ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รานใจ นิยายชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด

    ลำดับตอนที่ #2 : เล่ห์รานใจ ♥ บทนำ :: ร่องรอยแห่งความทรงจำ 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 64


     เล่ห์รานใจ 
    [นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด]


    Part : 2/2


    ฟราน วันวิวาห์

    บทนำ
    _____________________________________________________________________________________________________________

    ร่องรอยแห่งความทรงจำ


    นอกจากสมองจะยังไม่อาจลืมเลือนภาพความทรงจำต่างๆ ที่มีเรณุกาอยู่ในนั้นแล้ว ความรู้สึก และภาพลวงตาในบางครั้ง รวมถึงกลิ่นหอมละมุนของหญิงสาว มันคอยหลอน ทำให้ชายหนุ่มลืมไปเสมอว่าคนรักของเขาได้จากไปแล้ว

    หมอหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าหากเขากับเรณุกาได้แต่งงานกันตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้เขาและเธอจะมีความสุขมากแค่ไหน ครอบครัวเล็กๆ อาจถูกเติมเต็มไปด้วยความรักและคงมีโซ่ทองคล้องใจ พลอยให้วรรณสิริกับจักร และมารดาของเขาปลื้มปริ่มไปแล้วก็ได้

    “แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้มองใครเลยครับ” ไม่ใช่แค่ไม่ได้มองหาหญิงสาวคนอื่น แต่ธยุตเลือกที่จะเมินไม่สนใจ และเอาเวลาที่มีไปทำงานเสียมากกว่า

    ณ เวลานี้คงยังไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทนที่ของเรณุกาได้หรอก

    “อีกอย่าง ผมไม่ได้ตกหลุมรักใครง่ายดายขนาดนั้น” ธยุตบอกเสียงเย็น เขาน้อมรับในความหวังดีของอดีตแม่ยายเอาไว้ ทั้งที่ความจริงแล้วการก้าวข้ามผ่านอดีตมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก “ผมกับรันรู้จักกันมานาน เห็นกันมาก็ตั้งหลายปี ความรู้สึกนั้นมันค่อยๆ พัฒนามาเป็นความรัก ผมว่ามันคงยากมากเลยที่จะหาผู้หญิงสักคนมาแทนที่ของรันได้ แต่ผมขอบคุณในความหวังดีของคุณน้านะครับ”

    “แต่ไม่ว่ายังไงน้าก็อยากให้คราม มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” วรรณสิริพยายามควบคุมน้ำเสียงของตนไม่ให้สั่นเครือ “ครามอย่าแบกรับความเจ็บปวดไปชั่วชีวิตของครามเลยนะ และไม่ใช่แค่ครามที่น้าอยากให้มีความสุข แต่คุณอิน...น้าอยากให้คุณอินมีความสุขเหมือนกัน”

     

    ในช่วงสาย ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

    “คุณพ่อมาเยี่ยมใครหรือคะ”

    วันวิวาห์เดินควงแขนมากับ เจ้าสัวพิสุทธิ์คุณพ่อของเธอ

    พิสุทธิ์ตั้งใจมาเยี่ยมคนสนิทของตน แต่ด้วยวันนี้คนขับรถไม่ว่าง และภรรยาอย่าง พิรมล เองก็ต้องไปดูแลสถานเสริมความงาม ส่วนลูกสาวคนเล็กว่างงานมาก คนเป็นพ่อเลยไหว้วานขอให้วันวิวาห์ช่วยขับรถและช่วยเลือกกระเช้าผลไม้ให้

    วันวิวาห์เองตามใจพ่อทุกอย่าง เพราะรู้ดีว่าตนกับคนในครอบครัวนั้นไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักเท่าไหร่ ด้วยอาชีพของเธอเป็นนักแสดงสาวที่มีคิวยาวตลอดแทบจะทั้งปี แต่เพราะวันนี้เจ้าภาพ Cancel งานเนื่องจากมีปัญหา วันวิวาห์เลยมีเวลาพักผ่อนหยุดพักหนึ่งวัน แม้เวลาพักผ่อนของเธอนั้นจะถูกคนเป็นพ่อรบกวนไปแล้วก็ตาม

