คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทที่ 10 :: หัวใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด 50 %
วารวารีคิดว่า โดยปกติแล้วชีวิตของเด่นคุณคงเจอแต่ผู้หญิงช่างเจรจา
ช่างออดอ้อน เอาอกเอาใจเก่ง เขาคงชอบผู้หญิงทำนองนั้นถึงได้มองว่าณพิศดูร้าย ดูแรงมากกว่าผู้หญิงคนอื่น
ผิดกับที่เธอมองเห็นณพิศลิบลับ
เพราะวารวารีคิดว่าคนอย่างณพิศแข็งกร้าวเพียงแค่เปลือกนอก
แต่ข้างในอ่อนยวบราวกับคนละคน
“คุณทำท่าเหมือนไม่เชื่อฉันเลยนะคะ
ว่าฉันกับคุณคุณ..” วารวารีไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ในเมื่อเธอก็ควงแขนเขาออกงานจริงๆ อย่างที่ทุกคนเห็น ที่สำคัญไปกว่านั้น...ดูท่าเด่นคุณจะเจ้าชู้ไก่แจ้ใช่เล่น
การเปลี่ยนหน้าผู้หญิงไปมาบ่อยๆ เลยทำให้ทุกคนพากันคิดไปว่าเธอคือ ‘เด็กใหม่’ ที่เด่นคุณอยากจะเปิดตัว
ณพิศไหวไหล่
ไม่ตอบว่าตนเองคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
“แล้วเธอชื่ออะไร
ทำไมถึงมางานนี้กับคุณได้”
“ฉันชื่อ..วาฬ..ค่ะ
เป็นพนักงานในโรงแรมของคุณคุณ” หญิงสาวแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วเธอรู้จักฉันไหม?”
ณพิศยิงคำถามใส่ “คุณเล่าอะไรเกี่ยวกับฉัน ให้เธอฟังหรือเปล่า” ถึงปากจะถามอีกฝ่าย
แต่สายตาของณพิศก็จับจ้องวารวารีประเภทไม่ละสายตากันเลยทีเดียว
แม้อีกฝ่ายจะบอกชัดเจนว่าตนเองเป็นเพียงพนักงานธรรมดาในโรงแรมของเด่นคุณ
ไม่มีอะไรอย่างที่เธอกำลังสงสัย หากแต่ความอ่อนโยน แววตาของเด่นคุณที่มองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
และท่าทางที่ดูสนิทสนมกัน ก็ทำให้ณพิศยากจะเชื่อว่า...วารวารีจะเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เด็กคนนี้มีอะไรพิเศษในตัวเอง ขนาดเธอยังสัมผัสได้ในความน่ารัก ใสซื่อ และคำพูดที่จริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยม คงไม่แปลกหรอกที่เด่นคุณจะพาออกงานด้วย
“คุณคุณไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังหรอกค่ะ บอกแค่ว่าคุณณพิศเคยคบกับเขาในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น”
เด่นคุณกำลังยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ทำให้เด็กสาวที่เขาควงออกหน้าออกตาสบายใจอย่างนั้นหรือ ณพิศครุ่นคิด
“งั้นเหรอ
ฉันเห็นว่าเธอกับคุณมองฉันอยู่พักนึงที่ริมสระน้ำ ถ้ามีเรื่องอะไรข้องใจ เธอก็ถามฉันได้โดยตรงเลยนะ
ฉันไม่อยากให้เธอไปรู้เรื่องของฉันกับคุณจากคนอื่นน่ะ”
ณพิศเป็นคนตรงไปตรงมา
อย่างที่วารวารีคิด อย่างที่เด่นคุณบอกไว้
“ค่ะ”
“หรือบางที
คุณเองอาจจะเล่าเรื่องของเราผิดไปก็ได้ ฉันอยากให้เธอฟังเรื่องจากฉันด้วย
ฟังความข้างเดียว..บางเรื่องที่คุณเล่าอาจจะเป็นแค่เรื่องที่เขาเข้าใจผิดไป”
“คุณณพิศอย่าเข้าใจคุณคุณผิดไปเลยนะคะ”
วารวารีช่วยแก้ต่างให้เจ้านาย ก่อนจะทำท่าอ้ำอึ้ง “แต่ความจริง..ฉันก็มีคำถามเรื่องหนึ่งที่อยากรู้
ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากไป คุณณพิศช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะว่าเด็กผู้หญิงที่ตามมาด้วย เป็นลูกที่เกิดจากคุณคุณหรือเปล่า
หรือว่าเป็นลูกสาวที่คุณณพิศเกิดแท้ง หรือน้องเสียจากอุบัติเหตุคะ?”
