ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในอ้อมแขนคุณ อุ่นไปถึงหัวใจ ♥

    ลำดับตอนที่ #13 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทที่ 08 :: พ่อลูกชายตัวดี! 50 %

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 65


    ในอ้อมแขนคุณ...
    อุ่นไปถึงหัวใจ 

    บทที่ 8 - พ่อลูกชายตัวดี!


    “วารี..ไปเปิดประตูหน่อยสิ”

    ยังไม่ทันได้สงสัยอะไร เสียงเด่นคุณที่ออกอาการหงุดหงิดระคนรำคาญก็ดังขึ้นเรียกวารวารีให้ไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่มาเยือนแต่เช้า

    หญิงสาวเองก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

    นี่คงเป็นนิสัยที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะเปื้อนรอยยิ้มใจดีสินะ น้ำเมานี่มันทำลายทุกอย่างจริงๆ ทั้งสติ แล้วก็ภาพลักษณ์อันน่าเชื่อถือที่เจ้าตัวเคยสั่งสมมา

    “ค่าๆ” หญิงสาวรับคำ พร้อมกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำอย่างมิดชิดอีกครั้ง ก่อนเดินไปยังประตูด้านหน้า แล้วส่งเสียงบอกคนข้างนอก “สักครู่นะค้า~”

    ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือน วารวารีกลับพบเป็นเพียงหญิงสูงวัยคนหนึ่ง ถือกระเป๋าราคาแพงทำหน้าบึ้งตึง แล้วจ้องเธอด้วยแววตาเอาเรื่อง!

    นี่มัน..คุณนายนี่นา

    วารวารีตกใจจนหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าแขกที่มาหาแต่เช้าแบบนี้จะเป็นแม่ของเจ้านายเธอ แต่ถึงอย่างนั้น...หญิงสาวก็ยังพอมีสติยกมือไหว้ท่านด้วยกิริยานอบน้อมถ่อมตน ขณะที่คุณนายดุจเดือนมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาไม่พอใจอย่างมาก อีกทั้งหัวคิ้วยังขยับเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปม

    “นี่แม่หนู..” ดุจเดือนมองเด็กสาวตรงหน้า แล้วยืนกอดอก พลางพ่นลมหายใจออกมา พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ปรี๊ดแตกสุดฤทธิ์สุดเดช “เธอมาอยู่ในห้องลูกชายฉันได้ยังไงจ๊ะ”

    นอกจากจะไม่พอใจที่เห็นเด็กสาวหน้าตาหน้าชังราวกับเด็กจบใหม่อยู่ในห้องลูกชายของตนแล้ว สิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่แทบจะไล่อีกฝ่ายตะเพิดเสียเดี๋ยวนี้ก็คือชุดที่อีกฝ่ายสวมออกมาต้อนรับนั่นแหละ ล่อแหลมเสียไม่มี!

    เจ้าคุณนะ เจ้าคุณ!

    “หนูคือ แบบว่า...” วารวารีอ้ำอึ้งด้วยเพราะรู้ตัวดีว่าชุดที่เธอสวมอยู่นั้น ชวนให้ท่านเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นเหลือเกิน ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่เลย แล้วที่สำคัญเจ้านายเธอยังมองเห็นเธอเป็นเพียงเด็กสาวกะโปโลคนหนึ่ง ที่ไม่มีทางจะชวนขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงด้วยแน่ๆ

    “เจ้าคุณคงลากมาสนุกด้วยกันเมื่อคืนสินะ” เสียงฮึดฮัดขัดใจพูดแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กสาวพูดไม่ออกเพราะถูกจับได้คาหนังคาเขา และคงไม่คิดว่าจะเจอแจ็กพ็อตด้วยการเจอแม่ฝ่ายชายมายืนหน้าห้องแบบนี้

    “เปล่านะคะ” วารวารีรีบปฏิเสธเสียงดังฟังชัด พร้อมโบกไม้โบกมือไปมา “คุณนายกำลังเข้าใจหนูกับคุณคุณผิดนะคะ เราสองคน...”

