ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จะรักคุณแล้วนะ (หมอ)

    ลำดับตอนที่ #1 : (หมอ) = บทที่ 01 ตัวก่อเรื่อง 50 %

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 66


    จะรักคุณแล้วนะ (หมอ)
    เขียนโดย - ญาติคนไข้ในห้องพิเศษ



    บทที่ 1

    ตัวก่อเรื่อง




    เสียงเอะอะของหญิงสาวในเครื่องแบบสีขาวสะอาดตา 2 คนที่กำลังทะเลาะกันด้วยเรื่องชายหนุ่มเพียงคนเดียว ทำให้คนไข้ที่กำลังนั่งรอตรวจหันไปมองด้วยความสนใจ แต่ไม่นานทั้งคู่ก็ถูกลากออกไปสงบสติอารมณ์คนละมุมราวกับนักมวยที่ถูกพักยก

    ทว่า ตัวต้นเรื่องนั้น กลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย เจ้าตัวไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นตัวการทำให้ทั้งสองสาวทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย

    กระทั่ง เตชสิทธิ์มาทำงาน เข้าเวรในช่วงบ่ายนั่นแหละ ถึงมีคำสั่งจากหมอรุ่นพี่เรียกเจ้าตัวไปสอบสวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้อับอายไปทั่วแผนก แต่คนก่อเรื่องก็แค่ไหวไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาทอย่างไม่สนไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น

    “ให้ตายเถอะน่า..ผมผิดเหรอครับเนี่ย ไม่ยักรู้เลยแฮะ” เขาถามด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้ตัวว่าตนเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู แถมยังอ้าปากหาวหวอดๆ ใส่คนตรงหน้าอีกด้วย เล่นเอา หมอนพรุจถึงกับหัวเสียกันเลยทีเดียว

    “จะไม่ผิดได้ไงวะไอนี่!” หมอหัวหน้าแผนกที่พยายามอบรมสั่งสอนลูกทีมของตนเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายโดนสอบสวนทางวินัยถึงกับขึ้นเสียงใส่ด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมกับยกมือตบโต๊ะเสียงดังลั่น แล้วลุกขึ้นยืนเท้าเอวมองหน้าหมอรุ่นน้อง “แกเป็นหมอนะเว้ยไอเตชน์ หรือจะให้พี่เรียกแกว่าไอหมอเวร!

    “แล้วผมผิดเหรอเนี่ยพี่นพ ผมน่ะผู้ชายทั้งแท่งนะพี่ แล้วผมก็ไม่ได้นอนกับแค่สองคนนั้นด้วย ผมพอใจนอนกับใครก็นอนไปทั่วแหละ ทำอย่างกับตัวเองไม่เคยเที่ยว” คนเป็นตัวการเถียงคอเป็นเอ็น แถมยังย้อนหมอรุ่นพี่ในแบบที่ผู้ชายรู้กัน ก่อนจะยกมือเสยผมลวกๆ แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

    ใช่! เขาทำพยาบาลสองคนตบกันจ้าละหวั่นราวกับละครน้ำเน่าที่ยกออกมาจากทีวีให้ดูกันแบบสดๆ แต่เตชสิทธิ์คิดว่ามันก็ดีออก มีอะไรคนไข้ตื่นเต้นและดูฆ่าเวลาระหว่างรอตรวจไปเพลินๆ ก็แหม..โรงพยาบาลรัฐบาลนี่นา คนไข้ต้องนั่งรอกันเกือบค่อนวันกว่าจะได้ตรวจ มีเรื่องให้บันเทิงแบบนี้ แก้เซ็งดีจะตายไป

    อีกอย่างสองคนนั้นทะเลาะกันเองด้วยความหึงหวงเขา แต่เขานอนกับพวกเธอด้วยความใคร่ ไม่ใช่ความรัก เตชสิทธิ์แอบหงุดหงิดในใจนิดหน่อย ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงที่เขานอนด้วยนั้น ชอบคิดเข้าข้างตัวเองกันอยู่เรื่อย ทั้งที่เขาไม่เคยบอกสักคำว่ารักพวกเธอเลยสักคำ

    เพ้อเจ้อ!