คำถามจากวารวารีทำเอาผู้หญิงที่สวยสง่า
กล้าพูดจาอย่างตรงไปตรงมานั้นกำมือของตัวเองแน่น แล้วครู่หนึ่งนั้นณพิศก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง
ราวกับว่าตนกำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังเอ่อล้นออกมา นั่นเพราะดวงตาทั้งสองข้างเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาปริ่ม
“นะ..นี่
นี่เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ใบหน้าสวยซีดเผือดลงไร้สีเลือดในบัดดล
คำพูดจาติดขัดไปซะหมด
“คุณณพิศบอกฉันได้ไหมคะ..”
วารวารีถามกลับ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ “ถ้าคุณณพิศบอกได้
ฉันจะเล่าให้ฟังค่ะว่าฉันเห็นอะไร แล้วลูกของคุณพยายามจะสื่อสารบอกอะไร”
“ลูกเหรอ..”
น้ำเสียงของณพิศสั่นเครือ จนแทบจับใจความไม่ได้
“ค่ะ..ลูกสาวของคุณ
คุณตั้งชื่อลูกว่าน้องนีน่าใช่หรือเปล่า..?”
ณพิศพยักหน้ารับ น้ำตาที่อัดแน่นก่อนหน้านี้ ร่วงผล็อยลงมาอาบแก้ม
ใช่..วารวารีพูดถูกทุกอย่าง ลูกของเธอเป็นลูกสาว ชื่อ..นีน่า
“นีน่าเป็นลูกของฉันกับไอ้สารเลวนั่น” คนเล่ากัดฟันตอนพูดเมื่อนึกถึงผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าณพิศเกลียดแค้นอีกฝ่ายมากมายเพียงใด “ฉันไม่ได้ท้องกับคุณ..เธอสบายใจได้เลย แล้วที่ผ่านมาฉันก็ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับบ้าบออะไรด้วย”
ณพิศปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
สูดน้ำมูก พยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่แสนจะเจ็บปวดเอาไว้ในใจ
ก่อนจะมองวารวารีด้วยสายตาแข็งขึง จนหญิงสาวคิดว่า ‘งาน’ กำลังจะวิ่งเข้าตัวเองแล้ว
“แม้ที่ผ่านมาฉันจะคิดถึงลูกฉันมาก
คิดโทษตัวเองเสมอว่าไม่น่าพลาดมาแต่งงานกับผู้ชายเลวๆ ไม่น่าไปรู้จักผูกพันกับครอบครัวของไอนั่น
แต่ฉันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว”
แม้ณพิศจะคิดถึงลูกที่จากไป
แล้วเธอก็เคยถึงขั้นพึ่งพวกร่างทรงอย่างคนโง่งมงาย แต่คนพวกนั้นก็แค่คนลวงโลก
จากผู้หญิงแข็งแกร่ง
โลกที่กำลังจะสวยงามดันพังทลายไปต่อหน้าต่อตา
ที่เหลืออยู่ทุกวันนี้เธอห่อเหี่ยวจนแทบอยากจะคิดสั้นตายตามลูกไปด้วยซ้ำ
ติดอย่างเดียว..เธอเองก็เป็นลูกที่พ่อแม่รักมาก ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว
ถ้าเธอตายไปพวกท่านก็คงเสียใจ ใจสลายไม่ต่างกัน
แค่เธอจมอยู่กับความทุกข์
พ่อแม่ยังเป็นห่วงเธอเสียยิ่งกว่าห่วงตัวเองอีก
“ใจเย็นๆ
ก่อนนะคะ ฉันไม่ได้จะมาหลอกลวงใคร แล้วฉันก็ไม่ใช่พวกร่างทรงที่หวังหลอกลวงทรัพย์สินของใครด้วย
เพียงแต่ฉันเห็นในสิ่งที่..ไม่ควรเห็นก็เท่านั้น” ในประโยคสุดท้าย
วารวารีน้ำเสียงอ่อนลงมาก “ถ้าฉันทำให้คุณณพิศไม่สบายใจ ฉะ..ฉันขอโทษนะคะ”
วารวารียกมือไหว้ณพิศ
แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า แล้วเอื้อมมือมาจับมือของวารวารีเอาไว้
“ฉันไม่ได้ว่าอะไร
เพราะฉันเชื่อเธอ”
“คะ?”