    หญิงสาวควงคุณพ่อมาโรงพยาบาล มือหนึ่งถือกระเช้าผลไม้เยี่ยมไข้ ขณะที่สายตาซึ่งถูกแว่นกันแดดสีดำปกปิดกำลังมองหาลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบน

    “คุณอา 'ครรชิต' ไม่สบายน่ะสิ” พิสุทธิ์บอกลูกสาว ก่อนจะหันไปทำหน้ายุ่งใส่ “อะไรกัน พ่อเพื่อนเราไม่สบายทั้งคนนะ ฟรานไม่รู้เรื่องเลยหรือไง”

    “แหม ใช่ว่าฟรานกับเกี๊ยวจะเจอกันบ่อยนี่คะพ่อ” หญิงสาวทำเสียงสะบัดอยู่ในที แม้เธอกับ กมลขวัญจะเป็นนางเอกในสังกัดเดียวกัน ช่องเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมได้พูดคุยกันทุกเรื่องเสียเมื่อไหร่ ได้เจอกันทีก็ตามงานต่างๆ เท่านั้นแหละ “ทำงานในวงการเดียวกัน ก็ใช่ว่าจะสนิทกันนี่นา เกี๊ยวก็มีกลุ่มเพื่อนของเขา ฟรานก็มีเพื่อนของฟราน”

    “เอาเถอะๆ” พิสุทธิ์ว่าพลางหยุดเดิน โรงพยาบาลนี้กว้างขวางมาก ท่านเคยมาไม่กี่ครั้งและก็เมื่อหลายปีที่แล้วด้วย เลยไม่คิดว่าในระยะเวลาไม่เท่าไหร่ โรงพยาบาลแห่งนี้จะมีการปรับเปลี่ยนและมีตึกสร้างเพิ่มเยอะขึ้น...จนแทบจำภาพเดิมไม่ได้เลย “ว่าแต่เราน่ะช่วยพ่อมองหาซิ ตึกผู้ป่วยอายุรกรรมไปทางไหนกัน พ่อไม่ได้มาโรงพยาบาลนานแล้ว เลยงงไปหมด”

    “ฟรานก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” หญิงสาวเองก็พยายามมองหาป้ายบอกทางไปยังตึกต่างๆ อยู่เหมือนกัน “งั้นเดี๋ยวฟรานถามให้นะคะ”

    วันวิวาห์บอกพลางมองหาคนที่จะพอช่วยเหลือเธอได้ แต่ที่สำคัญคนพวกนั้นจะต้องไม่สนใจเธอมากจนเกินไป เพราะในเวลานี้ คนที่มาโรงพยาบาล ทั้งพนักงาน บุคคลาการทางการแพทย์ ทั้งคนไข้ ต่างก็เริ่มให้ความสนใจเธอมากขึ้น

    ซึ่งวันวิวาห์บอกเลยว่าเธออยากได้ความเป็นส่วนตัว แต่ครั้นจะหยิ่งก็ทำไม่ไหว เพราะงานของเธอยังต้องอาศัยความรัก ความชื่นชมจากประชาชน

    หากขาดพลังในการ Support อนาคตในวงการบันเทิงของเธอคงได้ดับสูญ และชื่อเสียงโด่งดังที่สร้างมานั้นได้ลาลับหายไปแน่

    ทว่าขณะที่วันวิวาห์กำลังมองหาตัวช่วยอยู่นั้น สายตาของหญิงสาวก็พลันสะดุดเข้ากับร่างสูงของหมอหนุ่มคนหนึ่ง เขาน่าจะเป็นหมอที่ทำงานในโรงพยาบาล เพราะดูจากเสื้อกาวน์ที่มีตราโรงพยาบาลปักตรงหน้าอก แล้วไหนจะยังมี Stethoscope (หูฟังของหมอ) พาดอยู่คอนั่นอีก เลยทำให้วันวิวาห์เลือกที่จะพึ่งพาเขา

    “ขอโทษนะคะ” หญิงสาวเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย ซึ่งทางคุณหมอเองก็ดูเหมือนว่าเพิ่งจะพูดคุยธุระกับพยาบาลคนหนึ่งเสร็จ

    “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?”