    “เอาเหอะแม่คุณ!” ดุจเดือนยกมือปรามเหมือนไม่อยากจะฟังคำแก้ตัว “จะพูดจะจาอะไร ก็ก้มดูสภาพตัวเองก่อน นุ่งน้อยชิ้นขนาดนี้ คงเพิ่งตื่นล่ะสิท่า”

    ดุจเดือนว่า พลางผลักวารวารีให้เปิดทาง แล้วเดินแทรกเข้าด้านใน ก่อนจะหันมาสั่งเสียงเข้มเพราะทนดูไม่ได้

    “ไป ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปจากห้องลูกชายฉันได้แล้ว ตายจริง..เด็กสมัยนี้ก๋ากั่นกันน่าดู พ่อแม่รู้รึเปล่าว่าทำตัวน่าบัดสีแบบนี้ ทำตัวให้ราคาตกเสียเปล่าๆ”

    เสียงบ่นพึมพำดังขึ้นเรื่อยๆ วารวารีไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่คอตก แล้วเดินตามหลังดุจเดือน โดยที่เด่นคุณยังนอนพลิกตัวไปมาเอาหมอนอิงอุดหูราวกับรำคาญเสียงพูดคุยกัน

    “แล้วนี่อะไร นอนแอ้งแม้ง ทำตัวไม่รู้จักโต” ดุจเดือนยืนเท้าเอวมองลูกชายอย่างหัวเสีย “พอไม่พูดไม่ดุเข้าหน่อย ก็เละเทะกันทั้งพี่ทั้งน้องเชียว สงสัยฉันจะพึ่งได้แค่เจ้าพงษ์คนเดียว”

    “คุณคุณคะ คุณคุณ...” วารวารีไม่อยากให้ดุจเดือนอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เลยรีบแทรกตัวไปเขย่าตัวเด่นคุณที่นอนทำหน้าหงุดหงิด แม้ตาจะยังหลับอยู่ “ตื่นสิคะ”

    “ขอนอนแป๊บเดียวเอง ยังไม่เที่ยงเลย” เด่นคุณตอบกลับมาเสียงอู้อี้

    “ตื่นเถอะ ขอร้องล่ะค่ะ”

    ดุจเดือนสะกิดไหล่เด็กสาวบอกให้ถอยออกมา ก่อนจะเดินไปหยิบไม้แขวนเสื้อที่ตาเหลือบไปเห็นในห้องนอนชั้นล่างพอดี พอเลือกไม้ได้เหมาะมือแล้ว คนเป็นแม่ก็เดินกลับไปหาลูกชาย แล้วฟาดเบาๆ ไปที่แขน

    “โอ๊ย! นี่เธออยากจะโดนไล่ออกหรือไงกัน” เด่นคุณเขวี้ยงหมอนอิงทิ้ง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นพร้อมกับแผดเสียงดังเพราะคิดว่าคนที่ฟาดเขาคือวารวารี แต่พอลืมตาเห็นมารดายืนทำหน้ายักษ์เท่านั้นแหละ สีหน้าที่หงุดหงิดจนหน้าดำหน้าแดงก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปในทันตา “แม่..!

    “ก็ใช่น่ะสิ หรือคิดว่าสาวที่ไหนตามมาอาละวาดเราหรือไงฮะ” ดุจเดือนง้างมือที่ถือไม้แขวนเสื้อกลางอากาศ ตั้งท่าราวกับจะฟาดลูกชายอีกรอบ “ตอบแม่มาซิ ว่านี่มันอะไรกัน”

    เพราะกำลังงัวเงีย สมองทั้งเบลอ ทั้งมึนงง จนทำอะไรไม่ถูก นอกจากส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากเด็กสาวด้านหลังมารดาตัวเอง แต่คำพูดที่ได้รับกลับมาจากวารวารีดันเป็นเหมือนน้ำมันที่ช่วยราดรดบนกองเพลิงที่กำลังโหมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ให้ลุกโหมขึ้นเป็นอย่างดี

