ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงชิดใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : เพียงชิดใจ :: บทที่ 01 ตอน ปัญหารุมเร้า 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 62



    เพียงชิดใจ
    (นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูดอกรักผลิบาน)




    || บทที่หนึ่ง ||

    _____________________________________________________________________

    ปัญหารุมเร้า



    คณะมัณฑนศิลป์ ภาคอินเตอร์

    “ค่าหนังกับป๊อบคอร์นรวมกันยังไม่ถึงพันดีด้วยซ้ำ  แต่น้องจันทร์เขาเลี้ยงอาหารกับเครื่องดื่มคืนมาร่วมหมื่น!

    ต้องชนะเล่าเรื่องที่เขากับนราธรไปออกเดทกับสาวต่างมหาลัยฯ ให้ ปฐวีฟัง ในขณะที่ทั้งนราธร ต้องชนะ และปฐวีกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ห้องอาหารใต้ตึกคณะเรียนของตนเอง

    “สรุปแกถามหรือยังวะ ว่าคุณอากับคุณพ่อน้องจันทร์เขาจ่ายค่าอาหารกับค่าเครื่องดื่มให้เราไปเท่าไหร่” นราธรถามเพื่อน

    ความจริงเขากับต้องชนะอยากจะปฏิเสธความใจดีของทางครอบครัวเพียงชิดจันทร์อยู่เหมือนกัน เพราะอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่ชวนฝ่ายหญิงออกมาเที่ยวเล่น ฝั่งเขาน่าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ถ้าไม่โดนสองสาวแกล้งจนน่วม เขาและต้องชนะคงปฏิเสธน้ำใจของคุณพ่อและคุณอาของเพียงชิดจันทร์ไปแล้ว

    แต่ตอนนี้คนถูกถามหน้าซีดเผือดลง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

    “ก็ร่วมสองหมื่นเลยว่ะ” ต้องชนะบอก ก่อนพูดต่อเสียงอ่อยคล้ายคนหมดแรง “แต่แหม วันนั้นทั้งกุ้งแม่น้ำเอย เมนูอาหารที่เราไม่รู้จักเอย ไหนแต่ละจานจะตกแต่งมาอย่างหรูหราไฮโซ ในคลับก็มีนักร้องระดับประเทศมาร้องเพลง ทุกอย่างเหมือนฝัน ค่าใช้จ่ายก็พุ่งสูงเป็นธรรมดา บุญแค่ไหนแล้วที่เราไม่ต้องจ่ายสักบาท”

    นราธรพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน เรียกได้ว่าถ้าพวกเขาสองคนออกเงินให้ก็คงกระเป๋าฉีกไปเป็นครึ่งเดือนแน่ แต่สิ่งที่ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจอย่างหนึ่งคือครอบครัวของเพียงชิดจันทร์คงมีฐานะอยู่ไม่น้อยทีเดียว และหญิงสาวก็ดูเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้มาก

    “พวกมึงไปกินของดีๆ ไม่ชวนกูเลยนะ ไอเพื่อนเลว” ปฐวีบอกขณะตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่าหลังจากฟังทั้งต้องชนะและนราธรคุยกันไปมา

    “ไอต้าร์ พวกกูไม่ตลกนะเว้ย” ต้องชนะโวยเพื่อน “กูกับไอนัทใจหายใจคว่ำหมด มึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องเขาแกล้งพวกกูหนักมากจริงๆ”

    “มึงเทน้องเขาเหอะไอแต๊งค์ เท่าที่ฟังบ้านน้องเขารวยแน่” ปฐวีบอกต้องชนะ “แทนที่ผู้ชายจะเปย์ฝ่ายหญิง นี่พวกน้องเขาดันต้องเปย์พวกมึงแทน”

    “แต่กูให้คนไปสืบมาแล้วนะ จันทร์ไม่น่ารวยมากหรอกเพราะเป็นนักเรียนทุนดีเด่น สอบได้คะแนนอันดับหนึ่ง ได้เรียนฟรีจนจบการศึกษา” นราธรบอกเพื่อน เพราะเขามีเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยฯ เดียวกับหญิงสาวและได้ไหว้วานให้อีกฝ่ายลองสืบๆ ประวัติดู “พวกมึงลองคิดดูสิวะ นักเรียนทุนได้เรียนฟรีจนจบการศึกษาเชียวนะเว้ย ถ้าบ้านรวยแล้วน้องเขาจะหวังทุนทำไม”

    “ก็จริง” ปฐวีพยักหน้าเห็นด้วยครึ่งหนึ่ง “แต่ก็ไม่แน่”

    “แล้วทำไมวันนั้นคุณพ่อกับคุณอาเขาเลี้ยงเราวะ ความจริงเขาน่าจะเข้ามาคุยหรือแสดงท่าทีอะไรสักอย่างประมาณว่าหวงลูกหวงหลาน” ต้องชนะว่าพลางขบคิด “หรือเขาลอบดูพฤติกรรมพวกเราอยู่ห่างๆ”

    “อาจเพราะเหตุการณ์มันบังเอิญไง พอดีว่าวันนั้นเราไปที่นั่น น้องเขาก็อยากแกล้งเราด้วยแหละ พ่อกับอาน้องจันทร์เขาทำงานที่นั่นกันหมดเลยไม่อยากให้ลูกหลานเสียหน้า” นราธรให้เหตุผลเพื่อน

    “เดี๋ยวนะไอนัท นี่มึงชอบน้องจันทร์อะไรนั่นเหรอ กูเห็นว่ามึงพูดถึงน้องเขาบ่อยจัง” ปฐวีจับผิดเพื่อนตัวเอง “มึงมีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง นิลดาวคณะฯ แล้วมึงก็แค่ไปเป็นเพื่อนไอแต๊งค์มัน”

    “ก็...” นราธรเถียงไม่ออก ได้แต่ปฏิเสธตะกุกตะกักทั้งที่ความรู้สึกแปลกๆ กำลังแทรกเข้ามาในหัวใจ “กูไม่ได้สนน้องจันทร์หรอกน่า กูมีแฟนแล้วนะเว้ย”