“พวกหมอดู ร่างทรงนั่นไม่เคยมีใครรู้อดีตแล้วพูดถูกเลยสักคน มีเธอคนแรกที่รู้ชื่อลูกของฉัน”
วารวารีกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของณพิศที่ทอดมองมายังเธอมีความอ่อนโยนลง ทว่าแรงสั่นกระเพื่อมของหน้าอก กับไหล่ที่ไหวนั้น ก็บอกได้ว่าณพิศเสียใจเรื่องลูกของเธอมาก จนไม่สามารถทำใจได้
“ขอโทษนะ
แต่ความรู้สึกของฉัน...” เสียงของณพิศแหบและสั่นเครือ
เธอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ความเสียใจมันก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอ่อล้นออกมามากมายจนไม่สามารถสกัดกลั้นได้
ณพิศยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า
ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน นั่นเพราะเรื่องที่ผ่านมาในอดีต ชีวิตของเธอมันช่างรันทดเสียยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าวซะอีก
พักใหญ่เห็นจะได้ที่ณพิศร้องไห้ออกมาอย่างปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจที่เก็บเอาไว้ข้างใน
โดยที่วารวารีทั้งปลอบโยนอีกฝ่าย และร้องไห้ตามออกมา
วารวารีสงสารณพิศจับใจ
เธออาจไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่ยากลำบากของอีกฝ่าย แต่ภาพที่เห็นนัยน์ตาคือ
เด็กผู้หญิงที่จับแขนแม่ตัวเองเอาไว้ แล้วเอาหน้าแนบพลางพูดซ้ำๆ ไปมาว่า
“นีน่ารักแม่นะคะ
แม่อย่าร้องไห้นะคะ”
นานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ที่อารมณ์ของณพิศค่อยๆ
สงบลง จากนั้นเธอก็เล่าให้ฟังว่าเธอได้คบหากับลูกชายนักธุรกิจคนหนึ่ง เขารวยมาก มีกิจการทั้งในและนอกประเทศ
ชีวิตที่เคยหวังเอาไว้ว่าสวยหรูกำลังเริ่มต้นไปอย่างสวยงาม จนกระทั่งทั้งสองคนลั่นระฆังวิวาห์
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั่งณพิศตั้งท้องลูกสาว
แต่พอบอกข่าวดีกับฝ่ายชายทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลง
ทั้งคู่มีปัญหากันบ่อยขึ้น ฝ่ายชายอารมณ์ร้อนมาก บางครั้งก็ผลักเธอโดยไม่สนใจเลยว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา มีครั้งหนึ่งณพิศทะเลาะกับคนรักของเธอรุแรงมาก...เรื่องที่เธอระแคะระคายว่าเขากำลังมีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่ เพียงแต่ผู้หญิงอยู่คนละประเทศกัน ฝ่ายชายก็ผลักเธอตัวไปชนกับเตียงแรงมากจนเธอนอนกองกับพื้นอยู่อย่างนั้น หนำซ้ำมีเลือดไหลออกมา
