คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 02 ตอน หลานสาวมาเฟีย 100 %
|| บทที่สอง ||
_____________________________________________________________________
หลานสาวมาเฟีย
“คุณย่า”
เพียงชิดจันทร์เรียกคนที่กำลังก้าวเข้ามาหาเธอเสียงอ่อย
ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มแหยๆ ให้ท่านด้วยความรู้สึกหลายอย่างระคนในอก ทั้งกังวลและไม่อยากโกหก
แต่ครั้นเธอจะหนีขึ้นห้องตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
‘ดาริณ’ เดินเข้ามาหาหลานสาวสุดที่รักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ความจริงแล้วเธอไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเพียงชิดจันทร์เสียทีเดียวแต่ก็เรียกกันตามศักดิ์ที่สมควรจะเรียก
เพราะเนื่องจากตามจริงนั้นดาริณเป็นป้าของ ‘ดลภาคี’ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นพ่อแท้ๆ ของเพียงชิดจันทร์นั่นเอง
ด้วยความเป็นเครือญาติที่ค่อนข้างสนิทสนมกลมเกลียว
พอเพียงชิดจันทร์สอบติดได้เข้ามหาลัยฯ ในกรุงเทพฯ คณะฯ ที่ตัวเองใฝ่ฝันด้วยทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรการศึกษา
หญิงสาวก็เลยมาอาศัยร่วมชายคาบ้านกับดาริณ ซึ่งดาริณเองยินดีอย่างมาก
ดาริณมีลูกชายคนเดียวนั่นก็คือ ‘ดรัณ’ อีกฝ่ายเอาแต่ทำงานนอกบ้าน
ต้องดูแลกิจการสานต่อจากบิดาหลายอย่าง อีกทั้งยังมีคาสิโนเป็นของตัวเอง
พอมีเพียงชิดจันทร์มาอยู่ร่วมบ้านด้วย มีหญิงสาวหน้าขาวผ่องมาดูแลเอาใจ
คนแก่เลยพลอยหายเหงา
“นี่ย่ากำลังเตรียมของจะทำของโปรดเราพอดีเลย
ไหนมาให้ย่ากอดหน่อยซิ” ดาริณเดินอ้าแขนเข้ามาหาหลานสาวคนโปรด แต่เพียงชิดจันทร์กลับรีบขยับตัวหนีท่าน
และนั่นทำให้คนเป็นผู้ใหญ่กว่ามองเห็นความผิดปกติบนเสื้อนักศึกษาสีขาวได้อย่างชัดเจน
“เอ๊ะ นี่เสื้อเราไปโดนอะไรมาฮึ”
ดาริณถามหลานสาว น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นจากเดิม ทว่าเธอไม่ได้จงใจดุแต่อย่างใด
เพียงแต่คนเป็นย่ารู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นเนื้อตัวสะอาดสะอ้านขาวผ่องของเพียงชิดจันทร์เลอะเปรอะเปื้อนไม่น่ามอง
และด้วยรู้นิสัยหลานสาวตัวเองดีว่าเพียงชิดจันทร์ไม่ใช่เด็กน้อยที่จะเล่นซนจนเนื้อตัวเปื้อนมอมแมมไม่น่ามอง
และพอยิ่งโตขึ้นเพียงชิดจันทร์ก็เป็นเด็กที่เรียบร้อย น่ารัก
ถูกใจท่านมากกว่าหลานคนอื่นๆ ในตระกูล ดาริณจึงรักและหวงเพียงชิดจันทร์มาก...มากเสียยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆ
ของหญิงสาวเองเสียอีก
“คือว่า...” หญิงสาวมองหน้าย่าแล้วเธอก็ได้แต่อึกอัก
พูดไม่ออกบอกไม่ถูก และไม่รู้ด้วยว่าจะเริ่มต้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ให้คนเป็นย่าฟังอย่างไรดี
“ใครทำหลานย่า!” พอเห็นหลานสาวอึกอักส่อแววพิรุธเต็มขั้น คนเป็นย่าก็ยิ่งโมโห ยิ่งร้อนรนหนักเข้าไปใหญ่
และยิ่งเห็นท่าทางกลัวๆ เกรงๆ คนเป็นผู้ใหญ่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหลานสาวของตนจะต้องมีเรื่องมีราวทะเลาะเบาะแว้งมาอย่างแน่นอน
“บอกย่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะเรา ย่าจะไปจัดการให้เอง”
ดาริณดึงแขนหลานสาวคนโปรดให้มาคุยตรงที่โล่งมุมบันไดขึ้นชั้นสอง
จากนั้นก็ทำหน้าตาคาดคั้นอย่างจริงจังใส่เพราะท่านต้องการรู้ความจริง
ส่วนเพียงชิดจันทร์เองก็เอาแต่เงียบ ก้มหน้า และมีสีหน้าลำบากใจอย่างมาก ทว่าอย่างไรเสียหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคงปิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มิด
แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้เปิดปากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี
เสียงเข้มๆ ของดรัณก็ดังขึ้น ดรัณมีศักดิ์เป็นอาของเพียงชิดจันทร์ หญิงสาวและดาริณมองทางต้นเสียงเข้มๆ
ก็เห็นชายหนุ่มกำลังเดินลงมาจากด้านบน
ดรัณเป็นหนุ่มหล่อมาดเนี้ยบ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่
มีใบหน้าคมเข้มในแบบผู้ชายเต็มขั้น มีไรเคราเขียวครึ้มล้อมรอบกรอบหน้า สายตาดำคมดุ
หากไม่ยิ้มจะดูน่าเกรงขามมาก แต่หากยิ้มก็จะกลายเป็นคนที่น่าเข้าหามากทีเดียว ชายหนุ่มมีทั้งมาดนักธุรกิจและมาดเจ้าพ่ออยู่ในคนๆ
เดียวกัน ทำให้ดรัณเป็นคนมีเสน่ห์มาก ดูน่าค้นหา ดูลึกลับและเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทั้งด้านสว่างและด้านมืด
