัญ ‘ธงรพ’ กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าเรียนจบกลับมาอีกฝ่ายคงกลายเป็นคุณหมอหนุ่มจบนอก ที่ฮอตปรอทแตกน่าดู
“ก็อาทิตย์หน้าน่ะ จะบินไปเลย ไปเตรียมอะไรหลายอย่างๆ ก่อน ถือเป็นการปรับตัวไปด้วยไง” ธงรพบอกก่อนจะจิ้มชิ้นปลากะพงนึ่งมะนาวใส่จานตัวเอง แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเข้าปาก เช่นเดียวกับเตชสิทธิ์ที่จิ้มทอดมันกุ้งชิ้นใหญ่ใส่จาน หั่นแบ่งครึ่งแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย “นี่กินช้าๆ เคี้ยวช้าๆ สิ....เดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดี”
“จู้จี้!” เตชสิทธิ์ตอกเพื่อน คิ้วขมวดเล็กน้อยอย่างรำคาญ น้ำเสียงที่ต่อว่านั้นอู้อี้เพราะอาหารเต็มปากเต็มคำ “แกนี่เริ่มจะขี้บ่นขึ้นทุกวัน ทำตัวเป็นพ่อแม่ฉันไปได้”
“อ้าวไอนี่! ก็คนเป็นห่วงถึงบอกเนี่ย” คนเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเพื่อนโต้กลับ พร้อมกับกระพริบตา ก่อนจะหัวเราะออกมาหน่อยๆ “สงสัยว่าโรงพยาบาลจะใช้แรงงานแกหนักแฮะ แหม...รีบกินเหมือนอดข้าวมาหลายวันเชียว”
“ก็จริงแหละ เมื่อวานกินแค่ข้าวเที่ยงเอง”
“เมื่อวานเลิกงานเร็วนี่ แล้วแกไปไหนล่ะ ทำไมข้าวปลาถึงไม่หากิน อยากนอนเป็นคนไข้แทนที่จะเป็นหมอแล้วหรือไงฮะ” ธงรพซักไซ้แกมบ่นอย่างไม่แคร์สายตาเบื่อหน่ายของเพื่อนสนิทตน ก่อนจะเดาสุ่มไปตามนิสัยของเตชสิทธิ์ ซึ่งเขารู้ดียิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันออกมา “อย่าบอกนะว่าไปกินเหล้าเคล้านารีอีกแล้ว นี่แกเป็นหมอนะเว้ยไอเตชน์! แฮงก์ขึ้นมาเสียงานเสียการกันพอดี”
“แกนี่...น่าไปเป็นผู้ว่าฯ แทนพ่อฉันนะ ห่วงสารทุกข์สุกดิบคนอื่นประดุจคนในครอบครัวดีจริงๆ” เตชสิทธิ์ย่นจมูกใส่ “แล้วก็หยุดบ่นเป็นตาแก่วัยแปดสิบได้แล้ว เพราะขืนแกพูดมากไปกว่านี้ล่ะก็...รับรองเลยว่าฉันจะไม่ไปส่งแกที่สนามบินชัวร์ หึ..ไปรอขึ้นเครื่องคนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจตายแน่”
ธงรพขำกับคำขู่นั้น เตชสิทธิ์ทำอย่างกับว่าเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอย่างนั้นแหละ
“เฮอะ..ทำเป็นพูดดีไป นี่ฉันได้ข่าวจากพี่หมอนพว่าแกก่อเรื่องดังไปทั่วโรงพยาบาล หญิงตบกันแย่งแกกันอย่างกับละครน้ำเน่า อาลัยรักแกน่าดู”
“อาลัยรักบ้าอะไร! ฉันยังไม่ตายไอเพื่อนเลว”
“นั่นแหละ นี่พ่อรู้ยังวะ?”