    “ไหนคุณคุณบอกว่าเมื่อคืนกลับไปนอนบ้านไงคะ” หญิงสาวถามเขาหน้าซื่อ สีหน้าทำเหมือนตนกำลังจับได้ว่าแฟนตัวเองกำลังโกหก จนเขาถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจแล้วยกมือขึ้นมาทึ้งผมตัวเองแรงๆ

    นี่อะไรวะเนี่ย

    “ถ้าลูกชายคนดีของฉันกลับบ้าน ฉันจะมาตามถึงนี่มั้ย” ดุจเดือนหันไปเอ็ดเด็กสาวเสียงเข้มไม่ต่างกัน

    “แม่ๆ แม่ฟังก่อนนะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะครับ” เด่นคุณลุกขึ้นยืน สองมือสองไม้ยื่นออกไปตั้งท่าเป็นฝ่ายรับ กันไม่ให้มารดาเอาไว้แขวนเสื้อเหวี่ยงมาฟาดอีก

    ให้ตายเหอะ! โดนแม่ตีต่อหน้าพนักงานตัวเองนี่มันเสียฟอร์มชะมัด...

    “จะให้แม่เชื่ออะไรเราอีก หึ! นิสัยเดิมๆ มันกลับมาอีกแล้วสิเนี่ย” ดุจเดือนตั้งท่าจะลงไม้ใส่ลูกชาย แต่เด่นคุณก็วิ่งพรวดไปหลบหลังวารวารีแล้วใช้หญิงสาวเป็นโล่กำบังตัวเอง

    “นี่ อย่ามาหลบแม่นะเจ้าคุณ!

    “แม่ก็เอาไม้ไปเก็บก่อนซี้~”

    “ไม่ แม่จะตีแกนั่นแหละ ให้มันรู้ไปเลยว่าแม่เลี้ยงเรามาไม่ดี” ดุจเดือนวิ่งไล่จนกลายเป็นแมวจับหนู คนนึงตาม คนนึงหนี คนที่ซวยสุดตอนนี้ก็คือวารวารีที่อยู่ตรงกลางสนามรบระหว่างเจ้านายกับแม่ของเขา แถมยังโดนเด่นคุณกระชากไปกระชากมา “คิดว่าโตแล้วแม่จะไม่กล้าตีเราหรือไง นี่อย่าเอาแม่หนูนี่มาบังนะ”

    “ใช่ค่ะ คุณคุณเลิกจับวาฬเป็นโล่ได้แล้ว วาฬเวียนหัว”

    วารวารีหัวสั่นหัวคลอนไปตามทิศทางที่เจ้านายตัวเองลากเธอหลบเงื้อมือคนเป็นแม่ ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่รับงานพิเศษมานี่...ชีวิตเธอวุ่นวายเหมือนตายวันแรกเลย

    “ปล่อยได้ไงเล่า..” เด่นคุณไม่ปล่อยง่ายๆ อีกทั้งยังจับเสื้อคลุมอาบน้ำหญิงสาวแน่นกว่าเดิม “แม่วางไม้ลงก่อน แล้วคุยกันดีๆ เหอะนะครับ”

    “หึ! คุยดีๆ นี่คิดว่าแม่จะเชื่อความกะล่อนของเราหรือไงเจ้าคุณ” ดุจเดือนมองตาเขียว ไม่เข้าใจว่าลูกชายทั้งสองคนได้ความลื่นเหมือนปลาไหลมาจากใครกัน ผิดกับเด่นฤกษ์พี่ชายคนโตที่ถอดแบบมาจากพ่อเป๊ะๆ ไม่ออกนอกลู่นอกทางให้ปวดใจสักเท่าไหร่ “แกบอกแม่หนูนี่ว่าจะกลับบ้าน แล้วบอกแม่ว่าจะนอนค้างคอนโดฯ ไอนิสัยโกหกแม่ไม่เคยสอนเลยนะ!

    ยิ่งพูด ดุจเดือนก็ยิ่งโกรธลูกชายคนรองหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไหนจะกลิ่นเครื่องดื่มที่เหม็นคลุ้งไปทั่วตัวเด่นคุณอีก

    “แม่..”