    “ตึกอายุรกรรม เอ่อ..คือ..ฉันมาเยี่ยมคนไข้ ไม่ทราบว่าตึกผู้ป่วยในต้องไปทางไหนหรือคะ” หญิงสาวถึงกับพูดจาติดขัด เมื่อพินิจมองหมอหนุ่มใกล้ๆ แล้วพบว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีมาก เขาแทบไม่ต่างจากพวกพระเอกดังๆ ที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ จนวันวิวาห์ไม่แน่ใจแล้วว่าสมัยนี้โรงพยาบาลเขาคัดหน้าตาของหมอที่จะเข้ามาทำงานด้วยหรือเปล่า

    “คุณเดินตรงไป เลี้ยวขวาจะเจอลิฟต์นะครับ คนไข้อายุกรรมอยู่ชั้น 9 กับ 10” คุณหมอหนุ่มแนะนำด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มทุ้ม ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่นใจดีเอาไว้ จนคนฟังได้แต่พยักหน้ารับเหมือนต้องมนต์สะกด

    อย่าเคลิ้มเชียวนะยายฟรานเอ้ย เธอเป็นถึงนางเอกดังระดับแนวหน้าของประเทศ จะมาเคลิ้มเพราะผู้ชายคนเดียวได้ยังไง

    หญิงสาวพยายามตะโกนเตือนตัวเองในใจว่าไม่ให้เผลอมองอีกฝ่ายนานจนเกินไป เลยได้แต่ตีหน้าเฉย ยิ้มรับความช่วยเหลือของเขาแต่พองามตามมารยาท และย้ำกับตัวเองว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว

    “ขอบคุณนะคะ“

    วันวิวาห์บอกด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะแยกย้ายกับเขานั้น ก็มีพยายาลวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

    “เอ่อ..คุณฟรานใช่มั้ยคะ” พยาบาลวัยกลางคนมองหน้าเธอ ก่อนจะมองไปทางหมอเหมือนจะถามว่าตัวเองกำลังทำตัวเสียมารยาทอยู่หรือเปล่า “พี่ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้มั้ยคะ เอ่อ..แต่ถ้าคุณฟรานยังคุยธุระกับคุณหมออยู่ พี่ก็ไม่รบกวนหรอกค่ะ”

    “ฟรานคุยธุระกับคุณหมอเสร็จแล้วค่ะ”

    วันวิวาห์ยิ้มหวานให้พยาบาลสาว ขณะที่หมอหนุ่มนั้นเอ่ยขอตัว

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ”

    ธยุตบอกแค่นั้น พลางหมุนตัวเดินไปอีกทางเพราะเขาไม่มีธุระอะไรที่จำเป็นจะต้องอยู่ต่อ อีกอย่างการที่พยาบาลคนนั้นขอถ่ายรูปกับหญิงสาวคนที่เข้ามาถามทาง...ธยุตก็ไม่รู้จักเธอเลย และไม่ได้สนใจด้วย แม้จะพอรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนดังก็ตามที

    ทว่าชายหนุ่มเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวดี โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นสายของ เภารัมภาโทรเข้ามาหา

    “ว่าไงเภา” หมอหนุ่มรีบกดรับทันที

    เภารัมภากับเขารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว พอๆ กับที่เขารู้จักเรณุกา เภารัมภาเป็นเพื่อนสาวของอดีตคนรัก และทั้งคู่สนิทสนมกันโดยมีเรณุกาเป็นตัวเชื่อม กระทั่งเวลานี้...เรณุกาจากไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ในแบบมิตรภาพก็ยังคงดำเนินต่อไปไม่รู้จบ

    ปัจจุบันเภารัมภาแต่งงานกับ ดรัณ นักธุรกิจหนุ่มมาดมาเฟีย และมีลูกฝาแฝดชายหญิงด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวเล็กนั้นอยู่ในวัยกำลังซน

    [พี่ครามหันหน้ามาทางประชาสัมพันธ์สิคะ] เสียงปลายสายบอกอย่างสดใส ทว่าพอธยุตหันไปตามคำบอกนั้น เขาก็เห็นเภารัมภายืนโบกมือให้อยู่พร้อมกับเด็กๆ ที่ยืนขนาบข้าง

