ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AAK

    ลำดับตอนที่ #38 : Christoforo Columbus

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      0
      11 ก.ค. 51

    บุรุษคนที่ชาวอิตาเลียนรู้จักในนามว่า Christoforo Columbus และชาวสเปนรู้จักในนาม Christobal Colon คือ Christopher Columbus ที่โลกรู้จักในปัจจุบัน และถึงเวลาจะผ่านไปนานกว่า 5 ศตวรรษแล้วก็ตาม แต่ความลึกลับของชีวิตหลายด้านของนักผจญภัยผู้นี้ก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่โลกยังไม่มีคำตอบ
           
           ทั้งๆ ที่บรรดานักประวัติศาสตร์ได้มีโอกาสศึกษาจากเอกสาร เช่น สมุดบันทึกที่หนาร่วม 2,500 หน้า จดหมายที่เขียนถึงเพื่อน 80 ฉบับ ตารางเดินเรือ และมรดก เพราะหลักฐานเหล่านี้ได้แพร่กระจัดกระจายไปทั้งในสเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และอเมริกา จนทำให้โลกไม่รู้ชัดว่าเอกสารใดแท้จริง หรือแท้ปลอม
           
           ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า Christoforo Colombo เกิดที่เมือง Genoa ในอิตาลี ที่บ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้ประตูเมือง Genoa ชื่อ Porta Soprano ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึงปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 1994 (รัชสมัยพระบรมไตรโลกนาถ) บิดาชื่อ Domengo Colombo มีอาชีพทอขนแกะ ขายเหล้า ทำเนยแข็ง และธุรกิจโรงแรม ส่วนมารดาชื่อ Susanna Fontanarossa ครอบครัวนี้มีทายาท 6 คน โดยมี Christoforo เป็นบุตรคนโตที่มีน้องชาย 4 คน และน้องสาว 1 คน
           
           ชีวิตในวัยเด็กของ Columbus ค่อนข้างลำบาก เพราะต้องทำงานช่วยบิดาขายเหล้า และทอขนแกะขาย ทำให้ไม่มีเวลาไปโรงเรียน แต่ก็ได้เริ่มเรียนหนังสือเมื่ออายุ 9 ขวบ โดยเรียนภาษาละติน เพราะชาวเมือง Genoa ใช้ภาษาละตินมาก และเพื่อจะได้อ่านตำราภูมิศาสตร์ ที่เขียนเป็นภาษาละติน นอกจากนี้ Columbus ก็ได้เรียนภาษาสเปน และโปรตุเกสด้วย
           
           เมือง Genoa เมื่อ 500 ปีก่อน เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามาก การไม่มีกษัตริย์ผู้ครองนครทำให้ชาวเมืองต้องเลือกคนที่มีบารมีสูงมาปกครอง และโดยทั่วไปชาว Genoa เป็นคนหัวแข็ง และมีนิสัยมุทะลุ ดังนั้น ครอบครัวและเพื่อนบ้านที่ศรศิลป์ไม่กินกัน จึงเป็นศัตรูกันมากมาย ถึงแม้มีข้อเสียเช่นนี้แต่ชาวเมืองก็เป็นคนทำงานหนัก และรู้จักกระเหม็ดกระแหม่อีกทั้งชอบค้าขายกับชาวเมืองอื่น เช่น นำข้าว สาลี เกลือ ทองคำ เหล้าองุ่น และขนแกะมาขาย นอกจากนี้ก็สนใจซื้อสินค้าจากโลกตะวันออก เช่น น้ำตาล เครื่องเทศ ดังนั้น เมื่ออาณาจักรอิสลามเรืองอำนาจกองทัพอาหรับได้ปิดเส้นทางที่ชาวยุโรปใช้ในการเดินทางไปตะวันออก พ่อค้าชาว Genoa จึงต้องแสวงหาเส้นทางมาโลกตะวันออกโดยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเดินเรือข้ามมหาสมุทร Atlantic แทน
           
           Columbus เริ่มเดินทางเรือเป็นครั้งแรกในทะเล Mediteranean การศึกษาจดหมายที่ Columbus เขียนติดต่อกับเพื่อนๆ ทำให้เรารู้ว่า Columbus รู้จัก Marseilles, Aragon, Sicily, Sardinia, Corsica และเคยเดินทางถึง Chios ใน Asia Minor เมื่อปี 2018 ด้วย การมีประสบการณ์เดินเรือมากเช่นนี้ ทำให้ Columbus เป็นนักเดินเรือผู้มีความสามารถสูงคนหนึ่ง
           
           ในปี 2019 Columbus ได้เดินทางไปกับขบวนเรือของตระกูล Spinola และ Di Negro มุ่งสู่อังกฤษ โดยแล่นเรือจาก Genoa ผ่านช่องแคบ Gibraltar ออกมหาสมุทร Atlantic แต่ขณะเดินทางถึงแหลม St. Vincent ขบวนเรือถูกโจรสลัดฝรั่งเศสโจมตี ทำให้เรืออับปาง และลูกเรือหลายคนจมน้ำตาย แต่ Columbus โชคดีที่เกาะไม้กระดานลอยหนีขึ้นฝั่งที่เมือง Lagos ในโปรตุเกสได้ จากนั้นก็ได้เดินทางไป Lisbon เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
           
           ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า ผู้คนในสมัยนั้นเชื่อว่า มหาสมุทร Atlantic เป็นทะเลอันตรายเพราะเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับที่มืดมน มีคลื่น พายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงตลอดเวลา อีกทั้งมีอสุรกายซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำด้วย ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าเดินทางผ่าน ด้วยเหตุนี้ กะลาสียุโรปจึงใช้วิธีแล่นเรือเลียบฝั่งทวีปในการเดินทางทุกครั้งไป
           
           ไม่เพียงแต่ชาวยุโรปเท่านั้นที่ยำเกรงมหาสมุทร Atlantic ชาวอาหรับเองก็หวาดกลัวไม่น้อยเช่นกัน จนถึงกับเรียกมหาสมุทร Atlantic ว่า กาฬสมุทร (Sea of Darkness) ดังจะเห็นได้จากแผนที่ของชาวอาหรับที่วาดในปี พ.ศ. 1910 ซึ่งแสดงภาพยักษ์ยกมือห้ามมนุษย์ทุกคนที่จะแล่นเรือไปทางทิศตะวันตกอย่างเด็ดขาด
           
           ถึงแม้จะหวาดกลัวเพียงใด แต่เจ้าชาย Henry แห่งโปรตุเกสก็ทรงสนับสนุนการเดินเรือในทะเล และมหาสมุทรแอตแลนติก โดยทรงจัดสัมมนาเรื่องการทำแผนที่เดินทางสำรวจเกาะต่างๆ ในมหาสมุทร Atlantic เพื่อค้นหาเส้นทางเดินเรือไปทวีปเอเชียให้จงได้ ผลปรากฏว่าในปี 1963 ได้มีนักเดินเรือชาวโปรตุเกสเดินทางถึงเกาะ Madeiras และอีก 12 ปีต่อมา หมู่เกาะ Azores ก็ได้รับการสำรวจ และเมื่อถึงปี 2013 นักเดินเรือชาวโปรตุเกสก็ประสบความสำเร็จในการเดินทางถึงเส้นศูนย์สูตรเป็นครั้งแรก
           
           ในปี 2022 Columbus ได้เข้าพิธีสมรสกับ Felipa Moniz Perestrello ผู้มีฐานะดี และมีฐานันดรศักดิ์สูง ผลที่ได้จากการแต่งงานนี้ คือทำให้ Columbus ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากษัตริย์โปรตุเกสบ่อยครั้ง และกษัตริย์ได้ทรงนำจดหมายที่ Paolo dal Pozzo Toscanelli เขียนถึงพระองค์ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2017 มาให้ Columbus อ่าน จดหมายมีใจความสำคัญว่า Marco Polo ได้เดินทางถึงเมืองจีน โดยใช้เส้นทางตะวันออกและได้ตั้งความหวังว่า นักผจญภัยคนอื่นๆ ก็คงสามารถเดินทางด้วยเรือถึงอินเดีย โดยใช้เส้นทางตะวันออกได้ จดหมายยังกล่าวถึงการได้พบ Antilia ซึ่งเป็นประเทศลึกลับกับเกาะ Cipango (ญี่ปุ่น) ด้วย ว่าเป็นแผ่นดินที่มีเครื่องเทศและอัญมณีอุดมสมบูรณ์ และในส่วนที่เกี่ยวกับเมืองจีน จดหมายได้กล่าวถึงเจ้าชายจีนกับจักรพรรดิที่ได้ส่งอุปทูตจีนมาเข้าเฝ้าสันตะปาปา เพื่อหาครูและนักบวชไปสอนศาสนาคริสต์ให้คนจีนด้วย
           
           นอกจากจะมีข่าวที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้แล้ว จดหมายยังได้แสดงแผนที่การเดินทางอย่างละเอียดของ Marco Polo ด้วย การอ่านจดหมายทำให้ Columbus รู้สึกตื่นเต้นกับข่าวการผจญภัยนี้มาก จึงเริ่มเก็บหลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดินแดนไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร Atlantic และออกแสวงหากะลาสีกับชาวเกาะที่มีความรู้เกี่ยวกับมหาสมุทร Atlantic เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ตัว Columbus เองมีความเชื่อมั่นมากว่า ณ ที่ไกลจากแหลม St. Vincent ออกไปทางตะวันตก จะต้องมีแผ่นดินที่มีคนอาศัยอยู่แน่นอน เพราะมีคนพบไม้และขอนไม้ที่มีรอยแกะสลักประหลาดลอยมาติดฝั่งที่ St. Vincent และ Porto Santo อยู่เนืองๆ ด้วยเหตุนี้ Columbus กับน้องชายที่ชื่อ Bartholomew จึงเริ่มอาชีพทำแผนที่ขาย เพราะต้องการจะรู้ข้อมูลของ Atlantic ให้มากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ได้สะสมประสบการณ์เดินเรือใน Atlantic ด้วย โดยได้เดินทางไป Porto Santo อังกฤษ และอ่าว Galway ในไอร์แลนด์ และขณะอยู่ที่ไอร์แลนด์นั่นเอง Columbus ได้เห็นศพคนรูปร่างประหลาดลอยมาติดฝั่ง

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000020401
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×