เป็นที่หมายปองของสาวๆ และกำลังเป็นหนุ่มสังคมที่ถูกจับตามองมากคนหนึ่ง
“เอะอะอะไรกันครับแม่ เสียงดังไปถึงข้างบนเลย”
ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเพียงชิดจันทร์เดินเข้ามาสมทบ แต่ดาริณทำสายตาไม่พอใจใส่ลูกชาย
“ตาแดนดูนี่สิ” คนเป็นย่าหวงหลานสาวดึงเพียงชิดจันทร์ขยับออกจากมุมบันได
แล้วจับหลานสาวหันไปให้ลูกชายดูเต็มตา “เสื้อยายจันทร์มอมมาเลย เลอะยิ่งกว่าลูกหมาตกบ่อโคลนอีก
แม่ถามอะไรก็ไม่บอก นี่ต้องโดนใครแกล้งมาแน่ๆ”
“หมดรับน้องแล้วไม่ใช่เหรอเรา”
ดรัณมองเสื้อหลานสาวเห็นคราบสีน้ำตาลเข้มบนเสื้อผ้าก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูง คนเป็นอาพินิจดูจากคราบที่เลอะตั้งแต่ปกเสื้อลามลงมาจนถึงกระโปรงเสียด้วยซ้ำ
และนี่คงไม่ใช่คราบขี้โคลนตอนช่วงทำกิจกรรมรับน้องเป็นแน่ ทว่านี่เป็นช่วงกลางเทอมใกล้สอบแล้ว
และกิจกรรมที่ว่าน่าจะหมดเทศกาลไปนานพอสมควร “หรือเราโดนใครแกล้งมาอย่างที่ย่าบอกฮึ”
คนโดนคาดคั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หญิงสาวรู้ดีว่าต่อให้เธอพูดหรือไม่พูด
สุดท้ายแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องลอยเข้าหูย่าอยู่ดี และถ้าไม่พูดแล้วอาของเธอตามสืบเรื่องนี้เองจนรู้เรื่องทั้งหมดเข้า
จากเรื่องเล็กอาจจะลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โตก็ได้
“จันทร์!” ดาริณกดดันหลานสาว
“คือว่าวันนี้มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ”
เพียงชิดจันทร์ยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ย่ากับอาฟังด้วยความจนใจ
หญิงสาวเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่เธอเลิกเรียนแล้วตั้งใจว่าจะทานอาหารกับเพื่อนสนิทก่อนกลับ
จนกระทั่งนิลเนตรกับเพื่อนสาวเดินเข้าและกล่าวหาว่าเธอแย่งคนรักไป
ก่อนจะเอากาแฟราดใส่เพราะความเข้าใจผิด แล้วตบท้ายด้วยการที่มณิสรเอาคืนรุ่นพี่ต่างคณะฯ
ด้วยวิธีการเดียวกันแต่เจ็บแสบกว่าหลายเท่านัก
แต่ถึงแม้นิลเนตรจะเข้าใจผิดว่าเธอจงใจแย่งคนรักไป
แต่เรื่องจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแคนทีนก็ทำเอาเพียงชิดจันทร์ไม่อยากไปเรียนในวันพรุ่งนี้เลย
คงโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ แน่เรา
เพียงชิดจันทร์ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ
มณิสร และมณิกานั้นจะทำให้คนพูดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
คำพูดของคนลามไปเร็วเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก และยิ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในมหาลัยฯ
ยิ่งจะกลายเป็นเรื่องดัง เป็นที่สนใจ ถูกจับตามอง และเป็นข่าวใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็อยากรู้อยากเห็น
หญิงสาวไม่พร้อมตกเป็นเป้าสายตาของใครในตอนนี้เลย
“แดน แม่ว่าสั่งคนไปสืบมาเลยว่าใครทำ
แล้วให้ลูกน้องเราตามไปดูแลหลานที่มหาลัยฯ ด้วย” ดาริณออกคำสั่งกับลูกชาย
ยอมรับว่าพอฟังเรื่องราวที่เพียงชิดจันทร์เล่าให้ฟังก็โกรธมากจนอยากลงมือจัดการด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
“เรื่องนี้แม่ไม่ยอมนะแดน มาทำแบบนี้กับหลานได้ยังไง”
“เอาไงล่ะจันทร์
เราอยากให้อาส่งคนไปดูแลเรามั้ย” ดรัณถามความเห็นหลานสาวก่อน และเพียงชิดจันทร์ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ใจเย็นๆ กันก่อนเถอะค่ะคุณย่า อาแดน” หญิงสาวไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นทั้งกับเธอ
และพวกของนิลเนตรบ้าง เรื่องถึงหูย่าแบบนี้ ไหนคนเป็นอาก็รู้เรื่องแล้ว
ถ้าอาอย่างดรัณไม่ส่งคนไป ‘เจรจา’ กับฝ่ายนิลเนตร
ก็คงต้องส่งคนมาคุ้มกันเธออย่างแน่นอน และไม่นานเรื่องนี้ก็ต้องถึงหูพ่อแม่ของเธอ
ซึ่งหญิงสาวไม่อยากให้ท่านต้องเป็นห่วงเลย
และที่สำคัญปัญหาที่เกิดขึ้นเธอก็อยากจัดการด้วยตัวเองมากกว่า
“ย่าไม่ใจเย็นแล้ว ดูสินี่อะไร ยิ่งกว่านางร้ายในละครอีก”
ดาริณยังโมโหคนที่ทำหลานสาวไม่หาย
ดาริณอดรนทนไม่ไหว และไม่ว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นจากเหตุผลอะไร
แต่อย่างไรท่านก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำรุนแรงกันถึงเพียงนี้ด้วย
และถึงเพียงชิดจันทร์จะย้ายมาอยู่ด้วยกันตอนโตแล้ว
ทว่าตอนเด็กท่านก็รักและทะนุถนอมดูแลใส่ใจหลานสาว ฟูมฟักเลี้ยงดูเอาใจมาเป็นอย่างดี
ไม่มีใครกล้ามารังแกระรานให้เคืองอกเคืองใจ มิหนำซ้ำเพียงชิดจันทร์ยังได้รับการดูแลจากเครือญาติทุกคนประดุจเจ้าหญิงตัวน้อยๆ