    หมอหนุ่มรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มทันที เมื่อก่อนเขาไปเยี่ยมหลานๆ บ่อยมาก หรือบางทีก็เจอกันที่โรงพยาบาล ทว่าในระยะหลังมานี้ ธยุตแทบไม่มีเวลาไปหาเภารัมภาเลย

    พอเห็นเด็กๆ มาหาถึงที่แบบนี้แล้วหมอหนุ่มก็เลยรู้สึกดี เหมือนโลกสดใสขึ้นมาหลายเท่าตัว

    “มาหาก็ไม่บอก”

    แต่ในระหว่างที่ธยุตกับเภารัมภาพูดคุยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข มิหนำซ้ำธยุตยังย่อตัวลงนั่งเล่นกับเด็กๆ ทั้งสองคนด้วยความสนิทสนม ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยมองเขาอยู่ตลอด

    มีเมียอยู่แล้วนี่เอง

    วันวิวาห์คิดในใจ เธอมองภาพนั้นหลังจากที่ขอตัวพยาบาลสาวและแฟนคลับอีกหลายคน เดินเข้าไปหาพิสุทธิ์ซึ่งยืนรอเธออยู่

    ภาพครอบครัวของหมอหนุ่มกับภรรยาสาวก็ดูน่ารักน่ามองดีอยู่หรอก แต่ดาราสาวก็คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมีครอบครัวแล้ว เธอเห็นนัยน์ตาเศร้าสร้อยหมอหนุ่มเหมือนมีเรื่องให้คิดมาก เลยเผลอทำให้วันวิวาห์คิดว่า อีกฝ่ายยังโสดสนิท

    แต่เพราะความอิจฉาหรืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนดังและไม่ควรสนใจเรื่องของคนอื่นมากจนเกินไป แต่วันวิวาห์กลับเผลอลอบเบะปากให้กับภาพที่มองด้วยความหมั่นไส้พิกล

    “เป็นอะไรรึเปล่าลูก อยู่ๆ ก็เงียบไปเลย แถมยังทำสีหน้าไม่ค่อยดีอีก” พิสุทธิ์สังเกตอาการลูกสาวมาสักพักหนึ่งแล้ว จนกระทั่งอยู่ลิฟต์ด้วยกันตามลำพัง ท่านเลยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เบื่อหรือว่าเหนื่อยที่มีคนมาขอถ่ายรูปด้วยเมื่อกี้รึไงกัน”

    “ก็นิดนึงค่ะ” วันวิวาห์แสร้งบอกยิ้มๆ เหมือนไม่อยากให้ท่านต้องคิดมากและเป็นกังวลเรื่องของเธอ “ฟรานคิดว่าเรามาเยี่ยมคนไข้แท้ๆ ก็ควรได้ความเป็นส่วนตัวสักนิดนึง ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปในสถานที่แบบนี้ ฟรานไม่ได้มาถ่ายละครเสียหน่อย”

    “อย่าว่าพวกเขาเลยนะ ฟรานต้องเข้าใจด้วยว่าอาชีพที่ต้องดูแลคนอื่นจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างหมอ พยาบาล บางทีพวกเขาก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปเจอใครมากมาย ทางคนไข้เองก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเจ็บหรือญาติคนป่วย แค่เขาได้เจอคนที่ตัวเองชื่นชอบในเวลาที่กำลังทุกข์ใจ บางที...ฟรานอาจเป็นความสุขหนึ่งเดียวของเขาในวันนี้เลยก็ได้นะ”

    “พ่อนี่พูดซะฟรานก็ไม่กล้าทำตัวเรื่องมากใส่คนอื่นเลย” หญิงสาวพูดติดตลก “แต่ฟรานก็ไม่เคยทำตัวหยิ่งใส่แฟนคลับเลยนะคะ ฟรานรู้ค่ะว่าพวกเขาคือคนที่สนับสนุนฟราน ถ้าไม่มีพวกเขา...ฟรานก็คงไม่มีชื่อเสียงเหมือนทุกวันนี้หรอก”

    วันวิวาห์เป็นดาราดังก็จริง แต่เธออยากขายผลงานและชื่อเสียงที่ดีมากกว่าสร้างชื่อเสียงเสียๆ หายๆ ให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เธอไปในด้านลบ

     

    ส่วนทางธยุตพอทักทายหญิงสาวกับเด็กๆ แล้วเห็นว่าไม่มีคนอื่นมากับเภารัมภาด้วย ชายหนุ่มก็อดถามไม่ได้

    “นี่มากันแค่สามคนแม่ลูกเหรอ?”

