ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในอ้อมแขนคุณ อุ่นไปถึงหัวใจ ♥

    ลำดับตอนที่ #1 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทนำ :: สัมผัสพิเศษของเด็กแฝด 50 %

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 65


    ในอ้อมแขนคุณ...
    อุ่นไปถึงหัวใจ 


    เนื้อหาในเรื่องมีการปรับเพิ่มเติมนิดหน่อย
    มีการนำบทของบ้านพี่ชายพระเอก แทรกเข้ามาเพื่อสมดุลในเรื่อง



    บทนำ - สัมผัสพิเศษของเด็กแฝด


    ณ บ้านหลังงามหลังโรงแรมของครอบครัวคิมคิราการที่เชียงใหม่

    ภายในดึกคืนหนึ่ง ขณะที่เด็กแฝดสองคนกำลังนอนเล่นกันเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เด่นฤกษ์อุ้มลูกสาวทั้งสองคนขึ้นมาบนที่นอน ขณะที่ภรรยาสาวอย่าง พระพาย กำลังพับเสื้อผ้าเด็กเพื่อเก็บเข้าลิ้นชักนั้น ลูกสาวตัวแสบอย่าง หนูพริก ก็ค่อยๆ ไถลตัวลงมาจากเตียง โดยมีพี่สาวอย่าง หนูแพง ไถลตัวลงจากที่นอนตามลงมาติดๆ

    เด็กน้อยที่อยู่ในวัยขวบกว่า กำลังหัดเดิน หัดพูดอ้อแอ้นั้น วิ่งไปที่ประตูห้องนอนด้วยท่าทางร่าเริง ก่อจะผลัดกันพูดด้วยถ้อยคำที่ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง

    “ดีนๆ” หนูแพงชี้ไปที่ประตูแล้วพูดคำเดิมซ้ำๆ “ดีนๆ ดีนมา”

    “นี่ไง นี่ไง ดีนมา” หนูพริกชี้ไปที่จุดเดียวกับพี่สาวของตน แต่หลังจากเด็กทั้งสองคนหันมาบอกพ่อกับแม่ ก็หันไปหัวเราะกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนมองไม่เห็น และยังทำท่าทีที่เหมือนเล่นกันสนุกสนานกับบางอย่าง เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนจากที่กลัวในตอนแรก ตอนนี้พระพายกับเด่นฤกษ์ก็รู้สึกชินชากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว

    นั่นเพราะตั้งแต่ลูกสาวของตนเริ่มอ้อแอ้ได้ ก็มักจะเห็นว่าทั้งพริกและแพงเหมือนเล่นกับใครบางคนอยู่ตลอด โบราณบอกว่าอาจเป็นแม่ซื้อที่คอยคุ้มครองเด็กทารก คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก เลยปล่อยใจเชื่อไปตามที่ผู้ใหญ่ว่ากันมา

    แต่หนักเข้า เมื่อลูกแฝดเริ่มโต เริ่มพูดได้ นอกจากเสียงเรียกพ่อกับแม่แล้ว อีกคนที่เด่นฤกษ์คิดไม่ถึงว่าลูกๆ จะเรียกคือชื่อของน้องชายคนสุดท้องของเขาที่ได้ตายจากไปแล้ว จากการฆ่าตัวตาย!

    ดีนหรือ เด่นฤทธิ์นั่นเอง

    ครั้งแรกที่เห็นว่าลูกสาวทั้งสองคนวิ่งเข้าไปหาอากาศอันว่างเปล่าตรงหน้า แล้วพากันหัวเราะ หรือบางครั้งก็วิ่งเข้าไปทำท่าเหมือนกอดใครบางคน พระพายกับเด่นฤกษ์ตกใจมาก ยิ่งได้ฟังชื่ออย่างถนัดถนี่ หลังจากที่ลูกๆ เริ่มพูดจาเป็นคำๆ ได้...เด่นฤกษ์ก็ยิ่งมั่นใจว่าน้องชายของเขาคงมาหา มาเล่นกับหลานๆ แน่

