ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในอ้อมแขนคุณ อุ่นไปถึงหัวใจ ♥

    ลำดับตอนที่ #11 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทที่ 06 :: DNA อยู่บนใบหน้า 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 65


    ในอ้อมแขนคุณ...
    อุ่นไปถึงหัวใจ 



    บทที่ 6 - DNA อยู่บนใบหน้า


    ทินภัทรขับรถมาส่งถึงประตูหน้าบ้านของปรีดิ์รดาในซอยหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วตกดึกก็ค่อนข้างเปลี่ยวอยู่เหมือนกัน เพราะทั้งซอยมีบ้านไม่กี่หลัง

    หญิงสาวลงจากรถโดยไม่รอให้เขาเปิดประตูให้สักนิด พลางมองไปยังเบาะหลังที่ลูกชายเธอหลับจนตัวเอนนาบไปกับเบาะ ดูท่าจะหมดแรงพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นในอ้อมกอดของเจ้าตัวเล็กก็มีถุงรองเท้ากีฬาราคาแพงที่ดุจเดือนเป็นคนซื้อให้เองกับมือ อีกทั้งก่อนจากกันท่านยังให้เงินจำนวนหนึ่งกับลูกชายของเธอด้วย

    แม้จะเกรงใจและไม่อยากรับเงินทองนั้นไว้ แต่ดุจเดือนก็ไม่เปิดโอกาสให้ปรีดิ์รดาได้ปฏิเสธเลย ท่านหว่านล้อมสารพัด...จนสุดท้ายหญิงสาวก็ต้องยอมรับน้ำใจที่ท่านมีเมตตาต่อลูกชายจนได้ เงินจำนวนหนึ่งที่ดุจเดือนมอบให้ดิษย์วรินทร์ลูกชายมานั้น ปรีดิ์รดาตั้งใจว่าจะเอาใส่บัญชีให้ลูก เผื่อเอาไว้ใช้ในเรื่องที่จำเป็นในภายภาคหน้า อย่างเช่นเรื่องเรียน

    “ขอบคุณนะคะ วันนี้คงเหนื่อยแย่เลย” หญิงสาวบอกเจ้านายหนุ่มตรงหน้าที่เขาอุตส่าห์พาเธอกับลูกไปตะลอนซื้อของจนค่ำมืด

    “เหนื่อยอะไรกัน ดีจะตายไป มีคนเลี้ยงข้าวด้วย” ทินภัทรยิ้ม ก่อนจะชี้ไปยังเบาะหลังรถ “ดูท่าจะหวงของนะเนี่ย ขนาดหลับยังกอดเอาไว้ซะแน่นเชียว”

    “ปริมไม่ค่อยพาไปซื้อของแพงๆ หรอกค่ะ” เธอยอมรับตามตรง “กลัวจะสปอยส์ลูกมากไป จนเอาแต่ใจตัวเอง”

    ทินภัทรพยักหน้าเข้าใจในการเลี้ยงดูของหญิงสาว ก่อนจะเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบถุงเสื้อผ้าข้าวของที่ซื้อมากองบนพื้นปูนหน้ารั้ว โดยมีปรีดิ์รดาช่วยหอบหิ้ว

    “พรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอยู่” หญิงสาวพูดขึ้นขณะมองหน้าคนตัวสูง “ถึงจะเป็นเจ้านาย แต่คุณทิวก็ต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”

    เธอบอกพร้อมยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้เขา เป็นของแบรนด์ดัง ซึ่งทีแรกทินภัทรคิดเอาเองว่าเธอตั้งใจซื้อมาให้ดิษย์วรินทร์ แต่พอหญิงสาวยื่นให้ต่อหน้า เขาก็ถึงกับเหวอไปชั่วขณะ

    “อะไรน่ะ?”

    “ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าค่ะ” ใช่..ปรีดิ์รดาตั้งใจแอบหนีไปเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เขา ตอนที่ปล่อยทินภัทรกับลูกชายเล่นกันอยู่สองคน “สุขสันวันเกิดนะคะ”

    แม้วันนี้จะยังไม่ถึงวันคล้ายวันเกิดของชายหนุ่ม แต่ปรีดิ์รดาคิดว่าเธอให้เขาเลยจะดีกว่า ถือโอกาสตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้ ดีกว่าไปให้ในที่ทำงานแล้วกลายเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างดังไปทั่วบริษัท ช่วงนี้เธอยิ่งโดนหลายคนจับตามองอยู่ด้วย

    “ขอบคุณนะปริม” คนเป็นเจ้านายยิ้มร่า แก้มแดงเรื่อนิดๆ มือแอบแง้มถุงดู แต่มองเห็นไม่ถนัดนักว่าข้างในเป็นอะไร จะว่าไปได้ของขวัญวันเกิดแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้...ทินภัทรก็อดใจเต้นแรงไม่ได้เหมือนกัน

    “แกะดูเลยก็ได้นะคะ” หญิงสาวเองก็อยากรู้ว่าของขวัญที่เธอซื้อให้นั้น จะถูกใจเขาหรือเปล่า “เผื่อคุณไม่ชอบ”