    ทั้งที่ปากเพิ่งบอกว่าตัวเองมีแฟน แต่ในหัวสมองของนราธรกลับคิดวนเวียนไปถึงเจ้าของใบหน้ากลมนวลผ่อง

    เพียงชิดจันทร์ไม่ได้สวยโดดเด่นเหมือนนิลเนตร หญิงสาวตรงกันข้ามกับแฟนสาวของเขาทุกอย่างเลยก็ว่าได้ เพียงชิดจันทร์ค่อนข้างอวบ ใบหน้าขาวนวลผ่อง ผิวพรรณดีมีน้ำมีนวล หน้าตาไม่ได้มีเครื่องสำอางจัดจ้านแต่งแต้มประทินผิว หญิงสาวใส่แว่นหนา แต่ภายใต้กรอบแว่นก็มีดวงตากลมใสชวนมอง ผิวแก้มแดงปลั่ง ผมหยักศกดำขลับ และแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทว่าโดยรวมแล้วก็ดูน่ารักเหมือนตัวการ์ตูนไปอีกแบบ

    แต่ความธรรมดาของเพียงชิดจันทร์กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ จนนราธรไม่รู้ตัวเลยว่าเขาลืมแฟนตัวเองไปเสียสนิท!

    “แล้วเด็กมึงอ่ะไอแต๊งค์ เป็นไง” ปฐวีเปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปคุยกับต้องชนะแทน

    “บ้านม่านก็มีฐานะอยู่แหละ” ต้องชนะพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “พ่อของม่านท่านรับราชการเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด ม่านเป็นลูกสาวนายทหาร ส่วนแม่มีร้านทำเล็บในห้างดัง รวมๆ คือรวยแน่ พ่อโหดมากด้วย”

    “มึงจีบน้องม่านอะไรนี่ไหวเหรอวะ” ปฐวีถามต้องชนะด้วยความเป็นห่วง “ถ้าคิดจริงจังกับน้องเขานี่ มึงมีเงินพอให้น้องเขาใช้มั้ย มึงจะทำให้น้องเขาสบายเหมือนตอนที่พ่อแม่เลี้ยงดูเขาไหวมั้ย”

    “ตอนนี้กูมีแต่ตัวกับใจ ยังเรียนอยู่เลย งานก็ไม่มีทำ ยังไม่ได้เกณฑ์ทหารด้วย บวชก็ยังไม่ได้บวชเลย” ต้องชนะแทบยกมือกุมขมับ

    หลังจากที่เจอกันคราวก่อน ต้องชนะก็โทรไปคุยกับมณิกาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงได้รู้ถึงครอบครัวของหญิงสาวบ้าง รู้ว่าเธอมีฝาแฝดชื่อมณิสรเรียนอยู่ที่เดียวกัน รู้ว่าบ้านเธอมีคุณพ่อเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ส่วนคุณแม่มีกิจการส่วนตัว แต่นั่นก็ไม่เท่ากับว่าเขาบอกกับมณิกาเขาและนราธรรู้ความจริงว่าเธอจงใจแกล้ง แต่เขาจะไม่ยอมถอดใจจีบเธออย่างเด็ดขาด

    ส่วนมณิกา หญิงสาวเองก็ไม่ได้ใจร้ายกับต้องชนะถึงขนาดจะแกล้งเขาจนอ่วมอรทัย มณิกาขอโทษชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะบอกความจริงว่าเธออยากทดสอบและอยากพิสูจน์เขาว่าจะมีความอดทนมากน้อยแค่ไหน เธอไม่อยากจะมานั่งเสียใจกับเรื่องความรัก ไม่อยากเสียเวลาและน้ำตาให้กับผู้ชายที่ไม่รักจริง อีกอย่างมณิกาบอกกับต้องชนะว่าถ้าเขาผ่านบททดสอบของเธอไปได้ก็ถือว่าเก่งในระดับหนึ่งแล้ว เพราะหากเขาเจอฝาแฝดของเธออย่างมณิสรคงโดนแกล้งหนักกว่านี้หลายเท่า และถ้าพ่อของเธอรู้เขาคงจะต้องผ่านด่านอรหันต์อีกมาก และหากต้องชนะจะถอดใจเสียตั้งแต่วินาทีนี้ เธอก็จะไม่โกรธเคืองเขาเลย

    ปฐวีเห็นเพื่อนหนักใจก็หันไปสบตากับนราธร เขาและนราธรเองคงได้แต่คอยส่งใจช่วยอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่ตรงนี้เท่าที่เพื่อนจะทำได้ ส่วนที่เหลือหากต้องชนะชอบพอกับเด็กสาวคนนั้นจริงคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคเอาเอง เขากับนราธรคงช่วยอะไรมากไม่ได้

    “เรียนจบมึงลองให้น้องจันทร์เพื่อนน้องม่านฝากงานให้ดูสิ เผื่อจะมีเงินเลี้ยงน้องเขาไง เราเรียนอินเตอร์ทำงานโรงแรมได้สบายอยู่แล้ว” ปฐวีแนะนำเพื่อน เพราะเห็นว่างานโรงแรมต้องใช้ภาษาเป็นหลัก ส่วนพวกเขาเรียนอินเตอร์เรื่องภาษาต่างประเทศก็ผ่านฉลุย ไร้ปัญหา “มึงคิดดูนะไอแต๊งค์ พ่อกับอาน้องจันทร์เขามีปัญญาเลี้ยงข้าวมื้อละสองหมื่นให้ลูกให้หลานได้ แสดงว่างานที่นั่นเงินดีใช่ย่อยแหละ น่าจะมีงานพิเศษทำระหว่างเรียนบ้าง ถ้ามึงทำงานทางผู้ใหญ่ฝ่ายน้องม่านเขาก็เบาใจไปได้เปราะหนึ่งว่าอย่างน้อยมึงก็มุ่งมั่นพอที่จะดูแลลูกสาวเขา”

    “จริงของไอต้าร์ กูเห็นด้วย” นราธรพยักหน้าให้กับความคิดของเพื่อน “ท่าทางทำงานโรงแรมนั้นเงินคงหนาน่าดู ไม่ต้องคิดเลยว่าเจ้าของจะรวยมหาศาลขนาดไหน”




    “พี่ศรา ทำไมชอบสร้างปัญหาให้อยู่เรื่อย!

