คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ในอ้อมแขนคุณ ♥ บทที่ 02 :: วารวารี 100 %
“ได้ค่ะ” วารวารีรับออเดอร์ “ว่าแต่จะให้ยกมาเสิร์ฟตรงนี้ หรือว่าให้ส่งที่ห้องดีคะ?”
“ตรงนี้แหละ” เด่นฤทธิ์บอก พร้อมกับนอนกระดิกเท้าทำท่าทางสบายใจเฉิบ
ก่อนจะดีดนิ้วเสียงดัง จริงสินะ...ในเมื่อวารวารีเห็นเขาแล้ว
ก็น่าจะยืมมือเธอแกล้งไอพี่ชายตัวดีสักหน่อยเป็นไร “อ่อ รบกวนลงบัญชีไอคุณนะ”
“คะ?” ทว่าหญิงสาวกลับเลิกคิ้วขึ้นสูง
ขณะที่เด่นฤทธิ์หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
“คืองี้ ฉันไม่ใช่ลูกค้าอะไรหรอก แบบว่าพักอยู่บ้านข้างๆ โรงแรมนี้ไง”
เด่นฤทธิ์ชี้ไปยังทางเดินที่เชื่อมไปทางบ้านพักตากอากาศของครอบครัวตนเอง ก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการให้หญิงสาวรู้จัก
ซึ่งวารวารีเองก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดจริง เชื่อถือได้ เพราะอย่างที่บอก...วันที่บ้านเจ้านายทำบุญเลี้ยงพระ
เธอก็เห็นเขาเล่นกับหลานๆ ถ้าไม่ใช่พี่น้อง คนสนิท ก็ต้องเป็นญาติกันแน่ๆ
ยังไงเจ้านายเธอก็ต้องรู้จักเขาแหละ “ฉันน่ะเป็นน้องชายเจ้าของโรงแรมที่นี่
เด่นคุณน่ะ เธอรู้จักเจ้านายตัวเองใช่มั้ยล่ะ”
“ค่ะ ใครบ้างจะไม่รู้จักเจ้านายเหนือหัวตัวเอง จริงมั้ยคะ” วารวารียิ้มขำในความอารมณ์ดีและเป็นกันเองของเขา
ที่ไม่มีท่าทีถือตัวเหมือนเจ้านายคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเสียเต็มร้อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูน่าไว้ใจได้ก็ตาม
“งั้น ดิฉันขอทราบชื่อได้มั้ยคะ เผื่อว่าโดนเรียกถามจะได้บอกถูก”
“ชื่อดีน เด่นฤทธิ์ คิมคิราการ ถ้าไอพี่คุณมันไม่รู้จักฉันนะ
เดี๋ยวฉันจะเป็นพยานให้เธอเองเลย”
“คุณพูดแล้วนะคะ ห้ามหนี ห้ามหาย ห้ามคืนคำด้วย”
“แน่นอน คนอย่างเด่นฤทธิ์ซะอย่าง”
......................................
เมื่อคืนวารวารีอยู่เวรกะดึก ต้องทำงานจนถึงเช้า กว่าจะออกเวรก็ประมาณ
9 โมง อยู่เวรดึกดีก็จริงเพราะไม่มีอะไรวุ่นวายใจ ทำงานตัวเองไปเงียบๆ แต่ไอความเงียบสงบนี่แหละ...ที่ทำเธอหาวหวอดๆ
ไม่หยุดปาก
เอาเถอะ! เลิกงานเมื่อไหร่ จะรีบบึ่งมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน
อาบน้ำนอนเลย คอยดู
“เจ้ เอาอีกแล้วอ่ะ”
‘บุ้ง’ หรือ ‘บุญชญา’ สะกิดให้ ‘มิรินทร์’
เลขานุการหน้าห้องเด่นคุณดูพฤติกรรมที่แปลกตาชวนสงสัยของวารวารี
เธอกับวารวารีเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่เดียวกัน อยู่ในตำแหน่ง Reception (พนักงานต้อนรับของโรงแรม) แต่เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้น ดันมีพฤติกรรมแปลกกว่าคนอื่นทั่วไป
นั่นเพราะหลายครั้งที่เธอเห็นวารวารีมักพูดคนเดียวด้วยสีหน้าจริงจังราวกับคุยกับเพื่อน
หรือบางครั้งก็ยิ้มแย้ม พูดจาเล่นกับเด็กๆ ทั้งที่ตรงนั้นไม่มีใครอื่นเลยสักคน
เช้านี้ก็เหมือนกัน บุญชญามองไปยังริมชายหาด เธอเห็นวารวารีเดินไปที่เก้าอี้ริมหาดของโรงแรมแล้วหยุดยืนคุยกับอากาศ
ด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
“เจ้ นี่เราไม่ได้รับคนบ้าเข้ามาทำงานใช่มั้ยคะ?” ถึงบุญชญาจะถามมิรินทร์ออกไปอย่างนั้น
แต่ในความรู้สึกของเธอวูบหนึ่งกลับขนลุกเกลียวด้วยความกลัว
“อย่าเพ้อเจ้อน่าเรา คนบ้าจะพูดกับคนอื่นรู้เรื่องได้ยังไง”
มิรินทร์หันมาทำหน้าดุลูกน้อง แต่สายตายังมองไปยังสาวร่างเพรียวบาง หน้าตา และบุคลิกดีราวกับทำงานสายการบินด้วยความคิดที่ไม่อาจพูดกับใครได้
ทว่าในตอนที่ความสงสัยแล่นเข้ามาครอบงำความรู้สึกนั่นเอง ‘เดย์’ Front Office Manager (ผู้จัดการส่วนหน้า)
ก็เดินเข้ามาสมทบรวมกลุ่มพอดี
“สาวๆ มองอะไรกันน่ะ นี่พี่ไม่ได้ตกข่าวอะไรใช่มั้ยเอ่ย?”