    “ชอบสิ” ทินภัทรรีบตอบ “คุณเป็นคนให้เชียวนะ ผมต้องชอบอยู่แล้วล่ะ”

    “เปิดดูเถอะค่ะ” ปรีดิ์รดาลากเสียงเป็นเชิงบอกให้เขาเปิดดูก่อนจะตัดสินใจ จนสุดท้ายทินภัทรก็ยอมเปิดถุงกระดาษออก หยิบเอาของที่ถูกห่อมาอย่างดีด้วยกระดาษของขวัญของทางร้านมาเปิดดูก็พบเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่ง ซึ่งราคาคงแพงใช่เล่น

    “เสื้อ” เสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังสำหรับออกงานสังคม “โหว ปริมผมว่ามันแพงไปนะเนี่ย”

    “รับไว้เถอะค่ะ” พอเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเจ้านาย หญิงสาวก็รีบพูดดักคอเขาเอาไว้ก่อน “คุณไม่ได้เกิดทุกวันเสียหน่อย”

    “ขอบคุณนะ”

    หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะเปิดประตูด้านหลัง แล้วเขย่าตัวลูกชายที่นอนสลบไสลให้ลุกขึ้น

    “ดิน ดินลูก...ตื่นได้แล้ว ถึงบ้านแล้วครับ”

    พอโดนมารดาเขย่าตัวไปไม่เท่าไหร่ คนที่หลับก็ส่งเสียงในคอ พลางขยับตัวแล้วขยี้ตา ทำเอาข้าวของที่กอดเอาไว้แน่นอย่างหวงแหนร่วงหล่นลงไปกองอยู่ตรงที่วางเท้าเสียหมด

    “แม่ ดินง่วง”

    “ง่วงก็ลงมาเร็ว จะได้เข้าบ้านไปอาบน้ำนอน” ปรีดิ์รดาช่วยพยุงคนที่ยังงัวเงีย ลืมตาไม่ขึ้นดี “อาทิวจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนบ้าง”

    เด็กชายถัดตัวลงจากเบาะรถยนต์คันหรู ก่อนจะช่วยมารดาหยิบข้าวของที่ซื้อมาหลายถุงมาถือเอาไว้

    “กลับบ้านดีๆ นะคะ”

    “ขอบคุณฮะอาทิว” เด็กชายบอกก่อนจะยกมือไหว้ลา

    “ฝันดีนะดิน” ทินภัทรยกมือยีผมเจ้าตัวแสบ ก่อนจะมองสบตาปรีดิ์รดา ส่งสายตาเป็นประกายวาววาม “คุณก็เหมือนกันนะปริม ฝันดี ..อ่อ...แล้วเสื้อนี่ผมจะตั้งใจใส่อย่างดีเลย”

    .................................

    หลายวันต่อมา

    “อะ..อ้าว”

    วารวารียืนงง เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานคนใหม่มานั่งแทนที่ตัวเอง อีกทั้งยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกันเป๊ะ

    เธอเคยเจอกับ ชลิสาผ่านการแนะนำของบุญชญามาบ้างแล้วก็จริง ชลิสานับเป็นรุ่นพี่ทั้งอายุจริงและอายุงาน เธอเป็นคนค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยพูดจา ใบหน้าก็ดูเป็นสาวลูกครึ่งแบบเด็กฝรั่ง ทันสมัยและเป็นพิมพ์นิยมในแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ ติดตรงขี้อาย ยิ่งสวมแว่นก็ยิ่งดูน่ารัก น่าทะนุถนอมเหมือนตัวการ์ตูน

    และเท่าที่วารวารีรู้และเคยคุยกันมาบ้างนั้น ชลิสาทำงานอยู่แผนกอื่น คอยจัดการเอกสารภายในโรงแรม ไม่ใช่แผนกต้อนรับเหมือนเธอกับบุญชญา แต่ทำไมวันนี้..อีกฝ่ายถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

    “พี่ลิสาย้ายมาแทนเธอน่ะวาฬ” บุญชญาบอกเสียงสดใสก็จริง แต่นิ้วมือชี้ไปทางโถงทางเดินก่อนจะพูดต่อว่า “พี่มิรินทร์ให้พี่ลิสามาทำหน้าที่แทนเธอไปก่อน แล้วบอกด้วยว่าถ้าเธอมาแล้ว ให้ไปพบคุณคุณที่ห้องทำงานด่วนเลย”

    อีกแล้ว!

    หญิงสาวถอนหายใจ คอที่ตั้งบนบ่าอย่างสง่างามพร้อมรับมือลูกค้านั้นแทบพบตกด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ คราวก่อนวารวารีคิดว่าเธอกับเด่นคุณจะคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้น มันจะไม่ใช่อย่างที่ตัวเองคิดเอาไว้เลย หรืออาจเพราะว่าเขายังติดใจเรื่องผีผู้หญิงตัวนั้นอยู่

    ให้ตายเถอะ บอกแล้วไงว่าเธอไม่ใช่หมอผี

    วารวารีโบกไม้โบกมือให้เพื่อนด้วยหน้าตาหงอยๆ ก่อนจะเดินไปตามทางแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปยังห้องทำงานของเจ้านาย

    เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงานท่านประธาน เธอก็ยกมือไหว้เลขาฯ อย่างมิรินทร์ ก่อนจะยกมือเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าไปข้างใน

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมารยาท ก่อนที่คนข้างในจะส่งเสียงเชื้อเชิญ หญิงสาวถึงได้ผลักประตูเข้าไปพลางทำหน้าหงอย

    “บุ้งบอกว่า คุณคุณเรียกวาฬมาหา มีอะไรหรือคะ?”