    ดีน แกยังอยู่ใช่มั้ย เด่นฤกษ์ถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มมากเหมือนกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ให้ลึกสุดหัวใจ ยังไงเสีย...เด่นฤทธิ์ก็เป็นน้องท้องเดียวกับเขา พ่อแม่เดียวกัน ถึงเด่นฤทธิ์จะสนิทกับน้องชายคนรองอย่างเด่นคุณมากกว่า แต่เลือดก็ย่อมข้นเสมอ ถึงอีกฝ่ายจากไปแล้ว แต่เขาที่เป็นพี่ก็ยังรักและเป็นห่วงใยอีกฝ่าย ไม่ต่างจากตอนที่เด่นฤทธิ์มีชีวิตอยู่

    อยู่ซี้

    เด่นฤกษ์จำได้ว่าตอนที่เขาถามออกไปกับลมฟ้าอากาศนั้น หนูพริกพูดขึ้น แล้วชี้ไปยังจุดเดิมที่ตัวเองยืน ทั้งที่ตรงนั้นไม่มีอะไรเลย ก่อนที่พระแพงจะช่วยย้ำ

    นี่ไง พ่อๆ นี่ไง

    เด่นพยักหน้ารับ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาแน่ใจเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องชายมาเยี่ยมหลานอยู่บ่อยครั้ง ทว่าถึงจะห่วงลูกสาวทั้งสองคน แต่เด่นฤกษ์เชื่อว่าเด่นฤทธิ์ไม่ใช่คนที่จะมาแกล้งให้หลานๆ กลัวแต่อย่างไร เขาจึงปรึกษากับพระพายภรรยาตัวเอง...เรื่องที่ลูกๆ เริ่มมีสัมผัสพิเศษต่างจากเด็กคนอื่น

    คุณดีนคงอยากมาเยี่ยมยายพริกกับแพงน่ะค่ะ พี่พงษ์อย่าคิดอะไรมากมายไปเลยนะ หญิงสาวบอกสามี ที่ผ่านมาเราก็เห็นตลอดว่าเขามาดี ไม่ได้มาแกล้งให้ลูกๆ กลัวซะหน่อย พายว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ เด็กๆ ก็ดูจะรักใคร่อาดีนกันดีออก

    ที่พี่กลัวก็คือ กลัวลูกจะไม่ได้เห็นไอดีนคนเดียวน่ะสิ กับน้องชายตัวเองเด่นฤกษ์ไม่รู้สึกกลัวเลย มีแต่ความคิดถึงอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ถ้าอย่างอื่นล่ะ อย่างอื่นที่มีฤทธิ์เดชมากกว่า น่ากลัวกว่า เขากลัวว่าลูกๆ จะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นไม่ไหว

    เรื่องนี้ทำเอาเด่นฤกษ์จิตตกไปพักหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนจะตัดสินใจบอกเรื่องความพิเศษกับพ่อแม่ตัวเองให้ท่านรับรู้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขากับพระพายก็ทำบุญให้น้องชายตลอด

    แล้วพอทุกอย่างเริ่มลงตัว จนเด่นฤกษ์ทำใจได้กับเรืองที่เกิดขึ้น เขาก็ชินชาระคนโล่งอกที่ลูกๆ ไม่เจออะไรเลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้

    พอคืนนี้เห็นเด็กๆ วิ่งไปที่หน้าประตูห้อง เขาก็ได้แต่กอดอก มองดูลูกๆ หัวเราะเริงร่า บอกรักคนที่เขามองไม่เห็น

    “รักดีนนี่” หนูพริกบอกรักกับความว่างเปล่า ก่อนจะทำท่าหอมแก้มอีกฝ่าย ขณะที่พระแพงผู้เป็นพี่สาวก็กอดอากาศ