ณพิศตกใจมากนึกว่าตัวเองจะเสียลูกไปแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าเธอและลูกยังปลอดภัยดี ทว่าหลังจากออกมาพักฟื้นที่บ้านเธอก็ไม่เคยเจอหน้าสามีตัวเองอีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอท้องเข้าเดือนที่ 5 แล้ว สามีเธอกลับมาหา เขาเข้ามาในห้องพร้อมกับแม่ของเขา และบอกว่าเขาจำเป็นต้องเลิกรากับเธอ เพราะต้องการแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีในฝั่งยุโรป มีธุรกิจในมือมากมาย และแน่นอนว่าการแต่งงานครั้งนี้เพื่อขยายกิจการออกไป ไม่ได้มีความรักความผูกพันเข้าเกี่ยวข้องเลย
แต่ณพิศในตอนนั้นยังเป็นสาวที่บูชาความรักและความสมบูรณ์แบบของชีวิต
เธอเองก็มีหน้าตาในสังคมไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน และที่สำคัญเธอรักเขามาก...มากจนยอมย้ายถิ่นฐานบ้านเกิดมาอยู่กับเขาไกลอีกซีกโลก
แต่จู่ๆ เขาก็อยากจะตัดขาดกับเธอทั้งที่แต่งงานมีลูกด้วยกันแล้ว
แน่นอนว่าณพิศไม่มีทางยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้
เธอปฏิเสธที่จะหย่ากับเขาอย่างหนักแน่น และพยายามยื้อทุกอย่างเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ระหว่างที่เธออุ้มท้องก็มีแม่สามีที่คอยดูแลอย่างดี
แต่ใครจะคิดล่ะว่าทุกอย่างมันคือภาพลวงตา! เมื่อวันหนึ่งเธอตกเลือด
นอนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในห้องน้ำ ใกล้จะขาดใจอยู่รอมร่อ
แล้วตอนที่สติใกล้จะดับลง...แม่สามีเธอก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
แต่แทนที่จะช่วยเหลือหรือตกใจ ท่านกลับกอดอกยืนมองเธอนิ่ง
เหยียดปากอย่างสาแก่ใจแล้วค่อยๆ หยัดตัวนั่งยองๆ มองเธอใกล้ขาดใจตายอย่างเลือดเย็น
ณพิศเจ็บแค้นใจมาก
เธอรู้สาเหตุที่ตนเองตกเลือดในทันที แต่ในตอนนั้นเธอก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเอง
พยายามดิ้นรนเข้าไปกอดขาขอร้อง ขอความเห็นใจกับแม่มดใจร้ายให้พาเธอส่งโรงพยาบาล
ความกลัว
ความแค้น และความเจ็บปวดตีกันมั่วไปหมด แต่นอกเหนือสิ่งอื่นใดคือเธอเป็นห่วงลูกในท้อง
จนเป็นฝ่ายยอมเอ่ยปากว่าจะยอมหย่ากับสามีแต่โดยดี นั่นแหละ..แม่สามีถึงยอมพาเธอไปโรงพยาบาล
แต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไป เธอเสียลูกไปแล้วเพราะยาที่แม่สามีเธอเอาให้ทานทุกวัน
ณพิศแค้นมาก
แต่เธอทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิด อีกอย่างสามีเธอมีพรรคพวกในสายธุรกิจมากมายในขณะที่เธอไม่มีอะไรเลย
เหมือนมดตัวเล็กๆ ที่พร้อมจะถูกบี้ให้ตายทุกเมื่อ
โห พวกคนรวยนี่เลวกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ
มันไม่ได้สวยหรูเหมือนในละครเลย
วารวารีคิดในใจขณะที่ฟังณพิศเล่าชีวิตอันแสนเลวร้ายของตนเองให้ฟังไปด้วย
“นอกจากจะหมดรักแล้ว
ฉันยังแค้นมาก แค้นจนสาปแช่งครอบครัวนั้นแทบจะทุกลมหายใจเข้าออกเลยล่ะ” ณพิศกัดฟัน