    “ใช่ ฉันเรียกเธอต้องมีเรื่องอยู่แล้วล่ะ” เด่นคุณละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองพนักงานสาว “ฉันคุยกับพี่มิรินทร์แล้วว่าจะให้เธอย้ายแผนกไปทำอย่างอื่น”

    “หะ..ห๊ะ!” วารวารีถึงขั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเช้าวันใหม่ของเธอนั้นจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ความรู้สึกขนาดนี้ “จะย้ายวาฬหรือคะ? ย้ายทำไม? วาฬทำงานพลาดเหรอคะ? แล้วจะให้วาฬไปอยู่ตำแหน่งไหน?”

    พนักงานสาวรัวคำถามใส่ไม่ยั้ง จนเจ้านายถึงขั้นยกมือกุมขมับตัวเองแล้วหลับตาลงหมุนเก้าอี้ไปหนึ่งรอบ ก่อนจะยกมือทำท่าห้ามทัพ

    “พอก่อนแม่คุณ ถามเป็นชุดขนาดนี้ ฉันตอบคำถามเธอไม่ทันแล้วนะรู้มั้ย” คนเป็นเจ้านายถอนหายใจเหนื่อย “แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อใส่ด้วย”

    “จะไม่เอ๋อได้ไงไหวคะ ก็คุณคุณย้ายตำแหน่งของวาฬไปทำอะไรก็ไม่รู้” วารวารีไม่พอใจมาก แต่คนตรงหน้าเป็นเจ้านายเธอ ครั้นจะกระทืบเท้าเร่าๆ เหมือนเด็กก็ทำไม่ได้แน่ เธอถึงได้ทำหน้างอหน้าง้ำ แก้มป่อง ขอบตาแดงเหมือนจะร้องไห้ออกมา “อย่าบอกนะคะว่าจะให้วาฬไปปราบผี วาฬบอกไปชัดแล้วนะ ว่าวาฬไม่มีความสามารถถึงขั้นจับวิญญาณลงหม้อถ่วงน้ำ”

    “ก็ไม่เชิงให้ไปปราบผีหรอก” เด่นคุณไหวไหล่ ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง “ว่าแต่ห้องนี้มีแค่เราสองคนใช่มั้ย ไม่ได้แบบว่า..ไอดีน หรือคนอื่นๆ” คิ้วข้างหนึ่งของเด่นคุณเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม เมื่อหันมาสบตากับพนักงานสาวผู้มีสัมผัสพิเศษเหนือคนอื่น

    พอได้รู้ว่าวารวารีเห็นวิญญาณได้ด้วยตาเปล่า เด่นคุณก็เริ่มร้อนๆ หนาวๆ ทั้งที่ปกติก็เป็นคนขี้กลัวในเรื่องแบบนี้เอาเรื่องอยู่แล้ว วิญญาณน้องชายตัวเองนานวันเข้า เขาก็พอจะทำใจยอมรับได้อยู่หรอก แต่วิญญาณตนอื่นๆ นี่สิ ถึงไม่เคยเห็นกับตาตัวเองมาก่อน ทว่าแค่พูดถึง...สันหลังเขาก็เสียววูบวาบแล้ว

    “ไม่มีหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอ่อนใจ “แล้วสรุปคุณคุณจะให้วาฬทำอะไรคะ เงินเดือนเท่าเดิมหรือเปล่า”

    “ให้มากกว่าเดิมครึ่งนึงเลย” เด่นคุณเสนอ พลางยิ้ม แววตาเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาชัดเจน ทำให้คนมองเริ่มหวั่นใจและอดคิดไม่ได้ว่ารอยยิ้มแบบนี้เหมือนรอยยิ้มของเด่นฤทธิ์ไม่มีผิด สมแล้วที่เป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมา “ถ้าเธอทำภารกิจสำเร็จ ก็กลับไปทำงานตำแหน่งเดิม โอเคมั้ย?”

    ไม่! แต่ถึงอย่างนั้นคำว่า ภารกิจก็ค่อนข้างสะดุหูหญิงสาวเสียเหลือเกิน

    ภารกิจ?