    นิลเนตรตวาดใส่พี่ชายทันทีที่เธอเห็นอีกฝ่ายเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน หญิงสาวมีสีหน้าไม่สบอารมณ์เพราะเมื่อเช้ามีเจ้าหนี้มาทวงเงินที่พี่ชายของเธอไปติดการพนันในบ่อนแห่งหนึ่งเอาไว้ และเงินก้อนที่เธอจ่ายใช้หนี้ให้นั้นไม่ใช่จำนวนน้อยเลย

    นิลเนตรกับ ศราเป็นพี่น้องที่มีสายสัมพันธ์ราวกับเป็น คู่กัดกันมากกว่าพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนพี่น้องบ้านอื่น หญิงสาวต้องทำงานด้วยการยอมเป็นทาสบำเรอความสุขให้กับผู้จัดละครคนหนึ่ง เพื่อแลกกับเงินค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยฯ และเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างสุขสบาย มิหนำซ้ำเธอยังเอาตัวเข้าแลกอย่างกล้าได้กล้าเสียก็เพื่ออนาคตในวงการบันเทิงอีกด้วย

    ส่วนศรา พี่ชายของนิลเนตรนั้นไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง เข้าๆ ออกๆ บริษัทที่ตนเป็นพนักงานเป็นว่าเล่น งานไหนดูท่าว่าเจ้านายจะเคร่งครัดเรื่องงานมากหน่อย หรือไม่เพื่อนที่ทำงานไม่น่าจะเป็นมิตร ศราก็จะลาออกทันที เขาทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เปลี่ยนบริษัททำงานเป็นว่าเล่น และนิสัยเสียที่ศราแก้ไม่หายนั่นก็คือ...ศราติดการพนันงอมแงม ว่างเมื่อไหร่มีอันต้องเข้าบ่อนอยู่ร่ำไป

    ศราถูกผีพนันเข้าสิง เงินเดือนที่ได้มาก็แทบหมดไปในบ่อน มิหนำซ้ำยัง ขยันสร้างหนี้ใหม่ให้น้องสาวคอยตามล้างให้อีกด้วย

    คนเป็นพี่ชายเดินเข้ามาหาน้องสาวที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าเตรียมออกไปเรียนเหมือนทุกวัน แต่คนที่ถูกตวาดนั้นไม่ได้สนใจสีหน้าโกรธเกรี้ยวของน้องสาวตนเองเลย เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนิลเนตร ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในชุดนอน ก่อนจะคว้าช้อนข้าวแล้วตักข้าวต้มเข้าปาก

    “แกไปนอนกับไอหมอนั่นมา มันให้เงินแกใช้เท่าไหร่ล่ะคราวนี้” ศราถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่สีหน้าติดจะกวนประสาทอยู่ในที และเขารู้ดีแก่ใจว่าการที่นิลเนตรไปนอนกับผู้ชายร่ำรวยแบบนั้น น้องสาวต้องได้เงินมาเยอะใช่เล่น อย่างต่ำก็เป็นแสน แต่ไม่น่าแปลกใจเลย...เพราะอีกฝ่ายก็ดูจะหลงน้องสาวของเขาหัวปรักหัวปรำถึงใจปล้ำให้ทุกอย่างที่น้องสาวเขาขอ “แกแบ่งมาใช้หนี้ให้ฉันสักนิดสักหน่อยไม่ได้หรือไง ทำเป็นบ่น”

    “ถ้าพี่จะเอาเงินใช้จ่ายส่วนตัวนิลให้ได้ แต่ถ้าพี่จะเอาไปละลายกับการพนันบ้าบอนิลไม่ให้” นิลเนตรว่าพี่ชายจอมสร้างเรื่องกลับเสียงแข็ง การที่เธอต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อความสุขสบายของตัวเอง ลามไปถึงใช้หนี้ให้พี่ชายเท่านี้เธอก็รู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของตัวเองเต็มทน “ครั้งนี้นิลจะใช้หนี้ให้พี่เป็นครั้งสุดท้าย!

    หญิงสาวยื่นคำขาดกับคนเป็นพี่ เธอเกลียดชีวิตที่โสมมของตัวเองเต็มทน และเท่านี้ภาระที่เธอแบกรับเอาไว้บนบ่าก็หนักอึ้งมากพอแล้ว

    “แกเป็นน้องพี่นะนิล ช่วยเหลือพี่แค่นี้ทำเป็นไม่พอใจ” ศราว่า และเขาก็คิดเช่นนั้นจริงๆ “ถ้าฉันถอนทุนคืนได้เมื่อไหร่ ฉันให้แกอยู่แล้วน่า”

    ที่ผ่านมานิลเนตรคอยแก้ปัญหาให้พี่ชายตัวเองมาตลอดจนเรียกได้ว่าศรา สบายจนเคยตัวก็คงไม่ผิดนัก แต่พี่ชายอย่างศราไม่รู้เลยว่าน้องสาวนั้นทั้งกดดันและเจ็บปวดกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มากขนาดไหน เธอสุขสบายแต่กลับไม่มีความสุขเลย

    นิลเนตรรู้ว่าตนเองมีรูปโฉมเป็นทรัพย์ เป็นคนที่โดดเด่นสะกดสายตาผู้คน และเธอใช้สิ่งที่พระเจ้าให้มา ใช้รูปร่างหน้าตางดงามและความสาวแลกเงินเพื่อความสุขสบายให้ตัวเองและครอบครัว ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านเดี่ยวหลังนี้

    “พี่ทำอะไรก็น่าจะรู้สถานะตัวเองดี ตอนนี้ครอบครัวเราเหลือแต่เปลือกแล้ว” นิลเนตรชะงักมือที่ถือช้อนข้าวลง เธอเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อนึกถึงครอบครัวที่พังทลายลงไม่เป็นท่า แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ต้องพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเสียใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด ทว่าดวงตาคู่สวยของเธอกลับไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย

    หญิงสาวไม่เคยมีภาพครอบครัวอบอุ่น นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา พูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะเหมือนครอบครัวอื่น นัยน์ตาของเธอสะท้อนแต่เพียงภาพที่แม่แต่งตัวสวยๆ ออกงานสังคมหรูหราทุกคืน และพ่อก็ไม่ต่างจากแม่เลย

    บ้านของเธอเคยเป็นครอบครัวที่มีคนนับหน้าถือตามากมาย พ่อเป็นนักธุรกิจ และแม่เป็นผู้ดีเก่า ทั้งสองท่านตกหลุมรักกันก็จริง แต่พอหลังแต่งงานและหลังจากที่มีศรากับเธอเป็นสักขีพยานรักได้ไม่เท่าไหร่ ธุรกิจของพ่อก็ทำท่าจะไปไม่รอด ซวนเซจนต้องเริ่มกู้หนี้ยืมสินมากอบกู้ธุรกิจที่ทำ ส่วนแม่เพราะไม่เคยทำงานมาก่อน โดนเลี้ยงดูอย่างเอาใจมาตั้งแต่เด็ก ท่านก็ยังคงเอาแต่รักษาหน้าตาในงานสังคมไปวันๆ ออกไปปาร์ตี้และใช้เงินทองฟุ่มเฟือย พ่อเองก็เริ่มหาทางออกให้ตัวเอง คลายเครียดด้วยการไปหาความสุขข้างนอกบ้าน ติดทั้งผู้หญิงและการพนัน จนตอนนี้ครอบครัวล่มไม่เป็นท่า

    นิลเนตรกับศราเข้าใจสถานะครอบครัวตัวเองดี ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ไปกันคนละทิศละทาง ทว่ายังโชคดีที่ท่านไม่ขายบ้านเรือนหอเข้าตลาด

    “ฉันก็จะทำให้มีขึ้นมาบ้างไง” ศราบอกน้องสาว “เอาเงินไปต่อทุน ถ้าได้ขึ้นมาเราก็สบายไปเป็นปี”

    “ไม่มีทาง การพนันไม่ทำให้ใครรวยหรอก” นิลเนตรสวนกลับพี่ชายทั้งน้ำตา มันเป็นความอัดอั้นที่จุกอกเธอมาหลายปีเหลือเกิน “แล้วถ้าพี่อยากได้เงินก็ลองไปนอนกับแม่หม้ายที่จ้องพี่ตาเป็นมันดูบ้างสิ ลองทำเหมือนที่นิลทำให้พี่สบายดูบ้าง”

    นิลเนตรพูดจบ เธอก็ลุกออกจากโต๊ะทานอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไป ปล่อยให้พี่ชายมองตามหลังด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปอยู่ในอก



     

    “เป็นอะไรยายนิล หน้าบึ้งมาเชียว” จรัสทิวาทักเพื่อนคนสวยทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาสมทบแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างกัน พอเห็นใบหน้างดงามของนิลเนตรบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ก็รีบถามออกไปอย่างเอาใจ

    “กินอะไรมาหรือยังนิล” ชิชานันท์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

    “ฉันกินมาจากบ้านแล้ว” นิลเนตรตอบเพื่อน แต่เธอทานมาได้หน่อยเดียวเรื่องของศราก็กวนใจจนเธอทานอะไรไม่ค่อยจะลง

    “แกเห็นรูปที่ฉันส่งไปให้ดูแล้วใช่ป่ะนิล” จรัสทิวารีบถามเข้าประเด็นโดยไม่สนใจว่าเพื่อนกำลังอารมณ์บูดอยู่เลย

    วันก่อนหลังจากที่เห็นนราธรไปดูหนังกับสาวปริศนาคนหนึ่ง จรัสทิวาก็รีบส่งคลิปวีดีโอกับรูปภาพที่ตนถ่ายเอาไว้ไปให้เพื่อนสาวดูทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของชิชานันท์เลย

    นิลเนตรเองก็เปิดดูคลิปและรูปภาพพวกนั้นแล้วเหมือนกัน หญิงสาวยอมรับว่าตัวเองโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็ทำอะไรผลีผลามตามใจตัวเองไม่ได้เพราะตอนนั้นเธออยู่ต่างจังหวัดกับผู้จัดละครคนที่ส่งเสียเลี้ยงดูเธอ นิลเนตรจึงทำได้เพียงเงียบและสะกดกลั้นอารมณ์หึงหวงนราธรเอาไว้ในใจ หากแสดงอาการร้อนรนเกินงามก็จะทำให้ผู้จัดละครนั้นจับได้ว่าเธอแอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับผู้ชายคนอื่น หากเป็นเช่นนั้นอนาคตในวงการบันเทิงที่กำลังเริ่มต้นอาจดับวูบลงไม่เป็นท่าได้ และเธอไม่อยากเอาอนาคตมาเสี่ยง

    “เห็น” นิลเนตรตอบเพื่อนเสียงเรียบ แต่ปลายเสียงกลับสะบัดอย่างไม่พอใจ “แกสืบมาให้ฉันหรือยังว่ายายเด็กนั่นอยู่คณะอะไร ปีไหน กล้าดียังไงมาควงคนของฉันไปไหนต่อไหน”

    “เรียบร้อย” จรัสทิวาบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ “และตอนนี้ฉันก็รู้ด้วยว่ายายเด็กแว่นจอมเฉิ่มนั่นอยู่ที่ไหน”

    ชิชานันท์มองเพื่อนสองคนคุยกันก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย หญิงสาวรู้ดีว่านิลเนตรเป็นคนสวยและฉลาดคนหนึ่ง แต่เรื่องความรักก็มักทำให้นิลเนตรหัวอ่อนและใจร้อนจนมองข้ามความผิดสังเกตบางอย่างและเลือกไว้ใจคนใกล้ตัวมากเกินไป ส่วนจรัสทิวานั้นทำไมชิชานันท์จะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลัง เสี้ยมให้นิลเนตรตกต่ำลงทุกวันเพราะความริษยาที่สั่งสมมานานนับปี