ขณะที่วารวารีพยักหน้าเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
แหม..ถ้าเธอโดนทำเหมือนไม่ใช่คนขนาดนั้น
โดนพรากลูก ไหนจะยังโดนเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายมาต่อรอง เธอคงยอมเอาตัวเองเดิมพันกับทุกสิ่งบนโลกเพื่อตามล้างแค้นครอบครัวอีกฝั่งให้พินาศล่มจมแน่ๆ
ณพิศไม่ตามล้างตามเช็ดอะไรเลย...นี่ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว
“ดังนั้นพอกลับมาไทยฉันก็ซึมไปพักนึงเลย
ไม่ออกไปพบใคร ไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เหมือนโลกมันพังทลาย
จิตใจเคยตกต่ำสุดๆ จนพาตัวเองไปดูเจ้าเข้าทรง
เพราะเชื่อว่าสิ่งพวกนั้นจะช่วยให้ฉันเจอลูกหรือพูดคุยอะไรกับลูกได้บ้าง
ขอแค่สักครั้งก็ยังดี แต่ยิ่งไป..สำนักแล้วสำนักเล่า
อะไรที่ว่าเด็ดก็ไม่มีใครบอกได้เลยว่าลูกของฉันชื่ออะไร ฉันเลยล้มล้างความคิดทั้งหมดแล้วเปลี่ยนไปทำบุญให้ลูกแทน”
“คุณณพิศอย่าห่วงเลยนะคะ
ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หรืออะไรก็ตามที่คุณตั้งใจทำบุญ
น้องได้รับในความตั้งใจดีของคุณทั้งหมดแล้ว” วารวารียิ้มให้อีกฝ่าย
แต่ตอนนี้เธอเศร้ามากเพราะอินจัดกับเรื่องที่ณพิศบอกเล่าให้ฟัง “อีกอย่างวาฬไม่รู้ว่าคุณณพิศจะเชื่อมั้ย
แต่ว่าในโลกของวิญญาณเอง เด็กก็เติบโตขึ้นได้เหมือนในโลกปกตินะคะ ลูกคุณณพิศประมาณ
3 ขวบ”
“ใช่”
ณพิศพยักหน้ารัวๆ กำแพงที่เคยตั้งเอาไว้ใส่คนแปลกหน้าตอนนี้มันได้สลายหายไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด่นคุณถึงได้เอ็นดูหญิงสาวตรงหน้านัก
เพราะขนาดเพิ่งรู้จักกันวารวารียังทำให้เธอสบายใจและรู้สึกเหมือนคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมานาน
นี่แหละที่เขาเรียกว่า..ตัวจริง “นีน่าสามขวบกว่า ถ้านับจากวันที่ฉันเสียลูกไป”
“เท่าที่วาฬเห็นน้องน่ารักมากนะคะ
แถมยังรักคุณณพิศมากด้วย แกเดินจับแขนแม่ตลอดเลย แล้วเมื่อกี้ที่คุณณพิศร้องไห้
น้องก็คอยปลอบคุณตลอด บอกด้วยว่ารักคุณมากๆ” วารวารีบอก
อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องดีๆ ที่ณพิศควรรับรู้ให้ชื่นใจบ้าง “ถึงจะมีคนเคยบอกว่าเราไม่ควรมาจิตไปผูกกับคนที่จากไปแล้ว
แต่วาฬเข้าใจค่ะว่าบางเรื่องมันก็ยากจะทำใจไหว อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร
ยังสบายดีมั้ย มันก็ทำให้เรามีกำลังใจและหายคิดถึงได้บ้างแล้ว”
“นั่นสินะ”
วารวารีพูดถูก แค่ได้รู้ว่ามีคนที่เธอคิดถึงอยู่ข้างๆ มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้ว
โลกที่เคยพังทลายลงไปมันกลับมาสวยงามอีกครั้งแล้ว “แม่รักหนูนะนีน่า
ขอบคุณนะคะคนเก่งของแม่ วันหลังแม่จะไม่ร้องไห้แล้วน้า~”
ความคิดเห็น