    “ฉันรู้ๆ ว่าแกน่ะผู้ชายแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ แต่แกเองก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ทำตัวให้น่าเคารพหน่อยเถอะ เพราะอีกหน่อยแกจะต้องเป็นคนที่คนไข้ให้ความเชื่อถือ ศรัทธา ทำตัวให้เหมาะสมกับเสื้อกาวน์อันทรงเกียรติ ทรงคุณค่าที่สวมทับหน่อยสิวะ หรือท่าจะทำตัวสำส่อน นอนกับใครไม่เลือก นายก็ช่วยจัดการปิดปากคนของตัวเองให้ดีๆ อย่าให้ต้องมาทะเลาะกันให้ชื่อเสียงแผนก ชื่อเสียงโรงพยาบาลเสื่อมเสียเลย”

    “คร้าบๆ” คนพูดรับปากแบบส่งๆ ประเภทขอไปทีเพราะไม่อยากหูแฉะฟังนพรุจด่าไปมากกว่านี้

    เห้อ...นี่เขาตื่นเต็มตาเพราะคำด่าเลยแท้ๆ แต่ถามว่าจะปรับปรุงตัวเองใหม่ไหม เตชสิทธิ์ก็คงตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า..ไม่!

    อีกอย่างการเป็นหมอไม่ใช่จะทำตัวและเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้คนเชื่อถืออย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ แบบนั้นมันอาชีพขายฝันไม่ต่างจากพวกขายตรงหรอก หมอน่ะใช้ฝีมือกับความรู้และประสบการณ์ต่างหาก ถ้ารักษาคนไข้หายก็นับได้ว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ก็คงจะเป็นประเภทหมอปลายแถว

    และแม้ตัวเตชสิทธิ์เองจะเกลียดผู้ชายเจ้าชู้เพราะมีพ่อที่คอยก่อปัญหามาให้แม่ไม่หยุด จนสุดท้ายแม่ก็เลือกที่จะหย่ากับพ่อแล้วไปอยู่ต่างประเทศ ทิ้งให้เขาอยู่กับพ่อที่ไทยก็ตาม

    อาจมีบ้างบางครั้งในฐานะของแม่ที่ติดต่อกลับมาหาเขา แต่เตชสิทธิ์ยอมรับว่าตนเองโกรธที่แม่ไม่พาไปด้วย เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก เห็นพ่อพาผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเข้ามาในบ้าน ในฐานะคู่ขาบ้าง หรือแม่เลี้ยงบ้าง

    ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่พ่อหามาแต่ละคนนั้นทำตัวดีประเภทมองจากนอกโลกก็รู้ว่าปลอมเปลือกขนาดไหน และพวกเหล่านางบำเรอของพ่อก็มักตามใจเขาเพราะพ่อเป็นถึงผู้ว่าประจำจังหวัดและมีฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างร่ำรวยทีเดียว เขาเองเป็นลูกชายคนเดียว คนที่เข้ามาหาพ่อย่อมเอาใจเขาเป็นพิเศษ

    แต่ถึงจะเกลียดผู้ชายแบบพ่อเข้ากระดูกดำ ทว่าตัวหมอเตชสิทธิ์เองก็ดำเนินชีวิตตามรอยพ่อแบบถอดกันมาทุกกระเบียดนิ้ว จะว่าลูกไม้ใต้ต้นก็ไม่ผิด

    ความเป็นชายเต็มวัยเจริญพันธุ์ทำให้เขามีความใคร่และความสนใจในตัวเพศตรงข้ามมันก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือเขาอยากให้พ่อรู้สึกปวดหัวในสิ่งที่เขาก่อขึ้น ปัญหาเรื่องผู้หญิงตบตีกันวุ่นวายยิ่งกว่าปมเชือกที่ยากจะแก้หลุด นั่นเพราะเตชสิทธิ์แค่อยากเอาคืนพ่อในแบบที่พ่อเคยทำกับแม่

    เขาต้องการให้ท่านคอยตามล้างตามเช็ด ต้องการทำให้ท่านปวดหัวรำคาญใจ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งกระทบกับการงานของท่านด้วย...เตชสิทธิ์จะยิ่งสะใจมาก เผื่อว่าบทเรียนที่เขาพยายามส่งคืนให้ พ่อจะได้รู้บ้างว่าพฤติกรรมแย่ๆ ที่เคยทำกับแม่ มันน่าสะอิดสะเอียนขนาดไหน นับตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เขาก็ทำตัวเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนพ่อออกมาในแบบเดียวกันเป๊ะๆ