    “โตจนเป็นผู้บริหารฯ โรงแรมใหญ่โตแล้ว อย่าให้แม่ต้องตามว่าจนปากเปียกปากแฉะเลยนะ” ดุจเดือนทำท่ากุมขมับ แต่ก็ยังมีแรงวิ่งไล่ลูกชายไม่หยุดหย่อน “ทำอะไรถึงไม่เห็นแก่หน้าพ่อแม่ ก็ให้สำนึกว่าคุณเป็นอาของหลานๆ ทำตัวให้เด็กมันเคารพก็ยังดี”

    “ฟังก่อน” เด่นคุณหลบไปก็พยายามเอื้อมมือไปจับไม้แขวนเสื้อที่ไกวอยู่ตรงหน้า “ถ้าแม่เอาไม้ลงนะ คุณจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังหมดเลย”

    “เห้อ..นี่แม่หนู หล่อนดูเอาไว้เถอะนะ ถ้าลองกล้าโกหกครั้งแรก ก็คงมีครั้งสองครั้งสามตามมา” ดุจเดือนถอนหายใจ นอกจากไม่คิดจะฟังคำพูดของลูกชายแล้ว ยังหันไปเกลี้ยกล่อมวารวารีให้คล้อยตามตนเองอีกด้วย “เสียดายจริง ลูกชายฉันสองคนไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ถ้าหนูจะเลิกกับลูกชายฉัน..ก็ถือว่ามีบุญมากแล้วล่ะ”

    “แต่คุณนายคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับคุณคุณนะคะ หนูเป็นแค่พนักงานเอง” วารวารีพยายามดิ้นให้หลุดทั้งจากการเกาะกุมของเด่นคุณ และเหวี่ยงตัวหนีทิศทางของไม้แขวนเสื้อไปด้วย

    หมดกันเช้าที่สดใส กลายเป็นเช้าที่บรรลัยแทน..

    “อ๋อ เดี๋ยวนี้กล้าดีทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดแล้วเหรอ” ดุจเดือนได้ทีก็ฟาดไม้ลงไปที่หลังลูกชายทีนึงด้วยความโมโหโกรธา ทำเอาเด่นคุณกระโดดโหยงด้วยความเจ็บ

    “โอ้ย..แม่! คุณเจ็บนะ”

    “เพราะมันเป็นอย่างที่แม่พูดไง ถึงได้ควงกันมาระเริงรักถึงกรุงเทพฯ”

    “ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่นะแม่” คนเป็นลูกส่ายหน้าปฏิเสธจนหัวแทบหลุด “ก็เมื่อกี้วาฬบอกแล้วไงว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมแม่ไม่ฟังบ้าง”

    “จริงค่ะคุณนาย”

    ดุจเดือนหยุดมองทั้งสองคน เห็นภาพลูกชายตัวเองกอดอีกฝ่ายแนบแน่นไม่ยอมปล่อย ภาพมันตำตาขนาดนี้แล้ว...ยังมีหน้ามาโกหกกันได้ลงคออีก

    ถ้าคนไม่ได้เป็นอะไรกัน จะกล้าถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้หรือไง

    “ไม่ได้เป็นอะไรกันยังไง กอดกันกลมจนจะละลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเนี่ย”

    คำพูดเกรี้ยวกราดของดุจเดือนทำให้สองหนุ่มสาวมองหน้ากัน แล้ววารวารีก็รีบพาตัวเองผละออกห่างเจ้านายตัวแสบ ขณะที่เด่นคุณรีบปล่อยมือออกจากตัวหญิงสาวแทบจะทันที

    สงสัยต้องเป็นช่วงชุลมุนแน่ๆ เขาถึงได้ทีคลุกวงในซะแน่นเขียว

    และยังไม่ทันได้แก้ตัวอะไร ดุจเดือนที่เหลืออดกับลูกชายจนคุมความโกรธเอาไว้ไม่อยู่หวังจะตีเด่นคุณให้หลาบจำ ก็เงื้อไม้แขวนเสื้อจงใจจะฟาดลูกให้หายโมโหอีกรอบ แต่เด่นคุณก็ไหวตัวทัน ถึงได้ดึงวารวารีเข้ามาเป็นโล่ให้ตัวเองอีกครั้ง

    แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าวารวารีจะต้องมารับเคราะห์แทน

    เพี๊ยะ!