คนหนึ่งเลยทีเดียว
“พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ
คงหึงหวงแฟนเป็นธรรมดา” หญิงสาวบอกเหตุผลอย่างใจเย็น เพราะไม่อยากให้ทางผู้ใหญ่ของเธอเอาเรื่องเอาราวพวกของนิลเนตร
ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงยืดเยื้อไม่จบลงง่ายๆ
“จันทร์ แล้วเราไปสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนนั้นจริงหรือเปล่า”
ดรัณถามพลางจ้องหน้าหลานสาวอย่างต้องการรู้คำตอบ “เราไม่ได้ชอบเขาใช่มั้ย
แฟนเขาถึงได้ตามหวง ตามราวีเราแบบนี้”
“โธ่...ไม่ใช่นะคะ จันทร์กับพี่นัทเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย”
หญิงสาวรีบปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้าหวือ “จันทร์กับพี่นัทเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง
ความจริงพี่นัทเป็นเพื่อนพี่แต๊งค์ และพี่แต้งค์เขาก็มาจีบยายม่านค่ะ
เราเลยบังเอิญรู้จักกันเท่านั้น ถ้าอาแดนจำได้...วันนั้นคงมีคนโทรรายงานอาแดนกับพ่อแล้วที่จันทร์มาทานอาหารกับเพื่อนที่โรงแรม”
ดรัณฟังหลานสาวอธิบายก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ที่แท้เพียงชิดจันทร์ก็ตกกระไดพลอยโจนอยู่ในสถาการณ์บังเอิญอย่างไม่ถูกที่
ถูกเวลานั่นเอง
“เราไม่ได้ชอบเขาก็ดีแล้ว”
ดาริณบอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
แต่ก็แอบโล่งใจที่เพียงชิดจันทร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาว “ย่าไม่ชอบให้มีเรื่องรักๆ
ใคร่ๆ ตอนเรียน จันทร์มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ถ้ามีใครมาจีบย่าต้องสแกนก่อน
ถ้าไม่ดีพอก็อย่าหวังว่าย่าจะใจอ่อนยอมยกหลานสาวของย่าให้ง่ายๆ”
คำพูดของดาริณทำให้ลูกชายมาดเข้มที่ยืนฟังลอบยิ้มอย่างขบขันในความ
‘หวงหลานสาว’ เกินไป
และเพียงชิดจันทร์เองก็ยิ้มขำ ก่อนจะออดอ้อนเอาใจย่ายกใหญ่
“ค่า จันทร์จะอยู่กับย่าจนจันทร์แก่เลย” หญิงสาวบอก
ใบหน้าขาวผ่องนวลชวนมองยิ้มกว้าง ก่อนหญิงสาวจะอ้าแขนกอดคนเป็นย่าแน่น “จันทร์จะไม่ยอมมีแฟนเลย”
“ดีมาก” ดาริณกอดตอบหลานสาวคนโปรด
ก่อนจะหอมแก้มนิ่มไปฟอตใหญ่ด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“แล้วสรุปว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ต่อ
ไม่ต้องให้อาจัดการให้แน่นะ”
“แน่ค่ะ” หญิงสาวยืนยันอย่างหนักแน่น “จันทร์โตแล้ว
เรื่องนี้จันทร์ขอลองจัดการเองก่อนนะคะ...นะคะคุณย่า”
หญิงสาวบอกทั้งอาหนุ่มและย่าของตน ส่วนดาริณพอถูกหลานสาวออดอ้อนก็ยอมใจอ่อนโดยง่าย
“ก็ได้” ดาริณยอมตามใจหลานในที่สุด
แต่ก็ยังไม่วายมีข้อแม้ตามมาอีก “แต่ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ย่าจะจัดการแม่พวกนั้นด้วยวิธีของย่าเอง
และจันทร์จะมาอ้อนวอนขอร้องให้ย่าไม่ใจร้ายแบบครั้งนี้ไม่ได้แล้วนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับปาก “ขอบคุณนะคะที่เชื่อใจจันทร์”
“จันทร์”
เสียงเรียกที่ค่อนข้างคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กจนโตทำให้หญิงสาวหน้าใสในชุดพื้นเมืองทางเหนือที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนสรุปเนื้อหาที่เรียนมาเกือบค่อนเทอมเงยหน้าจากสมุด
ละสายตาจากตัวอักษรขึ้นมามองคนมาเยือนแล้วส่งยิ้มหวานให้
เพียงชิดจันทร์ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้เจอกับชิชานันท์ที่นี่
ความจริงแล้วบ้านของเพียงจันทร์โดยกำเนิดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่...เช่นเดียวกับบ้านของชิชานันท์
ตั้งแต่พ่อของเธอแต่งงานกับแม่ พ่อก็ยอมย้ายมาอยู่เชียงใหม่แทบจะเป็นการถาวรก็ว่าได้
มีบินไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่บ่อยครั้ง เนื่องจากต้องดูแลกิจการที่มีร่วมกับดรัณ
ทั้งโรงแรมและตึกอาคารที่เปิดให้หลายหน่วยงานเช่าเปิดบริษัทฯ
ส่วนที่เชียงใหม่ก็มีกิจการของครอบครัวต่างหากนั่นคือรีสอร์ท
ฝั่งแม่ของเพียงชิดจันทร์เป็นคนเชียงใหม่มีที่ทางมากพอที่จะทำรีสอร์ท พอแต่งงานดลภาคีก็เป็นคนลงทุนสร้าง
ออกแบบ และบริหารฯ ในช่วงแรก ทว่าพอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย กิจการอยู่ตัวแล้ว
ดลภาคีก็ปล่อยให้แม่ของเพียงชิดจันทร์ดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง
ทางด้านชิชานันท์เองเป็นญาติทางฝ่ายแม่ของหญิงสาว