    “ดีน ฉันให้แกเล่นกับหลานอีกแป๊บเดียวนะ” เด่นฤกษ์บอกกับสิ่งที่ตัวเองมองไม่เห็น แต่ก็เชื่อเต็มอกว่าอีกฝ่ายคือน้องชายคนสุดท้อง ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขากับพระพายไม่ได้บอกให้คนอื่นรู้ นอกจากคนในครอบครัวตัวเอง

    เด็กๆ ไม่หันมาสนใจพ่อกับแม่ตัวเองอีก กระทั่งพักนึงที่นั่งเล่นกันตรงประตูห้องนอน พระแพงก็วิ่งมาหาพระพาย แล้วชูสองนิ้วให้คนเป็นแม่ดู

    “หม่ามี้ๆ”

    “ชูสองนิ้วให้หม่ามี้ดูทำไมคะ” พระพายมองลูกสาวที่ชูสองนิ้วแล้วยิ้มหวาน ราวกับตั้งท่าถ่ายรูป

    “พริก ดีนๆ” คราวนี้เป็นหนูพริก วิ่งมาหาแม่แล้วชูสองนิ้วเหมือนกัน แต่แตกต่างออกไปเพราะกางนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ออก

    “เจ็ดหรอ?” พระพายมองลูกสาว ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแต่ทำนิ้วให้ดูอยู่อย่างนั้น

    “แกจะบอกหวยหรือไงไอดีน” เด่นฤกษ์นั่งมองลูกๆ แล้วแค่นหัวเราะในลำคอ อย่างไม่เชื่อถือ “เดี๋ยวถ้าหวยออกตรงที่แกบอกล่ะก็ เตรียมอยู่ไม่สุขได้เลย แกได้ตัวขาวโพลนแน่ๆ บ้านไอคุณได้กลายเป็นสำนักร่างทรงชัวร์”

    พี่ชายคนโตบอกอย่างไม่เชื่อเรื่องเลขเด็ด ของขลัง เลขดัง เพราะเขาไม่สนใจซื้อกระดาษมาลงทุนกับสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ต่อให้ลูกสาวสองคนวิ่งมาบอกโต้งๆ เขาก็ไม่คิดจะลงทุนกับอะไรที่มีความเสี่ยงสูงปรี๊ดแบบนี้หรอก

    แต่ขณะที่เด่นฤกษ์ส่ายหัว และพระพายสนใจกับสิ่งที่ลูกๆ พยายามบอกตัวเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเจือความเศร้าสร้อย น้ำเสืองสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากหลานสาวทั้งสองคน

    “พี่พงษ์ แม่ป่วย” เด่นฤทธิ์พาตัวเองมาอยู่บนเตียงนอนเดียวกับพี่ชาย แม้จะอยู่ข้างๆ แต่ต่อให้เขาตะโกนสุดเสียง เด่นฤกษ์ก็ไม่มีวันได้ยิน “แม่ไม่สบาย พี่เอาเงินนี้ให้แม่ทีนะ เอาไปจ่ายค่ารักษาแม่ที”

    ทั้งเสียงและภาพที่มีเพียงเด็กฝาแฝดในห้องเห็นและได้ยินทุกคำพูดนั้น ทำเอาสองสาวยืนงง ก่อนที่น้องแพงจะเดินไปหาเด่นฤกษ์ แล้วดึงแขนเสื้อคนเป็นพ่อ

    “พ่อๆ พ่อขา~”

    เด่นฤกษ์มองลูกสาว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถาม “น้องแพงจะขึ้นมาบนเตียงมั้ย มาเดี๋ยวพ่ออุ้ม”

    “ไม่นะๆ” น้องแพงส่ายหน้า แล้วชี้ไปที่ด้านหลังเด่นฤกษ์ “ดีนๆ”

    แต่ยังไม่ทันที่เด่นฤกษ์จะปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรได้ ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กก็เดินเข้ามาหาอีก พร้อมกับพูดซ้ำ “ย่าๆ”

    “ย่าทำไม..” คราวนี้เด่นฤกษ์กระเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง พอจะรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณตัวเองแล้วว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พลางหันไปด้านหลังแล้วถามเสียงเข้มอย่างร้อนใจ แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม “ไอดีน แม่ทำไม! แม่เป็นอะไร!