    “แกมันก็ดีแต่รับปากไปงั้นๆ” คนเป็นรุ่นพี่หลับตาลงครู่หนึ่ง ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาทำให้รุ่นน้องสำนึกดี แต่ความจริงมันก็อย่างที่เตชสิทธิ์บอกแหละ...จะนอนกับใครมันก็เรื่องส่วนตัว อีกอย่างถึงรุ่นน้องจะมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของอาชีพไปบ้าง แต่เตชสิทธิ์ทั้งเรียนเก่ง ฝีมือดี เวลาลงหวอดไปตรวจคนไข้ ก็มีแต่เสียงชื่นชมว่าหมอพูดจาดี ดูแลเอาใจใส่เก่ง มิหนำซ้ำยังเป็นที่รักกับคนทั่วไปโดยเฉพาะคนไข้สูงอายุ “พี่ไม่ได้หวังให้แกเลิกพฤติกรรมเจ้าชู้นะเตชน์ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของแก แต่ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันจะไม่ดีกับตัวเอง เคยได้ยินไหมว่าพวกเจ้าชู้จุดจบมันไม่สวยสักราย แล้ววันไหนที่แกเจอคนที่แกรักหมดใจจริงๆ ระวังเถอะ...เวรกรรมมันจะตามสนอง!

    ..................................................................


    The Kennocha ' Club

    “เจ๊วา ส่งเธอมาเหรอ?”

    คุณหมอหนุ่มเพียงแค่ส่งสายตามองหญิงสาวที่นุ่งน้อยห่มน้อย อวดผิวงามเนียนเปล่งปลั่งที่โผล่พ้นเสื้อผ้าหยอกล้อแสงไฟในไนต์คลับ

    หญิงสาวคนนั้นเดินประเภทตัวสั่นเหมือนลูกนก เข้ามานั่งข้างเขาและพยายามฉีกยิ้มให้ดูสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เตชสิทธิ์มองแล้วก็กระดกเหล้าที่สั่งมาลงคอจนเกลี้ยงแก้ว ก่อนจะยิงคำถามใส่ด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ แต่ในขณะเดียวกันนั้นมือไม้ที่สากกร้านหน่อยๆ ของหมอหนุ่มก็ไล้ลูบเรือนร่างสาวน้อยคนนั้นตั้งแต่เรียวแขนไปจนถึงเอว ก่อนจะออกแรงกระชับให้เธอเขยิบเข้ามาใกล้กันอีกนิด

    “ค่ะ..” หญิงสาวคนนั้นตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะหยิบขวดน้ำสีอำพันเทลงในแก้วของลูกค้า มือไม้เธอเริ่มสั่นขึ้นจนเห็นได้ชัดเพราะความหวาดกลัว นั่นทำให้เตชสิทธิ์หัวเราะออกมาหน่อยๆ อย่างอารมณ์ดี

    “แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ..” คราวนี้เขาโน้มใบหน้ามองหญิงสาวระยะประชิด ผ่านแสงไฟสลัว

    แสงไฟแบบนี้ทำให้หมอหนุ่มมองเห็นเธอไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ แต่ยิ่งเตชสิทธิ์โน้มหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ปลายจมูกคมๆ ของเขาก็เกือบชนเข้ากับแก้มที่ซีดขาวแทนที่จะชมพูระเรื่อ แม้อีกฝ่ายจะพยายามประโคมเครื่องสำอางมาให้ดูสดใสน่ามองที่สุดในคืนนี้ แต่เตชสิทธิ์กลับมองเห็นแต่ความหวาดกลัวระคนท่าทางไม่ประสีประสาของเธอ ซึ่งมันไม่อาจหลอกสายตาเขาได้เลย

    ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แกล้งทำเป็นอ่อนต่อโลกสินะ แต่เธอคงไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาเลย

    เด็กใหม่กริบ ทั้งสด ทั้งซิง แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!