    เสียงไม้แขวนเสื้อกระทบเนื้อเสียงดังฟังชัดเจน แต่คนที่โดนทำโทษไม่ใช่เด่นคุณ ทว่ากลับเป็นพนักงานสาวที่ต้องมารับกรรมแทนเขา

    “โอ๊ย!” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะน้ำหนักมือที่ดุจเดือนตีลงมานั้นเต็มแรงแบบไม่ยั้งมือกันเลยทีเดียว แถมแขนที่โดนฟาดยังขึ้นเป็นแนวแดงทันตาเห็น

    ทางด้านดุจเดือนเองก็ตกใจจนนิ่งงันไป เพราะท่านไม่ตั้งใจทำร้ายอีกฝ่าย พอเห็นว่าตัวเองฟาดผิดคน ไม้แขวนเสื้อที่อยู่ในมือก็ร่วงลงสู่พื้นทันที

    “ตาคุณ เรานั่นแหละดึงแม่หนูนี่มากันแม่ทำไม!

    “เอ้าแม๊!

    “ไม่ต้องมาเสียงสูงใส่แม่เลย ความผิดแกนั่นแหละเจ้าตัวดี!” ดุจเดือนมองลูกชายด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ก่อนจะรีบรุจเข้าไปหาเด็กสาวที่ตนเผลอพลั้งมือใส่ “เป็นอะไรมากมั้ยหนู ขอโทษทีนะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะตีลูกชายตัวดี”

    “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น ตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า เพราะเธอไม่เคยโดนตีแรงขนาดนี้มาก่อน

    “ไม่เป็นไรได้ไง เจ็บจนน้ำตาคลอขนาดนี้” เด่นคุณว่า “เดี๋ยวฉันไปหายามาทาให้แล้วกันนะ รอตรงนี้ก่อน” ชายหนุ่มว่าพร้อมลุกพรวดออกไป ขณะที่ดุจเดือนขยับเข้ามาหาหญิงสาว

    “ถ้าไม่หายยังไงก็ให้เจ้าคุณพาไปหาหมอนะ ฉันเองก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่พลั้งมือตีหนูเข้าน่ะ” ดุจเดือนบอกด้วยสียงใจเย็น ผิดกับเมื่อครู่ที่สวมบทแม่ใจยักษ์ใจมาร

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณนาย”

    “ดูถ้าแล้ว พ่อแม่คงรักและถนอมหนูมากล่ะสิ คงไม่เคยโดนตีมาก่อน” ดุจเดือนชวนคุย อารมณ์ร้อนระอุดุจเพลิงที่โหมหนักเมื่อครู่ ค่อยๆ ลอยหายไปในอากาศ

    “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับ

    “ว่าแต่เจ้าคุณไปหลอกหนูมาอีท่าไหนล่ะฮึ หนูถึงมาอยู่กับลูกชายฉันได้น่ะ มิน่าล่ะ..พักนี้ถึงไม่ค่อยทิ้งโรงแรมมาหาพ่อแม่เลย ทีแท้ก็อยู่กับหนูนี่เอง” ดุจเดือนชวนวารวารีคุยไปเรื่อยเปื่อย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าความเข้าใจของท่านมันกำลังออกทะเลไปไกล เพราะไม่มีอะไรใกล้เคียงความจริงเลย

    “หนูไม่ได้เป็นอะไรกับคุณคุณจริงๆ นะคะ หนูเป็นแค่พนักงานต้อนรับที่โรงแรม” วารวารียังเสียงสั่นไม่หาย “แต่ว่าหนูมารับจ๊อบพิเศษ”

    “มารับงานแนวตั้งแนวนอนทำนองนี้เหรอ?” ดุจเดือนเสียงแข็งขึ้นมาอีกรอบ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×