ผู้จัดการถาม ก่อนที่มิรินทร์จะบุ้ยหน้าไปยังตัวต้นเหตุ
“คงไม่ใช่คุณดีนใช่มั้ยพี่เดย์” มิรินทร์ถาม หัวคิ้วของเธอนั้นกำลังขมวดยุ่งเข้าหากัน
“มีใครในโรงแรมปริปากเรื่องคุณดีนให้วารีฟังหรือเปล่า”
“ไม่มีนะ ผมกำชับทุกคนหมดแล้ว พนักงานที่เข้ามาใหม่ๆ ในรอบสองปีไม่มีใครรู้เรื่องคุณดีนเลย” เดย์บอก ก่อนจะมองลูกน้องใต้บังคับบัญชาของตน “บุ้ง เธอได้เล่าอะไรเกี่ยวกับคุณดีนให้เพื่อนเธอฟังใช่มั้ย”
“หนูเปล่านะคะพี่เดย์ ไม่ได้พูดสักคำเลย” บุญชญารีบส่ายหน้าหวือ เรื่องผีเผอเธอจะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด แค่คิดว่าเพื่อนร่วมงานมีสัมผัสพิเศษก็กลัวจนขนลุกแทบแย่แล้ว
“งั้นก็รอดูไปก่อนเถอะ” เดย์ตบไหล่เพื่อนที่ร่วมงานกันมาหลายปี
ถึงในช่วงที่เกิดเรื่องหใหม่ๆ จนกระทั่งตอนนี้จะยังไม่เคยมีใครเห็นหรือเจอฤทธิ์เดชของเด่นฤทธิ์เลยสักคน
แต่ทุกคนก็เชื่อจากการโดนปลูกฝังว่าคนที่ตายในบ้าน ตายไม่ดีนั้น วิญญาณจะวนเวียนไม่ไปไหนไกล
ส่วนทางด้านวารวารี ในเมื่อช่วงนี้พนักงานไม่พอ
อีกอย่างเธอเองก็เป็นพนักงานใหม่มีอะไรก็ต้องช่วยทำไปก่อนนั้น
เช้านี้เลยออกมาเตรียมโต๊ะใส่บาตรให้กับลูกค้าของโรงแรมที่ริมหาด
ทว่าพอจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง เสียงทักทายที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“อ้าว เจอกันอีกแล้วนะคนสวย หน้าง่วงเชียวเรา”
เด่นฤทธิ์นั่งอยู่บนผ้าใบ โบกมือทักทายพนักงานสาวคนสนิทด้วยสีหน้าสดชื่น
จะว่าไปแล้ว...พักนี้วารวารีกับเขาเจอกันแทบทุกวัน ได้คุยกันวันละนิดละหน่อยพอให้หายเหงา
หายเครียด
“มาชมพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้าเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มทักทายกลับไป
“ก็สวยดีไม่ใช่เหรอ” เด่นฤทธิ์มองไปยังเบื้องหน้า
ดวงอาทิตย์สีทองส่องสว่าง ค่อยๆ ผุดขึ้นจากทะเล ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี
ธรรมชาติก็เหมือนเดิม สวยงามไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
“ว่าแต่..” วารวารีอ้าปากจะถามออกไป แต่เธอก็เลือกที่จะกลืนคำถามไร้มารยาทนั้นลงคอ
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่นานจัง ไม่มีการมีงานทำหรือไง
“มีอะไร?” เด่นฤทธิ์หันมามองหน้าตาปริบๆ
เหมือนรอฟัง แต่วารวารีก็เลือกส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
ทว่าขณะที่หญิงสาวค้อมศีรษะให้เป็นการขอตัว ก่อนจะเดินไปนั้น จู่ๆ คำถามที่เธอคิดในใจ ก็ดันมีคำตอบจากคนนั่งชมพระอาทิตย์อยู่ ราวกับว่าเขาอ่านใจเธอออก
“ฉันเคยทำงานที่นี่นะ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว” เด่นฤทธิ์หันไปมองวารวารี แล้วยิ้มเศร้า “ที่นี่เป็นของพี่ชายฉันไปแล้วล่ะ ฉันเลยต้องทำอย่างอื่นแทนน่ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า “ว่าแต่ เช้านี้คุณจะรับอะไรมั้ยคะ กาแฟ หรืออาหารเช้าดี” วารวารีเสนอตามหน้าที่ของตัวเอง
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็มีคนหามาให้” คำพูดที่ออกจะเศร้าสร้อย