เกี่ยวดองกันจนสนิทชิดเชื้อทั้งสองทางก็ตอนที่แม่ของเพียงชิดจันทร์ตัดสินใจลงเอยกับดลภาคี
ชิชานันท์มีศักดิ์เป็น ‘น้าสาว’ ของเพียงชิดจันทร์แม้ว่าจะมีอายุห่างกันแค่ปีเดียว
แต่เนื่องด้วยทางฝั่งแม่ของเพียงชิดจันทร์แต่งงานมีครอบครัวเร็ว เพียงชิดจันทร์จึงเป็นหลานที่มีอายุใกล้เคียงกับเหล่าอาๆ
น้าๆ มากที่สุด
“น้าช้อง” เพียงชิดจันทร์เรียกอีกฝ่ายตามศักดิ์
ดีใจที่ได้มีโอกาสเจอกันเสียทีทั้งที่เรียนอยู่ในรั้วมหาลัยฯ เดียวกันแต่ก็เจอกันน้อยมาก
“ไปยังไง มายังไงคะเนี่ยถึงแวะมาหาจันทร์ได้”
หญิงสาวร่างระหงในชุดเดรสสีเรียบรับกับผิวขาวลออ
ใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ยิ่งรวบผมเผยใบหน้าเต็มดวง โชว์ผิวหน้าใสที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ
บวกกับเครื่องหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย ก็ทำให้ชิชานันท์เป็นผู้หญิงที่น่ามองและน่าเข้าหามากอีกคนหนึ่งเหมือนกัน
แต่ตอนนี้เธอมีเรื่อง ‘สำคัญมาก’ ที่จะต้องคุยกับเพียงชิดจันทร์ให้รู้เรื่อง!
“น้าตั้งใจมาหาเรานั่นแหละ เห็นพี่แดนบอกว่าเรากลับมาเชียงใหม่”
ชิชานันท์ว่าพลางทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้สนามข้างหลานสาว
เธอถามดรัณและได้คำตอบว่าเพียงชิดจันทร์กลับมาหาพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่
ชิชานันท์เองก็ตั้งใจกลับเชียงใหม่อยู่แล้วเพราะช่วงนี้ใกล้สอบจึงมีเวลาหยุดติดต่อกันหลายวัน
ยิ่งพอรู้ว่าเพียงชิดจันทร์กลับมาหาพ่อแม่ที่เชียงใหม่ ก็ยิ่งถือว่าเป็นฤกษ์ดี
ฤกษ์สะดวก ลับหูลับตามากพอที่จะพูดธุระสำคัญด้วย
“ใกล้สอบแล้วค่ะ
จันทร์เลยหลบมาหาความสงบเพื่ออ่านหนังสือ กลับมาหาพ่อกับแม่เพื่อขอพรจากท่านด้วย”
หญิงสาวบอก
“ก็ดีแล้ว” ชิชานันท์บอกอย่างขอไปที
เพราะแค่จะยิ้มตอบก็ทำได้ยากเหลือเกิน “น้ามาหาเรา เพราะมีเรื่องจะถาม”
“คะ?”
“จันทร์เห็นคลิปรึยัง”
ชิชานันท์เข้าเรื่องอย่างตรงไปตรงมาทันที และ ‘คลิป’ ที่ว่าก็เป็นคลิปที่หลานสาวของเธอถูกนิลเนตรเล่นงานด้วยการราดกาแฟใส่กลางแคนทีน
“คลิปอะไรหรือคะ?”
“ก็คลิปวันที่เรามีเรื่องกับนิล” ชิชานันท์หน้าเครียดด้วยความเป็นห่วงหลานสาว
และเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ แน่ “ตอนนี้มีคนแชร์คลิปเยอะมากเลยนะ”
ไม่เพียงแค่แชร์ แต่ทุกคนยังพูดถึงหลานสาวของเธอในแง่ลบมากกว่าแง่บวกด้วย
แม้หลายคนในมหาลัยฯ จะวิพากษ์วิจารณ์ดาวคณะนิเทศปี 3 อย่างนิลเนตรว่าทำไม่เหมาะสมและเกินกว่าเหตุไปหน่อย
แต่อย่างไรเสียเสียงข้างมากก็ยังเข้าข้างนิลเนตรมากกว่าเพียงชิดจันทร์อยู่ดี
ไม่เพียงพูดเปล่า
แต่ชิชานันท์ยังเปิดคลิปดังกล่าวให้เพียงชิดจันทร์ดูอย่างเต็มตาด้วย เรียกได้ว่าทั้งภาพและเสียงคมชัดมากราวกับฉากหนึ่งในละครหลังข่าวที่ตัวร้ายกำลังกลั่นแกล้งนางเอกไม่มีทางสู้
“ไม่ได้มีแค่คลิปเดียวนะจันทร์ แต่ยังมีอีกหลายคลิปเลยแหละ”
ชิชานันท์บอกหลานสาว “อาจเพราะวันนั้นคนในแคนทีนก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย แล้วยายนิลก็เป็นคนดัง
เป็นที่รู้จักกันดีในมหาลัยฯ คลิปที่แชร์กันเลยมีภาพจากหลายมุมมาก”
เพียงชิดจันทร์ดูคลิปดังกล่าวแล้วหญิงสาวก็แทบกุมขมับ
รู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เรื่องเก่ายังไม่ทันได้สะสางดี เรื่องใหม่ก็วิ่งเข้ามาแทรกอีกแล้ว
ปกติเธอบริหารเวลาเก่ง จัดการปัญหาได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน
แต่เวลานี้เพียงชิดจันทร์กลับรู้สึกมืดแปดด้าน มองไม่เห็นทางออกสักนิด
“อาแดนกับย่ายังไม่รู้เรื่องคลิปอะไรนี่ใช่มั้ยคะน้าช้อง”
หญิงสาวถามอย่างเป็นกังวลใจ
หลายวันที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่อง เพียงชิดจันทร์เองก็แปลกใจอยู่เหมือนกันแม้เธอจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วว่าหลังเกิดเรื่อง
เธอจะถูกสายตาแปลกๆ จับจ้องมา พร้อมกับการซุบซิบนินทา ทว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เธอก็ทำเป็นใจแข็ง
ส่วนหนึ่งนั้นอาจเพราะเพียงชิดจันทร์รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรอย่างที่ถูกนิลเนตรและเพื่อนสาวของรุ่นพี่กล่าวหา
และเรื่องจริงเธอกับเพื่อนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรเลยพยายามทำตัวตามปกติ
แค่อดทนกับสายตาหลายคู่ที่มองมาหน่อย
อีกอย่างเพียงชิดจันทร์คิดว่าอีกไม่นานเรื่องที่เกิดขึ้นก็คงจะเงียบหายไปเอง
แต่เหมือนว่าเธอกำลังคิดผิด!