    หัวคิ้วของวารวารีกระตุกขึ้น เธอคิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่แหงๆ เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคำสั่งด่วนจี๋เรียกเธอมาหาทำไม แต่ถึงไม่อยากตกปากรับคำเด่นคุณ เธอก็คงทำได้ยาก เพราะหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเจ้านายยังไงดีเหมือนกัน

    “ฟังดูแล้วมันเหมือนจะไม่ง่ายเลยนะคะ จะคุ้มค่าเงินที่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

    ทว่าเพียงสิ้นเสียงบ่นอุบของพนักงานสาว เจ้านายหนุ่มก็เคาะโต๊ะปังๆ พลางจ้องตาเขม็งเหมือนเคืองหน่อยๆ

    “นี่เธอ อย่ามาคิดมาต่อรองเรียกค่าตัวเพิ่มซะให้ยากหน่อยเลย” เด่นคุณบอกพลางกอดอก เอาหลังพิงพนักเก้าอี้

    “ใครว่าฉันเห็นแก่เงินล่ะคะ” วารวารีโต้กลับเสียงแหลมขึ้นนิดหน่อย “แต่ที่พูดเนี่ย คุณคุณคงไม่ได้ให้ฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายหรอกใช่มั้ย ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวนะคะ เป็นอะไรขึ้นมาแม่คงเสียใจแย่”

    “บ้าเหรอ! ใครเขาจะให้ทำอะไรแผลงๆ แบบนั้นกัน” เด่นคุณฮึดฮัด ก่อนจะสงบสติอารมณ์ “เอาน่า...ถือว่าช่วยๆ กัน แล้วงานใหม่ที่เธอต้องทำก็ใช่ว่าจะยากมากมายอะไรเสียหน่อย”

    “แล้วจะให้ทำอะไรล่ะคะ?” หญิงสาวย้อนถาม ขณะที่คนเป็นนายจ้างส่งสายตาให้เธอนั่งเก้าอี้ตรงหน้า ส่วนเขาหันหน้าจอคอมพิวเตอร์มาให้ดู

    “เห็นนี่มั้ย?”

    วารวารีพยักหน้ารับ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นแสดงประวัติของผู้หญิงอายุน่าจะมากกว่าเธอหลายปี บางคนก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ดูจากรูปลักษณ์ของแต่ละคนแล้วค่อนข้างเป็นบุคคลที่มีสถานะคนละชนชั้นกับเธอราวกับฟ้าและเหว แต่ละคนดูสวยและรวยมาก ไฮโซสุดๆ

    “ลูกค้าระดับ VIP ของโรงแรมหรือคะ?” หญิงสาวถามพาซื่อ จนเด่นคุณต้องเกาหัว เขาต้องพึ่งพาขอให้เธอช่วยนี่นา คงจะโกหกไม่ได้

    “ก็..ไม่ใช่หรอก” เด่นคุณส่ายหน้า พลางเม้มปาก ทำท่าอึกอัก “แบบว่าคนพวกนี้อ่ะนะ..คือเป็น...เป็น..แบบว่า”

    “เด็กไอคุณมันไง”

    เสียงที่ดังแทรกขึ้นในขณะที่เจ้านายเธอเงียบอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไร ทำเอาวารวารีหันขวับไปตามเสียงของเด่นฤทธิ์ที่อีกฝ่ายรีบพรวดพราดเข้ามา ท่าทางหอบเหนื่อย เหงื่อเต็มหัวเต็มตัวไปหมด

    ทั้งที่ตายไปแล้ว แต่วันนี้สภาพของเด่นฤทธิ์เหมือนกับคนที่เพิ่งไปเล่นกีฬามาหนักๆ เลย

    “เด็กคุณคุณเหรอคะ?” วารวารีลืมตัว หันขวับไปทางประตูห้องทำงาน ทำเอาคนขี้ตกใจที่กำลังอ้ำอึ้งลุกขึ้นยืนพรวดพราด “หมายถึงคนที่คบกันน่ะเหรอคะ?”

    “ไม่ใช่ บางคนก็ไม่ได้คบหรอก แค่นอนด้วยกันเฉยๆ” เด่นฤทธิ์บอก

    “นะ..นี่เธอพูดกับใครน่ะ” เด่นคุณมองตามสายตาหญิงสาวไปยังประตูห้องทำงานเขาบ้าง ตรงนั้นมีโซฟาตัวยาวตั้งอยู่เอาไว้รับแขก “ไอดีนเหรอ? รู้ดีแบบนี้ต้องเป็นมันแน่นอนเลย”

    “เออใช่ แล้วจะทำไมวะ” เด่นฤทธิ์ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางหมดสภาพ ก่อนจะพูดกับหญิงสาวต่อว่า “วาฬ พรุ่งนี้ทำบุญให้ฉันหน่อยสิ โอ๊ย..หมดแรง ขอคอมโบเซ็ทเลยนะ สเต็กอกไก่บาร์บีคิว สลัดผลไม้ โคล่าเอาเย็นๆ ซ่าๆ ขอแบบชื่นใจสุดๆ ไปเลย”

    “แล้วฉันมีตังค์ซื้อสเต็กกับสลัดให้คุณเหรอคะเนี่ย กับข้าวขอเป็นอย่างอื่นได้มั้ยล่ะ ส่วนโคล่าฉันจะซื้อให้” วารวารีต่อรองด้วยสีหน้าบึ้งตึงหน่อยๆ

    ให้ตายเถอะ! ทั้งพี่ทั้งน้องชวนปวดประสาทพอกันเลย

    “ไถเงินไอพี่คุณสิ มันรวยจะตายไป” เด่นฤทธิ์บุ้ยหน้าไปยังพี่ชายตัวเอง เห็นเด่นคุณยืนทำหน้าตาเหลอหลาอ้าปากค้างก็แอบสะใจนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเด่นฤทธิ์ก็ทำเอาวารวารีต้องหันไปมองตามด้วย