สีหน้าที่ยิ้มเพียงแค่ปาก ทำให้วารวารีรู้สึกแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก แต่หญิงสาวก็สรุปเอาเองในใจว่าเด่นฤทธิ์นั้นคงมีเรื่องที่ตนไม่สบายใจอยู่
ความสดใสร่าเริงถึงได้เลือนหายไปได้รวดเร็วขนาดนี้ “จริงสิ เธอเข้าเวรดึกนี่นา
ทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวค้อมศีรษะให้เขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ยังไม่ทันหมุนปลายเท้าหันไปทางไหน
เด่นฤทธิ์ที่ทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้านั้น ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
“เห้อ...พระอาทิตย์สวยจัง ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากได้เธอเป็นพี่สะใภ้นะวาฬ”
คนพูดหันมามองใบหน้ากลมขาวผ่อง ก่อนจะขยิบตาอย่างคนขี้เล่นให้
จนวารวารีรับมือไม่ทันกับอารมณ์ที่ค่อนข้างจะแปรปรวนของเขา
ตอนเจอกันก็ทำทะเล้นใส่ เมื่อกี้ทำหน้าเศร้า
แล้วตอนนี้ยังจะมาทำเป็นอารมณ์ดีอีก เห้อ...อะไรของเขาเนี่ย
แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็คิดแค่ในใจ ไม่ได้โต้ตอบเป็นคำพูดออกไป
เพียงแต่มองอีกฝ่ายตาปริบๆ
“ฉันถูกชะตากับเธอน่ะ”
“อย่าดีกว่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า เธอไม่รู้หรอกว่าเขาแค่แกล้งแหย่เล่นๆ
หรือว่าคิดจริงจัง แต่ไม่ว่ายังไงวารวารีก็ไม่ขอรับน้ำใจนั้นไว้...ให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดเด็ดขาด
อีกอย่างความเป็นไปได้ระหว่างเจ้าของโรงแรมชื่อดังกับพนักงานต่ำต้อยอย่างเธอนั้น
ผลลัพธ์มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว “พนักงานอย่างฉัน ไม่กล้าอาจเอื้อมพี่ชายคุณหรอกค่ะ”
วารวารีทำเป็นพูดติดตลกทีเล่นทีจริง
แต่เด่นฤทธิ์กลับวางสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พูดจริงๆ นะ บนโลกนี้น่ะ มันไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่างหรอก” คนตัวสูงผุดลุกจากเก้าอี้
ก่อนจะยกข้อแขนที่มีนาฬิกาข้อมือสวมอยู่ เป็นเรือนสีดำเงาวาววับ
วารวารีมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามันคงแพงมาก “D3 PKD รหัสลับน่ะ
ที่สายนาฬิกาของฉัน เผื่อว่าวันนี้เธอจำเป็นต้องใช้มัน”
คำพูดแปลกประหลาดที่ทำเอาชวนมึนงงสงสัยนั้น ก็ยังไม่เท่ากับความประหลาดของคนตรงหน้า
เด่นฤทธิ์บอกแค่นั้น เขายิ้มให้เธอ ก่อนจะเดินไปยังทางกลับบ้านพัก
แต่จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้วารวารีหาข้อสรุปได้แล้วว่าที่น้องชายของเจ้านายตัวเองเดินลอยไปลอยมาอยู่บริเวณนี้
คงเป็นเพราะสติสตังของเด่นฤทธิ์ไม่ดีเป็นแน่ คงจะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือไม่ก็ฟั่นเฟือน
เป็นพวกไม่อยู่กับร่องกับรอย บางวันถึงได้ดูเป็นคนปกติ แต่อย่างวันนี้สงสัยอาการจะกำเริบชัวร์
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ ใครว่าคนรวยไม่มีทุกข์ นี่ไง...ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคาตาเลยว่าอาจไม่มีปัญหาเรื่องเงินทอง