    “ชะ..ชื่อเฟิร์นค่ะ”

    “ชื่อน่ารักดีนี่” เตชสิทธิ์กวาดสายตามองเด็กสาวอีกครั้ง ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ได้เด็กประเภทนี้ไปคงต้องลากเข้าห้องให้ไวแน่นอน เพราะเดี๋ยวนี้หาเด็กซิงได้ยากยิ่งกว่าทองแท้ และเด็กพวกนี้ก็มีค่าตัวที่สูงเสียด้วยสิ “ว่าแต่..น้องเรียนอยู่หรือว่าทำงานอย่างเดียวล่ะ”

    “ทะ..ทำงานค่ะ ทำงานอย่างเดียว..” เด็กชื่อเฟิร์นแทบไม่สบตาเขาเลย เธอเอาแต่ก้มหน้า ทำตัวงอและแทบจะหาที่ซุกหนีเอาตัวรอดอยู่รอมร่อ

    “ดูท่าเธอจะลำบากมากสินะ ที่บ้านฐานะไม่ดีหรือไง”

    “ค่ะ”

    “แล้วทำงานแบบนี้จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา เธอรู้นี่ว่างานพวกนี้มันเสี่ยงจะตาย เกิดเจอลูกค้าโรคจิตขึ้นมาจะทำยังไง ที่ทำแบบนี้เพราะมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินด่วนจี๋สินะ” เตชสิทธิ์ถาม ขณะดูท่าทีอีกฝ่าย มือไม้ก็เลื้อยลูบอยู่แถวๆ ต้นขาของเธอ

    “จำเป็นต้องส่งน้องเรียนค่ะ ละ..แล้วคุณยายก็ไม่สบายด้วย”

    เตชสิทธิ์พยักหน้ารับรู้เหตุผลของเธอ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วควักเงินให้ปึกหนึ่ง เงินปึกนี้มีมูลค่าราวสามหมื่นบาท ก่อนจะยื่นข้อเสนอ

    “ฉันจะให้เธอหมดนี่ ถ้าเธอยอมเล่นสนุกกับฉันสักหน่อย”

    “อะ..อะไรเหรอคะ?”

    สิ้นคำถามหญิงสาว เตชสิทธิ์ก็ยัดเงินใส่ในมือของเธอ ก่อนจะหยิบแก้วอีกใบเทเหล้าลงไปจนเต็ม แล้วหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา ในซองมียาเม็ดสีชมพู และอีกซองมียาเม็ดสีม่วง

    เตชสิทธิ์หยิบยาสองเม็ดชูให้หญิงสาวเห็นก่อนจะพูดต่อว่า

    “ยาเม็ดสีม่วงนี่ เป็นยากล่อมประสาทชนิดรุนแรง ถ้ามันผสมเข้ากับเหล้า..” ว่าแล้วเขาก็เอายาเม็ดสีม่วงหย่อนใส่ลงในแก้ว ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแกว่งมันไปมาเพื่อให้ยาละลายเข้ากับเครื่องดื่ม “มันจะกลายเป็นยาเสียสาว นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้ในแก้วนี้มียาเสียสาวผสมอยู่ ฉันเห็นเธอยังดูกลัวๆ ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่..อืม..น่าจะยังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยซ้ำ ถ้ากินเหล้าแก้วนี้เข้าไป แล้วมาสนุกกัน เธออาจจะหลับไปตอนไหนก็ได้ พอตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้ แบบนี้อาจจะดีกับเธอมากกว่าตอนมีสติเต็มร้อย แต่..”

    เตชสิทธิ์ว่าพลางดึงแก้วอีกใบเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอายาเม็ดสีชมพูหย่อนลงไปบ้าง ก่อนจะแกว่งแบบเดิม

    “แต่ถ้าแก้วใบแรกที่ฉันเสนอให้ มันไม่ใช่สไตล์เธอ แก้วใบนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้นะ”

    “นะ..นั่นยาอะไรหรือคะ?” คนที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนเขาตัวสั่วแทบจะเป็นเจ้าเข้า น้ำเสียงก็ติดขัด ดวงตาแดงก่ำคล้ายกำลังจะร้องไห้ออกมา

    “ยาอะไรดีล่ะ” เตชสิทธิ์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนยกยิ้มมุมปาก “ยาบ้าล่ะมั้ง แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า..”

    เขาแกล้งเลียริมฝีปาก ก่อนจะใช้นิ้วไล้ไปตามใบหน้าที่ขาวโพลนราวกับศพ

    “มันไม่รุนแรงหรอก ถ้าได้ลองสักครั้งเธออาจติดใจก็ได้ มันจะทำให้เรามีความสุขด้วยกันทั้งคืนไปจนถึงเช้า เธอจะต้องครางชื่อฉันทั้งคืน เราจะสนุกด้วยกันจนลืมทุกสิ่งที่เธอเคยเจอมาเลย แล้วมันจะช่วยปลอบใจเด็กขี้กลัวอย่างเธอได้ด้วย สนใจไหม?”