    นิลเนตรอาจดูร้ายในสายตาคนอื่น ทั้งจากเครื่องหน้าที่สวยโฉบเฉี่ยวและนิสัยโผงผางตรงไปตรงมา ไม่ยอมคน ลงให้ใครไม่เป็น แต่นิลเนตรก็มักจะถูกจรัสทิวาคอยเป่าหูและชักใยให้เสียหายอยู่เรื่อย จรัสทิวาอยู่เบื้องหลังความหายนะ ชอบใช้นิลเนตรเป็นเครื่องมือทำลายตัวนิลเนตรเองด้วยการเสี้ยมและทำให้นิลเนตรหลงผิดจนไม่ลืมหูลืมตา

    ตลอดเวลาชิชานันท์พยายามช่วยเหลือนิลเนตรทุกทาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะคอยเอาอกเอาใจเพื่อน ไม่ได้ปากหวานช่างประจบ หากเพื่อนทำผิดหรือสิ่งไหนเห็นว่าไม่ถูกต้องก็จะตักเตือนไปตามตรง แต่กับจรัสทิวา...อีกฝ่ายตรงข้ามกับเธอทุกอย่าง จรัสทิวาคอยเอาใจนิลเนตรเพราะด้วยรู้จุดอ่อนว่านิลเนตรเป็นคนต้องการความรัก ขาดความอบอุ่น ขาดคนเข้าใจ พอถูกจรัสทิวาเอาใจเข้าหน่อย นิลเนตรก็ใจอ่อนยอมเชื่อเพื่อนไปเสียทุกอย่าง

    “ที่ไหน!” นิลเนตรถามตาวาว เรียวปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง หัวใจของเธอร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก

    ที่ผ่านมาต่อให้เธอยอมเป็นนางบำเรอลับของเสี่ยแก่ๆ คนหนึ่งเพื่อแลกกับความสุขสบายและอนาคตการทำงาน แต่การที่หญิงสาวตัดสินใจคบหากับนราธรนั้นมันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง

    นิลเนตรชอบนราธรเพราะฝ่ายชายดูแลเอาใจใส่เธออย่างดี เธอชอบที่ได้เป็นคนรักของใครสักคนจริงๆ นราธรเองก็รู้ว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง...แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รังเกียจ ขณะเดียวกันนิลเนตรเองก็ไม่เคยบอกให้นราธรรู้ว่าชีวิตของเธอต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง

    เธอกลัวว่าเขาจะรับไม่ได้!

    ถึงอย่างนั้น ตอนนี้นิลเนตรก็ยอมรับแบบไม่อายว่าตัวเองกำลังจับปลาสองมือด้วยความละโมบ ปลาตัวแรกคือผู้ใหญ่ใจดีที่ให้ทุกอย่างกับเธอได้ ให้ได้แม้กระทั่งอนาคตอันรุ่งโรจน์ แต่ปลาตัวที่สองของเธอคือนราธร เขาคือความรัก ความหวัง และความฝันที่เธออยากมี นราธรเป็นคนรักที่คอยจับมือเธอ คอยปลอบใจและทำให้เธอมีความสุข มีรอยยิ้มตามวัยที่ควรจะเป็น ชายหนุ่มอาจไม่ใช่เจ้าชายที่พร้อมจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ แต่นราธรเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอมีความสุขจนหญิงสาวไม่อยากเสียเขาไปให้ผู้หญิงคนไหนเลย

    พอเห็นเพื่อนสาวแสดงอาการไม่พอใจออกมาชัดเจน จรัสทิวาก็ลอบยิ้มอย่างพอใจเพราะเธอมี แผนร้ายในใจ เธอคิดอยู่แล้วว่านิลเนตรต้องโกรธเป็นไฟ ร้อนรนแทบเป็นบ้าแน่ที่นราธรนอกใจและผู้หญิงที่ทำให้นราธรเปลี่ยนใจได้ก็ไม่มีอะไรเทียบชั้นกับดาวคณะฯ อย่างนิลเนตรได้เลย

    “แต่ว่าฉันมีแผนมาเสนอ” จรัสทิวาบอกเพื่อนคนสวย ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเพื่อนสาวและยกมือป้องระหว่างปากกับใบหูของอีกฝ่ายกระซิบกระซาบแผนการร้ายที่รู้กันอยู่สองคน และหลังจากรับฟังแผนการ...นิลเนตรก็ยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มร้ายๆ อย่างพอใจ

    “ดี ใครคิดจะแย่งของฉันมันต้องโดนสั่งสอน!




     

    แคนทีนคณะบริหารธุรกิจ

    ในช่วงเกือบบ่ายสองของวัน สามสาวกำลังนั่งรับประทานอาหารในแคนทีนของคณะบริหารธุรกิจ วันนี้มีเรียนสองวิชาและพอเรียนเสร็จทั้งมณิกา มณิสร และเพียงชิดจันทร์ก็รีบลงมาทานอาหารมื้อเที่ยงทันที

    “ดูๆ ไปฉันว่าแกก็หน้าเหมือนเฮอร์ไมโอนี่เหมือนกันนะจันทร์” มณิสรว่าพลางนั่งพินิจใบหน้ากลมทว่าขาวผ่องของเพื่อนสาวไปด้วย

    “ฉันแค่ถือหนังสือเรียน ท่องตำราและจำเก่ง แต่ใส่แว่นหนาเตอะขนาดนี้จะเหมือนได้ไงล่ะ” เพียงชิดจันทร์โต้กลับด้วยน้ำเสียงติดขำหน่อยๆ กับคำเปรียบเปรยของเพื่อนตัวเอง

    “เหมือนกันที่ความฉลาดไงยะ” มณิกาให้คำสมทบกับฝาแฝดของตัวเอง “ฉันอยากรู้ว่าแกกินอะไรเข้าไปถึงหัวดีจัง ฉันกับเมี่ยงนี่หัวขี้เลื่อยมาก”

    โดยปกติแล้วมณิสรกับมณิกาเรียนอยู่กันคนละ Section แต่ที่วันนี้สองพี่น้องฝาแฝดพักพร้อมกันได้เป็นเพราะวิชาสุดท้ายต้องเรียนรวมกันจึงมีโอกาสได้นั่งทานอาหารด้วยกัน