    “แหวะๆ” น้องพริกทำท่าทางให้คนเป็นพ่อดู ก่อนที่พี่สาวฝาแฝดจะช่วยเสริม

    “ย่า เจ็บๆ ตรงนี้” น้องแพงจับไปที่หัวตัวเอง

    “แม่ไม่สบายเหรอ?” เด่นฤกษ์หน้าตาตื่น พลางมองภรรยาสาว ซึ่งพระพายเองก็สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่

    “พี่พงษ์ลองโทรไปถามคุณแม่ดีมั้ยคะ อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย” พระพายบอก เพราะไม่อยากมานั่งร้อนใจ คิดมโนไปเอง แต่ใจหนึ่ง...เธอก็เชื่อว่าที่เด่นฤทธิ์มาหาหลานๆ คงมีเรื่องอยากจะบอก

    เด่นฤกษ์รีบโทรศัพท์ไปหา ดุจเดือน แม่ของเขา แต่ท่านไม่รับสาย โทรครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีคนรับ เลยยิ่งทำให้คนเป็นลูกร้อนใจ จนนั่งไม่ติด

    “แม่ไม่รับสายเลยพาย เอาไงดี”

    ทว่าในตอนที่เด่นฤกษ์กำลังหน้านิ่ว หัวคิ้วชนกันนั้น พร้อมทรัพย์พ่อของเขา...ก็โทรกลับมาพอดี ชายหนุ่มจึงรีบกดรับสาย

    [โทรมามีอะไร?]

    ทันทีที่รับสายคนเป็นพ่อ เด่นฤกษ์ก็มองสบตาภรรยาแล้วบุ้ยหน้าออกไปนอกระเบียงห้องนอน เป็นเชิงบอกว่าเขาจะออกไปคุยโทรศัพท์ก่อน พระพายก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้

    “คือ..แม่ไม่สบายหรือครับ” เด่นฤกษ์ย้อนถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นหน่อยๆ หลังจากออกมายืนรับลมด้านนอก แต่กลับทำให้ปลายสายชะงักไป

    [แกรู้ได้ไง] พร้อมทรัพย์ถามลูกชายคนโต เพราะดุจเดือนเพิ่งมีอาการตามประสาคนที่เริ่มสูงอายุ และเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงดี [แม่แกน่ะเพิ่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องห่วงนะ โรคคนแก่ ความดันขึ้น เวียนหัว อาเจียนเป็นเรื่องธรรมดา]

    อาการของดุจเดือนตรงตามกับที่เจ้าตัวเล็กสองคน ทำให้ดูเมื่อครู่ไม่มีผิด

    “พ่อครับ” เด่นฤกษ์พ่นลมหายใจออกมา “ที่ผมรู้เพราะไอดีนมันมาบอกผม แบบว่าบอกผ่านหลานๆ”

    [ดีนมาหาแกเหรอ เมื่อไหร่]

    พร้อมทรัพย์ถามด้วยความอยากรู้ ทีแรกท่านเองก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ ถึงจะอายุมากแต่ก็หัวสมัยใหม่แบบคนชาติตะวันตก จะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นหรือพิสูจน์ได้เท่านั้น แต่ในหลายครั้งที่ฝันเห็นลูกชายมาเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้..แล้วมันเกิดขึ้นจริง ไหนจะเคยเห็นหลานๆ เล่นกับอากาศ เลยทำให้นักธุรกิจอย่างพร้อมทรัพย์เชื่อเต็มอกเลยว่า วิญญาณของลูกชายคนเล็กยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้หายไปไหน

    “เมื่อกี้ ดีนมันมาเล่นกับเด็กๆ พักนึง แล้วยายพริกกับแพงก็วิ่งมาหาผมกับพาย เอ่อ..พูดถึงย่าซ้ำๆ แล้วทำท่าปวดหัว คลื่นไส้ให้ดู”