    “อะไร มาจ้องหน้าฉันทำไม?” เด่นคุณพยายามทำหน้านิ่งที่สุด แต่ตอนนี้ภาพลักษณ์ผู้บริหารของเขามันคงย่อยยับอับปางไปหมดแล้ว

    “คุณดีนบอกฉันว่าจะกินสเต็กอกไก่บาร์บีคิวกับสลัดผลไม้พรุ่งนี้ แล้วให้ฉันมาไถเงินคุณคุณ”

    เด่นคุณแทบกำหมัดชกลม เขารู้ว่าวารวารีพูดจริงแน่แท้ เพราะอาหารที่หญิงสาวบอกออกมาคือของโปรดของน้องชาย วารวารีคงไม่มั่วสุ่มพูดแล้วถูกเข้าอย่างจังหรอก

    “โห ไอนี่!” เด่นคุณพูดกับอากาศด้วยอารมณ์ที่ชักจะขุ่นเคือง “นับวันยิ่งจะเอาใหญ่แล้วนะ ผีที่ไหนเขาหิวกัน”

    “ก็น้องแกนี่ไง และอีกอย่างฉันไม่ใช่ผีที่เร่ร่อนไปมานะเว้ยไอพี่คุณ..” เด่นฤทธิ์ยืดตัวนั่งหลังตรงตั้งท่าทะเลาะกับพี่ชายอย่างจริงจัง “ผีก็มีงานต้องทำเหมือนกันนั่นแหละ”

    “ใช่ๆ ที่ไอเจ้าดีนพูดมันถูกต้องเลย” ปู่โมกข์ที่เพิ่งวิ่งทะลุผ่านประตูเข้ามาก็มีสภาพไม่ต่างจากเด่นฤทธิ์ ท่านหอบแฮ่กเข้ามานั่งบนโซฟา “เออ...หนูวาฬ ปู่ขอน้ำขิงด้วยนะ พรุ่งนี้ๆ”

    ทว่าหญิงสาวยังไม่ทันได้ตกปากรับคำอะไร ปู่ใหญ่เจ้าที่ของโรงแรมก็วิ่งตามเข้ามาติดๆ

    “เออ..นังหนู ปู่ขอด้วย”

    “แหม ขออะไรได้เข้ากับอายุกันจัง” เด่นฤทธิ์ที่เริ่มจะหายเหนื่อยแล้วหันไปขำคนแก่

    “อย่าพูดมาก! ปู่โมกข์ยื่นมือมาเขกกะโหลกพ่อตัวดีที่วิ่งหนีหน้าตั้ง หลบมาพักร้อน

    “ว่าแต่ทั้งสามคนไปทำอะไรกันมาเหรอคะ ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”

    “ก็ไอนี่มันลากพวกเราไปวิ่งไล่จับผีที่บ้านไอดีนน่ะสิ” ปู่ใหญ่ชี้ไปที่ปู่โมกข์ เพราะต้นเหตุของการวิ่งไล่จับนั้นเริ่มมาจากผีผู้หญิงที่อยู่ในบ้านพักเด่นคุณนั่นแหละ

    “วิ่งเร็วมาก ขาแข็งปวดไปหมดแล้ว” ปู่โมกข์บ่นอุบพลางเอามือไปบีบๆ นวดๆ ที่ขาตัวเอง “ยาแก้ปวด ใช่ๆ ขอยาแก้ปวด กับยานวดด้วยก็ดีนะ”

    “วัยรุ่นน้ำขิงนี่เมื่อยได้ด้วยเหรอฮะ” เด่นฤทธิ์หันไปแซวผู้อาวุโส “แบบนี้มันไม่เฟี้ยวนะปู่”

    “เอ้า! ทีเอ็งยังเหนื่อยเลย แล้วข้าก็แก่แล้วนะ หนุ่มๆ อย่างเอ็งยังแอบอู้งานมาพัก แล้วนับประสาอะไรกับพวกข้าล่ะเนี่ย”

    ทั้งสามคนเถียงกันไปมา ในขณะที่วารวารีนั่งมองด้วยความสนใจ แต่เด่นคุณที่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากหญิงสาวนั่งเท้าคางกับพนักเก้าอี้ มองอากาศก็ถามขึ้น

    “นี่มันอะไรกันวารวารี!

    “อ่อ..คือว่า” หญิงสาวแทบจะลืมเจ้านายตัวเองไปแล้ว แต่พอเด่นคุณเรียกชื่อ เธอก็หันมาหา พลางนั่งหลังตรง แล้วแนะนำตำแหน่งที่เด่นฤทธิ์กับปู่เจ้าที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ “ตรงนี้คุณดีน นี่ปู่โมกข์เจ้าที่บ้านพักของคุณคุณ แล้วนี่ปู่ใหญ่...ท่านเป็นเจ้าที่ที่คอยดูแลโรงแรมค่ะ”

    เด่นคุณพยักหน้ารับรู้

    “อยู่กันครบเลยสินะ”