“รู้แล้วจะทำอะไรฉันได้ไม่ทราบ..” น้ำเสียงของเตชสิทธิ์และแววตาเขากระด้างขึ้นมาหน่อยๆ “ฉันเป็นเหมือนเขาทุกอย่าง ถอดแบบกันมาอย่างกับโคลนนิ่ง ถ้าด่าฉันก็เหมือนด่าตัวเอง”
“นี่ อย่าอคตินักเลยน่า ทำตัวเป็นเด็กขาดความรักความอบอุ่นไปได้”
“ฉันน่ะใช่เลยไง แม่ก็หนีไปต่างประเทศ ส่วนพ่อ..เขาเลี้ยงฉันไว้เป็นตัวประกันเพราะอยากเอาชนะแม่ไง หึ..เบื้องหน้าทำตัวเป็นพ่อพระ ห่วงทุกข์สุขแก้ไขปัญหารอบด้านสารพัด ทั้งที่ปัญหาตัวเองกับปัญหาในบ้านพันกันอย่างกับไยแมงมุม ใครจะรู้ว่าท่านผู้ว่าฯ แสนดีน่ะ...เบื้องหลังก็แค่ผู้ชายเลวๆ คนนึง”
น้ำเสียงปะปนมาด้วยความขุ่นเคืองของเตชสิทธิ์ทำให้ธงรพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเองก็รับรู้ปัญหาในครอบครัวของเพื่อนมาโดยตลอด
พ่อของเตชสิทธิ์น่ะเจ้าชู้ยักษ์จะตายไป เมื่อก่อนเปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ซ้ำหน้า...จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เพื่อนเขาเองช้ำใจที่ไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น หนักสุดคือการที่วันหนึ่ง...เตชสิทธิ์เห็นพ่อตัวเองควงผู้หญิงรุ่นราวคราวใกล้กันมานอนในบ้าน ทั้งที่ตอนนั้นเป็นผู้ว่าฯ ใหม่ๆ เริ่มมีหน้าตาในสังคม แต่ทำอะไรไร้หัวคิด ไม่กลัวติดคุกหัวโตเพราะคดีพรากผู้เยาว์เลย
ธงรพรู้ว่าเพื่อนของเขาคงเอือมระอาในตัวพ่อตนเอง ระคนกับทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และน้อยใจ พราะนิสัยเหลวแหลกของผู้นำครอบครัวนี่แหละ...ที่ทำให้เตชสิทธิ์เริ่มกลายเป็นแบบพ่อเพื่อเอาคืนอีกฝ่าย เตชสิทธิ์เริ่มสร้างความปวดหัวมาให้บิดาไม่หยุด ส่วนแม่นั้นก็นานๆ จะโทรมาหาสักที
“นี่ อย่าเอาเรื่องพ่อแกมาใส่ใจนักเลย จริงสิ..ฉันอยากรู้ว่าแกจะทำงานที่นี่เต็มตัวเลยไหม หรือว่ามีแพลนจะย้ายไปทำโรงพยาบาลอื่น”
“ไม่รู้สิ ยังมองหาทิศทางชีวิตตัวเองไม่เจอเลย” คุณหมอหนุ่มที่ใครๆ ต่างอิจฉาตาร้อนในชีวิตอันดูเพียบพร้อมไปทุกด้าน หลายคนมักพูดกันว่าเขาโชคดี มีรูปเป็นทรัพย์ แล้วยังมีความรู้ดี หน้าที่การงานก็เป็นที่ยอมรับ ฐานะทางบ้านก็ไม่น้อยหน้าใครในสังคม แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกว่าชีวิตของเขามันน่าเบื่อจะตาย แค่อยู่และทำหน้าที่ตัวเองไปวันๆ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีที่ไหนที่เป็นความสุขให้เขาพอพักพิงได้ “แล้วแกล่ะบิว กะจะกลับมาพร้อมเมียแหม่มสักคนไหม? ถ้าจะใจดี ก็หิ้วแหม่มน่ารัก หุ่นบึ้มๆ น่าฟัดกลับมาฝากสักคนสองคน”