    “นี่ฉันว่าถ้าแกถอดแว่นออกก็น่ารักเหมือนกันนะ” มณิสรไม่ได้สนใจคำพูดของมณิกาเลย แต่สายตายังคงเล็งไปที่ใบหน้ากลมขาวผ่องของเพียงชิดจันทร์ และลองจินตนาการด้วยการนึกภาพตอนเพียงชิดจันทร์ไม่ใส่แว่นตาหนาเตอะ “ถึงแกจะอวบไปหน่อยนะจันทร์ แต่ผิวพรรณแกดีมาก หน้าก็เนียนกริบ ไม่มีสิวเลย ตากลมใสเหมือนตัวการ์ตูนตาหวาน แล้วแก้มก็ยังมีสีแดงเรื่อน่ามองด้วย นี่ขนาดฉันกับม่านกินน้ำมะเขือเทศทุกวัน แก้มยังแดงได้ไม่เท่าแกเลย”

    “จริงที่เมี่ยงมันพูดก็ถูก ถ้าแกแต่งตัวกว่านี้สักหน่อย แต่งหน้าสักนิด แกจะเป็นคนที่สวยและมีเสน่ห์มาก” มณิกาพูดอย่างเห็นด้วยกับฝาแฝดของตนเอง “เผลอๆ จะมีหนุ่มมารุมจีบจนแกเลือกไม่ไหว”

    “พวกแกพูดเว่อร์ไปแล้ว” เพียงชิดจันทร์ยิ้มเขินกับคำพูดของเพื่อน แต่เธอไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเลย

    เพียงชิดจันทร์รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงสวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รูปร่างก็ไม่ได้สมส่วนน่ามอง มิหนำซ้ำยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แค่มีเพื่อนเคียงข้างและมีครอบครัวที่รักเธอ...แค่นี้หญิงสาวก็อบอุ่นใจแล้ว อีกอย่างเธอไม่เคยคิดอยากปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เพราะทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอต่างก็รักและเอ็นดูในแบบที่เธอเป็นเธออยู่แล้ว

    “เออม่าน วันหลังเราลองจับยายเพื่อนจอมเฉิ่มแปลงโฉมดีมั้ย” มณิสรออกความเห็น

     “เอาดิเมี่ยง น่าสนุกดีเหมือนกัน ถ้าเราจับยายจันทร์จอมเฉิ่มมาสลัดลุกสาวแว่น เอากระโปรงยาวลากพื้นออกไปจะเป็นยังไงนะ” มณิกาว่าพลางเห็นด้วยกับความคิดของฝาแฝด

    “นี่ไม่มีใครให้แกล้งแล้วใช่มั้ย ถึงมาแกล้งฉันเนี่ย” เพียงชิดจันทร์มองค้อนใส่เพื่อนทั้งสองคน แต่สุดท้ายเธอก็หัวเราะออกมา

    “ใช่สิ แกล้งแกสนุกที่สุดแล้ว” สองพี่น้องฝาแฝดแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

    จากนั้นทั้งสามคนก็หัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนาน มณิกากับมณิสรช่วยกันออกความเห็นว่าเพียงชิดจันทร์ควรจะใส่ชุดแบบไหน  แต่งหน้าอย่างไรถึงจะออกมาดูดีและสวยถูกใจ ทว่าในขณะที่ทั้งสามสาวกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

    “นี่คงคิดจะจับเพื่อนแปลงโฉม เพื่อจับผู้ชายสินะ!” จรัสทิวาเปิดประเด็นขึ้นเพื่อเปิดทางให้นิลเนตรกำจัดผู้หญิงหน้าไม่อาย

    ทั้งสามสาวหยุดชะงักก่อนหันมองคนพูดที่มาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะของพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สามสาวจำได้ว่าสองสาวที่มายืนจ้องพวกเธอตาเขียวนั้น...คนหนึ่งเป็นดาวคณะฯ นิเทศศาสตร์ อยู่ชั้นปีที่ 3

    นิลเนตรเป็นที่รู้จัก ส่วนเพื่อนที่ตามมาด้วยกันนั้น ไม่มีใครรู้จักเป็นการส่วนตัวเลย

    “นี่เธอ” นิลเนตรจ้องไปยังเพียงชิดจันทร์ พูดเสียงห้วนใส่ และใช้สายตามองอย่างจงใจข่มขู่

    “คะ?” คนถูกเพ่งเล็งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง เพียงชิดจันทร์แน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มาดีแน่

    “คนนี้ใช่มะ” นิลเนตรหันไปถามเพื่อน

    “คนนี้แหละแก” จรัสทิวาพยักหน้ายืนยัน จากนั้นก็ส่งแก้วกาแฟในมือที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆ ให้นิลเนตร

    นิลเนตรเองก็รับแก้วกาแฟจากมือเพื่อน หญิงสาวไม่พูดอะไรมากเพราะจากที่เห็นทั้งรูปภาพและคลิปวีดีโอก็แน่ใจว่าเธอเจอไม่ผิดตัวแน่ จากนั้นหญิงสาวก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือเทกาแฟร้อนๆ ราดรดลงบนศีรษะของเพียงชิดจันทร์จนเสื้อผ้า หน้าตา และข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะเลอะไปด้วยกาแฟที่สาดกระจายเป็นวงกว้าง

    เพียงชิดจันทร์นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เช่นเดียวกับเพื่อนสาวของเธอทั้งสองคนที่จ้องเหตุการ์ตรงหน้าตาไม่กระพริบและยังอยู่ในความตระหนกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คนที่อยู่ในบริเวณนั้นกลับส่งเสียงร้องฮือฮา

    นิลเนตรทำร้ายเพียงชิดจันทร์โดยไม่สนใจสายตาของใคร ไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองเพียงเพราะเธอกำลังถูกความ หึงหวงเข้าครอบงำและคิดแค่เพียงว่าจะต้องทำให้ผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะกับคนรักของตัวเองหลาบจำจนไม่กล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับนราธรอีก

    ในขณะที่จรัสทิวาลอบยิ้มสะใจที่เห็นทั้งเพียงชิดจันทร์ถูกทำร้ายอย่างเลือดเย็น และในขณะเดียวกันนิลเนตรเพื่อนของเธอกำลังจะตกเป็นข่าวเสียหาย ถูกคนจับตามองและพูดในแง่ลบมากขึ้น โดยเธอแค่พูดเป่าหูกับหาหลักฐานใส่ร้ายนิดหน่อย...นิลเนตรก็เชื่อสนิทใจแล้วว่านราธรกำลังนอกใจ งานนี้เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเห็นๆ

    เพียงชิดจันทร์ได้แต่นั่งนิ่ง สองหน่วยตากลมใสร้อนผ่าวเพราะหญิงสาวทั้งเจ็บ ทั้งแสบ และอายโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองทำอะไรผิดถึงได้โดนอีกฝ่ายเอาคืนหนักมากขนาดนี้

    “นี่เป็นบ้าอะไร!” มณิสรตวาดอีกฝ่ายตาวาววับ อารมณ์เกรี้ยวกราดพลุ่งพล่านเมื่อได้สติคืนกลับมา หญิงสาวแน่ใจว่าเพื่อนอย่างเพียงชิดจันทร์เป็นคนเรียบร้อยและแสนดีมาก...มากจนเธอปักใจเชื่อไม่ลงว่าเพียงชิดจันทร์จะไปทำให้สองสาวรุ่นพี่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจจนถึงขั้นมาทำร้ายกันขนาดนี้

    มณิสรยืนขึ้นพร้อมกับเท้าเอวแล้วมองหน้าสองสาวรุ่นพี่ต่างคณะฯ ก่อนจะผลักไหล่นิลเนตรจนอีกฝ่ายเซ ไม่คิดเคารพว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ด้วยซ้ำ เพราะถ้ารุ่นพี่คิดจะระรานคนอื่นขนาดนี้เธอก็ไม่อยากเคารพเหมือนกัน ในเมื่อดาวคณะไพรไฟล์เลิศเลอ แต่กลับทำตัวไร้ค่า ไร้คุณธรรม เธอก็จะขอปกป้องเพื่อนตัวเองโดยไม่ห่วงหน้าตาเหมือนกัน

    “ถามเพื่อนเธอดูสิ ว่าทำไมหน้าด้านมาแย่งผู้ชายของฉัน” นิลเนตรประจันหน้ากับมณิสรอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน เวลาเลือดขึ้นหน้าไม่ว่าอะไรก็มาฉุดเธอไม่ลง “ไปอ่อยเขาท่าไหนล่ะ เขาถึงได้ควงเธอไปดูหนัง หรือว่า..ใช้เงินซื้อเขา”

    “ทุเรศ!” มณิกาที่นั่งนิ่งพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ถึงกับหมดความอดทน เธอขยะแขยงจนขนลุกซู่กับคำพูดของนิลเนตร ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องไม่แพ้ฝาแฝดของตัวเอง “จิตใจต่ำทราม คิดแต่เรื่องสกปรก!

    “ก็ยังดีกว่าหน้าด้านแย่งของคนอื่นก็แล้วกัน” นิลเนตรเชิดหน้าขึ้นอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะหันไปหาจรัสทิวาเพื่อนสนิทของตนเพื่อเอาหลักฐานมายืนยันว่าเธอไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลย และเพียงชิดจันทร์สมควรโดนเธอสั่งสอนแล้ว “ขอหลักฐานหน่อยน้ำตาล เดี๋ยวจะหาว่าเราแกล้งเด็ก”

    จรัสทิวาเปิดหลักฐานในโทรศัพท์มือถือของตนเองแล้วส่งให้นิลเนตร ก่อนที่นิลเนตรจะยื่นโทรศัพท์มือถือที่โชว์รูปภาพตอนที่เพียงชิดจันทร์กับนราธรกำลังซื้อป๊อบคอร์นด้วยกันให้สองสาวฝาแฝดดูให้เต็มสองตา

    “นี่ไง เห็นหรือยังว่าเบื้องหน้าใสซื่อ ไร้เดียงสาของเพื่อนเธอ ลับหลังน่ะแรดแค่ไหน” หลักฐานในมือทำให้นิลเนตรไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย อีกทั้งยังเห็นเป็นเรื่องสมควรแล้วด้วย

    “อย่ามากล่าวหาคนอื่นลอยๆ นะ อีกอย่างฉันว่าเธอลองไปถามแฟนเธอดีกว่าว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง” มณิกากอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน อีกทั้งรูปภาพที่เห็นก็เป็นวันที่เธอชวนเพียงชิดจันทร์ไปเป็นเพื่อนในเดทแรกของตัวเองด้วย “มัวแต่หึงหน้ามืด นี่แสดงว่ายังไม่คุยกันสิท่า แต่ก็นะ...ฉันเข้าใจพี่นัทแหละ มีแฟนแบบเธอพี่นัทคงปวดหัว ปวดจิต อยากเลิกเต็มทน”

    “อย่าไปคุยกับพวกสมองกลวงให้เสียเวลาเลยนิล ทำตัวใสๆ แก่นเสี้ยว แต่ใครจะไปรู้ว่าลับหูลับตาน่ะร้ายขนาดไหน เผลอๆ จะมีงานอดิเรกคือการแย่งแฟนชาวบ้านเสียด้วยซ้ำ”

    จรัสทิวาบอกพร้อมกับยิ้มแกมเยาะและใช้สายตาดูถูกไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคู่แฝดที่โกรธจนหน้าแดงยืนกำหมัดแน่น แต่สองสาวรุ่นพี่ไม่รู้เลยว่า ฟางเส้นสุดท้ายของรุ่นน้องต่างคณะฯ ทั้งสองคนได้สะบั้นลงในวินาทีนั้นแล้ว

    มณิสรรนทนไม่ไหวที่เพื่อนถูกทำร้ายยังไม่พอ เธอยังโดนอีกฝ่ายดูถูกดูแคลน เหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนไม่เหลือชิ้นดี โดนกล่าวหาร้ายแรงทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่เคยทำตัวเสื่อมเสียให้พ่อแม่ต้องกลุ้มใจเลยสักนิด และความอดทนที่หมดลงก็ทำให้มณิสรคว้าจานยำรวมมิตรบนโต๊ะเทราดรดลงบนศีรษะของจรัสทิวา ก่อนจะคว้าชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำของมณิกาคว่ำลงบนศีรษะของนิลเนตรตามมาติดๆ ทำเอาสองรุ่นพี่ต่างคณะฯ กรีดร้องและเต้นเร่าๆ ไม่หยุด