    เตชสิทธิ์แกล้งสวมบทพ่อพระเช็ดน้ำตาเม็ดโตที่ร่วงผล็อยหยดกระทบแก้มนวลให้หญิงสาว

    “ตายจริง! เธอไม่ต้องซาบซึ้งในน้ำใจของฉันขนาดนี้ก็ได้ เอ..จะว่าไปแล้วแก้วนี้ดีที่สุดน้า มันจะกลายเป็นว่าเราสมยอมกันทั้งสองฝ่าย ฉันเองก็สบายใจที่ไม่ได้บังคับฝืนใจเธอ”

    “ยะ..อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอร้องท่วมหัว “ปล่อยหนูไปเถอะนะ”

    เธอยกมือขอร้องทั้งน้ำตาและกำลังจะลุกหนี แต่เตชสิทธิ์ฉุดแขนหญิงสาวเอาไว้ แล้วออกแรงบีบแน่น กระชากแรงจนตัวเธอปลิวลอยมานั่งบนตัก ก่อนจะกอดรัดเอาไว้แน่นหนา

    “อย่าขี้ขลาดสิ” เขาแกล้งปลอบ ก่อนจะยกมือที่กอดเลื่อนขึ้นมาปิดปากเธอ “ฉันมีอีกทางเลือกหนึ่ง..” คราวนี้น้ำเสียงใจดีกลายเป็นขู่เข็ญบังคับราวกับโจรผู้ร้าย ทำเอาหญิงสาวตกใจจนตาเหลือก

    “กระดกเหล้าทั้งขวดให้หมดสิ อย่างน้อยก็น่าจะย้อมใจก่อนที่เราจะมีความสุขด้วยกัน”

    วินาทีนั้น หญิงสาวพยายามดิ้นขลุกขลักอย่างต้องการเอาชีวิตรอด เธอกลัวจนแทบจะหมดสติ แต่ครั้นจะมาอ่อนแอล้มพับไปตอนนี้คงไม่ได้ แม้ตนจะเสียเปรียบชายหนุ่มไปทุกทางก็ตาม เพราะเขารัดเธอไว้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เรี่ยวแรงของเขาเยอะกว่าหลายเท่าตัวนัก อีกทั้งเธอยังโดนปิดปาก หนทางที่จะหนีมันช่างริบหรี่เหลือเกิน

    “คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ หรือไงกันวะ! ฉันซื้อเธอมาแพงนะเว้ย! แล้วยังเสนอเงินให้อีเจ๊นั่นตั้งเยอะอีก ถ้าเธอจะเลือกอาชีพขายตัวจริงๆ คืนนี้เธอคงไม่ได้มากเท่านี้หรอก”

    “พอเถอะน่าเตชน์ ดูสิ..เด็กมันกลัวหมดแล้วเนี่ย”

    ขณะที่ชายหนุ่มข่มขู่หญิงสาวราวกับพวกซาตานกลับชาติมาเกิดในคราบมนุษย์นั้น เสียงของผู้หญิงวัยสามสิบกลางๆ ก็ดังแทรกขึ้นแข่งกับเสียงเพลงเอื่อยเฉื่อยที่เปิดดังลั่นร้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ชายหนุ่มแล้วพ่นควันบุหรี่สีขุ่นออกมาทางจมูกและปาก เมื่อพ่นควันจนพอใจแล้ว อีกฝ่ายก็บี้ปลายบุหรี่แดงแจ๋ลงกับที่เขี่ย

    “บอกแล้วไงเจ๊ว่าอย่าดูดบุหรี่ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

    “จ้าๆ คุณหมอ” เจ๊วาขำออกมา ก่อนจะพยักหน้าและลากเสียงขานรับอย่างประชด เธอไม่มองลูกจ้างในสังกัดเลย ใบหน้าที่ยิ้มมีความสุขและมือที่หยิบเครื่องดื่มแก้วที่เต็มอยู่ขึ้นกระดกไปจนเหลือครึ่งนึง ทำเอาเฟิร์นถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก “นี่ ปล่อยเด็กเจ๊ได้แล้ว เกิดหนูเฟิร์นกลัวจนหัวใจวายไป เจ๊ซวยเลยนะ”

    “แหม จะได้รู้ไงเจ๊ว่าโลกความเป็นจริงน่ะมันน่ากลัวขนาดไหน”


    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×