“พูดไปนั่น แกชอบพวกสายฝอตั้งแต่เมื่อไหร่” (สายฝอ* - ผู้หญิงและผู้ชายที่มีใบหน้าคมชัด และค่อนไปทางฝั่งยุโรป) ธงรพมองเพื่อน “นึกว่าจะชอบแบบพิมพ์นิยมซะอีก”
พิมพ์นิยมของชายไทยส่วนใหญ่ ก็หนีไม่พ้นพวกสาวลูกครึ่งเชื้อสายไทย-จีนอะไรทำนองนั้น ประเภทผิวขาวซีดเซียวเหมือนไม่เคยออกแดดมาก่อน หน้าตาหมวยๆ ตาชั้นเดียว แต่สำหรับหมอเตชสิทธิ์ เขาแทบคิดภาพตัวเองมีแฟนไม่ออกเพราะไม่เคยมีเป็นตัวตนแน่นอนเลย ยิ่งภาพอนาคตที่ไกลกว่านั้นแบบที่เป็นสามีใครสักคน หรืออุ้มลูกโดยมีภรรยาคู่ใจเคียงข้าง มันยิ่งพร่ามัวเหลือเกิน
และถ้าถามว่า ภาพผู้หญิงที่อยากได้มาเป็นแฟนเป็นแบบไหน เตชสิทธิ์ตอบได้เพียงว่าเขาเห็นเป็นภาพในเชิงของความรู้สึกมากกว่า คนที่ใจเขาต้องการนั้นต้องเหมือนกับรู้จักกันมานาน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่มีเรื่องให้ปวดหัว ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่พร้อมอ้าแขน โอบรับเขาไว้เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนในชีวิตก็ตาม
นั่นหละ ‘สเปก’ สาวในฝันของเตชสิทธิ์
“ฉันจะชอบแบบไหนก็ช่างเถอะ ขอแค่ไม่ชอบคนเดียวกับแกก็พอ”
...........................
ณ โรงพยาบาลเกษมมิตร
เด็กสาววัย 22 นามว่า ‘อรยา’ ยืนหน้าซีดเซียวอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน!
เป็นเวลานานเกือบ 4 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว นับตั้งแต่ 5 ทุ่มกระทั่งเกือบตี 3 ‘เหลียง’ พ่อของเธอยังนอนอยู่ข้างในห้องฉุกเฉิน มีเพียงเจ้าหน้าที่ด้านหน้าที่ประกาศเรียกชื่อญาติคนไข้อยู่เป็นระยะ โดยชื่อของอรยานั้นถูกเรียกไปถึง 2 ครั้งแล้ว
ครั้งแรกหลังจากเจ้าหน้าที่ประกาศเรียก พยาบาลที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็สอบถามอรยาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคประจำตัวและการใช้ยาของพ่อ ส่วนในครั้งที่สอง..คือการที่อรยารับใบสั่งยา พยาบาลบอกให้เธอนำใบนี้ถือไปยังแผนกจ่ายยา หลังจากยื่นใบนี้ก็มีใบค่าใช้จ่ายให้เธอไปชำระเงินและเบิกอุปกรณ์บางตัวเพื่อมาใช้ช่วยพ่อ
หญิงสาวเบิกอุปกรณ์มาส่งให้ห้องฉุกเฉิน บรรยากาศในยามค่ำคืนที่เหมือนจะสงบสุขดีนั้น ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลกลับไม่เป็นอย่างที่ใครจะคิดถึง มีหลายเคศเข้ามาทำให้เจ้าหน้าที่วิ่งกันหัวแทบหมุน ทั้งเคสที่เต็มใจรับการรักษาก็ดี และเคสที่จะเรียกว่า ‘ไม่เต็มใจ’ ได้ไหมนะ?
ความคิดเห็น