    “ไอเมี่ยง!” มณิการีบคว้าแขนคู่แฝดตัวเองเอาไว้ แต่ถึงจะห้ามอย่างไร...ตอนนี้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว “หยุดน่าเมี่ยง”

    “ห้ามทำไม นี่ฉันไม่ต่อยหน้าแหกก็บุญเท่าไหร่แล้ว” มณิสรบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว พายุอารมณ์ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ “สมน้ำหน้า คนบ้าก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”

    “นี่แก” จรัสทิวากัดฟันกรอด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอาคืนเธอกับนิลเนตรขนาดนี้

    “ทำไม ทีทำกับคนอื่นไม่เห็นจะมีใครลุกขึ้นมาโวยวายแบบนี้เลย” มณิสรทำท่าจะโผเข้าใส่คนก่อเรื่องก่อนอีกรอบ “รอเวรกรรมมันช้า ฉันนี่แหละจะเป็นตัวเร่งกรรมให้เอง แป๊บเดียวเปรตก็ร้องขอส่วนบุญเลย”

    “พอแล้วเมี่ยง แค่นี้พี่เขาก็ไม่กล้ามีเรื่องกับแกแล้วล่ะ”

    เพียงชิดจันทร์ที่ตอนแรกตกใจเพราะโดนรุ่นพี่รังแก ในเวลาต่อมาหญิงสาวก็ต้องอึ้งจนอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ามณิสรจะ ออกตัวแรงเอาคืนอีกฝ่ายแบบไม่ไว้หน้าเหมือนกัน น้ำตาที่ไหลอาบหน้าในตอนแรกพลันเหือดแห้งจนเธอต้องลุกขึ้นมายืนข้างมณิสรแล้วช่วยมณิการั้งไว้ไม่ให้เพื่อนตัวเองกับรุ่นพี่ต่างคณะฯ มีเรื่องกันจนบานปลาย




    เพียงชิดจันทร์กับมณิกาช่วยกันลากมณิสรออกมาจากแคนทีน กว่ามณิสรจะสงบสติดับความโกรธลงได้ก็ใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว

    เป็นที่รู้กันดีว่ามณิสรเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก ไม่ยอมคนและเอาคืนทันตาเห็น หากมีใครมาแกล้ง หรือรังแกคนที่เธอรัก มณิสรจะลุกขึ้นสู้ยิบตาจนกว่าจะหมดแรงหรือไม่ก็ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมศิโรราบ และด้วยความเป็นลูกทหารชาตินักรบ เลือดนักสู้ในกายเข้มข้นทำให้มณิสรไม่กลัวใคร และไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครด้วย ผิดกับมณิกาที่ถึงจะโกรธมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ลงมือทำร้ายใคร จะพูดจากันด้วยเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง

    มณิกากับมณิสรอาสามาส่งเพียงชิดจันทร์ที่บ้าน ซึ่งหญิงสาวก็เห็นด้วยเพราะปกติแล้วเธอจะโทรให้คนที่บ้านมารับ แต่ถ้าให้คนมารับกลับสภาพที่เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนมีหวังโดนถามไม่หยุด และเรื่องที่เธอโดนแกล้งคงโดนรายงานผู้ปกครองทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย อีกอย่างหญิงสาวอยากเข้าบ้านให้เงียบมากที่สุด...ไม่อย่างนั้นถ้าผู้ใหญ่ที่ดูแลเธอมาเห็นเข้าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

    คู่แฝดขับรถมาส่งเพียงชิดจันทร์ที่หน้าประตูบ้าน ไม่ได้เข้ามาในบ้านเหมือนทุกครั้ง แต่เพียงชิดจันทร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนเลย ดีเสียอีกเธอจะได้ย่องเงียบขึ้นบ้านได้อย่างสะดวกไม่เป็นที่สงสัยของใคร

    “จันทร์กลับมาแล้วเหรอลูก”

    แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นบันได เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นทำเอาเพียงชิดจันทร์ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่อย่างช่วยไม่ได้

    จะพูดว่ายังไงดี!

    เพียงชิดจันทร์ไม่เคยพูดโกหกมาก่อนเลยในชีวิต เธอเป็นเด็กดีและอยู่ในกรอบมาตลอด อยู่ในโอวาทและสายตาของผู้ใหญ่ แม้จะมีบางครั้งที่หญิงสาวอยากจะพูดโกหกเพื่อให้พวกท่านสบายใจ แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี

    หญิงสาวเม้มปากแน่น เสื้อนักศึกษาที่ขาวสะอาดของเธอถูกเคลือบไปด้วยสีน้ำตาลของกาแฟ และกลิ่นของมันก็คลุ้งตลบอบอวลอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าหากจะวิ่งหนีก็จะยิ่งมีพิรุธเข้าไปใหญ่




    ...Loading 100 %...

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    เรื่องนี้สะท้อนมุมมองจากตัวละครหลายตัว หลายฝ่าย ที่แสดงออกและมีความคิดแตกต่างกันออกไป ไรท์จงใจเขียนให้เห็นถึงมุมมองความรักของหนุ่มสาว เพื่อนฝูง มิตรภาพ และครอบครัว แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมไปหมดทุกอย่าง ต่อให้เป็นพระ-นางของเรื่องก็ตาม เรื่องนี้ปมเยอะ ตัวละครแน่นมาก ทั้งฝ่ายนางเอกและพระเอก วอนตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร ทุกบรรทัดนะคะ ^^
    ไม่งั้นถ้าพลาดไปอาจงงได้ ไม่อยากให้คนอ่านพลาดความสนุกเลย







    ตอนน้องผอม 'หนูจันทร์' ก็จะสวยประมาณนี้
    💐「@kimmiecla✌︎」💐





    ตอนเรียน 'พี่นัท' ก็จะหล่อประมาณนี้


    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×