“ยังหรอก” ชิชานันท์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่น้าก็ได้คุยเรื่องเรากันคร่าวๆ
แล้ว พี่แดนบอกว่าจะให้คนไปคุ้มครองเราที่มหาลัยฯ แต่เราปฏิเสธ”
“จันทร์ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ค่ะ”
หญิงสาวบอกน้าสาวเสียงอ่อนลงระคนเหนื่อยหน่ายใจ “จันทร์คุยกับย่ากับอาแดนไปแล้วด้วยว่าจะจัดการปัญหาเอง
ตอนแรกจันทร์คิดว่าถ้าจันทร์ทำเฉย ไม่สนใจสายตาคนรอบข้างไปสักพักเรื่องทุกอย่างก็จะเงียบไปเอง
อีกอย่างจันทร์ไม่ได้ผิด”
“จันทร์
แต่เรากำลังทะเลาะอยู่กับคนดังของมหาลัยฯ นะ คิดหรือว่าเรื่องนี้จะเงียบเร็วอย่างที่เราคิดน่ะ”
ชิชานันท์ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่เธอก็เข้าใจในสิ่งที่หลานทำ
แม้จะไม่ใช่การจัดการปัญหาที่ดีนัก “น้าเข้าใจนะว่าสิ่งที่จันทร์ทำคือการไม่ตอบโต้กลับ
แต่น้าจะบอกว่าบางทีเราอาจจะต้องยอมรับข้อเสนอจากพี่แดน”
ชิชานันท์พยายามตะล่อมหลานสาวให้ยอมรับความหวังดีจากผู้ใหญ่
เพราะตัวเธอเองก็ใช่ว่าจะมีวิธีจัดการปัญหาที่ดีอะไรนักหนา เพียงแต่เธอเห็นด้วยกับดรัณ
นิลเนตรกับจรัสทิวาไม่ใช่คนที่เพียงชิดจันทร์จะตอบโต้ด้วยได้ แต่ในทางกลับกันยิ่งเพียงชิดจันทร์ทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนพวกนั้นก็จะยิ่งได้ใจ หาทางเล่นงานไม่เลิกรา
หรือถ้าเพียงชิดจันทร์คิดจะเอาคืน ตอบโต้กลับบ้าง
ก็ใช่ว่านิลเนตรกับจรัสทิวาจะยอมพ่ายแพ้ ในทางกลับกันสองคนนั้นจะยิ่งร้อนเป็นไฟ
เอาคืนกันไปมาไม่เลิก
“มันจะดีเหรอคะ”
“น้าว่าเราคงไม่เดินไปเจรจากับยายนิลเองหรอกใช่มั้ย”
ชิชานันท์ถามทั้งที่ตนเองนั้นรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจแล้วว่าเพียงชิดจันทร์คงไม่ทำอย่างนั้นเป็นแน่
“ขืนเราเดินดุ่มๆ เข้าไปหาสองคนนั้นล่ะก็...น้าว่าจันทร์มีแต่แพ้กับแพ้นะ”
“แต่จันทร์ไม่ได้อยากมีเรื่องกับพวกพี่เขานี่คะ”
“น้าแนะนำให้จันทร์เชื่อผู้ใหญ่เถอะนะงานนี้”
ชิชานันท์เตือนหลานแกมขอร้อง “จันทร์กำลังตกเป็นเหยื่อของใครบางคนอยู่
เรื่องนี้มีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เราเข้าใจ”
เพียงชิดจันทร์ได้แต่ทำหน้าจ๋อย
นี่เธอยังไม่ถึงวัยเบญจเพสดีเลยความซวยก็เคลื่อนตัวมาทักทายกันแล้วหรือนี่ หรือว่าเธอจะอยู่ผิดที่
ผิดเวลาจริงๆ
“น้าจะบอกอะไรให้นะว่าทำไมน้าไม่ค่อยทักจันทร์เวลาเราสองคนเดินสวนกัน”
ชิชานันท์พูดด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียด “น้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนเป็นญาติกัน
มีคนหวังจะใช้ประโยชน์จากเรามาก เพื่อนน้าไม่ได้ดีเหมือนเพื่อนของจันทร์หรอกนะ”
“น้าช้องเป็นเพื่อนกับพี่นิลและพี่อีกคนหรือคะ”
พอพูดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็เอะใจขึ้นมา
และชิชานันท์เองก็เรียนนิเทศปีเดียวกับนิลเนตรด้วย
“ใช่ น้าเป็นเพื่อนกับสองคนนั้นแหละ”
ชิชานันท์ยอมรับ เธอเป็นเพื่อนกับนิลเนตรและจรัสทิวามาตั้งแต่แรกเข้าเรียนด้วยกัน
ทำกิจกรรมร่วมกันมาตลอด แต่เธอไม่รู้เลยว่าในความสัมพันธ์ของมิตรภาพตลอดระยะเวลาสี่ปีที่คบกัน
ทั้งนิลเนตรและจรัสทิวาคบเธอเพราะเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนหรือเห็นว่าเธอมีทุกอย่างไม่ได้น้อยหน้าใครกันแน่
“แต่สองคนนั้นไม่รู้ว่าน้ากับเราเป็นญาติกัน”
หลายครั้งที่ชิชานันท์พยายามมองข้ามความตะขิดตะขวงใจที่เกิดขึ้น
กับนิลเนตรเธอไม่ติดใจหรือถือสาหาความ
ด้วยรู้ว่านิลเนตรเคยมีชีวิตที่สวยหรูแต่ครอบครัวกับพังพินาศเพราะพ่อแม่ไปคนละทิศละทาง
หญิงสาวต้องดิ้นรนด้วยตัวเองสารพัดแม้จะเดินทางที่ไม่ถูกไม่ควรเท่าไหร่
แต่สำกรับจรัสทิวานั้นหลายครั้งที่เธอเห็นความริษยาในดวงตาของอีกฝ่ายส่องประกายวาววามราวกับจะแผดเผาให้นิลเนตรเป็นจุณ