แต่มีปัญหาเรื่องคนในบ้านแทน
วารวารีเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ พอมาถึงบุญชญาก็ทักทันที
“เหนื่อยล่ะสิ”
“เพลียมากกว่าน่ะ ถึงตอนกลางคืนจะสงบ ไม่วุ่นวายดี แต่ก็เอาเรื่องอยู่”
หญิงสาวยิ้มทั้งที่ตาใกล้ปิดเต็มที
“ทนหน่อยนะ อีกเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านไปหลับแล้วล่ะ” บุญชญาให้กำลังใจเพื่อนสาว
แต่การทำงานที่ราบรื่นมาตลอดทั้งคืนก็มีอันต้องสิ้นสุดลง
เมื่อตอนเช้าลูกค้าเริ่มลงมาทานอาหารเช้ากันแล้ว
มิหนำซ้ำยังมีทัวร์มาลงจนพนักงานในโรงแรมต้องทำงานกันหัวหมุนไปหมด
กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ ก็เลยเวลาที่วารวารีเลิกงานมาเกือบชั่วโมง
“โอ้ย ไปเถอะวาฬ กลับบ้านกัน”
บุญชญายืดแขนบิดไปมา พลางยกกำปั้นทุบไหล่ตัวเองแก้ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
เมื่อเธอกับวารวารีเข้ามายังห้องพักพนักงานหญิง เพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับบ้าน
แต่ยังไม่ทันจะเปลี่ยนยูนิฟอร์มด้วยซ้ำ มิรินทร์เลขานุการข้างกายเด่นคุณ เจ้านายสูงสุดของที่นี่ก็โผล่หน้าเข้ามา
“เดี๋ยวสิวารี” มิรินทร์มองไปยังสาวหน้าหมวย ใบหน้ากลม ขาวผ่อง ขณะที่วารวารีหันหน้าไปตามเสียงเรียก
“วาร-วารีค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองอย่างถูกต้องให้มิรินทร์รับรู้อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเลย
“จะอะไรก็ช่างเถอะ พี่ถนัดเรียกแบบนี้มากกว่า” มิรินทร์บอกก่อนจะกวักมือเรียกให้หญิงสาวตามเธอออกไป
“เราน่ะตามพี่มานี่หน่อย”
วารวารีหันไปส่งสายตาบอกบุญชญาว่าไม่ต้องรอตน และให้กลับบ้านไปก่อนเลย
ส่วนบุญชญานั้นก็ได้แต่โบกไม้โบกมือร่ำลาเพื่อน
“แล้วเจอกันนะวาฬ”
หญิงสาวเดินตามมิรินทร์ไปยังชั้นบน ซึ่งเป็นในส่วนสำนักงานขนาดย่อมที่คอยจัดการเรื่องต่างๆ
ของโรงแรม พอมาถึงโต๊ะหน้าห้องผู้บริหารฯ มิรินทร์ก็หยิบเอกสารให้หญิงสาวตรงหน้าดู
“ฝ่ายการเงินบอกพี่ว่าเราลงค่าอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ในชื่อของคุณคุณ”
มิรินทร์ทำเสียงดุ แต่วารวารีกลับพยักหน้ายอมรับหน้าตาเฉย
“ค่ะ”
“เดี๋ยวเถอะ! ยังจะตอบพี่หน้าตาเฉยอีก” มิรินทร์ยกมือฟาดไปที่แขนเด็กสาวตรงหน้าหนึ่งที
แต่ไม่ได้แรงมาก “อธิบายมาซิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็..น้องชายคุณคุณบอกให้ใส่ไว้ในชื่อพี่ชายนี่คะ”
คำตอบของวารวารีทำเอาคนฟังแทบไม่อยากจะเชื่อหู จากที่จะเรียกมาดุ..มิรินทร์กลับหน้าเสียไปชั่วขณะแทน
“คนไหน?”
“ก็...คุณดีนไงคะ” วารวารีบอก “เห็นบอกว่าอยู่บ้านเดียวกับคุณคุณ บ้านข้างๆ โรงแรมที่พี่มิรินทร์ส่งวาฬให้เอาเครื่องดื่มไปให้วันนั้นไง”
“นี่เธอ..” หัวใจมิรินทร์เต้นโครมครามด้วยความกลัว พฤติกรรมที่มองว่าแปลกกว่าคนทั่วไป มันเป็นอย่างที่เธอ พี่เดย์ผู้จัดการ และบุญชญาคิดเอาไว้ไม่มีผิด “นี่พูดจริงใช่มั้ยเนี่ย?”
ความคิดเห็น