    “ค่ะ” วารวารีทำหน้าที่เป็น ล่ามคอยสื่อสารให้ “เมื่อกี้ทั้งสามคนบอกว่าวิ่งไล่จับผีผู้หญิงชุดดำที่เจอที่บ้านพักของคุณคุณ”

    “แล้วยังไง จับได้มั้ย” เด่นคุณหูผึ่ง ใจชื้นขึ้นที่รู้ว่ามีพวกท่านคอยช่วยเหลือ

    “จับไม่ได้หรอก”

    “คุณดีนบอกว่ายังจับไม่ได้ค่ะ”

    “ปู่..เราหยุดไล่จับเถอะ ให้ไอพี่คุณมันจัดการเองจะดีกว่า” เด่นฤทธิ์นั่งกอดอกถอนหายใจ “แม่นั่นพลังเยอะจะตายชัก หมอผีที่ส่งมาต้องเก่งกล้าสามารถมากแน่ๆ”

    “อ้าว แล้วขนาดคุณดีนกับปู่สองคนยังจับไม่ได้เลย แล้วคุณคุณจะจัดการเองได้เหรอคะ?”

    “นั่นสิๆ” คำพูดของวารวารีที่โต้ตอบกับวิญญาณทำให้เด่นคุณตอบในเชิงเห็นด้วยกับหญิงสาว

    เพราะถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็พอจะเดาบทสนทนาออกได้บ้าง

    “คือแบบว่าผมเองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดามากๆ มากจริงๆ เลยจับผีไม่ได้หรอกฮะ แค่ผีน้องชายผมยังจัดการไม่ได้เลย รบกวนช่วยด้วยเถอะ” คนร่างสูงยกมือไหว้ท่วมหัวอย่างขอความเมตตาจากท่านเจ้าที่ทั้งสอง

    “ก็ลองจัดการน้องดูสิ แม่จะหลอกเช้าหลอกเย็นเลย” เด่นฤทธิ์ตั้งท่าจะขย้ำคอ “ต่อให้ต้องใช้กรรมก็ไม่เป็นไร จะหลอกให้ไอพี่คุณตาโบ๋เลย”

    วารวารีได้ยินคำขู่เหมือนเด็กสามขวบของเด่นฤทธิ์...เธอก็อดขำไม่ได้ แต่พอหันไปเจอสายตาเจ้านาย...หญิงสาวก็ต้องปรับอารมณ์ ก่อนจะพูดให้ฟังว่า

    “คุณดีนบอกว่าลองหาหมอผีมาจัดการดูสิคะ จะตามหลอกเช้าหลอกเย็น หลอกให้ตาโบ๋เลย” วารวารีอธิบายพลางทำท่าประกอบด้วยการใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างดึงขอบตาล่างลงมาแล้วแลบลิ้นใส่ แต่ก็ดันโดนเด่นคุณใช้มือผลักหัวเบาๆ ไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

    “นี่ ไม่ต้องไปคล้อยตามไอดีนมันเลยนะ”

    เล่นกับไอดีนมากไป จนไม่เห็นเราเป็นเจ้านายเลย

    “ที่ผ่านมาทุกคนพยายามจะช่วยแล้ว แต่ถ้าเกิดจากการทำของใส่ มันก็ยากมากนะ” ปู่ใหญ่บอก

    “ปู่ใหญ่เจ้าที่ท่านบอกว่า ทุกคนพยายามช่วยสุดความสามารถแล้ว แต่เพราะผีตัวนั้นเกิดจากการปลุกวิญญาณด้วยมนต์ดำ คุณไสย พวกท่านเลยสู้ไม่ไหวค่ะ” วารวารีถอดคำพูดของท่านเจ้าที่ให้เด่นคุณฟัง ก่อนจะเสนอ “แต่ฉันว่าในกรณีที่เราหาคนทำเจอ บางทีอะไรมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้นะคะ”

    “ใช่ แม่หนูนี่พูดถูก” ปู่โมกข์ดีดนิ้วอย่างเห็นด้วย

    “คุณคุณก็คิดอย่างนั้นนี่คะถึงได้รวบรวมรูปผู้หญิงพวกนั้นให้ฉัน” หญิงสาวชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถามหน้าซื่อ แต่คนฟังกลับหน้าชาวาบจนตึงไปทั้งแถบเมื่อเธอพูดประโยคถัดมา “สาวๆ ที่คุณคุณเคยนอนด้วย มีใครตั้งท่าเป็นศัตรูกับคุณคุณมากที่สุดหรือเปล่าคะ?”

    “ไอน้องเวร!” เด่นคุณสบถหยาบคายออกมา เพราะรู้แน่ว่าวารวารีรู้เรื่องความเสเพลในแบบผู้ชายของเขาได้อย่างถูกเผงนั้นเป็นเพราะน้องชายตัวดีบอก ก่อนจะทำหน้านิ่งกลบเกลื่อน “ก็ไม่รู้ไง ฉันเลยคิดว่าจะพาเธอไปเจอทุกคนในนี้ทั้งหมด เผื่อเธอจะเห็นอะไรบ้าง”