และจรัสทิวากำลัง ‘ดำเนินแผนการ’ ที่วางเอาไว้อย่างเต็มขั้นแล้ว
แต่นั่นก็เป็นเรื่องระหว่างจรัสทิวากับนิลเนตร
เธอคงช่วยนิลเนตรอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่เธอเองโดนดีดออกจากกลุ่ม...ชิชานันท์ก็ไม่สน
ไม่แคร์เหมือนกัน ใช่ว่าคนอย่างชิชานันท์จะใส่ใจกับมิตรภาพจอมปลอมของเพื่อนบางคน
เธอใส่ใจความรู้สึกของตัวเองมากกว่า และตอนนี้หญิงสาวก็ห่วงเพียงชิดจันทร์เพราะอีกฝ่ายกำลังกลายเป็นเหยื่อให้จรัสทิวาทำแผนการทุกอย่างสำเร็จเร็วขึ้น
“จันทร์ น้าขอถามเราแค่คำเดียวนะ
เราชอบพอกับแฟนของยายนิลหรือเปล่า”
เพราะเห็นว่าเพียงชิดจันทร์เอาแต่เงียบและทำหน้าหนักใจ
ชิชานันท์จึงอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าเพียงชิดจันทร์อาจหลงเสน่ห์นราธรเข้าให้แล้ว
“จันทร์เจอพี่นัทแค่ครั้งเดียวเองนะคะ” หญิงสาวรีบอธิบายเพราะไม่ต้องการให้ชิชานันท์เข้าใจเธอผิดไปอีกคน
ถึงตอนนี้เพียงชิดจันทร์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ ก็ชอบคิดว่าเธอกับนราธรกำลังคบหากัน
“ชอบหรือไม่ชอบ”
“ไม่ได้ชอบแบบชู้สาวแน่นอนค่ะ”
เพียงชิดจันทร์ยืนยันคำพูดของตัวเองอย่างหนักแน่น
“แล้ววันนั้นเราไปกับเขาทำไม เจอกันได้ยังไง” ชิชานันท์ถามต่อ
เพราะเธอเองก็เห็นกับตา แต่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าหลานสาวกับแฟนเพื่อนนั้นจะกำลังคบหาดูใจกันอย่างที่จรัสทิวาจงใจสร้างเรื่องขึ้น
“น้าเห็นนะ เห็นพร้อมเพื่อนน้านั่นแหละว่าเราไปดูหนังกับเขา”
เพียงชิดจันทร์ทำหน้ายู่ยับ
ก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชิชานันท์ฟังเหมือนที่เล่าให้ย่าและอาฟัง ซึ่งความจริงมันไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่อย่างที่ทุกคนเข้าใจหรือกังวลใจไปเลย
ส่วนชิชานันท์เองพอฟังก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่สองคนนี้ต้องมารู้จักกันผ่านเพื่อนของตัวเองอีกที
“จันทร์ น้าขอเตือนเราเลยนะว่าอย่าไปยุ่งกับนัท”
ชิชานันท์เตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเพียงชิดจันทร์มากมายเหลือเกิน
“นัทเป็นคนดีและมีเสน่ห์มากก็จริง แต่คนรอบข้างของนัทน่ากลัว แต่เราไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวก็ดีแล้วแหละ
และถ้าเจอกันอีกเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ”
“ค่ะ”
เพียงชิดจันทร์รับคำน้าสาว เธอเองก็ไม่ได้อยากให้มีเรื่องเข้าใจผิดกันบ่อยๆ
และคิดเอาไว้ด้วยว่าหากเธอบังเอิญเจอกับนราธรอีกครั้ง เธอจะขอหลบเลี่ยงไปให้ไกลๆ
เขาเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นดีกว่า
“นิลทำอย่างนี้ได้ยังไง
มีอะไรทำไมไม่คุยกับนัทก่อน” นราธรโวยวายใส่แฟนสาวหลังจากอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองแล้ว
วันนี้เขาไปรับนิลเนตรจากงานอีเว้นท์งานหนึ่ง และเพราะมีเรื่องที่จะต้องปรับความเข้าใจกันเป็นการส่วนตัว
โดยเฉพาะเรื่องคลิปที่หลุดออกมาและกำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในมหาลัยฯ
ซึ่งขนาดเขาไม่ได้เรียนที่เดียวกันกับหญิงสาวยังรู้เรื่องนี้เลย
และคนที่เอาคลิปมาให้ดูก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล
เป็นเพื่อนสนิทใกล้ชิดกับนราธรเองนั่นคือ...ต้องชนะ
นราธรยอมรับว่าเขาผิดที่ไม่ได้บอกเรื่องที่ไปดูหนังเป็นเพื่อนต้องชนะให้นิลเนตรรับรู้เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก
แต่นิลเนตรเองก็ทำเกินไป ถ้าเขาไม่เห็นคลิปดังกล่าวก็คงไม่รู้ว่านิลเนตรก่อเรื่องร้ายแรงเอาไว้
และคนที่ซวยไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากสาวน้อยหน้าใสอย่างเพียงชิดจันทร์!