    [เจ้าดีนมันคงห่วงแม่นั่นแหละ] พร้อมทรัพย์ทอดถอนหายใจบ้าง [พงษ์ ถามหลานให้พ่อหน่อยสิ ว่าตอนนี้เจ้าดีนยังอยู่มั้ย หรือว่าไปแล้ว]

    “แป๊บนึงนะครับ” เด่นฤกษ์เลื่อนกระจกแล้วกลับเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะถามลูกๆ ตัวเอง “พริกกับแพงลูก อาดีนของเรายังอยู่ในห้องหรือเปล่า”

    เพียงเท่านั้นเด็กๆ พร้อมใจชี้ไปบนเตียง ณ จุดเดิม นัยน์ตาของเด็กฝาแฝดทั้งสองคนยังเห็นอาหนุ่มของตนคอยมองตามพ่อ

    “ผมว่าดีนมันยังอยู่ฮะ”

    [งั้นเปิดเสียงโทรศัพท์ให้พ่อที พ่อจะคุยกับเจ้าดีนหน่อย]

    เด่นฤกษ์ทำตามที่คนเป็นพ่อบอก เขากดเปิดปุ่ม Speaker Phone ก่อนจะจ่อไปตรงที่ลูกๆ ชี้ว่าคุณอายังอยู่

    “เรียบร้อยแล้วครับ”

    ทันทีที่ลูกชายคนโตส่งสัญญาณให้ พร้อมทรัพย์ก็เงียบไปครู่นึง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร

    [ดีน ดีนเอ้ย นี่พ่อนะลูก]

    เด่นฤกษ์รู้ได้ทันทีเลยว่าพ่อกำลังพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือ ทว่าเขาก็เข้าใจแหละว่า...น้องคนเล็กอย่างเด่นฤทธิ์ยังเป็นคนในครอบครัวที่ทุกคนรักและห่วงหาเสมอ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่กันคนละภพภูมิแล้วก็ตาม

    “ครับพ่อ” เด่นฤทธิ์ขานรับด้วยน้ำเสียงที่แตกพร่าเครือไปทั้งคอ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพ่อตัวเองไม่ได้ยินเสียงของเขาสักนิดเดียว น้ำตาของคนเป็นลูกหยดลงมาอาบแก้มด้วยความคิดถึงที่ล้นเอ่อเต็มหัวใจ

    นี่แหละที่เขาบอกว่า ใกล้กัน..ก็เหมือนไกล เพราะอยู่ ใกล้แค่ไหน แต่ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในสถานะของมนุษย์อีกแล้ว ทุกอย่างที่เขาพยายามจะทำ หรือแม้แค่การพูด มันก็เปล่าประโยชน์ไปหมด ไม่ว่าจะพูดดังแค่ไหน แต่เสียงของเขามันก็อยู่ไกลเกินกว่าที่พ่อแม่ คนที่เขารักจะได้ยิน

    [ดีน แม่เราน่ะไม่สบายก็จริง แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอกนะลูก] พร้อมทรัพย์ไม่อยากให้ลูกชายอยู่อย่างมีห่วง เลยพยายามพูดปลอบใจเท่าที่ตัวเองจะทำได้ [ดีนไม่ต้องห่วงแม่นะลูก พ่อเป็นคนอยู่เฝ้าแม่เราเอง ถ้าแม่หายแล้ว พ่อจะบอกนะ]

    “ดีนคิดถึงพ่อกับแม่นะ คิดถึงมาก..” เด่นฤทธิ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้จะอยู่ในโลกของวิญญาณ แต่ความรู้สึกของเขายังเหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่ ยังปวดใจ เสียใจ และยิ้มได้บ้างบางคราว หรือนี่มันอาจเป็นบทลงโทษของคนที่ทำบาปเอาไว้มากมายก็ได้ “ดีนอยากไปเยี่ยมแม่ แต่ดีนเข้าไปที่นั่นไม่ได้ ดีนเข้าบ้านไม่ได้..”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×