    “งั้นคุณคุณก็แน่ใจแล้วสิคะ..ว่าอาจเป็นคดีชู้สาว” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด “แต่ไม่คิดหรือคะว่าอาจเป็นการไม่พอใจเรื่องอื่นก็ได้ เช่นคู่แข่งทางธุรกิจ ทั้งธุรกิจโรงแรม ซื้อที่ดินตัดหน้าคนอื่น ผลปะโยชน์เรื่องหุ้นส่วน หรือเพื่อนผู้ชายที่คุณคุณเคยมีประเด็นด้วย ชกต่อยอะไรทำนองนั้น”

    “โอ๊ย คนเจ้าชู้อย่างมันก็ต้องระแวงการกระทำตัวเองอยู่แล้วล่ะน่า เพื่อนผู้ชายไอพี่คุณมันเคยทะเลาะกันที่ไหน” เด่นฤทธิ์รีบกระทืบซ้ำทันทีเมื่อได้โอกาส “อีกอย่างนะ คงไม่มีอะไรร้ายไปกว่าความอาฆาตแค้นของผู้หญิงหรอก แล้วมันก็ทำกับผู้หญิงไว้เยอะเสียด้วย อนาคตถ้ามีลูกสาวก็กลัวว่าจะโดนไอเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมันเอาคืน”

    “แหม คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะ” วารวารีพยายามจะมองเจ้านายในแง่ดีสุดๆ แล้ว แต่เด่นฤทธิ์ก็แค่นหัวเราะในลำคอ

    “ยิ่งกว่านั้นอีก อย่าให้เผามันจนเกรียมเลยดีกว่า เธอจะมองพี่ชายฉันด้วยความไม่เคารพเปล่าๆ”

    วารวารียิ้มขำ เวลาคุยกับเด่นฤทธิ์แล้ว นอกจากความสบายใจฉันท์เพื่อนสนิท คำพูดคำจาของอีกฝ่ายก็พาให้อารมณ์ดีได้ทั้งวัน คงไม่แปลกนักหรอก...ถ้าตอนมีชีวิตอยู่เขาจะเสน่ห์แรงมากจนสาวติดตรึม

    “นี่ไอดีนมันเล่าอะไรให้เธอฟังอีก บอกฉันมาเลย” เด่นคุณอดหวาดระแวงน้องชายไม่ได้

    “เปล่านี่คะ” วารวารีรีบส่ายหน้า “เราสองคนคุยกันเรื่องทั่วไปเฉยๆ”

    “โกหก!” ทว่าเด่นคุณไม่เชื่อ “ต่อไปนี้เธอคือผู้ช่วยฉันแล้วนะ ไม่ว่าจะคุยกับใคร วิญญาณตนไหน หรือคุยกับท่านเจ้าที่ โดยเฉพาะถ้าคุยกับไอดีนล่ะก็...เธอจะต้องเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังให้หมด” คนเป็นเจ้านายออกคำสั่งรัวๆ

    “นี่ไอหนุ่ม พี่เอ็งใช้หนูวาฬเกินเงินเดือนไปมั้ยเนี่ย” ปู่โมกข์กระซิบข้างหูเด่นฤทธิ์

    “ช่างเหอะปู่ ตอนนี้น่ะใช้ได้ แต่วันข้างหน้ายังไง๊ยังไงไอพี่คุณมันก็ต้องอยู่ในอุ้งมือของวาฬอยู่ดี” เด่นฤทธิ์กระซิบกระซาบกลับพลางหัวเราะคิกคักชอบใจ

    “ค่ะ เอาเป็นว่าวาฬรับทราบเงื่อนไขของคุณคุณแล้ว และจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” หญิงสาวทำท่าจะเบ๊ะใส่ ก่อนจะยิ้มแห้ง “แต่..เรื่องขึ้นเงินเดือน คุณคุณห้ามโกหกนะคะ วาฬว่าเรามาทำสัญญากันเป็นแบบลายลักษณ์อักษรดีกว่า”

    “นี่เธอคิดว่าฉันจะโกงงั้นเหรอ?” เด่นคุณยกมือเสยผม นึกโมโหในคำพูดสดใสนัยน์ตาทอประกายพาซื่อ ปกติแล้วภาพลักษณ์เจ้านายของเขาดูหน้าไว้ใจและเชื่อถือได้จะตายไป แม้แต่สาวๆ ที่แค่เห็นหน้าครั้งเดียวก็ถึงกับหลง ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แต่กับวารวารี..เหอะ!...หญิงสาวแตกต่างออกไปจากคนอื่นสิ้นเชิงเลย

    ถอดแบบไอดีนมาไม่มีผิด

    ทั้งความกวนหน้าตาย ไหนจะคำพูดคำจาที่ราวกับเด่นฤทธิ์ในภาคผู้หญิง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีน้องสาวงอกเพิ่มขึ้นมาอีกคน

    “เดี๋ยวฉันให้พี่มิรินทร์ทำสัญญาให้แล้วกัน แล้วเธอก็เซ็นต์ซะ!

    ...............................