นราธรทั้งรู้สึกผิดและละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแทนแฟนสาว
ขณะที่คน ‘ก่อเรื่อง’ กลับมองไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยสักนิดเดียว
มิหนำซ้ำนิลเนตรยังมองว่าเพียงชิดจันทร์สมควรที่จะได้รับการสั่งสอนแบบนั้นแล้ว
“ถ้านิลพูดจะเห็นเหรอว่านัทไปกับมัน
และที่ผ่านมานัทเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย นัทจงใจปิดบังนิล”
นิลเนตรเสียงแข็งใส่คนรัก หญิงสาวยอมรับว่าตัวเองหงุดหงิดมาหลายทางเหลือเกิน
ทั้งเรื่องส่วนตัว ไหนจะเรื่องงาน และความหึงหวงที่เปรียบเสมือนพายุร้ายในใจที่คอยพัดโหมกระหน่ำจนเธอแทบสติแตกอยู่แล้ว
“ปกตินิลไม่งี่เง่าแบบนี้นะ”
นราธรรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ นิลเนตรกำลังโกรธเขาจนไม่รู้ตัวว่าตนเองทำผิด
และเขาเองก็ไม่ได้ใจเย็นมากพอจะมานั่งปรับความเข้าใจกับเธอในเวลาแบบนี้
นราธรรักนิลเนตรมาก พอมีคลิปหลุดออกมาแบบนี้
เห็นทั้งภาพและเสียงคมชัด...ชายหนุ่มจึงอดที่จะเป็นห่วงคนรักไม่ได้
นิลเนตรกำลังมีชื่อเสียง หญิงสาวเป็นนางเอกโฆษณา และกำลังก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว
อย่างน้อยนิลเนตรทำอะไรลงไปก็ควรจะนึกถึงชื่อเสียง หน้าตา
และผลกระทบที่จะตามมาบ้าง ทำแบบนี้กระแสนิยมของแฟนคลับที่ชอบเธอจะลดลงเอาได้
นราธรรู้ดีว่าการได้เข้าวงการบันเทิง ได้เป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจ
ได้เป็นที่รักของมหาชนเป็นสิ่งที่นิลเนตรใฝ่ฝัน
แต่ตอนนี้แค่วีรกรรมสุดร้ายกาจของเธอก็อาจทำให้คะแนนนิยม
เสียงชื่นชมที่เคยมีต่อแฟนสาวลดลงไปกว่าครึ่ง ตอนนี้หญิงสาวอาจจะหึงหวงเขาจนไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบข้าง
แต่เขากลับเป็นห่วงผลกระทบ ภาพลักษณ์ และอนาคตของเธอมากกว่า
อีกอย่างชายหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนิลเนตรถึงได้หึงหวงเขาจนหน้ามืด
ถึงขนาดยอมทำให้ตัวเองเสื่อมเสียขนาดนี้ เพราะปกติแล้วรอบข้างของเขาก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆ
รายล้อมรอบ และที่ผ่านมานิลเนตรเองก็ไม่เห็นจะหึงหวงกันออกหน้าออกตามาก่อน
อย่างมากก็แค่ถามไถ่ แต่กับเพียงชิดจันทร์รุ่นน้องต่างมหาลัยฯ ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ
ไม่มีอะไรให้สนใจ...นิลเนตรกลับหึงจนลงมือทำร้ายอีกฝ่ายได้ลงคอ
“นัทว่านิลเหรอ” หญิงสาวทำตาวาวใส่คนรัก
“นัทไม่ได้ว่า นัทแค่สงสัย” ชายหนุ่มโต้กลับ
แต่ก็เริ่มหัวเสียขึ้นมานิดหน่อยที่เธอไม่เคยถามเหตุผลจากเขาสักคำเลย “ปกติเพื่อนนัทก็มีสวยๆ
ขาวหมวย หุ่นแซ่บตั้งเยอะตั้งแยะ นัทไม่เคยเห็นนิลหึงจนหน้ามืด ถึงขั้นทำร้ายคนอื่นแบบนี้เลยนะ
แล้วจันทร์ก็ไม่ได้สวยขนาดที่นิลสมควรจะหึงนัทซะหน่อย”
ชายหนุ่มบอกเหตุผล
แต่นิลเนตรกลับร้อนระอุในอกเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มตัวเองกำลังปกป้องอีกฝ่าย
“ก็เพราะแม่นั่นมันเป็น ‘ยายลูกเป็ดขี้เหร่’ ไงล่ะ
นิลถึงกลัวว่านัทจะหลงเสน่ห์มันเข้าสักวัน” หญิงสาวตอกกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา
กอดอก แล้วมองหน้าคนรักอย่างเอาเรื่อง นัยน์ตายังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม “เด็กนั่นทำเป็นใสซื่อ
ผุดผ่อง แต่นัทไม่รู้หรอกว่ามันกำลังอ่อย อยากได้นัทจนตัวสั่น
นิลเห็นมานักต่อนักแล้ว พวกผู้ชายสุดท้ายก็แพ้มารยาพวกแรดเงียบทั้งนั้น”
นิลเนตรไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ
เพียงชิดจันทร์ก็เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอมากมายเหลือเกิน
เธอให้นิยามกับแม่เด็กสาวหน้ากลมขาวผ่องว่าเป็น ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ เพราะเพียงชิดจันทร์ในสายตาของเธอทั้งจืดชืด
ตัวอวบอ้วน อีกทั้งยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะไม่มีอะไรน่ามองสักนิด คงมีดีแค่ผิวขาวละเอียดลออ
ใบหน้าใส และตากลมแป๋ว บวกกับความใสซื่อบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจและกลัวว่านราธรจะเปลี่ยนใจไปจากตัวเองเข้าสักวัน
นิลเนตรรู้ว่าตัวเองมี ‘จุดด่างพร้อย’ ทั้งที่อายุเพิ่งจะขึ้นเลขสองต้นๆ
ชีวิตของเธอควรจะสดใส ไร้มลทิน เธออยากเป็นคนรักที่ดีของนราธร อยากเป็นสาววัยใส งามสะพรั่งเหมือนดอกไม้แรกแย้ม
แต่เธอผ่านโลกมามากเกินไป และโลกของเธอนั้นไม่ได้สวยงามเลย แต่ด้วยรู้ว่าตัวเองไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องที่ผ่านมาได้แล้ว
นี่เลยอาจเป็นเหตุผลที่ว่าเธอกลัวเพียงชิดจันทร์จะเป็น ‘ตัวแปร’
ที่เข้ามาทำให้ความรักของเธอกับนราธรสั่นคลอน..เธอกลัวเหลือเกิน
เพียงชิดจันทร์มีบางอย่างที่เธอไม่เคยมี
นั่นคือ...ความสดใส ความเป็นธรรมชาติ และความบริสุทธิ์!