    ปกติแล้วถ้าเภารัมภาพาเด็กๆ มาฉีดวัคซีนหรือมาหาหมอเพราะป่วยก็จะมี ดาริณซึ่งเป็นคุณย่าของหลานๆ หรือไม่ดรัณผู้เป็นสามีก็จะติดตามมาด้วยตลอด แต่วันนี้เขากลับไม่เห็นใครเลย

    “ค่ะ แค่พามาฉีดวัคซีนเอง เภาเอาเด็กๆ อยู่หรอก” หญิงสาวบอก “อีกอย่างช่วงนี้คุณแม่(ดาริณ)ก็ปวดขา ส่วนพี่แดนก็ติดประชุม เภาเลยพามาเองดีกว่า”

    “จุนอาหมอ~” เด็กชาย ดารัชหรือ หนูพอล จิ้มไปที่คุณอาหมอ ขณะที่อีกมือกอดตุ๊กปลาวาฬเอาไว้แน่น

    “หนูพอลมาฉีดยาเจ็บมั้ยครับ?”

    “เจ็บฮะ แต่พอลไม่ร้องไห้เลยนะ” เด็กชายอวด “พอลเข้มแข็งเหมือนคุณพ่อเลย”

    “แต่หนูพุกร้องไห้เสียงดังเลยนะ ดังมากๆ” เด็กหญิง ดารัณ หรือ หนูพุก รีบอวดคุณอาหมอบ้าง ในมือถือตุ๊กตาหมาไม่ต่างจากพี่ชาย

    “ยังมีหน้าไปอวดอาหมออีกนะ” เภารัมภามองลูกสาวด้วยความหมั่นไส้ระคนเอ็นดู แต่ไม่ทันไรหนูพุกก็ได้ทีออดอ้อนอาหมอ ด้วยรู้ว่าธยุตเอ็นดูและต้องตามใจตนเองเป็นแน่

    “คุณอาหมอขา น้องพุกอยากกินไอติม”

    “ได้สิ คุณอาเลิกงานพอดีเลย” ธยุตรีบรับปากหลานๆ ก่อนจะเหล่มองเภารัมภา “แต่ไม่รู้ว่าแม่เราจะให้กินหรือเปล่านะ”

    พอเภารัมภาไม่ตอบ ลุกๆ ก็พากันดึงแขนอ้อนวอนกันใหญ่

    “หม่ามี้~”

    “หม่ามี้พอลอยากกินด้วย”

    “หม่ามี้เห็นแก่อาหมอหรอกนะ ถึงยอมน่ะ”

    พอเภารัมภาอนุญาตลูกๆ แล้ว ธยุตก็บอกให้หญิงสาวพาเด็กๆ ไปรอที่คาเฟ่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลก่อน คาเฟ่ตรงข้ามโรงพยาบาลเป็นร้านเพิ่งมาเปิดใหม่ มีทั้งเครื่องดื่ม ของหวาน ของคาวพร้อมสรรพ ส่วนธยุตนั้นขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาอุปกรณ์ไปเก็บก่อนแล้วจะตามไป



    ...Loading 100 %...

    หมอเจอนางเอกของเราแล้ว
    แต่หมอครามไม่สนทางโลกจ้ะ ก็เลยไม่รู้จักนางเอกคนดัง
    เมินใส่น้องซะงั้น ไม่สนใจในความสวยออร่าด้วย
    เพราะยังลืมหนูรันไม่ได้ คู่นี้มาแนวเส้นทางรักสายทรหดค่ะ
    ต้องฝ่าฟันก่อน ทุกอย่างถึงจะกลายเป็นฟ้าหลังฝน 

    แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
    แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×