    ในช่วงเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่พร้อมทรัพย์นัดทานข้าวกับดุจเดือนผู้เป็นภรรยาที่ห้องอาหารของโรงแรม เพราะไม่มีเวลากลับบ้านเนื่องจากมีงานที่ต้องทำ และคาดว่าอาจล่วงเลยเวลาไปจนถึงดึกดื่น ขณะที่นั่งรออย่างใจเย็นดุจเดือนก็เดินเข้ามาในห้องอาหารแบบส่วนตัว

    ท่านเห็นสามีนั่งดื่มชาร้อนรออยู่ก่อนแล้ว บนโต๊ะมีอาหารเสิร์ฟสองอย่าง แต่พอหย่อนก้นนั่ง แล้วสามีปรายตามอง ท่านก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นแทบจะทันที

    “ทำไมมาช้าล่ะ หรือว่ารถติด”

    “รถไม่ได้ติดหรอกค่ะ แต่ฉันมัวหารูปตอนเด็กของลูกเราอยู่ต่างหาก”

    หลายวันที่ผ่านมา หลังจากได้บังเอิญเจอปรีดิ์รดาและลูกชายของหญิงสาว ภาพใบหน้าของเด็กชายวัยกำลังโตนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ หน้าของดิษย์วรินทร์พาท่านย้อนกลับไปในช่วงเวลาหนึ่งของอดีต ตอนที่ลูกชายทั้งสามคนก้าวเข้าสู่วัยรุ่น

    ตอนนั้นลูกชายคนโตอย่างเด่นฤกษ์เพิ่งเรียนมัธยมปลายปีแรก เด่นคุณลูกคนรองเรียนมัธยมต้น และลูกคนเล็กอย่างเด่นฤทธิ์ก็มีอายุไล่เลี่ยกับลูกของปรีดิ์รดาในตอนนี้

    “หารูปลูกไปทำไม?” พร้อมทรัพย์ถาม ขณะเริ่มใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วเข้าปาก “มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”

    “ฉันหารูปลูกๆ เพื่อเช็คความทรงจำของตัวเอง” ดุจเดือนตอบเสียงเศร้า “แค่ยังอยากรู้ว่าคนแก่อย่างฉัน ยังจำหน้าลูกของตัวเองได้ดีอยู่หรือเปล่า”

    ใบหน้าของดิษย์วรินทร์ ทำให้ท่านอดนึกถึงเด่นฤทธิ์ไม่ได้ แล้วจู่ๆ น้ำตามันก็รื้นขึ้น

    “จำที่ฉันบอกคุณเมื่อวันก่อนได้มั้ย ที่บอกว่าฉันเจอหนูปริมที่ห้างฯ กับลูกชายน่ะ”

    “อืม จำได้สิ..” แล้วพร้อมทรัพย์ก็จำได้ด้วยว่า...ภรรยาของเขาบอกว่าให้เงินรับขวัญหลานไปจำนวนหนึ่งพร้อมกับซื้อรองเท้าให้ ซึ่งเขาไม่ได้ว่าอะไรเพราะสำหรับปรีดิ์รดาเองก็เคยสนิทสนมกับลูกชาย ช่วยเข็นไอเด็กหัวขี้เลื่อยไม่เอาไหนให้เรียนดีได้ขึ้นมาทันตาเห็น สอนดีเสียยิ่งกว่าโรงเรียนกวดวิชาแพงๆ อีก “ทำไม หรือว่าเสียดายที่หนูปริมเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว ตอนที่ไปหาเจ้าคุณ ก็เห็นคุณร่ำๆ บอกว่าอยากได้หนูปริมเป็นสะใภ้นี่นา”

    “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” ดุจเดือนบอกพร้อมกับเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือที่ตนถ่ายคู่กับลูกชายของปรีดิ์รดาให้สามีดู มีทั้งรูปถ่ายคู่ และรูปถ่ายเดี่ยวของดิษย์วรินทร์ “เห็นเด็กคนนี้แล้วคุณคิดว่ายังไงคะ”

    พร้อมทรัพย์มองดูรูปเด็กคนนั้นแล้วเงียบไปนานเกือบนาที เขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สายตาภายใต้กรอบแว่นนั้นกำลังคิดวุ่นวายกับเรื่องราวบางอย่าง

    “อย่าบอกนะคะว่าคุณเห็นเด็กคนนี้แล้วไม่รู้สึกอะไรเลย”

    “รู้สึกสิ” พร้อมทรัพย์มองภรรยา “เด็กคนนี้หน้าตาถอดแบบเจ้าดีนมาเป๊ะเลย”

    “ใช่ค่ะ” ดุจเดือนหยิบรูปถ่ายตอนลูกชายทั้งสามยังเล็กขึ้นเปรียบเทียบ ตอกย้ำความจริงว่าเธอไม่ได้คิดไปเองคนเดียว “รูปนี้มันยืนยันว่าความทรงจำของเราสองคนไม่ได้เลอะเลือนลงเลย หน้าของลูกยังตรึงอยู่ในหัวใจของพ่อแม่ แต่เด็กคนนี้หมือนลูกชายเรายังกับแกะ แล้วยังชื่อใกล้เคียงกันอีก”

    “เด็กคนนี้ชื่ออะไร?”

    “ชื่อ..ดิน”




    Loading 100 %

    เรื่องน้องดินก็ทิ้งปริศนาเอาไว้
    ไหนจะเรื่องผีผู้หญิงชุดดำอีก ใครเดาไปทางไหนบ้างคะ


    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×