“นิลกำลังคิดมากเกินไปนะ” คนถูกกล่าวหาว่านอกใจถึงกับยกมือขึ้นมาเสยผมลวกๆ
แล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างแฟนสาว “แล้วสิ่งที่นิลทำกับจันทร์มันก็เกินไปด้วย”
นราธรตักเตือนคนรักอย่างตรงไปตรงมา
“ออกตัวปกป้องมันเชียวนะ!” นิลเนตรขึ้นเสียงใส่คนรัก
ชายหนุ่มทอดมองใบหน้างดงามแบบสาวทันสมัยแล้วเขาเองก็ได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาระบายความอึดอัด
นิลเนตรคงไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ ในเวลานี้ อารมณ์ของเธอร้อนกรุ่นตลอดเวลา
และถ้าเธอกำลังเป็นไฟ เขาก็คงต้องเป็นน้ำเพื่อดับความร้อนในใจของหญิงสาว
“นิลพูดจาไม่น่ารักเลยนะ” แม้คำพูดจะออกแนวต่อว่า
แต่น้ำเสียงก็ทอดอ่อนลงมาอย่างใจเย็น ไม่เพียงแค่นั้นนราธรยังเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับแขนหญิงสาวที่กอดอกอยู่ออก
ก่อนจะกุมมือบางทั้งสองข้างของคนรักเอาไว้ในอุ้งมือหนาของตัวเอง กระชับมันเบาๆ เพราะอยากให้เธออารมณ์เย็นลงกว่านี้สักหน่อย
“นิล..”
ชายหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตาดำขลับ
แล้วเรียกชื่อคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างใจเย็น
ฉับพลันอารมณ์ที่ร้อนราวกับมีกองไฟสุมอยู่ในอกของนิลเนตรก็พลันดับวูบ
มอดลงเหลือเพียงเถ้าถ่าน อารมณ์ร้อนๆ ของหญิงสาวเย็นลง แล้วต่อมาความหวาดระแวงระคนเสียใจก็เข้ามาแทนที่
“นัทชอบเด็กนั่นแล้วใช่มั้ย” นิลเนตรประสานสายตากับคนรัก
เธอถามนราธรเสียงสั่นเครือ แล้วจู่ๆ น้ำตาของความกลัวว่าจะเสียนราธรไปก็ร่วงผล็อยลงมาเลอะพวงแก้มใสทั้งสองข้าง
“นัทไม่รักนิลแล้วใช่มั้ย”
นิลเนตรไม่อาจสกัดกลั้นความเสียใจที่เอ่อล้นอยู่ในอกได้
หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน
เพราะเธอกลัวว่าความผิดพลาดที่พลั้งมือทำลงไปโดยขาดสตินั้นจะทำให้นราธรมองเธอเป็น ‘นางมารร้าย’ แล้วเขาจะเกลียดชังเธอ จนท้ายที่สุดเขาคงเอ่ยปากขอเลิกกัน
“เดี๋ยวก่อนนิล นิลกำลังเข้าใจนัทผิดนะ” ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามากอดปลอบ
ส่วนนิลเนตรก็ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของชายคนรัก...จนเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่
พอหญิงสาวอารมณ์สงบดีแล้ว ทั้งคู่จึงผละออกจากกัน
ก่อนที่นราธรจะเป็นฝ่ายพูดอย่างใจเย็นกับเธอ
“นัทกับจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย
เราเพิ่งรู้จักกันเพราะเหตุบังเอิญ แต่นิลรู้เรื่องที่นัทไปกับจันทร์ทำไมไม่มาถามกันดีๆ
ล่ะ”
นราธรบอกขณะเช็ดน้ำตาบนใบหน้างดงามออกให้คนรักอย่างเบามือ
ด้วยความรักใคร่
“ก็ถ้านิลถามนัท นิลกลัวว่านัทจะปฏิเสธท่าเดียว”
หญิงสาวบอก นัยน์ตาทั้งสองข้างยังคงแดงก่ำ ใบหน้างดงามบูดบึ้งนิดๆ อย่างคนแสนงอน
“ก็มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่” ชายหนุ่มบอก ใบหน้าหล่อเหลาเจือรอยยิ้มบางๆ
สองข้างมุมปากอย่างน่ามอง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้างดงามของคนรัก
แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยในระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน “นิลพร้อมจะฟังเรื่องจริงจากนัทหรือยัง”
“นัทลองเล่าให้นิลฟังก่อนสิ
แล้วนิลจะพิจารณาดูอีกที”
...Loading 100 %...
ความคิดเห็น